* ห้องโถงรับแขก

Refresh History
  • Johan: [link]
    July 21, 2023, 11:25:58 AM
  • Johan: อันนี้ครับ
    July 21, 2023, 11:26:02 AM
  • Johan: จริงๆไม่เชิงลงแข่งเพราะเป็นพาร์ทเนอร์กับบุสดีอยู่แล้วเลยอดชิงรางวัลที่ 1 2 3 (3000 บาท...) ก็จะไม่ไปแย่งรางวัลส่วนนี้กับหน้าใหม่ แต่ลงเพื่อชิงรางวัลเซ็นสัญญา รางวัลอันนี้ไม่จำกัด ได้เงินเยอะมาอุดส่วนที่ต้องเอาไปจ่ายให้นักวาด
    July 21, 2023, 11:28:55 AM
  • Johan: ช่วงก่อนวันที่ 10 เลยต้องเร่งเตรียมไฟล์ + เขียนเรื่องไว้เปิดตัวให้ปังๆ เพราะงบวาดนี่แพงเข้าเนื้อ วาดเยอะไม่ไหว มาเน้นการนำเสนอด้วยเส้นเรื่องหลายทางเลือกดีกว่า
    July 21, 2023, 11:31:12 AM
  • lostlance: งี้นี่เองงง
    July 21, 2023, 07:09:04 PM
  • Qiao: อยากเล่นแนว fear and hunger 1-2 ก็ได้
    August 28, 2023, 10:56:33 PM
  • lostlance: ผมว่าเกมมันหลอนไป
    August 31, 2023, 10:47:07 AM
  • Johan: สลัดทั้งงานราษฎร กับงานหลวงไม่ออก น่าจะมาต่อสักใกล้ๆปลายปีนะครับ
    September 29, 2023, 06:48:36 PM
  • Bloody Rabbits: รออยุ่ว
    September 29, 2023, 10:01:26 PM
  • lostlance: ที่โพสใหม่นั้นสแปมหรืออะไรน่ะ
    October 05, 2023, 02:12:26 PM
  • Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ
    December 02, 2023, 01:55:59 AM
  • Johan: สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนยุ่งๆงานเยอะๆ
    January 01, 2024, 11:30:01 AM
  • Johan: อยากมาต่อ แต่เคลียรืเวลาไม่ลงตัวเลย
    January 01, 2024, 11:30:18 AM
  • Johan: Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ <<< ตอบแล้วๆ (เกมบ้าอะไรฟระ โพสละครึ่งปี)
    January 01, 2024, 11:35:44 AM
  • lostlance: สวัสดีปีใหม่ครับบ
    January 01, 2024, 08:58:21 PM

Author Topic: [STARLIGHT] Story  (Read 8143 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Johan

[STARLIGHT] Story
« on: July 18, 2015, 10:56:46 AM »


เมื่อสมัยเด็ก ฉันมองไปที่ฟากฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นแสงระยิบระยับหลายต่อหลายกระจุก ฉันมองเห็นสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น พวกเขาบอกว่านั่นคือดวงดาว
ฉันได้รู้ว่าผืนดินที่ฉันยืนอยู่นี้คือดาวดวงเล็ก ๆ ดวงหนึ่งในวันที่ฉันได้ถือมัน วัตถุที่ยิงออกไปเป็นแสงที่คล้ายกับดวงดาว แม้ว่ามันจะไม่ได้ส่องประกายระยิบระยับ
เพื่อนของฉัน พี่น้องของฉันล้มตายจนหมดสิ้นด้วยแสงที่พวยพุ่งออกมาเป็นสายคล้ายกับฝนที่พุ่งในแนวระนาบกับผืนดิน

จากเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ที่พวกเขาเรียกมันว่าอะไรสักอย่าง


ฉันเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ บนก้อนหินก้อนหนึ่งในอวกาศ ก้อนหินที่เรียกว่าดาวเคราะห์

 

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #46 on: September 09, 2015, 09:20:02 PM »


!#@$^%&#^%#$%%*&*!!!!??
สาวชาวเผ่านางหนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาในกระโจมซอมซ่อของคุณ นางแต่งกายดูออกว่าเป็นนักรบเผ่า ในมือมีหอกหิน
แต่ที่คุณไม่เข้าใจก็คือเสียงโหวกเหวกที่ฟังไม่รู้เรื่องนั่น แล้วนี่ก็เป็นวันที่ 2 แล้วที่คุณกับทีมติดตามมาพักอาศัยอยู่ปะปนกันชาวเผ่าของดาวโลกแห่งนี้
นางเข้ามาร้องบอกแล้วก็วิ่งโหวกเหวกออกไปที่กระโจมอื่น ๆ ต่อ




"ดีไหม?" คาโนะหันมาถามอย่างไร้สติเช่นทุกที



"ก็... ดี มั้ง" หอยที่กำลังหัดนับเลข 1-10 มองไปยังเบลอย่างงง ๆ
เธอกลุ้มใจพอสมควรที่ร่างนี้มันโง่แสนโง่ จนเธอเชื่อว่ามันก็อปปี้มาจากเด็กปัญญาอ่อนแน่ ๆ


"............" T--T
Bel รู้สึกระอาใจมากที่เธอต้องมาดูแลเด็กปัญญาอ่อน 2 คน




และนี่ก็คือสิ่งที่ชาวเผ่านี้อกสั่นขวัญแขวน เหล่านักรบเถื่อนรูปร่างหน้าตาคล้ายคนครึ่งลิงกำลังบุกเข้ามาเข่นฆ่าคนในหมู่บ้าน
นักรบของหมู่บ้านท่าทางผอมโซถูกชกกลิ้งโค่โล่ บ้างก็พยายามเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงแต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ได้เปรียบ
พวกเขาต่อสู้เหมือนกับพวกสัตว์ที่สู้ตายเพื่อรักษาอาณาเขต ต่อสู้อย่างไม่มีแบบแผน และไม่ได้คิดที่จะช่วยให้ชาวเผ่าที่อ่อนแอหาทางหนี

เจ้านักรบร่างยักษ์ที่บุกเข้ามาตนหนึ่งซัดนักรบชาวเผ่ากระเด็นลงไปแน่นิ่งแล้วทุบอกก่อนจะบุกเข้ามาในหมู่บ้านเป็นตัวแรก



"อ๊ะจ๊าาา" Canone แหกปากแบบชาวเผ่าแล้ววิ่งออกไปขวางเจ้ามนุษย์วานรเอาไว้ แต่ก็โดนชนปลิวกลิ้งไปในกระโจม
แต่อย่างไรก็ดี เธอทำให้มนุษย์วานรเบนสายตาไปอีกด้าน ยังผลให้ Bel และ Nautilus พ้นภัย




"เข้ามาโป้ย" ยูดาจิวิ่งออกมา คว้าหอกหินแล้วขว้างออกไปก่อนจะวิ่งเข้าบวก แต่เธอพลาดไปตรงที่ร่างใหม่นี้มันควบคุมยาก และเปราะบางกว่าที่คิด

ตุ้บ พลั่ก!!

เจ้ามนุษย์วานรกระโดดดรอปคิกเธอกระเด็นตกบ่อน้ำ

พลั่ก ตุ้บ!!

คะน้าและบาคูโดนมนุษย์ลิงโคลสไลน์หงายท้องผึ่งพร้อมเพรียงกัน


"แก ถ้าไม่ทอยเต๋าล่ะก็อย่าหวังว่าข้าจะสู้แกไม่ได้" ^-^
"ถอยออกไปก่อนคะน้า! ข้ารับมือมันเอง" บาคุลุกขึ้นมายื้อยุดประกบมือเร่งกำลังภายในกับลิงยักษ์



"ทุกคนมาทางนี้ก่อน!" Tian He ที่หลบอยู่หลังต้นไม้ร้องเรียก

ภาพที่ Tian He เห็นคือหมู่บ้านถูกมนุษย์ลิงบุกถล่มยับ ผู้คนแตกตื่นหนีตาย ล้มกลิ้งเปื้อนดินเปื้อนโคลน บ้างก็ขาแข้งหักพิกลพิการ
มนุษย์ลิงที่โหดร้ายฆ่าไม่เลือก และฆ่าทุกคนที่พวกมันพบเห็น ไม่ว่าจะเป็นใคร มันจะทุบอกเพื่อแสดงพละกำลังและอำนาจ ร้องเป็นภาษาแปลก ๆ แล้วก็ฆ่า
มันต่างจากสงครามที่ดาว Ballet ถึงแม้ว่าที่นั่นจะเป็นชนเผ่าล้าหลัง แต่พวกเขาก็มีอารยธรรมมากพอจะเรียกว่าเป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่รู้จักวิทยาการ
ต่างจากที่นี่ มนุษย์ที่นี่ใช้เพียงสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเท่านั้น
« Last Edit: September 09, 2015, 09:21:50 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #47 on: September 09, 2015, 09:40:16 PM »


ในยุคนี้สิ่งมีชีวิตที่พัฒนานำหน้าสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็คือมนุษย์ หากแต่มนุษย์ไมไ่ด้มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียว
บนแผ่นดินนี้ยังคงมีมนุษย์วานรที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ พวกมันมีสัญชาตญาณดิบของวานรที่คอยเข่นฆ่ามนุษย์
นึกไม่ออกได้เลยว่ามนุษย์จะสู้กับพวกมันได้อย่างไร พวกเขาไม่ได้มีสติปัญญาหรือวิทยาการที่เหนือล้ำกว่า ซ้ำประชากรวานรก็มีมากกว่า

หลังการต่อสู้ มนุษย์วานรกลุ่มนี้ก็ล่าถอยหนีไป พวกมันอาจจะประหลาดใจที่มนุษย์บางคนแข็งแรงพอ ๆ กับพวกมัน หรืออาจจะเหนือกว่า



"..........." ไคเซอร์เอาเท้าเขี่ยร่างไร้ชีวิตของมนุษย์วานรที่นอนคว่ำหน้า เขานึกแปลกใจว่ามันวิวัฒนาการมาอย่างไรกัน
ก็พอดีมีคนโหวกเหวกอยู่ด้านหนึ่ง



"แก เจ้ามนุษย์ออร์ค แกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!" เสียมารยาทนะหล่อน นั่นคนเฟ้ย



"คิดถูกที่เราไม่ออกมา" ควอซาร์เยื้องย่างออกมาจากกระโจมแล้วมองดูความพินาศในหมู่บ้านกว่าครึ่ง

ที่พักอาศัยเสียหายเกือบทั้งหมด ผู้คนล้มตายมากกว่าบาดเจ็บ มีเสียงร้องโอดโอยอยู่ทั่วไป
ดูนั่นสิ การปฐมพยาบาลของพวกมนุษย์หิน ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังประถมพยายามกันมากกว่า ขืนลากคนเจ็บแบบนั้นเดี๋ยวได้พิการกันพอดี

Spoiler for Hiden:
ชาวเผ่าที่เหลือรอดมาได้มีทั้งสิ้น 35 คน คนเจ็บที่เหลืออีก 10 คนตายหมด เพราะไม่มีหมอ
นักรบชาย 5
หญิงท้อง 4
เด็กหนุ่ม 5
หญิงสาว 3
เด็กผู้ชาย 2
เด็กผู้หญิง 8
ตาเฒ่า 4
ยายเฒ่า 4

มาจากการคำนวณที่แม่นยำด้วยเต๋า
http://baron.wudthipan.com/forum/index.php?topic=1132.msg158393#msg158393
« Last Edit: September 09, 2015, 10:13:16 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #48 on: September 10, 2015, 09:29:42 PM »


ย้อนกลับไปราว 5 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตซึ่งเรียกว่ามนุษย์ได้แยกสายพันธุ์ออกมาจากบรรพบุรุษของพวกเขาที่เป็นบรรพบุรุษของลิงเช่นกัน
แต่มนุษย์ในขณะนั้นซึ่งยังมีความเป็นสัตว์อยู่มากเนื่องจากกระดูกสันหลังยังคงเหมือนลิง มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแทบไม่ต่างกันนัก
พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำหรือเพิงผา ยังไม่มีความคิดสร้างที่อยู่อาศัยโดยใช้วัสดุธรรมชาติหรือตั้งรกรากถาวร ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ หาปลา และเก็บหาผลไม้ในป่า เมื่ออาหารตามธรรมชาติหมดก็อพยพไปหาแหล่งอาหารที่อื่นต่อไป
ด้วยความที่พวกเขามีสติปัญญาพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดพร้อมกับการเดินสองขาที่เกิดขึ้นจากการพยายามเดินทางข้ามทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เพื่ออพยพย้ายถิ่นฐานไปยังสถานที่อันอุดมสมบูรณ์ นั่นทำให้พวกเขาอยู่ในสถานะ 'ผู้ล่า'
เมื่อพวกเขาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม พวกเขามีพลัง อำนาจ ไม่ว่าจะเสือเขี้ยวดาบ หรือแมมมอธ ไม่ใช่ศัตรูของพวกเขา พวกมันคือเหยื่อด้วยซ้ำไป พวกเขาล่ามันเป็นอาหารจนมันแทบสูญพันธุ์

พวกเขารู้จักนำหนังสัตว์มาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม รู้จักใช้ไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ให้แสงสว่าง ให้ความปลอดภัย เริ่มมีการนำหินมากะเทาะเป็นเครื่องมือ
แต่ตลอดช่วงเวลา 5 ล้านปี มนุษย์กลับมีการวิวัฒนาการไปอย่างเชื่องช้า นอกจากสรีระที่เปลี่ยนไปจนคล้ายมนุษย์มากขึ้นแล้วพวกเขายังแทบใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากเดิมสักเท่าไร

Quote


"อ๊ะ ใช่สิ ใช่แล้ว ผู้ล่าไม่จำเป็นต้องวิวัฒนาการ มันไม่จำเป็นนะ ไม่จำเป็นเลย"


เมื่อไม่มีสิ่งเร้า การวิวัฒนาการจะไม่เกิดขึ้น มนุษย์ยังคงใช้ชีวิตเช่นเมื่อ 5 ล้านปีก่อน ล่า และอพยพ สลับกันไป



กระทั่งเมื่อ 100 ปีก่อน มนุษย์วานรได้ปรากฎตัวขึ้นและแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว นั่นคือจุดเริ่มต้นที่มนุษย์ได้วิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดด
เริ่มจากอาวุธเพื่อใช้ต่อสู้ป้องกันตัว เพราะมนุษย์วานรไม่เหมือนแมมมอธ ไม่เหมือนเสือเขี้ยวดาบ มันมีสติปัญญา และ 'มันเป็นผู้ล่า' พวกเขารู้จักประดิษฐ์เครื่องมือด้วยการฝนหินให้แหลมคมยิ่งขึ้นเพื่อใช้ต่อสู้
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง พวกเขาสร้างที่อยู่ถาวร รวมกลุ่มกันจนใหญ่กว่าเดิม นำไปสู่การหุงหาอาหาร และพัฒนาการสื่อสารด้วยภาษาพูด


"!#W$$%&Y%$%^&#$@!!!"


"!#W$$%&Y%$%^&#$@!!!" ;D
« Last Edit: September 10, 2015, 09:31:47 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #49 on: September 15, 2015, 11:05:53 PM »
Quote
พระองค์ทรงประทานพรวิเศษให้แก่ผู้หมั่นกระทำความดี และยึดมั่นในศีลธรรม
หากผู้ใดประพฤติเพื่ออุทิศถวายแก่พระองค์แลปรารถนาสิ่งวิเศษใด พระองค์จะประทานพรนั้น
เมื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว ภายภาคหน้าหากกระทำผิดไปจากความดีงาม ผู้นั้นจะเกิดวิบัติในชีวิต




"ขอโทษด้วยหากฉันทำให้รำคาญ แต่ฉันเป็นผู้ดูแลภารกิจนี้ และฉันจบด้านภาษาศาสตร์ชั้นสูงมา"
Green Heart บอกกับ Kaiser หลังจากที่เขาเอาดาบไปให้เจ้าหน้าที่เช็คดู ซึ่งมันใช้เวลาไม่นานเขาก็ได้พบกับ Green Heart และความจริงที่เปิดเผย



"การที่มีภาษาสลักไว้บนดาบ และดาบเล่มนี้มาอยู่ในยุคหิน หรือว่า?" Kaiser เข้าใจได้ในทันที

Quote
มีความเชื่อกันว่าพระศิวะนั้น สามารถช่วยปัดเป่ารักษาเยียวยาอากาศเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ได้อย่างมหัศจรรย์นัก หากผู้ใดที่เจ็บป่วยหรือต้องการขอพรให้คนในครอบครัวหายเจ็บไข้ได้ป่วย
ถ้ากระทำการบวงสรวงบูชาและขอพรจากพระศิวะ ก็มักปรากฏว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นถูกปัดเป่าให้หายไปได้โดยสิ้นในเร็ววัน
พระองค์เป็นเทพที่จะคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นศิริมงคลเกิดขึ้น ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด
หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ด้วยเช่นกัน

พระศิวะนั้นเป็นเทพที่จะอำนวยพรประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงวัว เลี้ยงม้า หรือเลี้ยงแกะ
และอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรทั้งปวงก็จะมีความสำเร็จและมีความสมบูรณ์พูนสุข หากบวงสรวงบชาพระศิวะ

พระศิวะ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งการทำลายล้าง พระองค์เปี่ยมไปด้วยอำนาจ พระพักตร์ของพระองค์แสดงให้เห็นว่าเป็นทั้งชาย เป็นทั้งหญิง เป็นทั้งผู้ใจดี เป็นทั้งผู้ดุร้าย
จากชิ้นฝุ่นธุลี ไปจนถึงภูเขาหิมาลัย จากมดตัวเล็ก ๆ ไปจนถึงช้างตัวใหญ่ จากมนุษย์ไปจนถึงพระเป็นเจ้า อะไรก็ตามที่เราสามารถเห็นได้นั้น เป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งหมด




"บุคคลผู้มีสติปัญญาทุก ๆ คนควรพิจารณาถึงตัวเอง และสิ่งทั้งหลายของสากลโลกเป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งสิ้น"
"เมื่อคิดระลึกได้อย่างนี้แล้วผู้นั้นก็จะเข้าถึงความสุขความสงบ"
Nu เดินเข้ามาแล้วกล่าวต่อถึงเทวตำนานที่สลักอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งหน่วยสำรวจดาวได้นำมาปะติดปะต่อกันทีละ 0.001% กระทั่งเกือบสมบูรณ์
ดาวดวงนี้มีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน ก่อนที่ทุกอย่างจะล่มสลาย



"อย่างน้อยก็ 2 ครั้ง"



"มากกว่านั้น ไม่น้อยกว่าห้าสิบครั้ง หรือมากกว่า ...เป็นร้อยครั้ง"

ดาวดวงนี้เจริญรุ่งเรืองจนถึงจุดหนึ่ง แล้วก็ล่มสลายลง จากนั้นก็เจริญก้าวหน้า แล้วก็ล่มสลายลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อตรวจสอบครึ่งชีวิตของดาวเคราะห์ดวงนี้ก็พบว่ามันมีอายุที่ยาวนานมากเหลือเกิน จึงคาดคะเนได้อย่างคร่าว ๆ ถึงจำนวนครั้งที่เกิดลูปอันเป็นผลมาจากการรีเซ็ท



"บ้าน่ะ รีเซ็ทเหรอ มีพระเจ้าของกาแล็คซี่แห่งนี้กำลังเล่นเกมสร้างดาว พอไม่ถูกใจก็กดรีเซ็ทเหรอ"
Sphere เดินเข้ามาชนไหล่ Kaiser แล้วเหลือบมองคล้ายกับเขาผิดที่ไม่หลบเธอ



"อ๊ะ ใช่เลย ใช่สิ ถ้าฉันสร้างมันไม่ได้ดั่งใจนะ ฉันก็จะเริ่มเกมใหม่ แล้วก็เล่นใหม่ เล่นใหม่อีก"



"ถ้าเกมนึงมันกินเวลานานเป็นแสนหรือล้านปี ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่คิดหยอดเหรียญเล่นเป็นรอบที่สอง"
"เว้นเสียแต่.... เธอจะไม่มีความรู้สึกนึกคิดเช่นพวกเรา เป็นเหมือนกับพระศิวะในเทวตำนาน"
« Last Edit: September 15, 2015, 11:22:21 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #50 on: October 19, 2015, 10:57:48 PM »


เมื่อระบบชั้นของพลเมืองถูกยกเลิกที่นี่จึงไม่ใช่สถานที่ซึ่งใครก็ปรารถนาจะมาอยู่อาศัยอีก
นครลอยฟ้า เมืองหลวงของอาณานิคม Capitol ซึ่งแทบจะไม่มีผู้อยู่อาศัย มันถูกใช้เป็นสถานที่ราชการและฐานบัญชาการมากกว่า

และลานกว้างซึ่งเป็นจตุรัสของที่นี่ Jeneral Jarnu ได้ยืนรอ Kaiser อยู่แล้ว
เขาได้รับการนำทางมาถึงทางเข้าแล้วทหารก็รออยู่ที่นั่น ปล่อยให้ Kaiser และเด็กทั้งสองเดินเข้าไป




"หากดาราไม่มีวันอับแสง จักรวาลคงขาดสมดุล แลไม่อาจแผ่กิ่งก้าน"

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #51 on: October 20, 2015, 08:48:06 PM »


เมื่อระบบชั้นของพลเมืองถูกยกเลิกที่นี่จึงไม่ใช่สถานที่ซึ่งใครก็ปรารถนาจะมาอยู่อาศัยอีก
นครลอยฟ้า เมืองหลวงของอาณานิคม Capitol ซึ่งแทบจะไม่มีผู้อยู่อาศัย มันถูกใช้เป็นสถานที่ราชการและฐานบัญชาการมากกว่า

และลานกว้างซึ่งเป็นจตุรัสของที่นี่ Jeneral Jarnu ได้ยืนรอ Kaiser อยู่แล้ว
เขาได้รับการนำทางมาถึงทางเข้าแล้วทหารก็รออยู่ที่นั่น ปล่อยให้ Kaiser และเด็กทั้งสองเดินเข้าไป




"หากดาราไม่มีวันอับแสง จักรวาลคงขาดสมดุล แลไม่อาจแผ่กิ่งก้าน"


การต่อสู้จะสร้างนักรบ สงครามเรียกหาวีรบุรุษ ฉันจะทำทุกวิถีทางให้ Jarnu เป็นวีรบุรุษที่ว่า
เพื่อรับมือกับอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ เพื่อเอาชนะศัตรูที่เก่งกาจยิ่งกว่าที่ผ่านมา

แต่หากพวกเธอโค่นพวกเราได้ฉันก็ยินดี ก็เหมือนทฤษฎีการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดโดยธรรมชาติ




"แล้วเธอล่ะ คิดอย่างนั้นหรือเปล่า"

เหม่ยซือแหงนมองฟ้าไปไกลลิบสุดสายตา เมื่อยานเกราะเคลื่อนที่เร็วของเธอที่โดยสารมากับ Jaunu ประสบอุบัติเหตุกับถนนขาดบนไฮเวย์
Jarnu กับเธอเดินทางข้ามพรมแดนออกมาจาก Capital มุ่งหน้าไปยังอาณานิคมข้างเคียงเพื่อหวังดำเนินกิจการทางการเมือง
หากแต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือการจู่โจมลอบสังหารที่ถูกวางแผนมาอย่างดีโดยฝ่ายที่ไม่ต้องการเดินตามเกมของพวกเธอ ฝ่ายที่ต้องการก้าวข้ามกติกาที่พวกเธอวางเอาไว้

Quote
"สงครามจะไม่เกิดขึ้น ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดมัน เหม่ยซือและแยร์นูจะไม่สมหวังแน่"

« Last Edit: October 20, 2015, 08:49:35 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #52 on: October 20, 2015, 09:16:53 PM »




Jarnu ไม่ได้เดินทางมากับเหม่ยซือเพียงสองคน แต่ยังมี Kaiser และองครักษ์มากมาย


ซึ่งนั่นก็ไม่ได้อยู่เหนือการคาดคะเนของฝ่ายล่าสังหาร




« Last Edit: October 20, 2015, 09:17:23 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #53 on: October 20, 2015, 09:41:30 PM »
Yuudachi และ Bel (Hide)

สังหารองครักษ์เอก 1 คน (ขาว/น้ำเงิน)
จะมี 1 คนที่ Kaiser เลือกมา หากสังหารผิดคน องครักษ์ที่ Kaiser เลือกจะช่วย Jarnu
ทั้งสองคนนัดกันเอาเองว่าจะเลือกคนไหน เลือกได้ 1 คน คนที่ถูกเลือกจะตาย

แบ่งกำลังจู่โจมและไล่ล่าดักทางหนี
ระบุว่าจะให้ใครเป็นฝ่ายจู่โจมบ้าง และใครจะไปดักทางหนี (1 คน)
หาก Jarnu หลบหนีจะไปเจอเข้ากับคนที่ไปดัก แต่หากไม่หนี คนที่ไปดักก็รอเก้อ

จากนั้นแบ่งคนไปต่อสู้แบบ Battle กับ 3 ตัวละคร Jarnu เหม่ยซือ Kaiser จะต้องส่งไปอย่างน้อย 1 คน/1 เป้าหมาย
Summons จะไปกับผู้เรียกเท่านั้น

ตัวประกอบไม่มีบทอะไร เป็นแค่แบ็คกราวด์
« Last Edit: October 20, 2015, 09:42:35 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #54 on: October 22, 2015, 03:25:03 PM »


"ไม่ล่ะ พวกเราจะไม่เดินตามถนนที่เธอสร้างเอาไว้แน่" ว่านหางจระเข้ ที่ปรึกษาชั่วคราวของ BB สั่งโจมตีจากบนฟ้าด้วยฝูงบินมังกรเพลิง

มังกรสามารถหลบเลี่ยงเรดาร์เข้ามาได้ และโจมตีอย่างรวดเร็วจากบนท้องฟ้า เพียงพริบตาหนึ่งที่ปะทะกันองครักษ์ของฝ่าย Capital ก็ล้มตายไปเป็นใบไม้ร่วง
Kaiser ขยับมาขวาง Jarnu แล้วยกดาบลำแสงรับกระสุน เหม่ยซือสะบัดหอกตัดทั้งหัวมังกรและคนขี่ขาดกระเด็น

องครักษ์เอกในชุดเกราะสีขาวพลิกตัวมาป้องกันนายของตนจากคมเขี้ยวมังกรของ BB จนตัวตายคาปากมังกร
Yuudachi ทิ้งตัวลงมาเผชิญหน้ากับเหม่ยซือที่แตกกลุ่มไปคนละทางกับ Bel ที่ไปเผชิญหน้ากับ Kaiser

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #55 on: October 22, 2015, 03:33:44 PM »


"เราเจอกันอีกแล้ว" Kaiser แกว่งดาบไปมา ได้ยินเสียงลำแสงตัดอากาศดังวูบวาบ
เมื่อเขาเผชิญหน้ากับ Bel ที่ใช้ Mecha Factory (อุปกรณ์เปิดมิติ) เรียกเอา Excellent จักรกลคู่ใจออกมาพร้อมกัน



"...ฉันเดิมพันเอาไว้" Bel ว่า แล้วสั่งให้ Excellent พุ่งเข้าโจมตี

"น่าสนุกดี ฉันพนันได้เลยว่าเธอไม่มีทางชนะ" Kaiser โยกตัวหลบกริชลำแสงของ Excellent แล้วสะบัดดาบโต้ตอบไปพลางโต้ตอบกับ Bel

"ฉันต้องชนะ" Bel บอกในช่วงเวลาเดียวกับที่ Excellent แทงเข้าใส่ Kaiser


น่าแปลกที่ Bel เห็นรอยยิ้มอย่างผู้ชนะของ Kaiser แม้ว่าเขาจะพลาดท่าโดนแทงทะลุหลังจนล้มลงไปนอนจมกองเลือด

Kaiser หมดสภาพ
« Last Edit: October 22, 2015, 03:34:55 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #56 on: October 22, 2015, 03:47:39 PM »
ในเวลาเดียวกัน ก่อนที่หลังของ Kaiser จะล้มลงแตะพื้น BB ที่อยู่บนหลังมังกรและทหารมือฉกาจอีกหลายนายได้ควบบังเหียนของสัตว์ร้ายบินวนรอบผู้ที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจที่สุดบนยาน Rexus
ว่านหางจระเข้ที่อยู่ไกลออกไปไม่มากคือผู้กำหนดแผนการรบ ส่วน Canone คือหน่วยสนับสนุน ทุกอย่างถูกวางและกำหนดมาอย่างดี

Jarnu ใช้เวลาที่มองกวาดสายตาประมาณ 0.4 วินาที แต่เทียบเท่ากับการประชุมและเวลาอีกสองคืนที่ว่านหางจระเข้ขบคิดกลวิธีต่างๆที่จะสยบเธอ




"หากดาราไม่มีวันอับแสง จักรวาลคงขาดสมดุล แลไม่อาจแผ่กิ่งก้าน"
"หากวันนี้ ณ ที่แห่งนี้ จะมีดาราที่อับแสงสักสิบสี่ดวง"

วูบหนึ่งที่อัศวินมังกรบนฟ้าสี่คนทิ้งร่างอันไร้ชีวิตลงสู่ดิน และนับเป็นยอดผู้เสียชีวิต 14 คน เมื่อมาถึงเวลานี้

"...มันคงน่ายินดี"

แล้ว BB ที่พุ่งเข้าหาก็ต้องเผชิญหน้ากับหอกสีดำสนิทที่ลึกล้ำเหมือนพื้นที่ว่างในอวกาศ

หอกที่ชื่อว่า Gungnir หอกวิเศษในตำนานที่ไม่มีวันพลาดเป้า มันก่อกำเนิดเป็นรูปร่างอยู่ในมือของ Jarnu เพียงอึดใจเดียว ราวกับมันเกิดขึ้มาจากจิตวิญญาณ

BB หมดสภาพ
Canone หมดสภาพ
ว่านหางจระเข้ หมดสภาพ

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #57 on: October 22, 2015, 04:20:27 PM »


ห้องนอน Level 1 คือที่พักของ Kaiser ตลอดช่วงที่ออกเดินทางมา
แต่มันก็เหมือนห้องเปล่า เขาไม่มีเงินพอจะซื้อหาอะไรมาแต่งห้องเลยแม้แต่อย่างเดียว นอกจากแมกกาซีนฉบับหนึ่งที่แจกฟรีวางอยู่บนโต๊ะ



หน้ากลางของเล่มเป็น 4 สีสวยสด มีดาราคนดัง 3 คน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหน้าตาอย่าง Kaiser คิดยังไงไปหาหนังสือแบบนี้มาอ่าน
คนซ้ายสุดชื่อ Sphere คนกลางชื่อเหม่ยซือ อีกคนเขาจำชื่อไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้สนใจ

ถ้าสนใจจะลองนึกเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับพวกเธอก็ได้ พวกเธอก็อยู่ในยานนี้แหละ




อัศวินสาวยกมือข้างหนึ่งโบกเปลวเพลิงอาคมจากลมหายใจของมังกรแตกกระจายเป็นสาย เวทมนตร์ใดๆไม่สามารถใช้กับเธอได้
หนึ่งในอัศวินมังกรที่เป็นหัวหอกต้องลงมาจากมังกรเพื่อต่อสู้บนพื้น เผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้หนึ่งที่เคยเป็นไอดอลขวัญใจผู้คน



"เอายังไงกันดีล่ะพวกเรา" เหม่ยซือเหวี่ยงหอกไปมาอย่างคล่องแคล่ว



"หลบไปนะโป้ย ยูดาจิไม่อยากต่อสู้หรอกนะโป้ย"
Yuudachi ร้อนรนเมื่อเห็นว่า Jarnu ที่อยู่ด้านหลังของเหม่ยซือลอยตัวขึ้นเหนือพื้นแล้วถอยออกจากสนามรบอย่างไม่แคร์อะไร

เธอกำลังจะหนีไปจากที่นี่ เธอไม่ได้สนใจจะต่อสู้ ไม่ได้สนใจจะช่วยเหลือใครทั้งนั้น เธอไม่ได้สนใจอะไรเลย
หรือบางทีการมีอยู่ของพวกเรานั้นสำหรับเธออาจเป็นแค่ฝุ่นผงในอวกาศ




"ประตูแห่งเกียรติยศจะไม่เปิดออกเองหรอกนะ" Nautilus บอกกับ Yuudachi และใช้ Mecha Factory (อุปกรณ์เปิดมิติ) เรียกเอา Knight Magnificent ออกมา

แม้ว่าจะเป็น Yuudachi และ Knight Magnificent แม้ว่าพวกเธอจะรู้ข้อมูลของเหม่ยซือมาก่อนแล้ว แต่เหม่ยซือก็เป็นยอดฝีมือ

และเมื่อเธอไม่คิดจะดวลตัดสินยิ่งทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อ...

กระทั่ง Yuudachi ต้องทุ่มทุกอย่าง
เกราะประกอบร่างกระจายออกแล้วเข้ามาประกอบตามร่างกายของเธอ เธอพุ่งขึ้นฟ้า ต่อปืนใหญ่ และเล็งลงมา




ผ่าง







เธอเคยได้ยินหรือเปล่า

ชนะการต่อสู้ แต่แพ้สงคราม



เหม่ยซือหมดสภาพ
« Last Edit: October 22, 2015, 04:22:25 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #58 on: October 22, 2015, 06:17:15 PM »
2 ปีแรก หลังยานออกจากกาแล็คซี่ Rexus เพื่อเดินทางท่องอวกาศ

หรือประมาณสิบกว่าปีก่อน




White Trooper Headquarters: ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ Rexus
มันเป็นสถานที่โอ่โถงซึ่งสงวนสิทธิ์สำหรับทหารชุดขาวหรือกองกำลังพิทักษ์ Rexus เท่านั้นที่จะเข้าออกได้

ขณะเดินเข้าไปก็มีคนเดินสวนมาจนถาดอาหารกระแทกเข้ากับ Kaiser จนชุดเปื้อน บนหัวของเขามีสปาเก็ตตี้โปะอยู่



Kaiser พยายามระงับอารมณ์



"................" ใครคนนั้นที่ซุ่มซ่ามจนเขาต้องหาเวลาไปซักล้างเงยหน้ามองเขา

"ขอโทษ" แค่นี้แหละ แล้วก็เดินไป จานไม่เก็บ มีคนมาเก็บให้ อุตส่าห์สงบสติได้แต่สุดท้าย Kaiser ก็ตามไปเอาเรื่องเมื่อเห็นพฤติกรรมกวนบาทานี้

เธอหันมาสาวหมัดใส่ทันทีที่เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่เธอ เกิดการต่อสู้ ซึ่ง Kaiser ถนัดนักแหละการรังแกผู้หญิงที่ไม่เคารพเขา

Kaiser ล้มลงไปทับ มือหนึ่งคว้าหน้าอกข้างหนึ่ง อีกมือก็จับหน้าอกอีกข้าง พอดีสองมือ
ทุกอย่างเงียบงันไปราวกับเวลาถูกฟรีซ Kaiser มองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอที่เงียบงันไร้เรื่องราวทั้งอดีตและอนาคต

"เพราะมนุษย์อย่างพวกคุณมันบกพร่องจึงต้องมีพวกเรา" เธอพูด แต่เขายังเงียบ

"ลุกไป เจ้าคนหื่น" เธอว่า



"ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก ว่าแต่พวกเธอคือ?" ไคเซอร์ลุกขึ้น แล้วดึงแม่นี่ลุกด้วย

เธอจ้องเขาเขม็งแล้วเบือนหน้าหลังจากลุกไปแล้ว ได้ยินเสียงของทหาร Lanaciel แว่วมาเข้าหูว่า เฮ้ย ทหารโคลนก็แพ้เป็นว่ะ

Kaiser จึงนึกขึ้นมาได้เกี่ยวกับโครงการทหารโคลนที่เขาเคยผ่านตา หรือที่เรียกว่า Clone Trooper ซึ่งกองกำลัง Lanaciel เริ่มฝึกฝนนำมาใช้งานเมื่อปีก่อน
แม่คนนี้คงเป็นผลิตผลนั้น เธอเป็นโคลนที่ฝึกฝนการรบ แต่เพราะเป็นโคลนจึงไม่ได้รับการยอมรับด้านเผ่าพันธุ์ และถูกชาว Lanaciel จัดไว้เป็นชนชั้น Underground
หรือชนชั้นเดียวกับพลเมืองบนยานที่ใช้ห้องนอนรวมนั่นแหละ




Kaiser เดินตามทหารโคลนนางนั้นไปตามทางเดินซึ่งเป็นทางเดินไปยังโซนที่พักอาศัยของ Clone Trooper
เขาสังเกตได้ว่ามันเป็นพื้นที่ ๆ ยังใช้ระบบและเทคโนโลยีรุ่นเก่า หรือยังไม่พัฒนามากนัก ไม่ต่างจากพลเมืองทั่วไป

ทหารโคลนมีอิสระในช่วงเวลาหนึ่ง และต้องกลับเข้าไปฝึกซ้อมรบตามโปรแกรม พวกเขาจึงมีเวลาคิดเรื่องส่วนตัวค่อนข้างน้อย พวกเขามีชีวิตเพื่อต่อสู้
ทั้งที่ศักยภาพของทหารโคลนนั้นสูงในระดับยอดฝีมือของทหารชุดขาว แต่การปฏิบัติและดูแลพวกเขานั้นไม่ต่างจากเป็นจักรกลสงคราม นั่นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปรู้

Kaiser ไม่รู้ว่าพวกเขามีต้นแบบจากไหน เพราะคำว่า Clone เป็นคำเก่า พวกเขาไม่ได้เกิดมาด้วยวิทยาการโคลนนิ่ง แต่เกิดจากกระบวนการด้านวิทยาศาสตร์เวทมนตร์
การจัดเรียงข้อมูลและสร้างกายเนื้อขึ้นด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ก่อนจะสร้างฐานข้อมูลความคิด และดึงจิตวิญญาณเข้ามาใส่ในร่างคือวิธีสร้างทหารโคลน พวกเขาเป็น Artifact
สาเหตุที่ต้องใช้กายเนื้อแทนที่จะใช้วัสดุที่แข็งแกร่งเหมือนอย่าง Ram และ Rom ก็เพราะการสร้างเซลล์สิ่งมีชีวิตนั้นใช้ต้นทุนต่ำกว่า และสร้างได้รวดเร็ว ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร
นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทหารโคลนไม่ใช่นักรบจักรกล

เธอหยุดแล้วหันมาถามว่า "คุณอยากชมการฝึกของเราหรือ" เธอบอกว่าเธอกำลังจะไปฝึกฝนตามโปรแกรม

"ชมอย่างเดียวมันน่าเบื่อนะ ขอเข้าไปฝึกด้วยได้ไหม?" Kaiser บอก

เธอไม่ว่าอะไร เขามีสิทธิ์ และ Kaiser ก็ได้เข้าไปยังพื้นที่ฝึกฝนของ Clone Trooper



สิ่งที่เขาเห็นคือ เด็กสาวหน้าตาเหมือนกันเป็นพัน ๆ ในพื้นที่โล่งกว้างที่ใช้ฝึกในรูปแบบที่หลากหลาย
พวกเธอยังแต่งตัว ติดตั้งอุปกรณ์เหมือนกันเปี๊ยบ ที่เห็นเด่นชัดก็คือหมวกเกราะขนาดใหญ่และไม้เท้า
เผลอแป๊บเดียวคนที่เขาตามมาก็หายไปแล้ว

CT-800 คือรหัสของเธอคนนั้น โคลนที่เก่งกาจที่สุดที่ระบบ Rexus บันทึกเอาไว้

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #59 on: October 22, 2015, 09:50:43 PM »


"เฮ้ย เธอมาช้านะ" Sphere ยืนกอดอกอวดศักดาอยู่บนมังกรบนที่ราบกว้างใหญ่ซึ่งมีเพียงเธอและคู่สนทนาที่ไม่อาจบินได้ในสภาวะปกติ
"ฉันเคยคิดว่าเธอจะร้ายกาจเอามากๆ แต่ตอนนี้ฉันเห็นแล้วล่ะว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น" สายตาของ Sphere ที่ฮึกเหิมมาตลอดกลับสงบราบเรียบขึ้นมา

อีกฝ่ายที่ลอยเหนือพื้นประมาณครึ่งเมตรทิ้งร่างลงสัมผัสพื้นก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคที่อีกฝ่ายขี้เกียจจะรับฟัง

"ไร้สาระว้อย คนตายไม่ต้องรู้อะไรหรอก!!"


"ถ้าไม่ริดใบ มันก็ไม่แตกกิ่งก้านหรอกนะ"

"หา ก็ใส่ปุ๋ยเข้าไปสิ"

"เธอจะดันทุรังไปเพื่ออะไร มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว"

"เธอนี่มันเลือดเย็นชมัด"

"ก็แค่เราคิดต่างกัน"

Spoiler for Hiden:
Kaiser VS Bel
Spoiler for Hiden:
Turn 1
Kaiser Acc 4+2
Skill - All For One: M.Atk +1 Def +1 Ⓟ [Nature]
Item - Absolute Defense System: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Kavlar Battle Suit: ชุดเกราะ Def +3, ✪ HP 5 ⓞ [Nature]
Item - Beam Sabre: ดาบลำแสง M.Atk +3 Ⓦ [Innovation] [5/5]

Bel
Skill - Mecha Master: Mecha Summons Status +2, ✪ Mecha/Engineer Ⓟ [Nature]
Skill - Engineer: ทักษะวิศวกร Ⓟ [Nature] ۞
Skill - Mechanical Experience: ลดการใช้ SP 1 เมื่อเรียกใช้ Mecha Summons Ⓟ [Nature]
Item - Mecha Factory: อุปกรณ์เปิดมิติ เรียกใช้ Mecha Summons ได้, ✪ Engineer [Innovation]

Excellent Agi 3+2 (ชนะทาง)
Item - Diamond Dagger: M.Atk +3+2 Agi +1+2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Excellent โจมตีด้วย Atk 18
Kaiser ไม่รอดแน่นอน จบการต่อสู้

เหม่ยซือ VS Yuudachi + Nautilus
Spoiler for Hiden:
Turn 1
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞
Item - Galactic Lancer: ทวนยาวกำไลข้อมือ M.Atk +5 Str +2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Yuudachi Agi 4
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]

Nautilus
Skill - Mecha Master: Mecha Summons Status +2, ✪ Mecha/Engineer Ⓟ [Nature]
Skill - Mechanical Experience: ลดการใช้ SP 1 เมื่อเรียกใช้ Mecha Summons Ⓟ [Nature]
Item - Absolute Defense System: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]
Item - Mecha Factory: อุปกรณ์เปิดมิติ เรียกใช้ Mecha Summons ได้, ✪ Engineer [Innovation]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

เหม่ยซือ โจมตี Knight Magnificent 1 damage

Turn 2
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞
Item - Galactic Lancer: ทวนยาวกำไลข้อมือ M.Atk +5 Str +2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Yuudachi Acc 4+2
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

เหม่ยซือ โจมตี Knight Magnificent 1 damage
Yuudachi โจมตี เหม่ยซือ 1 damage

Turn 3
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞
Item - Galactic Lancer: ทวนยาวกำไลข้อมือ M.Atk +5 Str +2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Yuudachi Agi 4
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Physalis: เกราะประกอบร่าง R.Atk 6 Def +1 Acc +1 (3 Turn) Ⓦ [Innovation] [1/1]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

เหม่ยซือ โจมตี Knight Magnificent 1 damage

Turn 4
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞

Yuudachi Acc 4+2
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Physalis: เกราะประกอบร่าง R.Atk 6 Def +1 Acc +1 (3 Turn) Ⓦ [Innovation] [1/1]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

Yuudachi โจมตี เหม่ยซือ 3 damage

Turn 5
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞

Yuudachi Acc 4+2
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Physalis: เกราะประกอบร่าง R.Atk 6 Def +1 Acc +1 (3 Turn) Ⓦ [Innovation] [1/1]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

Yuudachi โจมตี เหม่ยซือ 3 damage

เหม่ยซือหมดสภาพ

Jarnu VS BB + Canone + ว่านหางจระเข้
Spoiler for Hiden:
Turn 1
Jarnu Acc 4 (Buff องครักษ์ Atk +2)
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

BB Int 3+2 (Buff จาก ว่านหางจระเข้)

Jarnu ชนะทาง โจมตี Atk 20 ทีเดียว Canone หมดสภาพ

Turn 2
Jarnu Acc 4 (Buff องครักษ์ Atk +2)
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

BB โดนทีเดียวหมดสภาพ

Turn 3
Jarnu Acc 4 (Buff องครักษ์ Atk +2)
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

ว่านหางจระเข้ โดนทีเดียวหมดสภาพ

จบที่ Turn นี้

Turn 4
Jarnu Acc 4
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

Turn 5
Jarnu Acc 4
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

Turn 6
Jarnu Vit 4+1 (Buff องครักษ์ หนีสำเร็จ)
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

Spoiler for Hiden:
Quote
Kaiser ใช้ Acc ทุกเทิร์น เทริ์นที่ 6 - 9 ใช้ Emperor Eyes

[ Turn 1 ]
อัญเชิญ Excellent ออกมาตั้งรับด้วย Agi

[ Turn 2 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9
Belphegor ใช้ ภาพน่าอายของ Kaiser ใส่ Kaiser

[ Turn 3 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 4 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 5 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 6 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 7 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย M.Atk 4

[ Turn 8 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย M.Atk 4

[ Turn 9 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย R.Atk 2

[ Turn 10 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย R.Atk 2


Quote
Jarnu
Turn 1-5 ใช้ Acc + Future Vision
Turn 6-10 ใช้ Vit + หนี
Rolled 5d10 : 3, 5, 3, 7, 5, total 23

BB + Canone + ว่านหางจระเข้

Turn 1 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้พร้อมสกิล Particle field + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 2 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 3 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 4 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 5 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 6 : Agi 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 7 : Acc 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 8 : Agi 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 9 : Acc 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 10 : Agi 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้


Quote
เหม่ยซือ ใช้ Str ทุกเทิร์น + Galactic Lancer ตั้งแต่เทิร์นแรก
Yuudachi + Nautilus

ยูดาจิกระโดดลงจากหลังมังกรเพราะรู้ว่ามังกรไม่อาจจะทำอันตรายอะไรเหม่ยซือได้

Turn 1 : Agi 4

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 2 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 3 : Agi 4

Yuudachi โจมตีด้วยเกราะประกอบร่าง + Knight กด Safeguard ให้

Turn 4 : Acc 6

Yuudachi โจมตีด้วยเกระาประกอบร่าง + Knight กด Safeguard ให้

Turn 5 : Agi 4

Yuudachi โจมตีด้วยเกระาประกอบร่าง + ใช้ Spirit of element เพิ่ม Atk + Knight กด Safeguard ให้

Turn 6 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + ใช้ Spirit of element เพิ่ม Atk   + Knight กด Safeguard ให้

Turn 7 : Agi 4

Yuudachi เอาหมัดต่อย + ใช้ Spirit of element เพิ่ม Atk  + Knight กด Safeguard ให้

Turn 8 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 9 : Agi 4

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 10 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

ยังไง Knight ก็น่าจะพัง แต่เพราะเป็นตัว Summon + ไม่ได้สั่งให้ไปรบ (แค่กด Safeguard ดังนั้นพอตายแล้วจึงไม่โดน AOE แหละนะ


Sphere เสียชีวิต
« Last Edit: October 22, 2015, 10:04:48 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #60 on: October 22, 2015, 11:24:30 PM »
พวกเขาประมาทเกินไป Jeneral Jarnu ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาจะคาดคิด เธอถูกสร้างมาจากอวกาศ ตัวตนของเธอคืออวกาศ เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง และอยู่เหนือวิทยาการใดๆ
กลุ่มล่าสังหารที่ตามไปพบเพียง Sphere ที่พิงซากมังกรในสภาพไร้ชีวิต หน้าอกฝั่งซ้ายของเธอถูกทะลวงแทงด้วยอาวุธมีคมบางอย่างเพียงจุดเดียว ราวกับการต่อสู้จบลงในพริบตาเดียว


"เราไม่อนุญาตให้พวกเจ้าโผบินออกนอกกฎเกณฑ์ที่เราวางเอาไว้"

และอึดใจต่อมาอาณานิคม Savior ที่กินอาณาบริเวณกว่าสี่แสนตารางกิโลเมตร (เกือบเท่าประเทศฝรั่งเศส) ก็หายไปจากยาน Rexus ด้วยลำแสงที่สาดลงมาจากทุกทิศทาง พร้อมประชากรในดินแดนนั้น
ซึ่งเหตุการณ์นี้คือสิ่งที่ Colonel คาดหวังเอาไว้



"ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรสงครามก็ต้องเกิดขึ้น" Colonel ออกทุนให้กับ Savior ในการลอบสังหาร เธอคาดเดาได้ว่าหากงานนี้พลาด Savior จะล่มสลายอย่างแน่นอน
แต่ระบบ Rexus มีเงื่อนไขบางอย่าง มันจะไม่ทำงานต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง และนั่นเองที่ทำให้ Regalia ภายใต้การนำของ Colonel กรีทาทัพโจมตี Capital



กองทัพโคลนกว่าแสนบุกโจมตีข้ามดินแดนทันทีเมื่อพวกเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่อาจใช้อำนาจของ Rexus ได้ จนเกิดเป็นสงครามใหญ่ที่หลายฝ่ายเข้าร่วมกับขั้วอำนาจที่ตนหนุนหลัง

BB ที่ผิดหวัง เศร้าเสียใจกับการตัดสินใจของตนถึงกับหมดอาลัยตายอยาก ทุกอย่างมันไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด และมันเลวร้ายลงเสียอีก
แล้วเขาก็หายตัวไป คาดว่าคงไปใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาจนกว่าลมหายใจที่ไร้ค่าของเขาจะดับลงอยู่ที่ไหนสักแห่ง

กระทั่ง 1 ปีต่อมาเมื่อสงครามมาถึงจุดแตกหัก Jeneral Jarnu ได้สังหาร Colonel ที่เป็นหนามยอกอกของตนเองลงได้สำเร็จและกำชัยชนะเหนือกองทัพ Regalia อย่างเด็ดขาด

ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
« Last Edit: October 22, 2015, 11:27:23 PM by Johan »