"ดร.แอนโธนี่ไหวตัวหนีไปได้ แต่เราพบร่องรอยเหลืออยู่จึงลงมาที่นี่ถูก ดูแล้วคุณไม่น่าใช่แวมไพร์ มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ" Chao ถามเข้าประเด็น
มีนาเร่ไปดูศพบนเตียง ดูว่าหน้าตาเหมือนวิลเลี่ยม ออร์ก้า ไหม
ช้าก่อน ท่านไวส์เคานท์ยกมือห้ามมีนาไว้ ไม่ให้ผ่านไป
-ฝ่าไปเลย
-อื่นๆ
เรามาตกลงกันก่อนดีกว่า จะเล่าเรื่องเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้วให้ฟัง
ตอนนั้นเพิ่งจะมีการอพยพมาตั้งโคโลนีที่อเมริกา ข้าเป็นขุนนาง
ที่สมเด็จพระราชินีส่งมา เพื่อดูแลการตัดไม้ซีดาร์ที่มีค่าของที่นี่
ส่งไปที่ประเทศแม่ เรายอมรับว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ ...
เพื่อประหยัดค่าแรง เราจึงสร้างยาที่ทำให้ซากศพคืนชีพมาเป็นทาสแวมไพร์ขึ้นจากเลือดของเราเอง
และใช้ซากศพที่ตายใหม่ๆของหมู่บ้านอินเดียนใกล้ๆ เป็นวัตถุดิบ
ทาสแวมไพร์ที่ซื่อสัตย์ ทำงานได้ตลอดคืน แถมยังกินเลือดสัตว์ก็อยู่ได้
ทั้งๆที่เราก็ควบคุมทาสนั้นเป็นอย่างดี ไม่ให้ไปกินเลือดของชนพื้นเมือง
และตัวข้าเองก็กินเลือดจากสาวกชาวยุโรป แต่ชาวพื้นเมืองกลับไม่เข้าใจ
ยกกำลังมาต่อต้านเรา พวกมันใช้ลิ่มนั่นตอกอกเรา ท่านไวส์เคานท์ชี้ไปที่ซากศพในห้องที่มีลิ่มตอกอยู่
โชคดีที่เราใช้พลังเฮือกสุดท้าย ย้ายตัวเองมาที่ห้องทดลอง ลิ่มจึงยังตอกหัวใจเราได้ไม่สุด
แต่เราก็ถูกผนึกร่างและวิญญาณจนไม่สามารถเอามันออกได้
เราสามารถปรากฏได้แค่ในรัศมีของซากศพเท่านั้น
หลายปีที่ผ่านมาเราพยายามปรากฏตัวให้คนเห็น แต่คนเหล่านั้นก็มีแต่หวาดกลัว
จนกระทั่ง ยี่สิบปีก่อนมีการตั้งสถานจิตบำบัดขึ้น
ดีที่เราทิ้งล็อคเก็ตและแว่นตาที่มีรหัสเปิดห้องลับไว้ ด็อกเตอร์แอนโธนี่จึงเชื่อถือ
และลงมาได้ แต่เขาก็เอาแต่ขอความรู้ที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นแวมไพร์จากเรา
ไม่ยอมช่วยข้าอย่างที่ตกลงไว้
พวกเจ้าล่ะ จะช่วยเหลือเราหรือไม่?
ถามต่อว่า ท่านเป็นนักเคมีใช่หรือไม่ เห็นท่านมีหลอดทดลองและชุดอุปกรณ์เคมี
แล้วขวดยามีน้ำสีแดงๆอยู่ครึ่งขวด คือ ยาอะไร
ถามต่ออีกนิดว่า หมวกไหมพรมใครให้ท่าน คนรักของท่านหรือ เขาชื่ออะไร อยากให้ท่านเล่าความหลังให้ฟัง
ใช่แล้ว เราเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ น้ำสีแดงนั่นคือ คริมสัน โพชั่น มีอำนาจชุบชีวิตผู้ตายให้เป็นแวมไพร์ สปาวน์
หมวกไหมพรมนั่นคงเป็นของที่ภรรยาเรา แอนนา ถักให้