เรารู้ว่าดาวเคราะห์แต่ละดวงนั้นอยู่ห่างไกลกันมากเกินกว่าช่วงชีวิตของมนุษย์จะเดินเท้าไปถึงดาวเคราะห์อีกดวงได้
ดาวเคราะห์นั้นอยู่ในอวกาศ และไม่ใช่ศูนย์กลางของเอกภพ มันเป็นเพียงเศษธุลีของวัตถุ เราจะเรียกมันว่าอย่างนั้นก็ได้ และมันจะโคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลาง
ดาวฤกษ์จะเปล่งแสงและส่องสว่าง มีดาวเคราะห์โคจรโดยรอบตัวมัน หรือไม่มันก็โคจรรอบดาวฤกษ์ด้วยกันเอง และอยู่เป็นกระจุก ซึ่งเราเรียกว่าระบบดาว
กาแล็คซี่เป็นกลุ่มของระบบดาว มีดาวฤกษ์นับล้าน ๆ กับสสารระหว่างดาวอันประกอบด้วยก๊าซ ฝุ่น และสสารมืด
และในอวกาศยังมีกาแล็คซี่อีกมากมายนอกเหนือจาก Rexus เท่าที่เราสำรวจอย่างละเอียดก็มีมากกว่า 788 กาแลคซี่ จากทั้งหมดที่มีมากกว่าแสนล้านกาแลคซี่
ปัจจุบันยังคงมีการก่อเกิดดาวฤกษ์ใหม่ในดาราจักรขนาดเล็กที่ก๊าซเย็นยังไม่สลายไปจนหมด
ดาราจักรชนิดก้นหอยสามารถสร้างดาวฤกษ์ใหม่นานตราบเท่าที่มันยังมีเมฆโมเลกุลหนาแน่นของไฮโดรเจนระหว่างดาวอยู่ภายในแขนก้นหอย
แต่ดาราจักรรีไม่มีก๊าซเหล่านั้นจึงไม่สามารถสร้างดาวฤกษ์ใหม่ ๆ ได้อีก เพราะแหล่งกำเนิดสสารที่จำเป็นต่อการกำเนิดดาวฤกษ์นั้นมีจำกัด
เมื่อดาวฤกษ์ได้แปลงไฮโดรเจนเหล่านั้นไปเป็นธาตุหนักแล้ว การกำเนิดดาวใหม่ก็เป็นอันสิ้นสุด"..........." ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำนั่งอยู่ในคลาสเรียน และเขาเริ่มที่จะฟังอาจารย์ผู้สอนไม่ทัน เขาไม่ได้คิดว่าเขาควรจะถามอะไร เพราะเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาควรจะสงสัยเรื่องใดด้วยซ้ำ
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของคลาสเรียนมีใครบางคนถูกอาจารย์ยิงคำถาม และมันก็ทำให้เขาชำเลืองมองว่าใครกันที่โชคร้าย แต่ดูเธอจะไม่ได้หัวทึบเหมือนกับเขา คงจะบอกว่าเธอโชคร้ายไม่ได้
เธอตอบคำถามของอาจารย์ได้ ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าอาจารย์ถามอะไร แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าเธอนี่เจ๋งเป็นบ้า
"ฉันเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยหยุดการสู้รบกันเองโดยเปล่าประโยชน์ และเป็นตัวสมานฉันท์ให้กับพวกเราเผ่า Rex ด้วยกันเอง"
"เพื่อพัฒนาวิทยาการให้ก้าวไกลมากขึ้น และช่วยเพิ่มอาณานิคมบวกกับทรัพยากรของเผ่าเราให้มีขีดจำกัดมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสที่เจอกับเผ่าอื่นที่มีความก้าวหน้ามากกว่าพวกเรา"
"และจุดนั้นจะทำให้เผ่าของเราเข้าใกล้คำว่าพัฒนามากขึ้นไปอีกขั้น ..."
สถานการณ์ในเวลานี้ไม่สามารถฟื้นฟูอะไรได้ กลับจะเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ และการสำรวจกาแล็คซี่อื่นยังไม่เกิดขึ้นอย่างจริงจังเมื่อทรัพยากรแทบทั้งหมดถูกนำไปใช้ในสงคราม
มันเป็นเพียงแค่แนวคิดของคนโบราณที่หวังจะเดินทางไปสำรวจสถานที่ ๆ ไม่รู้จัก ซึ่งสวนทางกับสงครามกาแล็คซี่ ขั้วอำนาจในกาแล็คซี่นี้ต้องการสร้างเอกภาพโดยมีระบบดาวของตนเป็นศูนย์กลาง
ไม่มีทางใดที่จะหยุดการสร้างกำลังรบได้ พวกเขาจะต่อสู้ และฆ่าฟันกันจนกว่ากาแล็คซี่นี้จะแตกดับ แต่บางที หากมีบางอย่างหันเหความสนใจของพวกเขา
ความคิดของเธอดูจะตรงใจอาจารย์ผู้สอนที่เป็นหนึ่งในผู้มีแนวคิดเช่นนี้
"โป้ยย...ย" เด็กหญิงอีกคนส่งเสียงประหลาด ก่อนจะละสายตาไปยังหน้าต่างฝั่งซ้าย
เธอมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย ในทิศทางนั้นไกลออกไปราวสิบกิโลเมตรเป็นตัวเมืองของเขตนี้
และด้านหนึ่งของเมืองใหญ่ยังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายหมู่บ้าน ตั้งอยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองราว 6 กิโลเมตรตามป้ายบอกทาง
หญิงสาวเพนจรนางหนึ่งเดินทางผ่านมาอย่างไร้จุดหมาย เธอเดินผ่านเพิงที่มีครูชนบทมาเปิดสอน แต่เธอไม่คิดจะสนใจมันหรอก มันเป็นเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้วจากการดูโทรทัศน์ตามริมถนน
บ้านก็ไม่มี ครอบครัว เพื่อน ไม่มีสักอย่าง เธอกำเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดไปยังร้านริมทาง ต่อคิวรอซื้อขนมปังจากชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มาก่อน เขาชำเลืองมองมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ชายหนุ่มได้ขนมปังมาแล้วก็เดินไปยังทิศทางที่หญิงสาวเดินมา ผ่านเพิงที่มีครูชนบทมาเปิดสอน แต่เขาก็ไม่เข้าใจ และไม่คิดจะสนใจมัน
เขาไม่ได้เกลียดการเรียนหรอกนะ แต่เขามีบางอย่างที่เขาต้องทำมากกว่าจะมานั่งฟังครูให้ความรู้ในสิ่งที่เขาอาจจะไม่ต้องการ
งานประจำก็ไม่มี ครอบครัว เพื่อน ไม่มีสักอย่าง เขามีอยู่แค่อย่างเดียวในเวลานี้คือน้องสาวของเขาที่รออยู่ที่บ้าน เขากำลังจะกลับไปพร้อมขนมปังกรอบ อาหารมื้อเย็นของวันนี้
แต่จู่ ๆ ก็มีคนเดินมาชนเขาจนหงายหลังล้มลงไป ขนมปังหลุดจากมือตกบนผืนทรายขาวซีด
"เฮ้ย!" เขาอุทานด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองและหันไปมองหน้าคนที่ทะเล่อทะล่ามาชนด้วยสีหน้าไม่ดี ในใจหวังว่าอีกฝ่ายจะขอโทษตน
ก่อนจะก้มเก็บขนมปังขึ้นมาปัดฝุ่นออก ดีที่เป็นของแห้ง แค่ปัด ๆ ออกก็กินได้แล้ว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกตามตัว
อีกฝ่ายเป็นชนเผ่า Ears รูปร่างใหญ่เหมือนหมี เชื่อเถอะว่ามันตบทีเดียวเขาอาจจะตายคาที่ไปเลย แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้หาเรื่อง เจ้าหมีนั่นจึงหันมาก้มหัวขอโทษ
ไม่ไกลออกไปมากนัก
หุ่น AGN-04 หรือชื่อเล่น Quasar กำลังนั่งฟังอาจารย์ผู้สอนอย่างไม่วางตา เธอนิ่งเงียบ แต่ไม่ได้เบื่อ เธอแค่ไม่เข้าใจมันเลยสักนิดเดียว
ที่นี่เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง บนดาวที่วางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าร่วมสงคราม มีการวางนโยบายการเรียนการสอนในเชิงอนุรักษ์เพื่อสร้างประชากรที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนยุคใหม่
กระทั่งวูบหนึ่ง เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และค่อย ๆ ทวีความรุนแรงคล้ายกับตึกเรียนถูกเขย่า
หน่วยประมวลผลของ Quasar วิเคราะห์สถานการณ์ว่าแค่มุดลงใต้โต๊ะหรือนั่งกุมศีรษะก็เพียงพอ แต่ไม่ใช่ในกรณีอยู่บนชั้นสอง การวิ่งลงไปชั้นหนึ่งไม่มีทางทันเวลา การร้องเตือนคนอื่นไม่ได้ทำให้ปลอดภัยขึ้น
เธอหันไปคว้าเก้าอี้ตัวหนึ่งขึ้นมาฟาดกับกระจกหน้าต่าง พร้อมอาศัยแรงเหวี่ยงกระโจนออกไปทันที ความสูงระดับนี้สร้างความเสียหายไม่หนักหนามากหากเธอไม่อุตริใช้ศีรษะรับน้ำหนักต่างขา
ความสูงในระดับ 3-4 เมตรไม่ใช่ปัญหาหากคุณเป็นนักกายกรรม หรือไม่ก็เป็นนักกีฬาที่ออกกำลังอย่างหนักเป็นประจำ แต่ในเวลาที่ฉุกละหุกแบบนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหุ่นที่ระบบข้อเท้าและข้อต่อหลายส่วนมีปัญหา
AGN-04 เท้าไปเกี่ยวขอบหน้าต่างเอาหัวลงพื้น เธอหันไปยังอาคารเรียนก็พบว่าชั้นสามพังลงมาทับชั้นสอง แต่ชั้นสองไม่ได้พังลงมาด้วย
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบฝุ่นที่ฟุ้งตลบราวกับคลื่นยักษ์บนผืนดินแห้งผากสูงกว่าสิบเมตรอันเกิดจากแรงระเบิดของขีปนาวุธชนิดหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งมันได้ทำลายบริเวณนั้นราบเรียบในพริบตาไปแล้ว
AGN-04 ยกแขนขึ้น ใช้มือป้องชิ้นส่วนบอบบางอย่างดวงตา จมูก และปาก พร้อมทั้งวิ่งและโจนไปยังท่อระบายน้ำ กลิ้งตกลงไปในสภาพที่ฝุ่นทรายเทตามลงมาทับร่างของเธอเบื้องล่างเป็นระลอก
"อ๊าาา ขาผม อึ่ก" เด็กชายเกือบตายเพราะบันไดพังถล่มขณะที่เขาพยายามจะวิ่งหนีลงบันไดรอดชีวิตมาได้ในสภาพที่กระดูกเท้าถูกทับแตกละเอียด
เขาคิดว่าเขาโชคดีที่ไม่กระโดดออกไปจากอาคารในระหว่างที่ลากสังขารกลับมาพิงผนังใต้หน้าต่าง ปล่อยให้ฝุ่นที่ฟุ้งตลบและเศษซากที่ถูกหอบมาปลิวผ่านหัวไปท่วมบริเวณชั้น 1 เกือบทั้งหมด
"..." แม้จะหลบหลังต้นไม้และอยู่ห่างจากรัศมีออกมาพอสมควร แต่แรงลมก็ดึงเอาเธอหลุดออกไป และกลิ้งไถลไปกับพื้นทรายอีกกว่ายี่สิบเมตร จนเธอถลอกปอกเปิก
เธอเห็นชายคนที่ซื้อขนมปังคนนั้นวิ่งตาลีตาเหลือกผ่านไป เขามุ่งหน้าไปที่เมืองซึ่งเป็นจุดที่เกิดการระเบิด ในขณะที่หญิงสาวแทบจะถูกทับโดยหุ่นรบที่ตกลงมาและครูดไถลมากับพื้น