Previously, in the Saint of Zodiacs...แคว้น Alafia นั้นอยู่ติดกับพื้นที่สามเหลี่ยมริมปากแม่น้ำ ทางตะวันตกและทางใต้มีสายน้ำคั่นกลางกับดินแดนอื่น ๆ
ขณะที่ทางตะวันออกและทางเหนือก็ติดกับแคว้น Rooc และแคว้น Rio ที่ไร้ผู้ปกครอง ดังนั้น Alafia จึงนับว่ามีชัยภูมิยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาแคว้นทั้งหมด
เพราะไม่มีดินแดนข้างเคียงมาคอยกวนใจ Rishada จึงสามารถทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะขยายอำนาจไปยังแคว้นใกล้ ๆ การมุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ไปจนถึงการพัฒนากองทัพอย่างเงียบเชียบ
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ครองแคว้นคนอื่น ๆ เริ่มหันมามองเธอ ซ้ำร้ายเธอยังเป็นมิตรกับทาง Abel และ Bentique ทุกคนจึงเริ่มหวาดเกรงว่าเธออาจจะฉวยโอกาสนี้ขึ้นสู่อำนาจ
แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นเช่นนั้น อดีตองครักษ์สังฆราชยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบและเรื่อยเปื่อย เธอเป็นคนที่มักซ่อนทุกอย่างไว้ใต้รอยยิ้ม ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าทำไม
นาน ๆ ครั้งก็จะมีข่าวลือมาว่าเธอกำลังซ่องสุมกำลังเพื่อเตรียมยึดอำนาจ บางคนบอกว่าเธอเกี่ยวพันกับตลาดมืด กับอาณาจักรทะเลทราย หรือแม้แต่ทาง Lumesia
นักเดินทางที่มาเยือน Alafia กลับต้องประหลาดใจปนผิดหวัง เพราะที่นี่ไม่มีอะไร นอกจากทุ่งเห็ดหลากสายพันธุ์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
ทุ่งเห็ดนั้นคู่ขนานไปกับทุ่งดอกคาเมเลีย ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ครองแคว้นอย่าง Rishada คิดถึงผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่าง Camille
บางทีนั่นอาจจะทำให้เธอไม่ออกนอกลู่นอกทาง ในขณะเดียวกัน การสงวนท่าทีของเธอก็ทำให้หลายฝ่ายมีปฏิกิริยาต่างกันไป
ดังเช่นวันนี้ ที่สวนดอกไม้ใกล้กับหลุมศพของ Camille ที่มีการเจรจาขอเป็นพันธมิตรระหว่าง Benir ใหม่ภายใต้การนำของ Tania กับแคว้น Alafia

"ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าการแต่งตั้งคณะรัฐสภาจะเป็นทางออกที่ดี" Rishada เอ่ยปากถาม หลังจากการเจรจาขอเป็นพันธมิตรเสร็จสิ้น
แต่ Tania ได้ขอความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบการปกครองของ Benir ใหม่ ที่ Eugeo เสนอให้มีการคัดเลือกขุนนางขึ้นมาเป็นตัวแทนของประชาชน
ภายใต้ชื่อ "รัฐสภา" การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดการพัฒนารุดหน้าได้มากกว่ามีผู้ปกครองเพียงคนเดียว การกระจายอำนาจยังจะทำให้ความเจริญไม่กระจุกอยู่เพียงแค่ที่เมืองหลวง
แต่ในอนาคตเมืองลูกต่าง ๆ ไปจนถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ รอบนอกยังสามารถเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญได้ และมติก็ออกมาเป็นเอกฉันท์แล้วว่าเห็นด้วย แต่ Tania ก็ยังไม่แน่ใจ
ดังนั้นเธอจึงเลือกมาถามบุคคลที่มองจากภายนอกอย่าง Rishada มากกว่าจะสอบถามเหล่าข้าราชบริพานต่าง ๆ ในราชวัง

"ผู้ปกครองสูงสุดเช่นราชินีอย่างข้าก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้คนได้ยึดเหนี่ยวต่อไป" Tania ที่สง่างามขึ้นมาก
เพราะเปลี่ยนรูป กล่าวสรุป

"นั่น
อาจจะเป็นแนวคิดที่ดีในระยะสั้นค่ะ แต่ในระยะยาวก็ไม่มีเครื่องรับประกันว่าคณะรัฐสภารุ่นต่อ ๆ ไปจะทำให้อาณาจักรพัฒนาหรือเสื่อมถอยลง
นอกจากนั้น การใช้ระบบรัฐสภาก็อาจจะทำให้เกิดการแบ่งขั้วอำนาจขึ้นเป็นหลายฝ่าย เกิดการขัดแย้งและการนองเลือดขึ้นได้ในที่สุด"
.
.
.
เกือบ 4 ปีผ่านไป การคาดการณ์ของ Rishada นั้นอาจจะเกิดขึ้น ถ้า Benir ไม่มี Lord Falco คอยดูแลอยู่
ภายใต้นโยบายอันชาญฉลาดของเขา ทำให้ Benir ใหม่นี้รุ่งโรจน์ยิ่งกว่านั้นไหน ๆ แม้จะมีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก
ในขณะที่ทางด้าน Alafia เองก็เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ จากกิจการท่าเรือขนาดใหญ่ที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ
ตัวแคว้นได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ ผังเมืองได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีความซับซ้อนน้อยลง ระบบสาธารณูปโภคและการศึกษาเข้าถึงทุกครัวเรือน ผู้คนมาที่นี่มากขึ้น
นอกจากนั้น Rishada ยังได้เปิดให้ประชาชนและผู้คนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมหลุมศพของอดีตผู้นำสมาพันธ์ Lucratia อย่าง Camille ที่ถูกลอบสังหาร
สวนดอกคาเมเลียขนาดใหญ่ที่สุดนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาในความเสียสละของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ทำทุกอย่างเพียงเพื่อแผ่นดินที่กล่าวขอบคุณเธอไม่ได้
บันทึกประวัติศาสตร์หลายเล่มถูกเขียนขึ้น เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความเสียสละ ความโหดร้าย และเรื่องราวของผู้คนในยุคสงครามที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ศาสนา Cross นิกายดั้งเดิมก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่ภายใต้การนำของอดีตมหาสังฆราชอย่าง Lalune และอัศวินนักบวชอย่าง Bennet
ก็ทำให้กลับมาเป็นปึกแผ่นมั่นคงอีกครั้ง วิหารแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางแก่เหล่าผู้ศรัทธา ในทุก ๆ ปีผู้แสวงบุญจะเดินทางมาที่นี่ไม่ขาดสาย
สิ่งเดียวที่แคว้น Alafia ดูจะเทียบแคว้นอื่น ๆ ไม่ได้นั้น คือขีดความสามารถทางด้านการทหาร ที่แม้ Weiss และ Loux จะพยายามสุดความสามารถ
แต่ทั้งคู่ก็ทำได้ไม่ดีมากไปกว่าการฝึกทหารใหม่ และการออกปราบปรามโจรร้ายเป็นครั้งคราว พูดได้ว่ากองทัพของ Alafia นั้นไม่ได้ดีเลิศ ออกจะอ่อนแอกว่าแคว้นอื่น ๆ ด้วยซ้ำไป
ที่นี่ไม่มีแม้แต่หน่วยมังกรรบ แต่ก็ไม่มีใครจะกล้าต่อกรกับผู้นำอย่าง Rishada ที่ใช้ทหารชาวนาเพียง 1500 นายตรึงทัพนับหมื่นไว้ได้ในครั้งอดีต
Rishada นั่งยิ้มและมองไปยังหลุมศพที่มีนักเดินทางในชุดคลุมสีดำตรงเข้าไปทำการเคารพหลุมศพนั้น เธอไม่ได้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอย่างนี้มานานแล้ว
ข้างกายเธอมีเหล่าผู้นำ เหล่านักรบ อัศวิน สายลับ และผู้คนมากหน้าอยู่ด้วย บ้างก็อยู่ในชุดนักเดินทางมีสัมภาระเต็มหลัง บ้างก็อยู่ในชุดลำลอง

"เดินทางดี ๆ และระวังตัวอยู่ตลอดเวลาด้วย เพราะมีโจรร้ายอยู่ทุกที่" Fencer สั่งสอนรุ่นน้องของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ Tania ก็ยืนน้ำตาซึมร่ำลาพี่ชายของเธออย่าง Eugeo
Eugeo Brundhilde และ Bennet นั้นตัดสินใจละทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์ และออกเดินทางเพื่อศึกษาและเฝ้าดูดินแดนอื่น ๆ ที่ไม่เคยมีใครไป
ขณะที่ Tania นั้นถอดบรรดาศักดิ์ของตัวเองออกมาเป็นสามัญชน เพื่อให้ใกล้ชิดกับผู้คนได้มากขึ้นกว่าเดิม และเพื่อชีวิตในแบบที่เธอต้องการมาตลอด
Fencer และ Ayumi ตัดสินใจมาช่วยพัฒนากองทัพของแคว้น Alafia ให้แข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่ Rishada สานสัมพันธ์กับทั้งคู่และทาบทามตัวอยู่นาน
"เดินทางกันดี ๆ ล่ะ"

Enrico โบกมืออำลาใครก็ไม่รู้ จริง ๆ เขามาอยู่ที่นี่ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในฐานะเจ้าแคว้นที่เป็นมิตรกับทั้ง Benir Ragna และ Alafia เขาก็รู้สึกว่าเขาต้องมา
ในขณะที่ Lalune ก็อวยพรแก่ Bennet เป็นครั้งสุดท้าย Rishada เลือกที่จะเดินปลีกตัวออกมาจากบรรยากาศนั้น ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากเสียน้ำตา
แต่เธอมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำ หน้าที่ที่เธอเฝ้ารอมานานแสนนาน โอกาสหนึ่งเดียวที่เธอใช้เวลาถึง 4 ปีเฝ้าบ่มเพาะมา
อัศวินสาวเดินกอดอกมายังนักเดินทางในชุดคลุมสีดำที่เคารพหลุมศพเสร็จแล้ว จากนั้นเปิดปากถามอีกฝ่าย

"เคยมีคนบอกฉันเหมือนกันนะคะ ว่าการมาเยี่ยมหลุมศพของตัวเองนี่น่าขำ" เธอเอ่ยปากพูดกับอีกฝ่ายที่ยังไม่หันหน้ามา
"หมากบนกระดานพร้อมแล้ว ฉันรอท่านอยู่นะคะ จะไม่มาเล่นด้วยกันสักหน่อยหรือ ?"
อีกฝ่ายไม่ตอบและไม่หันหน้ากลับมา แต่ Rishada ก็รู้ดีว่าใต้ผ้าคลุมนั้น เจ้าของเรือนผมสีเขียวและนัยน์ตาสีม่วงได้ยิ้มบาง ๆ ออกมา
Spoiler for Hiden:

"ทาเนียคือควีน อายูมิคือรูค เฟนเซอร์คือไนท์ ลาลุนคือบิชอป ล็องและวิสคือพอว์น...เธอคิดไว้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ? หรือฉันต้องถามว่าทำไมเธอถึงรู้ว่าฉันไม่ตายดี ?" Camille ออกปากถาม

"..." Rishada ไม่ตอบ เธอเพียงแค่ยกนิ้วขึ้นมาป้องปากและยิ้มให้เท่านั้น...
End