* ห้องโถงรับแขก

Refresh History
  • lostlance: งี้นี่เองงง
    July 21, 2023, 07:09:04 PM
  • Qiao: อยากเล่นแนว fear and hunger 1-2 ก็ได้
    August 28, 2023, 10:56:33 PM
  • lostlance: ผมว่าเกมมันหลอนไป
    August 31, 2023, 10:47:07 AM
  • Johan: สลัดทั้งงานราษฎร กับงานหลวงไม่ออก น่าจะมาต่อสักใกล้ๆปลายปีนะครับ
    September 29, 2023, 06:48:36 PM
  • Bloody Rabbits: รออยุ่ว
    September 29, 2023, 10:01:26 PM
  • lostlance: ที่โพสใหม่นั้นสแปมหรืออะไรน่ะ
    October 05, 2023, 02:12:26 PM
  • Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ
    December 02, 2023, 01:55:59 AM
  • Johan: สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนยุ่งๆงานเยอะๆ
    January 01, 2024, 11:30:01 AM
  • Johan: อยากมาต่อ แต่เคลียรืเวลาไม่ลงตัวเลย
    January 01, 2024, 11:30:18 AM
  • Johan: Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ <<< ตอบแล้วๆ (เกมบ้าอะไรฟระ โพสละครึ่งปี)
    January 01, 2024, 11:35:44 AM
  • lostlance: สวัสดีปีใหม่ครับบ
    January 01, 2024, 08:58:21 PM
  • Qiao: มาลักข้อมูลบอร์ดเกม
    June 09, 2024, 12:51:10 PM
  • duek duen: จะยังมีใครใช้เว็บนี้อยู่ไหมนะ —
    July 29, 2024, 10:00:23 PM
  • Game Master: เจ้าของยังไม่ค่อยเข้าเล้ย
    August 01, 2024, 08:35:21 PM
  • duek duen: Damn
    August 04, 2024, 04:42:50 PM

Author Topic: [Dragone] Prologue : Fallen  (Read 3561 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Johan

[Dragone] Prologue : Fallen
« on: November 23, 2015, 04:45:48 PM »
ตำนานกล่าวไว้ว่า บุตรแห่งราชินีมังกรจะมีพลังอำนาจ ทรงความรู้ เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา และอยู่สูงส่งกว่ามนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
พวกเขาจะมีฤทธานุภาพดุจเทพเทวา มีร่างกายงดงามที่สุดเท่าที่พระเจ้าจะทรงปั้นแต่ง และมีอายุขัยที่ยืนยาว ...ตราบชั่วนิรันดร์
เพลิงอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะตีตราลงบนดวงเนตรของคนผู้นั้นในฐานะของผู้สืบเชื้อสายแห่งราชินีมังกร เผ่าพันธุ์ที่เปี่ยมไปด้วยแสนยานุภาพ



กล่าวกันว่าราชวงศ์ Sulaiman (สุไลมาน) ที่ครองราชย์มาอย่างยาวนานนั้นสืบสายโลหิตมาจากราชินีมังกร
ด้วยอำนาจของเทวมังกรในตำนานสร้างพิภพดลบันดาลให้ราชอาณาจักรเข้มแข็ง สงบสุข และยืนยงมาช้านาน

พวกเราเชื่ออย่างนั้น พวกเราเชื่อมาตลอด

 

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #1 on: November 23, 2015, 06:04:05 PM »


ค่ำคืนที่แสงอันสุกสกาวของดวงดาวที่พราวฟ้าถูกบดบังด้วยเมฆดำ เหลือเพียงแสงจันทร์สีเงินยวงที่ลอดผ่านมวลเมฆาและทาทับเมืองทั้งเมืองในราตรีนี้
มองไปยังยอดหอระฆังฝั่งตะวันตกที่สูงลิบลิ่ว มันตั้งตระหง่านอวดศักดาอยู่บนเนินสูง แม้จะเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาแต่ก็ยังคงห่างไกลจากคำว่าทรุดโทรม
มันยังคงใช้การได้ดี และดีพอจะเป็นได้ทั้งหอระฆังและหอสังเกตการณ์ มีทหารรักษาการบนนี้ที่ไม่เคยสัปหงกเลยแม้สักครั้ง

เขาทำหน้าที่ได้อย่างดีจนถึงก่อนหน้านี้ แค่ไม่กี่วินาที

ไม่ไกลจากร่างในชุดเกราะโซ่ที่นอนนิ่งสองหรืออาจจะสามคนบนพื้นหินเย็นเฉียบ ใครอีกคนยืนอยู่บนขอบหน้าต่างทอดสายตามองตรงไปยังปราสาทเก่าแก่ที่ล้อมด้วยกำแพงสูงเด่น
มือขาวสะอ้านข้างหนึ่งยังกำกริชที่ชุ่มเลือดไว้แน่น มืออีกข้างจับกล้องส่องทางไกลขนาดเหมาะมือ ดวงตาที่เรียบเฉยเช่นเดียวกับใบหน้าที่ไม่บ่งบอกอากัปกริยามองผ่านกล้องที่ดัดแปลงมาเป็นพิเศษ

การรักษาการในพระราชวังยังคงแน่นหนา บางทีแม้แต่หนูสักตัวคงไม่อาจเล็ดลอดเข้าไปได้ ซึ่งเดิมทีมันก็ไม่ได้เข้มงวดถึงขนาดนี้ถ้าไม่ใช่การทำงานของมือสังหารที่ลงมือพลาดเมื่อวันก่อน
นั่นไงล่ะ เหนือซุ้มประตูของกำแพงชั้นนอกยังมีศีรษะของพวกเขาถูกเสียบเอาไว้ เหล่าลูกแกะน้อยที่น่าสงสาร เหล่าลูกแกะที่อาจหาญโจนทะยานหมายชีวิตของราชสีห์

เหนือกำแพงชั้นนอกที่มีคูน้ำล้อมรอบเห็นทหารรักษาการเดินสวนกันไปมาตลอดเวลา พวกเขามีผมสีดำ หรือน้ำตาล บ้างก็สีแดงเข้ม ร่างกายกำยำ ผิวคล้ำแดดและหยาบกร้าน
ทุกคนมีดาบโค้งห้อยที่เอว ชุดเกราะโซ่ถักถูกสวมทับด้วยชุดเกราะเหล็กแผ่นอีกชั้น ชุดของพวกเขาเป็นสีแดงเพลิงสลับดำ
บนอกและผ้าคลุมเป็นสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวที่คล้ายกับเขี้ยวของมังกรอันเป็นสัญลักษณ์ของราชอาณาจักรที่ทรงอำนาจอันเลื่องลือนามที่สุด 'Fatimah'


และวูบหนึ่งที่ลมกรรโชก ร่างบนหอระฆังก็หายไปราวกับมายาอาคม
« Last Edit: November 23, 2015, 06:06:15 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #2 on: November 23, 2015, 06:31:13 PM »


พระราชวัง Al-Fati (อัลฟาติ) ถูกสร้างขึ้นด้วยการระดมทุนทรัพย์จำนวนมหาศาล มันทั้งโอ่โถง หรูหรา และฟุ้งเฟ้ออย่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
บางทีมูลค่าของมันอาจสูงยิ่งกว่าปราสาททุกหลังในอาณาจักรรวมกันเสียอีก



Spoiler for Hiden:
ในช่วงบทนำจะเป็นเหตุการณ์ก่อนเริ่มเกม เนื้อหาของเกมจะเกี่ยวโยงกัน แต่เป็น Side Story ของตัวละครหลักของผู้เล่น
ดังนั้นในส่วนนี้จึงไม่มีตัวละครที่ผู้เล่นสมัครเข้ามา เว้นเสียแต่ตัวละครนั้นจะเป็นทหารในวัง Al-Fati ซึ่งเป็นพระราชวังของอาณาจักร Fatimah

ผู้เล่นจะได้เรียนรู้ระบบเกมในช่วงแรกที่บทนำผ่านการสวมบทบาทเป็นอัศวินราชองครักษ์คนหนึ่ง
เนื้อหาส่วนนี้อาจจะไม่เป็นประโยชน์อะไร (หรืออาจจะมีประโยชน์ก็ได้) แต่ตัวละครที่ใช้งานในช่วงนี้อาจได้กลายเป็น NPC ในเรื่องราวต่อไป และตัวละครหลักของผู้เล่นจะได้รับ Bonus ก่อนเริ่มเกมด้วย

ส่งข้อมูลดังนี้มาให้ Johan และจะเริ่มเกม โดยไม่จำเป็นต้องเริ่มพร้อมกัน ส่งก่อนเริ่มก่อน

- หน้าตาทหารองครักษ์ที่เข้ากับธีม ส่งก็ได้ไม่ส่งก็ได้ เกมมีให้ (หน้าตัวประกอบ)
- ชื่อ ส่งก็ได้ไม่ส่งก็ได้ เกมมีให้ (ชื่อตัวประกอบ)
- เพศ ระบุหรือไม่ระบุก็ได้ เกมมีให้ (อาจเป็นเกย์หรือกะเทยตามความพอใจของ GM)
- ตั้งค่า Status Level 17
- คนที่มีตัวละครทหารองครักษ์ในวังอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นตัวหลักหรือ NPC สามารถเอามาใช้ได้ด้วย Level ที่สร้างมา

*นี่เป็นบทนำของเกมที่กึ่งๆทดสอบระบบ ให้ผู้เล่นรู้จักระบบเกม ธีมเกม และฆ่าเวลาเล่นได้ในช่วงก่อนเกมเปิด ไม่ต้องซีเรียสมากนะ

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #3 on: November 25, 2015, 10:25:58 PM »


เมื่อหลายเดือนก่อนเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในวัง ข่าวที่ประกาศออกมาคือการก่อกบฎของขุนนางกลุ่มหนึ่งที่หวังลอบสังหารองค์ราชันย์แห่ง Fatimah
เหตุการณ์นั้นส่งผลให้นางกำนัลหลายสิบชีวิตเสียชีวิต รวมไปถึงนางสนมอีกหลายพระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ ไม่นับอัศวินอีกนับสิบ และทหารนับร้อย

หากแต่น้อยคนที่จะล่วงรู้ความจริงนั้น

มันไม่ใช่การก่อกบฎ แต่เป็นการลอบสังหารที่วางแผนมาอย่างยาวนาน
แม่ครัว คนรับใช้ นางกำนัล และข้าราชบริพารทั้งหลายที่เข้าวังมาใช้ชีวิตอยู่หลายปีคือมือสังหาร
รวมไปถึงทหาร อัศวิน และนางสนมอีกหลายพระองค์ ราชวงศ์แทบทั้งสิ้นที่มาจากสามัญชนล้วนเป็นมือสังหาร

หากแต่การลอบสังหารไม่บรรลุผลดังที่วางแผนเอาไว้ ยังผลให้มือสังหารแทบทั้งหมดที่ลงมือได้จบชีวิตในวันนั้น แลกกับความสูญเสียอีกไม่น้อยของเหล่าองครักษ์
ข้าหลวงใหญ่ที่เป็นต้นตอของแผนทั้งหมดสารภาพความจริง มือสังหารที่เหลือและซุ่มซ่อนถูกจับและสังหารหมดสิ้นในคราเดียว

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #4 on: November 26, 2015, 04:22:52 PM »
สายลับและมือสังหารอยู่คู่กับดินแดนแห่งนี้มาช้านาน พวกเขาเข้าใจถึงธรรมชาติของมือสังหาร และไม่เคยนิ่งนอนใจ
การกำจัดอริร้ายที่แอบแฝงให้หมดไปนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเขาแน่ใจว่าเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนได้กวาดล้างหนอนแมลงที่แอบซ่อนในมุมมืดไปเกือบหมดสิ้น
พวกเขาเชื่ออย่างนั้น หรืออย่างน้อย... ระบบป้องกันของพระราชวังก็เข้มแข็งมากพอที่จะทำให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะปลอดภัย



ผู้คนทั่วไปไม่รู้จักกลุ่มมือสังหารที่ชื่อว่า Al-Faris
ทั้งที่มือสังหารกลุ่มนี้มีตัวตนอยู่มานานกว่า 500 ปี





แต่พวกเขาน่าจะรู้จักเผ่าพันธุ์มังกรขนาดใหญ่ที่ชื่อ Al-Faris ซึ่งเกือบจะเรียกว่าใหญ่ที่สุด และทรงพลังที่สุดทั้งบนผืนดินและผืนฟ้า
« Last Edit: November 26, 2015, 04:23:38 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #5 on: November 27, 2015, 11:28:37 PM »
งานเต้นรำรอบกองไฟเริ่มขึ้นแล้ว ขาดก็เพียงดนตรี และบารากุ





เกิดเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวและแรงสั่นสะเทือนคล้ายพระราชวังจะถล่มลงมา
ผู้คนในพระราชวังต้องแตกตื่นเมื่อเสียงที่แผดก้องจนสนั่นหวั่นไหวเป็นเสียงของราชามังกรที่ถูกอัญเชิญออกมากลางสวนของพระราชวัง




การปรากฎตัวของมันมาพร้อมกับเพลิงสีเงินยวงที่ส่องสว่างดุจจันทราแต่ร้อนแรงดุจเพลิงสุริยัน
ความวุ่นวายโกลาหลลที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีใครจะคาดคิด เพียงแค่ลมหายใจเพลิงเพียงครั้งเดียวก็สร้างความเสียหายอย่างไม่อาจประเมินได้
หน่วยจอมเวทพิทักษ์วังหลวงและเหล่าองครักษ์มีเวลาแค่อึดใจที่จะรับคำสั่งที่ประเดประดังเข้ามาเมื่อหัวหน้าองครักษ์และหัวหน้าหน่วยจอมเวทไม่อาจสั่งการได้

มังกรยักษ์ตนนี้ดึงความสนใจของผู้พิทักษ์วังได้แทบทั้งหมด

ทุกอย่างได้รับการอำนวยความสะดวก และวางแผนมาอย่างยาวนาน
« Last Edit: November 27, 2015, 11:29:47 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #6 on: November 29, 2015, 10:37:52 PM »
กำลังทหารและอัศวินจากรอบนอกของพระราชวังต่างมุ่งกลับเข้าสู่วังในกันอย่างไม่ได้นัดหมายแม้ว่าบางส่วนจะยังรักษาการอยู่รอบนอก
ใต้กำแพงตะวันออกไม่ไกลจากประตูเมืองชั้นในมากนัก นางกำนัลสาวนางหนึ่งถูกอัศวินราชองครักษ์ที่วิ่งไล่หลังมาชนเข้าจนเธอล้มกลิ้งหงายท้อง
เขาหันมามองดูอย่างไม่ใส่ใจนักและวิ่งกลับเข้าวังไป ปล่อยนางกำนัลนั่งจมฝุ่นอยู่เพียงลำพัง

เธอแหงนมองฟ้าที่เมฆาปกปิดดารา ดวงตาสีเขียวมรกตทั้งคู่คล้ายจะมองลึกไปจนทะลุมวลเมฆ กระทั่งเสียงร้องของมังกร Nero ดึงสายตาของเธอ
อัศวินหนุ่มที่อยู่บนหลังมังกรร้องถามความปลอดภัยของเธอ แต่เมื่อเขาเห็นคำตอบเป็นรอยยิ้มของเธอเขาก็ควบมังกรห้อผ่านไป

นางกำนัลสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในวังมาได้เกือบ 4 เดือนแหงนมองฟ้าอีกครั้ง เธอครุ่นคิดถึงวันใหม่ที่นกน้อยจะได้โผบินออกจากกรงที่น่าอึดอัดนี้
ผมสีน้ำตาลของเธอไหวไปตามแรงลมที่พัดมาถึงบริเวณนี้และรอบวังเมื่อราชันย์แห่งมังกรกระพือปีกอีกคำรบ



ด้วยพลังอำนาจของ Al-Faris แผดเสียงและเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง ราวกับมวลละอองแสงจากจันทราได้เปิดเมฆาออก

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #7 on: November 30, 2015, 02:12:07 AM »


"!!!" เลเซอร์มองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ มังกรงั้นรึ!? เขายอมรับเลยว่าเขาไม่คิดว่ามันจะแย่ขนาดนี้
แน่นอน แมวขาวมินิ่งดูดายอยู่ๆ เขาเป็นทหารนะดับเอลีทเชียวนะ เขาตัดสินใจเข้าไปช่วยผู้คนเคราะห์ร้ายที่บาดเจ็บ

"แข็งใจเอาไว้นะเมี้ยววว เลเซอร์จะช่วยเองงงง"
ถึงแม้จริงๆ ตามหลักแล้ว จะค่อนข้างทุลักทุเล เพราะเจ้าแมวนี่สูงน้อยกว่ามาตรฐานของมนุษย์
อืม... คงต้องลากไปสินะ ขอแสดงความเสียใจกับคนเจ็บด้วยล่ะ(?) อาจจะมีแผลถลอกขึ้นนิดนึงนะะะ นิดเดียวววว เมี้ยววววววว

และหากแหงนมองบนฟ้าจะเห็นอัศวินมังกรที่รับมือเป็นพัลวัน



Farrah ที่ขึ้นมังกรไปช่วยอีกแรงก็ต้องเสี่ยงตายและพึ่งพาดวงไม่น้อยไปกว่าฝีมือ ลำพังมนุษย์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้ามังกรยักษ์นี่เลย
เธอรู้ดีว่าปกติมังกรอย่าง Al-Faris จะไม่ปรากฎตัวขึ้นมาง่ายๆ แต่มันจะอาศัยอยู่ในมิติของมัน การที่มันปรากฎตัวขึ้นมา ซ้ำยังมาโผล่กลางพระราชวังจึงมีทางเดียว




"มีผู้อัญเชิญแอบซ่อนอยู่ และคงเตรียมการมาอย่างดีแล้ว" Hassan ยืนบรรยายอยู่เงียบๆในพื้นที่ปลอดภัยเพราะ chi-a ห้ามไม่ให้เขาไปเสี่ยงอันตราย




ซุนกูวงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสายตาเรียบเฉย ความรู้สึกลึก ๆ ในใจบอกกับเขาว่าตนเองเป็นเพียงผู้เฝ้าดูความเป็นไปของโลก
แต่กระนั้น เขาก็เลือกทำในสิ่งที่พอจะทำได้ เช่น เอาตัวรอดและช่วยเหลือคนเจ็บ เขาวุ่นวายอยู่กับเบื้องล่าง คอยหลบเพลิงมังกรที่ราวกับมันมีชีวิตและพร้อมจะลุกไหม้ได้ทุกที่




ส่วนชาคีร์ไร้มนุษยสัมพันธ์ที่ดีแต่ก็ยังดันทุรังจะให้กำลังใจคนที่ได้รับการช่วยเหลือด้วยคำปลอบโยนสั้นห้วนและสีหน้าเคร่งเครียด
เขากลับไปช่วยหามคนเจ็บไปพลางหลบเพลิงมังกรและการถล่มของตัวพระราชวัง




ด้าน Alya ก็อาศัยความคล่องแคล่วซึ่งเป็นจุดเด่นของตนในการหลบหลีกจากเพลิงมังกรนั้นทันที ก่อนที่เธอจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง '..องค์ราชินีล่ะ!?'
โดยไม่รอช้า เธอรีบพุ่งทะยานเข้าไปเพื่อช่วยองค์ราชินีที่เธอเคารพและบูชาทันที

Spoiler for Hiden:


"ข้าทำต่างหูตก มันสำคัญกับข้ามาก..." องค์ราชินีถูกงัดออกมาจากกองซากของอาคาร พระนางดูชิลมาก



Arinnea วิ่งหลบเพลิงมังกรโดยที่เธอแทบจะไม่ได้เข้าไปสูดกลิ่นกายทหารหนุ่มอย่างที่เธอวาดฝันไว้ก่อนหน้านี้
เธอกลิ้งไถลตกไปในช่องของอาคารและรอดพ้นจากเปลวเพลิง แต่ก้เกือบตกไปทับ Amal ที่ลงไปยังพื้นทรุดเพื่อค้นหาตัวผู้อัญเชิญที่อาจจะล่องหนอยู่



"มาช่วยกันหน่อย ข้าคิดว่า..." Amal หันไปร้องเรียก Arinnea แต่พลันเขาก้รู้สึกว่าตัวเองแจ๊คพอตแตก

ลำแสงอาคมยิงออกมาจากมุมหนึ่งหมายปลิดชีพเขา ถ้าไม่ใช่เพราะ Ace พุ่งออกมาขวางเอาไว้ก่อน
ร่างของ Ace ปลิวไปไกล แต่เขาก็ยังร้องบอกทั้งสอง



"หลังเสาหินนั่น!"


Spoiler for Hiden:


"ต๊าย โดนพบจนได้"

ผู้อัญเชิญแท้ที่จริงคือหัวหน้าหน่วยจอมเวทพิทักษ์วังหลวง
นางมีชื่อว่า Malini มีฐานันดรศักดิ์เป็นถึงสนมเอก

และการที่หัวหน้าจอมเวทมาเป็นตัวร้ายเสียเองย่อมไม่ใช่งานง่าย

Quote
เลือก
- สยบนาง: ได้รับ Exp +3 และ Status +3 (มีโอกาสตายสูง)
- จบเรื่องราว

« Last Edit: November 30, 2015, 02:38:53 AM by Johan »

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #8 on: December 01, 2015, 02:12:16 PM »


"เป็นองครักษ์แต่ริอาจหันคมอาวุธเข้าหานายหัวของตน" สีหน้าของ Malini เปลี่ยนไปเล็กน้อยคล้ายกับการชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
หรือบางทีอาจจะเป็นการกลบเกลื่อนความตระหนกของตนเองที่ถูกพบเจอและจู่โจมอย่างรวดเร็วโดยอัศวินผู้กล้าหลายคน

มันเป็นเรื่องที่แย่เอามากๆเลยล่ะ ผู้ใช้อาคมอัญเชิญทุกคนล้วนเข้าใจดีว่าหากตนเองถูกจู่โจมก็เท่ากับได้แพ้ไปแล้ว
Malini ไม่เหลือแรงมากมายจะต่อกร การอัญเชิญจ้าวมังกรออกมาได้สูบกินมานาของเธอไปแทบหมดสิ้นแล้ว เธอทำได้เพียงแค่คลายอาคมที่ใช้หล่อเลี้ยง Al-Faris และใช้พละกำลังที่เหลือป้องกันตัว

กำแพงอาคมถูกสร้างขึ้นมาสกัดกั้นได้ทัน พร้อมกับที่ Shakir โดนอาคมจากแหวนมนตรากระเด็นลอยออกไปพร้อมกับ Alya และ Arinnea




เลเซอร์ส่งสายตามุ่งมั่น ถ้าหากว่าใครมาเห็นหน้าของเขาในตอนนี้ ต้องรับรู้ได้ถึงออร่าน่าเกรงขามสมกับเป็นทหารระดับเอลีทอย่างแน่นอน

"...ท่านปู่ ช่วยเลเซอร์ด้วยนะ เมี้ยว..."
เลเซอร์กุมกระพรวนเก่าแก่ที่เขาเก็บไว้กับตัวมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องพัก เขาอวยพรให้ตนเอง ก่อนจะเก็บมันไปอีกครั้ง



*กรุ๊งกริ๊ง กรุ้งกริ๊ง*

คืนนั้น ผู้คนได้ยินเสียงกระพรวนลึกลับท่ามกลางความวุ่นวายของพระราชวัง
แต่ไม่มีใครทราบได้ว่า... มันมาจากที่ไหน

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #9 on: December 01, 2015, 02:22:45 PM »
ภาพที่ Razer โดนกำปั้นของ Malini ฟาดกระเด็นยังผลให้ Amal และ Hassan แยกกันไปคนละด้าน
Amal ขึ้นขี่มังกร Nero สีดำมะเมื่อที่หุ้มเกราะ ส่วน Hassan ทิ้งตัวลงมาจากยอดธง แต่ทั้งสองก็ไม่รอดสายตาของ Malini ที่เสกหอกขึ้นมาทั้งสองมือ
อีแบบนี้รอดยาก Amal หน้าถอดสี จะแกล้งตายก็ไม่ทันแล้ว ส่วน Hassan ก็กรีดร้องแต๋วแตก




"ทางนี้!" Farrah ที่ทะยานโผบินอยู่บนหลังมังกรเหนือการต่อสู้ตัดสินใจบังคับมังกรเพลิงทิ้งตัวลงโฉบเข้าหา Malini
มันเป็นการตัดสินใจที่ดีเมื่อ Malini ย้ายเป้าหมายของหอกมายัง Farrah

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หอกในมือของ Malini เสียบทะลุกายของ Farrah แต่ Malini เองก็ตกเป็นเป้าคมอาวุธของ Razer Hassan Amal Arinnea
และ Shakir ที่คว้าดาบบั่นคอนางขาดกระเด็น

พลันจ้าวมังกรก็สลายหายไปในพริบตาราวกับเวลาที่มันจะอยู่บนโลกนี้ได้หมดลง

Farrah เสียชีวิต

Offline Johan

Re: [Dragone] Prologue : Fallen
« Reply #10 on: December 01, 2015, 02:47:34 PM »


Otto Sulaiman จอมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักร Fatimah ที่มาถึงทางเข้าท้องพระโรงเพื่อไปยังบัลลังก์กษัตริย์เหลียวมองดูฟ้าที่มืดลงราวกับรู้ว่าวิกฤติกาลได้บรรเทาเบาบาง
พระองค์มาที่นี่เพื่อจะเปิดกลไกบางอย่างในการกำจัดมือสังหารและผู้บุกรุก ซึ่งไม่ได้ยากเย็นที่จะเดาเลยว่ามือสังหารต้องการเพียงชีวิตของพระองค์

ราชันย์มังกร Al-Faris ถูกอัญเชิญมาดึงความสนใจและสร้างความวุ่นวาย ยุทธศาสตร์ต่างๆถูกควบคุมให้ตัวหมากที่เหลือได้เดินตามช่องที่ผู้วางแผนได้ตีกรอบเอาไว้
หรือบางที... การที่พระองค์มายืนอยู่ ณ จุดนี้มันก็ไม่ได้หนีพ้นออกไปจากกรอบนั้น พระองค์เองก็เป็นเพียงตัวหมากที่วิ่งวนอยู่ใต้แผนการที่วางมาอย่างละเมียดละไม


"เราสูญเสียพี่น้องไปหกสิบสี่คน"

เสียงหนึ่งดังอยู่เบื้องหลังขององค์ราชันย์ที่ยืนอยู่กลางท้องพระโรง บนพรมสีแดงสด กระหนาบด้วยเสาหินต้นใหญ่เรียงราย และเพดานสูงลิบที่มีภาพเขียนกับกระจกสีอันงดงาม
จอมกษัตริย์หยุดนิ่ง แล้วกล่าวตอบว่า

"แต่ผู้คนบนแผ่นดินจะล้มตายนับหมื่นนับแสนหลังจากนี้ ...เมื่อไม่มีข้า"

อีกฝ่ายนิ่งเงียบ ไม่ได้ยินเสียงอากัปกริยาใด แต่สักพักเธอก็เอื้อนเอ่ย

"ทุกชีวิตล้วนมีความหมายในการดำรงอยู่ ทั้งท่าน และข้า"

"ข้าคือแสงสว่าง ส่วนท่านเองคือมวลเมฆาที่บดบังดารา"


เธอปัดใบไม้แห้งและฝุ่นผงออกจากไรผมแล้วเดินออกมาจากโถงบัลลังก์ที่เงียบงัน
ทิ้งไว้เพียงกษัตริย์ชราที่สิ้นพระชนม์อยู่บนบัลลังก์ ภายใต้คมกริชทองคำที่ประดับอัญมณีเลอค่าอย่างสมเกียรติ







"ข้าคือละอองแสงของจันทราที่แหวกเมฆดำ เพื่อเปิดฟ้ายามราตรีให้เต็มไปด้วยดารา"
นางกำนัลสาวเอื้อนเอ่ยประโยคสุดท้ายพร้อมกับปรายตามองดาวตกดวงหนึ่งที่ลับขอบฟ้า ก่อนที่เธอจะหายไปในความมืด
« Last Edit: December 01, 2015, 02:48:09 PM by Johan »