* ห้องโถงรับแขก

Refresh History
  • Johan: [link]
    July 21, 2023, 11:25:58 AM
  • Johan: อันนี้ครับ
    July 21, 2023, 11:26:02 AM
  • Johan: จริงๆไม่เชิงลงแข่งเพราะเป็นพาร์ทเนอร์กับบุสดีอยู่แล้วเลยอดชิงรางวัลที่ 1 2 3 (3000 บาท...) ก็จะไม่ไปแย่งรางวัลส่วนนี้กับหน้าใหม่ แต่ลงเพื่อชิงรางวัลเซ็นสัญญา รางวัลอันนี้ไม่จำกัด ได้เงินเยอะมาอุดส่วนที่ต้องเอาไปจ่ายให้นักวาด
    July 21, 2023, 11:28:55 AM
  • Johan: ช่วงก่อนวันที่ 10 เลยต้องเร่งเตรียมไฟล์ + เขียนเรื่องไว้เปิดตัวให้ปังๆ เพราะงบวาดนี่แพงเข้าเนื้อ วาดเยอะไม่ไหว มาเน้นการนำเสนอด้วยเส้นเรื่องหลายทางเลือกดีกว่า
    July 21, 2023, 11:31:12 AM
  • lostlance: งี้นี่เองงง
    July 21, 2023, 07:09:04 PM
  • Qiao: อยากเล่นแนว fear and hunger 1-2 ก็ได้
    August 28, 2023, 10:56:33 PM
  • lostlance: ผมว่าเกมมันหลอนไป
    August 31, 2023, 10:47:07 AM
  • Johan: สลัดทั้งงานราษฎร กับงานหลวงไม่ออก น่าจะมาต่อสักใกล้ๆปลายปีนะครับ
    September 29, 2023, 06:48:36 PM
  • Bloody Rabbits: รออยุ่ว
    September 29, 2023, 10:01:26 PM
  • lostlance: ที่โพสใหม่นั้นสแปมหรืออะไรน่ะ
    October 05, 2023, 02:12:26 PM
  • Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ
    December 02, 2023, 01:55:59 AM
  • Johan: สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนยุ่งๆงานเยอะๆ
    January 01, 2024, 11:30:01 AM
  • Johan: อยากมาต่อ แต่เคลียรืเวลาไม่ลงตัวเลย
    January 01, 2024, 11:30:18 AM
  • Johan: Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ <<< ตอบแล้วๆ (เกมบ้าอะไรฟระ โพสละครึ่งปี)
    January 01, 2024, 11:35:44 AM
  • lostlance: สวัสดีปีใหม่ครับบ
    January 01, 2024, 08:58:21 PM

Author Topic: [STARLIGHT] Story  (Read 8189 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Johan

[STARLIGHT] Story
« on: July 18, 2015, 10:56:46 AM »


เมื่อสมัยเด็ก ฉันมองไปที่ฟากฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นแสงระยิบระยับหลายต่อหลายกระจุก ฉันมองเห็นสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น พวกเขาบอกว่านั่นคือดวงดาว
ฉันได้รู้ว่าผืนดินที่ฉันยืนอยู่นี้คือดาวดวงเล็ก ๆ ดวงหนึ่งในวันที่ฉันได้ถือมัน วัตถุที่ยิงออกไปเป็นแสงที่คล้ายกับดวงดาว แม้ว่ามันจะไม่ได้ส่องประกายระยิบระยับ
เพื่อนของฉัน พี่น้องของฉันล้มตายจนหมดสิ้นด้วยแสงที่พวยพุ่งออกมาเป็นสายคล้ายกับฝนที่พุ่งในแนวระนาบกับผืนดิน

จากเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ที่พวกเขาเรียกมันว่าอะไรสักอย่าง


ฉันเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ บนก้อนหินก้อนหนึ่งในอวกาศ ก้อนหินที่เรียกว่าดาวเคราะห์

 

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #16 on: August 04, 2015, 11:22:23 AM »


ประชากรบนดาวดวงนี้มีทั้งชาย หญิง และสองเพศรวมกัน แต่ประชากรหญิงจะมีประมาณ 40% และประชากรสองเพศอีก 50%
ผู้มีสองเพศนั้นแท้จริงก็คือกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง (กะเทย) พวกนี้หากไม่สมสู่กันเองก็จะไปไล่จับชายแท้มาเป็นคู่ครอง ซึ่งชายแท้นั้นมีอยู่ไม่ถึง 10%
ความไม่สมดุลย์นี้ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนพ่อพันธุ์อยู่พอสมควร ครอบครัวหนึ่ง ๆ จึงมักมีภรรยากันมากกว่า 1 คนเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ว่าลูกที่เกิดมาจะกลายเป็นพวกสองเพศอยู่บ่อยครั้งก็ตาม

ชนเผ่าในแถบนี้บูชาเทพเจ้าบนฟ้า พวกเขาจะแกะสลักไม้มาทำเป็นเสาเพื่อแสดงถึงการสักการะ พวกเขาจะชูมือขึ้นฟ้าหนึ่งข้างเพื่อสักการะเทพเจ้า และชูสองเมื่อเมื่อยอมแพ้
พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินตรา พวกเขาแลกเปลี่ยนกันด้วยข้าวของเครื่องใช้และอาหาร พวกเขาไม่มีภาษาเขียน แต่พวกเขาใช้ภาษาเดียวกัน
พวกเขามีความเท่าเทียมกันโดยธรรมชาติ แต่สตรีจะแข็งแกร่งเก่งกาจยิ่งกว่าชายเพื่อปกป้องสามีของตนจากเหล่าผู้มีสองเพศ (กะเทย) ธรรมชาติของดินแดนนี้สร้างพวกเขามาเช่นนั้น

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #17 on: August 13, 2015, 11:40:42 PM »


"มันดีแล้วเหรอที่เราจะฆ่าฟันกันเอง" Sphere แนะนำว่า หากอยากละมุนละม่อมก็ลองมาขี่ควายกับเธอดีไหม



"ข้าไม่เข้าใจสักนิดว่าการขี่ควายจะมีประโยชน์อันใด แม่นางโปรดชี้แนะ"



"ฉันจะขี่ควายเพื่อหยุดสงครามไงล่ะ" Sphere บอก แต่เมื่อเห็นว่า Tian He ไม่เข้าใจเธอจึงบอกต่อว่า
นี่ก็ผ่านมา 4 เดือนแล้ว อีกแค่ 8 เดือน ตามกำหนดการยาน Rexus จะซ่อมเสร็จ เธอได้ยินข่าวลือสุดลับมาว่า

Quote
หากเมื่อครบ 12 เดือน Biore ยังทำหน้าที่ไม่ลุล่วง เธอจะสิ้นสุดภารกิจบนดาวดวงนี้
พวกเราจะไปจากที่นี่ ยาน Rexus จะไม่ลงมายังดาวดวงนี้

                                                              - สหายเก่าแลเพื่อนยากของทุกคน


"พวกเราไม่จำเป็นต้องหยุดยั้ง เพียงแค่ถ่วงเวลา ขวางทาง ขัดแข้งขัดขาก็เพียงพอแล้ว"


สงครามบนดาวที่คุกรุ่นยาวนานร่วม 12 เดือนได้จบลงพร้อมกับความผิดหวังของอาคันตุกะผู้มาเยือน ซึ่งชนพื้นเมืองของดาวดวงนี้เรียกพวกเขาว่า 'ผู้มาจากฟ้า'
Biore แม้มีความสามารถสูง กระทั่งเหม่ยซือที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของ Black Trooper ยังไม่อาจเอาชนะนางได้ ทั้งยังมีกองทัพโคลนในบัญชาอีกมากมาย แต่นั่นไม่ได้การันตีว่าเธอจะพิชิตดาวดวงนี้ได้ตามแผน



"ฉันยังสบายดี ฉันสบายดี" เธอรู้ดีว่าถ้าเธอไม่สามารถพิชิตดาวดวงนี้ได้ตามกำหนด ยาน Rexus จะทอดทิ้งเธอ และทุกคนบนดาว ก่อนจะเดินทางไปยังเป้าหมายต่อไป
"ยาน Rexus จะไม่ลงมาบนดาวดวงนี้ ทั้งฉัน และพวกเธอจะต้องตายกลายเป็นอินทรียวัตถุหล่อเลี้ยงดาวดวงนี้"

"ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคนจะสบายดี"

เธอทอดสายตามองทหารโคลนนับร้อยที่นอนนิ่งหมดสภาพในสนามรบซึ่งคงเป็นศึกสุดท้ายของเธอบนดาวดวงนี้...

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #18 on: August 14, 2015, 12:52:21 PM »


Episode 3


ไม่มีนโยบายสำรวจดาวที่ไม่มีอารยธรรมและไม่ปรากฎผู้สร้างอารยธรรมนั้น
หากได้พบกับดาวเหล่านั้นและประเมินได้ว่าเป็นภัยคุกคาม กองทหารแห่ง Rexus จะจู่โจมทำลายดาวดวงนั้น
แต่หากภัยคุกคามอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ปรากฎ Rexus จะลงจอดเพื่อซ่อมบำรุงตัวเองและฟื้นฟูพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือไม่ก็จู่โจมกวาดต้อนเอาทรัพยากรที่มีค่ากลับเข้ายาน

และนี่คือนโยบายของราชินี

"เรามีความจำเป็นต้องเฉียดเข้าไปที่นั่นมากแค่ไหน"
"ดาวดวงนั้นมีอารยธรรม และสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา พวกมันจะมีประโยชน์กับเรามากพอ ๆ กับดาวดวงจิ๋วของมัน"
"พวกเขา"
"ค่ะ พวกเขา ...จำเป็นกับเรา"
"มีเหตุผลที่ดีกว่านี้ไหม ฉันอยากได้เหตุผลและทฤษฎีที่ดีกว่านี้ ยานลำนี้ไม่ได้บรรทุกมาแค่พวกเรา"
"มินิสเตอร์ทุกท่านเห็นพ้องต้องกันค่ะ"
"โอ้ โห ใช้ไม้นี้เลยเหรอ เอาเลย งั้นก็ตามสบาย"

"แต่ฉันให้เวลาแค่ 5 ปี เรามาเดิมพันกัน"


4 ปีต่อมา หลัง Rexus ได้ทอดทิ้งพวกคุณไว้บนดาวที่ชื่อว่า Ballet ยานลำยักษ์นั้นกลับย้อนมาและลอยลำเหนือน่านฟ้า...



Management Turn 3 (ของ MW) ก่อนเข้าสู่ Episode 3 ช่วง Travel
โพสกระทู้ MW ของตนเอง

และสั่งการกระทำในช่วงที่ผ่านมาตลอด 4 ปี 2 อย่าง ซ้ำได้ (ของ STARLIGHT)
โพสกระทู้ STARLIGHT ของตนเอง
- ฝึกฝน: Training ตัวละคร 3 ครั้ง *ผลจากห้องส่วนตัวทำงาน
- ทำงานหนัก: (Class Lv. คูณ 6) หาร 2 = Point *คนที่เลือกข้อนี้ตรวจเช็คได้ว่าตนเองเลื่อน Class ได้หรือยัง
- สร้างความสัมพันธ์อันดี: ระบุตัวละครที่ต้องการ 5c Chr ได้รับ Ally +1 *ไม่จำกัด จะเลือกใครก็ได้, ตัวละครที่ไม่ถูกเลือก และมี Ally ไม่ถึง 2 จะเสีย Ally ทั้งหมด
- สำรวจดาว: 3c Status-2 (3 ค่า) M.Atk 2 ได้รับ Item ตกแต่งห้องแบบสุ่ม
- มาด้วยกันเถอะ: เลือก 1 ตัวละครที่ไม่ได้เป็นชนเผ่า Rex บนยาน และต้องการให้ขึ้นยานด้วย ตัวละครนั้น Ally +3 และจะมี Status
  *ตัวละครที่ไม่ถูกเลือกจะอยู่บนดาวต่อไป และเปลี่ยน Ally เป็น 3 Point

*HP/SP จะเต็มแล้ว และเมื่อผ่านช่วงนี้ก็จะฟื้นเต็มอีก, การสิ้นสภาพในช่วงนี้ไม่ส่งผลให้เสีย Point
« Last Edit: August 15, 2015, 03:13:05 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #19 on: August 15, 2015, 03:25:57 PM »


พื้นที่รกร้างเดิมที่เคยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพโคลนได้เงียบเชียบมานานกว่า 3 ปีแล้ว นับแต่สงครามครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นบนดาวดวงนี้

Spoiler for Hiden:


"ยูดาจิเก่งกว่าเดิมแล้วนะโป้ย คราวนี้แหละ ยูดาจิไม่แพ้แน่โป้ย" อย่ามามั่ว เธอขึ้นเขาไปฝึกวิชาเพิ่งลงมา เคยไปสู้กันตอนไหน

Yuudachi แม้จะช้าเป็นเต่าป่วยไม่เปลี่ยน แต่เธอก็มีเครื่องเจ็ทที่ Nautilus สร้างให้ชั่วคราวให้ส่งตัวให้พุ่งออกไป
ขีปนาวุธที่อุ้มมากระแทกเข้าไปเต็มหน้าของ Biore ก่อนที่เธอจะฉากหนีด้วยเครื่องมือวาร์ปพอร์ทัลก่อนที่มันจะระเบิด



สารพัดอาวุธที่แบกขนออกมาถูกยิงซ้ำเข้าไปในหมู่มวลเมฆเพลิงตรงหน้าจนกระทั่งเธอมั่นใจว่าเป้าหมายนิ่งสนิทจึงลดปืนลง
แต่แขนกับขาของเธอก็ขาดกระเด็นในช่วงวินาทีนั้นด้วยลำแสงอาคมที่ยิงทะลวงออกมาจากเป้าหมายที่น่าจะแน่นิ่งไปแล้ว



"ฉันสบายดี แต่เธอคงไม่ค่อยสบายสักเท่าไร" Biore ในสภาพรุ่งริ่งดูไม่จืดพุ่งเข้าใส่ Yuudachi ที่แทบจะสิ้นสภาพในการสู้รบ
ทั้งสองก็ยังปะทะกันที่กลางอากาศ มันเป็นการต่อสู้ของสองเผ่าพันธ์ Artifact หรือ สิ่งประดิษฐ์ที่มีชีวิตและเจตจำนงค์ของตนเอง

หัวของ Yuudachi แทบจะถูกกระชากหลุดถ้าเธอหลบไม่ทัน แต่กำปั้นของเธอก็ซัดจน Biore หมุน 360 องศา
Bel ละสายตาจากการดวลของทั้งสองมาสั่งการต้านรับทหารโคลนแทน Vios ที่นอนนิ่งและกำลังสั่งเสีย



"ฉันอยากมีประโยชน์... ฉันอยาก... มีตัว ตน..." เธอโดนการโจมตีระยะไกลในระหว่างบัญชาการบนกำแพงป้อมปราการ



"เธอมีประโยชน์มาก มากจริง ๆ" Bel ว่าแล้วพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่หลากหลายเมื่อก่อนหน้านี้ Canone ก็เพิ่งถูกทหารโคลนแยกชิ้นส่วนเป็น 4-5 ชิ้น
สงครามนั้นส่งผลให้ทั้งฝ่าย White Trooper และ Black Trooper เสียหายยับเยิน กระทั่ง White Trooper ได้ล่มสลายลงไปในเวลาต่อมาเมื่อผู้นำกองทัพโคลนจบชีวิตลง

หุ่นยนต์สีขาวตัวเล็ก ๆ เดินเข้ามาในสถานที่นี้ซึ่งไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามานานเหลือเกิน สายตาที่มองสอดส่ายไปรอบดูคล้ายจะมีเป้าหมาย
มีร่างที่แห้งตายของทหารโคลนหลายสิบชีวิตอยู่ในพื้นที่นี้ บ้างก็จมอยู่ในกองตะไคร่ บ้างก็ถูกเถาวัลย์ปกคลุมเอาไว้
หุ่นตัวเล็กเดินเหยียบย่างน้ำขังเฉอะแฉะเข้าไป ยื่นมือสัมผัสประตูที่ขึ้นสนิมหมดทั้งบานเพื่อเปิดมันด้วยอาคม เสียงอันดังจากการเสียดสีของตะกรันดังแสบหู และเธอยังทำเหมือนเดิมเพื่อเดินลึกเข้าไป
กระทั่งไปหยุดอยู่ในห้องหนึ่งที่โอ่โถงเป็นพิเศษ รอบด้านมีจอเวอร์เนียที่เคยไฮเทคและแผงคอนโซลมากมายที่เต็มไปด้วยปุ่มยุบยับ สายตาของเธอมองไปยังร่างหนึ่งที่นั่งพิงผนังด้านใน



"ฉันคิดว่าเธอคงไม่ค่อยสบายสักเท่าไรนะ ฉันว่าอย่างนั้นนะ หรือเธอว่ายังไง" Nu มองดู Biore ที่อยู่ในสภาพเหลือแค่ร่างครึ่งบน ขาข้างหนึ่ง และแขนซ้ายที่ขาดไป
ร่างตรงหน้าของเธอกลายเป็นหินไปส่วนหนึ่งและส่วนหนึ่งที่เป็นโลหะก็กลายเป็นสนิม ร่างนั้นหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ หรือควรจะเรียกว่า เธอตายแล้ว
« Last Edit: August 15, 2015, 03:31:08 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #20 on: August 15, 2015, 03:54:04 PM »
Nu กางแขนแล้วหมุนตัว เดินวนไปรอบ ๆ อยู่สักพักจึงพูดขึ้นมา



"บิโอเรมีชีวิตด้วยเจตจำนงค์ของตนเอง ฉันรู้ เพราะฉันเป็นคนสร้างเธอ เธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง"
"เธอมีสมอง มีสติปัญญา แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มันนอกเหนือคำสั่ง นั่นคือตัวตนของเธอ ฉันไม่คิดว่ามันจะสนุก"
"แล้วมันก็ดูไม่สบายอย่างที่เธอว่าเลย ถ้าฉันเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานดูน่ะนะ"

Nu พูดแล้วก็หันกลับไป "ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม สบายสิ เธอต้องสบายดีแน่ ๆ"



"ฉันสบายดี" Bel เดินออกมาจากหลังบานประตู มี Canone และ Vios มากับเธอด้วย

Bel ถามว่า Nu มาทำอะไรที่นี่ แล้วเธอจะบอกได้หรือยังว่า 4 ปีที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น บนยานเป็นอย่างไรบ้าง
Nu เงียบไปพักหนึ่ง แล้วบอกสถานการณ์บนยาน Rexus ตั้งแต่วันแรกที่ทุกคนลงมาบนดาวก็เกิดสงครามขึ้นในยาน White Trooper และ Black Trooper ได้ต่อสู้กัน
Black Trooper ได้ Minister ส่วนหนึ่งที่ต้องการยึดอำนาจบนยานมาเป็นแบ็ค ทำให้พวกเขามีอำนาจที่จะต่อกรกับ White Trooper
กระทั่งสองฝ่ายเสียหายหนัก และ Black Trooper เกือบจะยึดยานได้แล้ว



"ไม่มีทาง แค่ราชินีมีบัญชา ไม่ว่าใครก็ต้องยอมสยบ ณ วินาทีนั้น" Vios แย้ง
เธอรู้ดีว่าราชินีใหญ่ที่สุดในยาน มีอำนาจที่สุด ราชินีชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ ขนาด Biore ที่เก่งกาจคนนั้น ถ้าราชินีชี้นิ้วให้ตาย เธอก็จะตายในทันที

Nu เงียบไป



"ราชินีไม่ได้อยู่บนยานในเวลานั้น" เธอบอก



"ฉันรู้ ราชินีก็ลงมาบนดาวดวงนี้ด้วย" Bel มอง Nu แล้วพูดต่อ
"เธอไปเล่นอยู่ตรงไหนของดาวกันล่ะ... ตั้ง 4 ปีบนดาวที่ไม่มีอะไรเลย เธอไม่เบื่อเหรอ"

Nu เงียบ แล้วสักพักก็หัวเราะ

"เบื่อสิ ฉันน่ะเบื่อแทบตายเลยนะ ฉันไม่ได้เล่นเกมตั้ง 5 ปี ไม่ใช่ 4 ปี เธอตกเลขนะ"

แล้วหุ่นยนต์สีขาวก็ถอดหมวกออกเพื่อให้อีกฝ่ายดูชัด ๆ ว่าราชินีติดเกมหน้าตาเป็นยังไง
« Last Edit: August 15, 2015, 04:01:22 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #21 on: August 15, 2015, 04:23:01 PM »
Quote
"โอ้ โห ก็ได้ ลองดูกัน เธอจะทำได้หรือเปล่านะแยร์นู"
"ฉันขอทำนายเลยว่า Rexus จะไม่มีวันออกจากระบบดาวนี้ได้นับแต่วันที่มันได้ทอดทิ้งทุกคน"
"ฉันให้เวลาเธอและเหล่ามินิสเตอร์อีก 4 ปี ฉันรับรองว่า Rexus จะต้องย้อนกลับมาที่ดาวดวงนี้อีก เพื่อดำเนินเจตจำนงค์ของมัน"
"อย่าลืมล่ะ เพราะฉันจะไม่เตือนความจำให้กับเธอหรอกนะ"


Rexus ที่ไม่มีราชินีไม่สามารถเดินทางไปต่อได้อย่างที่ราชินีได้กล่าวเอาไว้
Black Trooper คงมีชัยและครอบครองยาน Rexus ได้สำเร็จ หาก Jeneral Jarnu ผู้นำกองกำลัง White Trooper ไม่ย้อนกลับมายังดาว Ballet
มันเป็นอย่างที่ Vios ว่ามา เพียงแค่ราชินีต้องการ ไม่มีสิ่งใดในยาน Rexus ที่จะเป็นไปไม่ได้...




"ฉันสบายดี พระองค์ก็ทรงสบายดีเช่นกันใช่หรือไม่"

เผ่า Rex สามารถสร้างชีวิตได้ และการชุบชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องแปลก



"พูดเป็นเล่น ถ้าพวกเขาไม่กลับมาฉันจะไปทำอะไรได้เล่า ก็กลายเป็นปุ๋ยอยู่บนดาวดวงนี้กันหมดนี่แหละ" Nu ตอบ Bel ที่ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
"มันชื่อว่าอะไรนะ บัลเล่ต์? ใครตั้งเนี่ย เชยชะมัดเลย"
« Last Edit: August 15, 2015, 04:33:33 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #22 on: August 20, 2015, 12:25:19 AM »


White Trooper Headquarters: ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ Rexus
ที่นี่เป็นฐานบัญชาการใหญ่ที่จะเข้ามาได้เพียงแค่ White Trooper เท่านั้น มันถูกสร้างอย่างโอ่อ่าและกว้างขวางทีเดียว

Kaiser ที่เร่งรีบเดินไปชนเข้ากับทหารชุดขาวคนหนึ่งที่เดินสวนมา



"ระวังหน่อยสิ"

อีกฝ่ายหันมาชักสีหน้า แล้วเธอก็ผลักอกเขา แต่เขาไม่ยอมล้ม



"ล้มไปสิเฮ้ย ยืนบื้ออะไรอยู่" สายตาที่จ้องมองของทหารโคลนนางนี้มันช่างคล้ายกับเคยเจอมาก่อน เธอคือ CT-797 หรือในชื่อใหม่ Colonel

"นี่เธออีกแล้วเรอะ"

"มีปัญหาอะไรเจ้าเลเวลสอง"

หลังจากได้คุยกันทำให้รู้ว่าทหารโคลน 3 พันคนที่ลงไปยังดาวบัลเล่ต์เกือบทั้งหมดเสียชีิวิต ส่วนทหารโคลนหลายหมื่นบนยานก็ล้มตายในสงครามไปเกือบหมด
CT-797 เป็นทหารโคลน 1 ใน 2 คนที่รอดชีวิตมาได้จากสงครามบนดาวบัลเล่ต์ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่งหรอกถ้าไม่ใช่ว่าระบบการจัดกำลังพลมีการเปลี่ยนแปลง
มีทหารโคลนจำนวนหนึ่งได้รับสถานะเป็นชาว Lanaciel และได้รับสิทธิต่าง ๆ ไม่ต่างจากพลเมือง รวมถึงเธอด้วย

ที่เธออารมณ์เสียก็เพราะ Jeneral Jarnu เธอว่า

Quote


"ไสหัวไปเจ้าเลเวลศูนย์"


Jeneral Jarnu ได้ยืนยันว่าทหารโคลนคือพลเมือง Level 0 เป็นได้เท่านั้น อย่าได้มาเจรจาอะไรกับเธอ (Jarnu ก็ Level 4 ถึงแม้จะเป็นผบ.สูงสุด แต่ก็ไม่ใช่ Minister)
Minister ทั้ง 5 อนุมัติให้เลื่อนขั้นทหารโคลนเป็นพลเมืองตามบัญชาของราชินี โดยต้องทำตามเงื่อนไขอะไรสักอย่าง ซึ่ง Minister ไม่ต้องการจะทำ แต่ก็ต้องทำ

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #23 on: August 20, 2015, 12:32:34 AM »


"ความจริงแล้วฉันก็แค่อยากชวนเขาไป ฉันไม่ได้อยากดูมันจริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ฉันก็เกือบจะขยี้ขยำตั๋ววีไอพีที่อุตส่าห์ต่อคิวนานเป็นวัน ๆ กว่าจะได้มันมา"
นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นครั้งสุดท้ายที่เธอพูดถึง แฟนที่ไม่ได้เรื่องของเธอที่เพิ่งเลิกรากันไป



"ขอบคุณที่เธอไม่ทำอย่างนั้น เพราะตั๋วนั่นจะทำให้เราไม่พลาดการแข่งนั้น"





"ไปไหม อาทิตย์หน้านี้เอง" Nu ให้ดูตั๋ว 4 ใบ การแข่งรอบชิง จะชวนใครไปบ้าง



"มันคืออะไรเหรอโป้ย"




'Jumping Force League' หรือ JFL หรือ เจลีก
Sphere เป็นดาวเด่นของกีฬาชนิดนี้ และกีฬาชนิดนี้ก็เป็นกีฬายอดฮิตด้วย
ผู้เข้าแข่งจะต้องขับยานที่มีระบบจัมปิ้ง (กระโดดข้ามช่องว่างมิติ) แข่งกัน ทั้งเร่งความเร็ว เบียดชน และใช้แทคติกสารพัดในการแข่ง
เป็นกีฬาที่อันตราย มีคนตายทุกเดือน แต่ก็ยังนิยมไม่เปลี่ยนแปลง

คนที่จบเรื่องราวแล้ว เลือก Hide ที่กระทู้ตัวเอง

ส่วนที่ 1
- คนที่มีตั๋ว หรือถูกชวนโดย NPC จะไม่ต้องจ่ายเงินซื้อตั๋ว แต่ก็จะชวนใครมาเพิ่มไม่ได้
- คนที่ไม่มีตั๋วจะต้องซื้อตั๋วเองหากจะเข้าชม ในราคาใบละ 2 Point/1 ที่ (ของตัวเองด้วย)
  - ชวนมาได้ไม่เกิน 3 คน คนที่ถูกชวน Ally +1 (บางคนก็ไม่มา เช่น Sphere เหม่ยซือ)
  - หากไม่ได้ชวนใครมา Ally -1 ยกเว้นแต่ชวนครบ 3 คน คนอื่นจะไม่โดนลบ
- คนที่มาด้วยจะถือว่าเป็นตัวละครที่ใช้งานใน Event นี้ได้
- คนที่ไม่เข้า Event เพราะถูกบังคับไม่ให้เข้าจะไม่โดนลบ และข้ามส่วนนี้ไปเลย

ส่วนที่ 2 - ในส่วนนี้ส่งผลต่อทิศทางเนื้อหาในยาน
- นั่งชม (ชมที่บ้านก็ได้)
- พัวพันกับเรื่องวุ่นวาย: 5c Int Agi Acc Eft R.Atk 3 HP 3 / Ally Jarnu เหม่ยซือ Nu +1, Sphere -1 Point +5 (หมดสภาพไม่ได้รางวัล)
- ลงแข่ง: 5c Int Agi Acc Fth R.Atk 3 HP 3 (หากไม่มี Skill Riding เต๋ากลายเป็น 7c) / Ally Sphere +1 Point +5 (หมดสภาพไม่ได้รางวัล)

ข้อมูลปกปิด
« Last Edit: August 20, 2015, 01:02:04 AM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #24 on: August 21, 2015, 05:26:22 PM »


ใบปลิวและโปสเตอร์การแข่งถูกปิดอยู่ทั่วบริเวณเมืองหลวงจนแทบจะไม่มีที่เหลือให้พวกมือบอนพ่นเปรย์เล่นให้เลอะเทอะ
แน่นอนว่าอันดับ 1 หรือตัวเต็งที่ 1 คือ Sphere ที่เป็นทั้งไอดอลและนักกีฬา เธอปรับลุคใหม่มาในมาดสาวน้อยนักรบ
ส่วนอันดับสอง... (ขออภัย ไม่มีบทให้ตัวประกอบฉาก แต่แถมพื้นที่โฆษณาให้ Biore นิดหน่อย และเดี๋ยว Olay จะตามมา)


"ทุกคนดูนี่! แต่นแต๊น"

Sphere หมุนตัวอยู่บนฟลอร์แล้วเปิดตัวยานแข่งลำใหม่ล่าสุดที่หน้าตารูปร่างเหมือนรถไถนาคูโบต้า
แต่ด้วยแรงอวยและติ่งที่พร้อมจะหลับหูหลับตาอวย ยังไงก็ต้องเท่และหล่อเริ่ดสมสง่าราศีของไอดอลสาวอันดับหนึ่งแน่นอน

อย่างไรก็ตาม Sphere ที่เมินคำถามของนักข่าวที่ถามถึงเหม่ยซืออย่างเจตนาก็ทำให้หลายคนเข้าใจว่าพวกเธอมีปัญหากัน
« Last Edit: August 21, 2015, 05:29:39 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #25 on: August 21, 2015, 09:28:53 PM »
การแข่งได้เปิดฉากขึ้นพร้อมเสียงผู้ชมที่ร้องเชียร์ Sphere ดังกว่าใครและดังขึ้นไปอีก สนามแข่งในจุดออกตัวจะกระหนาบด้วยสองฟากที่เป็นอัฒจรรย์คนดู
จากนั้นเมื่อยานออกตัวไปแล้วทุกคนจะเกาะติดขอบสนามด้วยกล้องติดตามที่จะเป็นจักรกลจิ๋วระดับนาโนบินตามไปถ่ายทุกเหลี่ยมมุมของสนาม
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าการแข่งนี้อันตราย แต่อาจจะเพราะสัญชาตญาณการต่อสู้ของชนเผ่า Rex ที่ทำให้พวกเขาชื่นชอบเจ้ากีฬานี้

เสียงระเบิดดังขึ้นเพียงวูบเดียวก่อนที่ยานลำหนึ่งจะมุดเข้าช่องว่างมิติ แต่ทันทีที่โผล่ออกมาก็ถูกทำลายในพริบตานั้น เพียงแค่ช่วงออกตัวก็มียานที่รีไทร์ไปถึงสองลำ



"ถ้าลองคำนวณเป๊ะขนาดนี้" Sphere บังคับยานเบี่ยงหลบลำแสงที่ยิงมาจากด้านหลังอย่างรู้ทันราวกับมีตาหลัง
แล้วเทิร์นยานกลับคล้ายจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องอ่านตำแหน่งออกแน่ถ้าเธอมุดเข้าช่องว่างมิติ "ให้ฉันตามก้นนายบ้างดีไหมสมหมาย"

แล้วก็เป็นสมหมาย ตัวเต็งอันดับสองที่แทบจะต้องออกจากสนามเพราะถูก Sphere เอาคืน

การแข่ง JFL มีเวลาจำกัด และจะแข่งแค่ 1 รอบสนามเท่านั้น ซึ่งผู้ชมแทบจะไม่ต้องนั่งหาวหรือเอาข้าวโพดคั่วมานั่งเคี้ยวเลย
15 นาทีผ่านไป และเข้าสู่ 5 นาทีสุดท้ายกับทางตรงที่คดเคี้ยวหมุนเป็นเกลียวมียานสองลำขับคู่กันมา


"นายไม่ใช่อาร์ค" Sphere ใช้ระบบโทรจิตสื่อสารกับอีกฝ่าย

"คับ ผมแค่ขอยืมยานของเขามา" คู่แข่งของเธอตอบกลับ
"อ่า แล้วก็ชุดกับหมวกของเขาด้วยคับ"


"นายเป็นคนตลกนะ"


แล้วยานที่ตีคู่กับไอดอลสาวมาก็โดนเบียดกระแทกจนหมุนคว้างถูกอีกลำแซงไป ซึ่งเหมือนจะเป็นยานของสมหมายที่เยินพอดูจากการตะลุมบอนในช่วงแรก
Sphere รู้สึกทึ่งที่เจ้าสมหมายยังตามเธอมาถึงนี่ได้อีก แต่พอดูไลน์การขับแล้วเธอก็มั่นใจ


"เฮ้ย แกก็อีกคนเรอะ"
"ถอดหมวกมาคุยกันดิ๊"



"ขืนถอดก็โดนจับไปโยนห้องขังกันพอดี ข้อหาแอบอ้างโทษเบาที่ไหน" ชายปริศนาในยานที่น่าจะเป็นของสมหมายตอบกลับไป
เขาคิดว่าเขาน่าจะเร่งสปีดและกระโดดข้ามมิติขึ้นไปเทียบข้างได้ แม้ว่ายานของเขาจะโทรมไปหน่อย แต่สเปคมันก็สูงล้ำกว่า

เขาเชื่อว่าเขามีทางชนะจนกระทั่งความเชื่อนั้นหายไปเมื่อยานอีกลำที่ไล่ตามมาชนท้ายเขาและท้าตี

"พูดเป็นเล่นไป ถึงจะไม่ได้แชมป์แต่รองแชมป์ก็รางวัลเยอะนะคับ"

"รองแชมป์เรอะ มันก็แค่ตำแหน่งของผู้แพ้ เชิญเอาไปเถอะ"


แต่การแข่งก็ไม่อาจจบลงในเวลาเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ด้านนอกของสนามแข่งที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่

« Last Edit: August 21, 2015, 10:00:37 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #26 on: August 21, 2015, 11:00:01 PM »
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลา 1 ชั่วโมงก่อนการแข่งจะเริ่ม

Quote


จักรกลร่างใหญ่สูงร่วม ๆ 5 เมตร ที่รายล้อมด้วยทหารองครักษ์นับสิบ ๆ ผู้นี้ก็คือ Bright หนึ่งใน Minister ที่มาชมการแข่งครั้งนี้



จักรกลคนซ้ายสุดนั่นคือ Jeneral Jarnu ผู้บัญชาการสูงสุดของยาน Rexus และยังเป็นหัวหน้าองครักษ์ด้วย
ส่วนอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ คือเหม่ยซือ ไอดอลสาวที่ผันตัวไปทำงานเป็นทหาร แล้วก็เจ้าหุ่นพวกนั้นที่เป็นองครักษ์





"ดูเหมือนพวกกี้ ๆ ตัวประกอบฉากนะโป้ย"
"เห็นอย่างนั้นมันแข็งแกร่งมากเลยนะ เก่งกว่าทหารโคลนอีก ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อ"
Nu บอก Yuudachi และว่านที่มาชมการแข่งด้วย เธอยังบอกอีกว่านี่เป็นข้อมูลลับนะ เจ้าหุ่นองครักษ์พวกนั้นน่ะมันอัพเกรดมาแล้วอย่างลับ ๆ ข่าวกรองที่เกินกว่า 48 ชม. น่ะใช้ไม่ได้หรอกนะ
แล้วอีกอย่าง... ฉอด ๆ ๆ พล่าม ๆ พ่น ๆ ฉอด ๆ ๆ ๆ ว่าแต่หล่อนนี่รู้ไปหมดทุกอย่างเลยรึไงนะ


"ยูดาจิเห็นคนท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ โป้ย"
"อย่าไปสนเลยน่า มาดูการแข่งดีกว่า เฮ้ จะไปไหนนั่น"




ลำแสงที่เข้มข้นจากปากกระบอกไรเฟิลอาคมพุ่งเข้าหาเป้าหมายคือ Minister ร่างยักษ์
แต่พลันลำแสงนั้นก็แตกเป็นสายคล้ายน้ำที่พุ่งเข้าใส่กพแพงที่มองไม่เห็นเมื่อ Jarnu หมุนตัวเข้ามาแล้วยกมือขึ้นบังมันเอาไว้



"ไปจับมันให้ได้เหม่ยซือ" ผบ.หญิงออกคำสั่งก่อนจะย้ำอีกทีว่า "จับเป็นเท่านั้น"
แต่ยังไม่ทันที่เหม่ยซือจะออกไปทหารองครักษ์ที่ Nu เพิ่งคุยนักหนาก่อนหน้านี้ก็โดนบางอย่างเล่นงานจนหยุดทำงาน

เสี้ยววินาทีที่ Jarnu ถูกสนามพลังควินตัมสะกดเอาไว้นั้นกินเวลานานพอจะทำให้เธอถูกกระสุนอาคมอีกหลายนัดยิงอัดจนหลุดออกไปจากกลุ่ม แม้ว่าอาคมจะทำอะไรเธอไม่ได้ แต่ก็ผลักให้เธอออกห่างจาก Bright ไปไกลทีเดียว
เสียงประดาบดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งเหม่ยซือก็ปลิวออกไปอีกทิศทางหนึ่งเมื่อมีทหารโคลนจำนวน 3-4 คนเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในนั้นก็พุ่งเข้าหา Jarnu ที่กำลังจะลุกขึ้น

Quote
"Jarnu จะไปที่นั่นเพื่ออารักขา Bright หนึ่งใน Minister ที่คลั่งไคล้การแข่งนี้"

วันนั้นคือวันพิพากษา กองกำลังโคลนส่วนหนึ่งจะจู่โจมสังหาร Bright และ Jarnu ด้วย
แต่ไม่ต้องห่วง จะไม่ใช่สงคราม ทุกอย่างจะเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ไม่กระทบการแข่งแน่ "หากงานนั้นสำเร็จ"

"ฉัน และสมาชิกที่เก่งกล้าที่สุดอีก 5 คน" Colonel บอกว่าเธอเอาชนะเหม่ยซือได้ แต่กับ Jarnu ออกจะตึงมือ ซึ่งเรื่องนี้สมาชิกอีก 5 คนจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับเธอ
Bright เป็น Minister ที่ไม่เก่งด้านต่อสู้ จึงไม่ต้องห่วง ถ้าเก็บองครักษ์ได้ทุกอย่างจะจบ ตามการคาดคำนวณและวางแผนของทีมยุทธวิธี
ถ้าไม่มีใครเข้ามาสอดงานนี้มีโอกาสสำเร็จถึง 90% แต่ถ้ามีเหตุสุดวิสัยก็ต้องพยายามให้สำเร็จ งานนี้ไม่มีแผนสอง เพราะเราไม่มีโอกาสวางแผนได้ดีกว่านี้แล้ว





"แด่องค์ราชินี และลาก่อนท่านผู้บัญชาการผู้งามสง่ายิ่ง" เธอเงื้อไม้เท้าขึ้นหวังกระทุ้งเสียบเข้าไปที่หัวใจของ Jarnu ซึ่งเธอย่อมต้องศึกษามาแล้วว่ามันอยู่ตรงส่วนใดของร่างกาย
« Last Edit: August 21, 2015, 11:35:56 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #27 on: August 22, 2015, 12:47:55 AM »
Order 797 คือชื่อของยุทธวิธีที่กองทัพโคลนใช้ โดยมีเป้าหมายประการสำคัญคือ "ปลดปล่อยราชินีให้เป็นอิสระ"
หลังจากเหตุการณ์นี้กองทัพโคลนได้ประกาศต่อต้านส่วนกลางและหมายสังหารกองกำลังส่วนกลาง รวมถึง Minister ทั้ง 5 ที่ยังคงกุมอำนาจ




"ทำไมราชินีถึงไม่ใช้พลังวิเศษหยุดการต่อสู้ล่ะคับ เหมือนที่หยุดสงครามก่อนหน้านี้ไงคับ" TL รำพึงระหว่างช่วยขนย้ายคนเจ็บ



"ราชินีจะใช้พลังได้ก็ต่อเมื่อมีการอนุมัติโดย Minister ทั้ง 8 คน อย่างพร้อมเพรียงกัน" Sphere เข้ามาช่วยยกเปล



"กลไกนี้มันถูกทำลายลงไปแล้ว ราชินีไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ไม่จำเป็น และไม่จำเป็น" Nu ที่นั่งพยาบาลคนเจ็บอยู่แถวนั้นพูดขึ้นมา
"เฮ้ เธอจะเอายาล้างแผลไปราดบนแผลไม่ได้นะ!" แล้วก็หันไปดุ Yuudachi

จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ขั้วอำนาจทั้งสองอันได้แก่ส่วนกลาง และกองทัพโคลนเสียหายหนัก
ทั้งสองขั้วอำนาจจะไม่อาจมีบทบาทใดได้มากกว่านี้ และอาจจะต้องลดบทบาทลงไป
อันจะส่งผลให้ผู้เล่นที่ต้องการสร้างกลุ่มก้อน ดินแดน หรือครอบครัวของตนเองได้รับความสะดวกมากขึ้น


Spoiler for Hiden:
- คนที่นั่งชมจะได้สิทธิ์เลือกว่าจะช่วยใคร 1. ทหารชุดขาว 2. ทหารโคลน มีคนสั่งช่วยทหารโคลน ส่งผลให้ ทหารชุดขาว +1 ความเสียหาย
- หากไม่มีคนเลือก พัวพันกับเรื่องวุ่นวาย ฝ่ายทหารชุดขาว +1 ความเสียหาย
- หากมีคนเลือก พัวพันกับเรื่องวุ่นวาย ฝ่ายทหารโคลน +1 ความเสียหาย มีคนเลือก ทหารโคลน +1 ความเสียหาย
- ความเสียหายครบ 2 ฝ่ายนั้นวิกฤติ/อยู่ในภาวะพร้อมล่มสลาย/ไม่ใช่ขั้วอำนาจที่ทรงพลังอีกต่อไป

สรุปผล
- ทั้งสองฝ่ายเสียหายหนักพอกัน แต่ยังไม่สิ้นอำนาจ
- Bright ไม่ตาย (TL เลือกมาช่วย)
- Colonel ไม่ตาย (Kaiser เลือกมาช่วย)

*กดโพสเพื่อดูเฉลยที่ hide ได้

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #28 on: August 22, 2015, 01:08:31 PM »


ดาวสีน้ำเงินดวงนั้นคือหนึ่งในเป้าหมายของเราในกลุ่มดาวนี้ จากการวิเคราะห์ด้วย King Engine อย่างละเอียด
มันมีกระแสลมพัดแรง ความเร็วลม 300 เมตร/วินาที หรือ 1,080 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวงแหวน 4 วง แต่ละวงมีความสว่างไม่มากนัก เพราะประกอบด้วยอนุภาคที่เป็นผงฝุ่นขนาดเล็ก
บนดาวทุกดวงในกลุ่มดาวนี้ประกอบไปด้วยฝุ่นและก๊าซจนมีสภาพคล้ายกับเป็นดาวสมุทร

"มันไม่ใช่ดาวสมุทร"
"แต่มันเป็นน้ำกว่า 70%"
"ไม่ นั่นไม่ใช่น้ำ แต่เป็นก๊าซ และละอองมาน่า"
"เรามีความจำเป็นมากแค่ไหนที่จะต้องลงไปสำรวจมัน"
"ไม่มากนัก แต่ King Engine จะไม่ขับเคลื่อนยานจนกว่าเราจะได้ตัวอย่างแร่บนดาวนั่นมากพอ"
"ไม่มีราชินี แต่ก็มีราชา มันช่างวิเศษไปเลย ข้าไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ไบรท์ถอนตัวออกไป หะ หะ หะ"

หลังการประชุมจบลง เหม่ยซือที่ยืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่เวิ้งว้างไร้ทิศทางได้ครุ่นคิด
เธอหันไปยังกรอบรูปหนึ่งที่ยังคงติดเอาไว้และพูดอะไรสักอย่าง

Spoiler for Hiden:
Quote


องค์ราชินีแห่ง Rexus




"ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอมัวไปอยู่ที่ไหน ...ในเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะถูกรีเซ็ท"
« Last Edit: August 22, 2015, 01:10:57 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #29 on: August 25, 2015, 10:18:13 AM »
Kaiser เป็นแค่ลูกเรือจึงเข้าไปได้แค่ตัวเองกับคนที่พักด้วยอีก 1 คน

การเดินทางไปยังที่หมายกินเวลา 1 คืน



ในยานนั้นหรูมีระดับและไฮเทคที่สุดเท่าที่จะทำได้ Nakolulu ที่จูงเคียร่ามาด้วยแสนจะตื่นเต้นที่ได้ออกอวกาศ เพราะปกติอยู่ใน Rexus นั้นไม่มีใครรู้สึกว่าตัวเองออกอวกาศหรอก
Kaiser เมื่อมีโอกาสเขาก็จะหลบไปคุยกับสาวที่ผ่านมาและพบเจอทุกครั้งไป ไม่สิ เขาเอาเคียร่าขี่คอแล้วเดินจูง Nakolulu ไม่ห่าง มันเป็นภาพนี้ต่างหาก
ด้วยสถานะของเขาในเวลานี้กลับเป็นสาว ๆ ที่ผ่านมาต่างหากที่อยากจะเข้าหาและรู้จักเขา

ที่ด้านหนึ่ง บริเวณระเบียงกระจกที่มองออกไปนอกยานได้ Kaiser สังเกตเห็นสาวในชุดสีขาวที่ยืนหันหลัง ทอดสายตามองออกไปในอวกาศเวิ้งอีกฟากของกระจก
เขามีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด วูบหนึ่งเขาเกือบเข้าใจผิดว่าเธอคือ Colonel จนกระทั่งร่างนั้นหมุนกลับมาคล้ายจะรู้ตัว




"กลิ่นของท่านพี่" เธอพูดขึ้นแล้วลอยเข้ามาดมตามตัวเขา วนไปรอบ ๆ
"ท่านมาทำอะไรที่นี่ ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง"



"ถ้าหมายถึงColonelล่ะก็ สบายดี"
"แล้วเธอเป็นใคร"



"Destroyer Hime หรือ DH-79" เธอบอก ก่อนเลื่อนลอยเข้ามาอย่างรวดเร็ว และผลักเขาหงายหลังล้ม

"ข้าเกลียดท่าน ท่านแย่งชิงเอากลิ่นกายของท่านพี่ไป" เธอว่า แต่ Kaiser รู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้ต้องการแอบอิงไออุ่นอะไรหรอก
เขาไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการคิดของเธอสักเท่าไร ซึ่งมันไม่แปลกนัก เพราะเธอไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับใคร เขาได้แค่มองเธอลอยผ่านไป

ขาก็ไม่จำเป็นสินะรุ่นนี้? นั่นคือสิ่งที่เขาคิด ดูจากสรีระศาสตร์แล้วเหมือนสร้างมาให้พร้อมสู้รบทุกพื้นที่ ที่เธอมาอยู่ที่นี่อาจจะเพราะส่งมาทดสอบใช้งานในสภาพพื้นที่และสภาวะภัยพิบัติ
แต่ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ อยู่ ๆ ก็เกิดการกระแทกอย่างรุนแรง สัญญาณเตือนภัยดังระงมแทบจะไร้ทิศทาง เห็นเจ้าหน้าที่วิ่งผ่านไปในสภาพที่ยานโล้เอียงไปมา

ยานลำนี้เป็นยานแม่ขนาดใหญ่กว่า 1 กิโลเมตร สิ่งที่ทำให้มันสะเทือนได้ขนาดนี้ต้องไม่ใช่แค่หินอวกาศธรรมดาแน่
และเป็นครั้งแรกที่เขานึกเกลียดระบบแรงโน้มถ่วงเทียมที่มีใช้ในยานเพื่อความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตประจำวัน
เขาพยายามลุก แต่ก็ลื่นไปอีกด้าน และไหลไปตามทางวิ่งกว่า 20 เมตรจนกระทั่งทุกอย่างปกติเมื่อระบบควบคุมแรงโน้มถ่วงเรียนรู้สภาวะในปัจจุบันและทำงานอีกครั้ง

ได้ยินเสียงคนในยานร้องออกมาว่า "สัตว์อวกาศ"
Kaiser วิ่งไปยังโถงเพื่อดูภาพในมอนิเตอร์ทันที




มันเป็นสัตว์ยักษ์ที่มีชีวิตอยู่ในอวกาศเวิ้งว้างนี้ได้ ขนาดของมันมหึมาพอสมควร คะเนได้ว่าประมาณ 7000 เมตร

แต่น้ำเสียงของผู้คนบนยานที่ร้องออกมานั้นไม่ใช่ความตื่นตระหนก หากแต่เป็นเสียงของความตื่นเต้นปะปนไปกับความระทึกใจที่ได้พบในสิ่งที่ไม่เคยได้เจอเลยในกาแลคซี่ Rexus
สัตว์อวกาศไม่ใช่สิ่งแปลก เพราะชาว Rex สร้าง Artifact ขนาดยักษ์มาเป็นอาวุธสงครามที่ลอยล่องในอวกาศเป็นกองทัพได้ แต่ที่แปลกคือ สัตว์ต่างดาวตัวนี้มันไม่น่าจะถูกสร้างขึ้น

พวกเขาไม่ได้กลัว แต่เฝ้ารอดูว่าระบบป้องกันของยานจะสังหารมันลงได้ไหม และวูบหนึ่งที่แสงสว่างวาบปรากฎขึ้น ร่างของสัตว์ยักษ์ก็แหว่งไหม้เป็นรูกว้างกว่า 60% ของตัวมัน
ดูเหมือนว่ามันจะออกมาจากดาวที่เรากำลังจะไปสำรวจนี่แหละ นั่นเป็นข้อยืนยันได้ว่าดาวเป้าหมายของเรามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ และมันน่าสนใจมากทีเดียว



Oceana-09 คือชื่อของดาวดวงนี้ที่เป็นหนึ่งในดาวสมุทรทั้ง 19 ดวงในระบบดาวนี้ที่ตรวจสอบแล้วว่าเหมาะสมจะเข้าสำรวจ

อย่างที่รู้ว่าบนดาว Oceana ทุกดวงไม่มีอากาศสำหรับใช้หายใจ ไม่มีชั้นบรรยากาศ บนผิวดาวมีกระแสลมแรงมากพอจะฉีกกายเนื้อของมนุษย์ได้ (ในที่นี้คือ Human)
และใต้กระแสลมยังเป็นเวิ้งสมุทรที่เกิดจากก๊าซซึ่งอัดแน่นจนคล้ายผืนน้ำทั้งดวงดาวที่พัดเชี่ยวและหนาวเย็นมากถึง -220 องศา ไม่เพียงแค่มนุษย์ แต่สิ่งมีชีวิตที่มีกายเนื้อทั่วไปไม่น่าจะลงไปสำรวจได้โดยไร้ซึ่งพาหนะ

ดาวดวงนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เราจะลงไปสำรวจโดยตรง แต่ต้องใช้ยานหรือจักรกลช่วยเหลือในการสำรวจ ทั้งพื้นที่ของดาวที่เป็นก๊าซอัดแน่นจนเหลวคล้ายน้ำ
และกระแสลมที่แรงมากยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั่วไปทนไม่ไหว (กล่าวถึง Human เป็นหลัก)

การใช้หุ่นยนต์แม้จะไม่สามารถใช้งานได้ทุกที่แต่ก็จำเป็น เพราะเราตรวจพบว่าแกนกลางของดาวเป็นแก่นหินที่แข็งเหมือนกับดาวเคราะห์ทั่วไป

หากเทียบกับดาวที่เราอยู่อาศัย ตัวดาวที่แท้จริงเป็นแก่นหินที่อยู่ใจกลางของดาว ลึกเข้าไปจากผิวดาวมาก ก๊าซที่อยู่ในผิวดาวมีทั้งไฮโดรเจน มีเทน ฮีเลียม และก๊าซอื่น ๆ อีกมาก
การทำให้ไฮโดรเจนเป็นของเหลวต้องใช้อุณหภูมิต่ำกว่า -220 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิต่ำสุดของดาวดวงนี้
ดังนั้นบนพื้นผิวดาวจึงไม่ใช่ไฮโดรเจนในสถานะของเหลว แต่ยังคงเป็นเพียงก๊าซที่อัดแน่น ยิ่งเมื่อลึกลงไปก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นจนคล้ายจะเป็นมหาสมุทร
ซึ่งจากการสำรวจผิวดาวเบื้องต้นพบว่าไม่มีน้ำ เพียงแต่มันมีลักษณะคล้ายกับน้ำเพราะอะตอมของไฮโดรเจนได้รวมกับละอองมาน่า
« Last Edit: August 25, 2015, 10:20:33 AM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #30 on: August 25, 2015, 09:31:23 PM »
การสำรวจดาวดำเนินไปได้เพียง 1 อาทิตย์ก็ได้ข้อสรุปว่าดาวดวงนี้มีการแผ่มาน่าออกมาจากใจกลางของดาว หรือบริเวณแกนกลางที่ร้อนระอุกว่า 7000 องศา
เพราะการแผ่มาน่านั้นทำให้เกิดชีวิตขึ้นบนผิวดาวที่มีเพียงแค่ก๊าซ สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดนั้นไม่ได้ต้องการอากาศหายใจ และกินก๊าซไฮโดรเจนเป็นอาหาร
พวกมันมีวิวัฒนาการมานานกว่าหมื่นล้านปี แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถวิวัฒนาการไปได้ไกลกว่าที่มันเป็นอยู่ พวกมันมีสภาพคล้ายหนอน หรือแมลงขนาดยักษ์
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดและควรต้องย้ำเตือนเหล่านักสำรวจโดยด่วนก็คือ

Quote


"เราตรวจพบเชื้อโรคร้ายบนผิวดาว หรือเชื้อไวรัสอวกาศที่ร้ายกาจ" Green Heart อยู่ในชุดรบแตกต่างจากที่หลายคนเคยเห็น
"มันอาจจะสายเกินไป แต่ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง"



ด้วยความที่ขี้เกียจพูด Green Heart หัวหน้านักวิจัยด้านธรณีวิทยาจึงอัดเทปมาเปิด
ความจริงก็ไม่ใช่หน้าที่กงการอะไรของเธอ เธอไม่ใช่นักชีววิทยา ไม่ใช่หน่วยแพทย์ งานนี้เกี่ยวข้องกับเธอน้อยมาก ก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบอะไร แต่เธอก็จะทำมัน
แล้ว Green Heart ก็จัดทีมกู้ภัยด้วยตนเองเพื่อบุกเข้าไปในยานสำรวจที่เกิดปรากฎการ 'กลายพันธุ์'



โผละ!! หัวของซอมบี้ตนหนึ่งโดนค้อนไฟฟ้าติดเลื่อยยนต์ฟาดจนแหลกทั้งยืน

Spoiler for Hiden:


"ซอมบี้บุกเมือง? พูดเป็นเล่น" Nu คุยโทรศัพท์ไปพลางโยกคันบังคับฟาดซอมบี้เละไปอีก 2 ตัว
"บอสออกมาแล้ว เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ"

ปิ๊บ