จุดจอดฮ.มีทหารประมาณ 10-15 นายมาตั้งค่ายและเฝ้าคลังแสงขนาดย่อมเอาไว้
นอกจากฮ.แล้วก็เหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจนักหากไม่คิดอยากได้อาวุธในคลังแสง
(ที่นี่มีพื้นที่แคบ ทหารก็จับตาและเฝ้ามองโดยรอบจึงแทบทำอะไรไม่ได้ ได้แค่มาแอบหลบ)
'ทำอะไรไม่ได้สินะ... ว่าแล้วเชียว' คุเรตะบ่นในใจ
เขาไม่อยากเสี่ยงไปขโมยอาวุธ เพราะตอนนี้เขาอยากได้อย่างอื่นมากกว่าอาวุธมากกว่า
'มาเสียเที่ยวจริงๆด้วย....'
คุเรตะเริ่มเดินออกไป เขาคงไปหาที่ตายซักที่ ที่ไม่มีคนมาเห็นสภาพสุดท้ายอันน่าสมเพชของเขา
ในตอนนั้นเอง ที่คุเรตะรู้สึกถึง
บางอย่างไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกคือ รู้สึกการมีอยู่ของ
คนบางคน คนที่เขารู้สึกคุ้นเคย คนที่เขาเคยเห็นหน้ามาหลายครั้งหลายคราว ทั้งตอนเด็ก หรือในโรงเรียน หรือที่นี่
คนที่ทั้งช่วยเหลือ และหักหลังกันได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรๆ
เมื่อเขารู้สึกแบบนั้น... คุเรตะก็เผลอยิ้มน่าขนลุกออกมาอีกครั้ง
'มาเถอะ อาม่อน... มาจบเรื่องของเรากันเถอะ ที่นี่'
กระทั่ง Kureta เห็น Amon เลือดท่วมนั่งหายใจหอบอยู่หลังปิ๊บเก่ากองพะเนิน
ดู Amon จะบาดเจ็บหนักทีเดียว แล้วทำไมเขาจะต้องมานั่งอยู่แถวนี้ หรือบางทีเขาอาจจะกำลังหาปิ๊บที่เหมาะสมกับขนาดศีรษะของเขา
บ้าจริงนะ เขาไม่น่าเสียท่าให้กับ Chester เขาที่จัดการเพื่อนร่วมห้องมามากมายและอาจจะชนะเกมนี้ เขามีโอกาสชนะมากที่สุดด้วยซ้ำ
'อะไรกัน? พลาดท่ามาซะแล้วเหรอ?'
'สมน้ำหน้า น่าสมเพชจริงๆ...'
'.......'
เขาหุบยิ้มลง
คุเรตะเดินเข้าไปหาลูกพี่ลูกน้องของตนเอง
"....ว่าไง?"
"กรรมตามสนองแล้วล่ะสิ"
คุเรตะพูดไปด้วยโดยที่พยายามข่มสีหน้าจากแผลแถวๆท้องของตนเอง
"...ฮะๆๆ นึกว่าใครซะอีก คุเรตะคุงนี่เอง"
อามอนมองสายเลือดเดียวกันที่อยู่ตรงหน้าในสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกับเขา
"อื้ม...ว่าไงดีล่ะ บิชามอนคงหันหลังให้ฉันแล้วล่ะ แย่จริง"
"แต่ว่า เหมือนกันแล้วนะ ฉันกับนาย เรื่องวันก่อนก็ถือว่าหายกันเถอะ เนอะ?"
นับว่าโชคดีจริงๆที่เขาเลือกหนีมาที่แห่งนี้
ไม่ใช่ว่าเดาได้ง่ายหรอก มันมีอะไรบางอย่างดลใจให้มาที่นี่ ให้พบกับเป้าหมายสุดท้ายของตน หากแผนการทั้งหมดไม่เป็นอย่างที่คิดแล้วเข้าสู่เส้นทางนี้
"ต้องขอบคุณปืนที่นายให้ฉันมานะ ไม่งั้นคงไม่รอดมาถึงขนาดนี้"
ในเวลาแบบนี้ ญาติของเขาจะพูดอะไรกันนะ คงเป็นคำเหยียดดูถูกดูแคลน กดให้คนอื่นต่ำลงโดยที่ตนยืนอยู่เหนือคนเหล่านั้น แบบที่เคยทำเป็นประจำล่ะมั้ง
ก็นั่นน่ะ คุเรตะคุงนี่นา
เขาจ้องมองคนที่นั่งอยู่อยู่นาน ไม่รู้ว่าเป็นการพิจารณาสภาพของอีกคนหรืออะไร
แล้วคุเรตะก็ลงไปนั่งตรงข้ามอาม่อน เขาก็ไม่เหลือแรงเยอะมากเท่าไหร่แล้วเหมือนกัน
ในใจเขาอยากพูดจาถากถางแบบปกติน่ะแหละ ...แต่ทั้งเวลาและพละกำลังของเขาก็เหลือไม่มากแล้ว
คุเรตะจึงตัดสินใจตัดน้ำทิ้งแล้วเข้าถึงเนื้อหาที่เขาอยากจะคุยทันที โดยเมินทุกอย่างที่อาม่อนพูดกับตนมาก่อนหน้านี้
"ระเบิดแสงของผมน่ะ ใช้ไปแล้วล่ะสิ?"
"เดาจากสภาพที่ดูไม่จืดนั่น น่ะนะ"
....ให้ตายเถอะ จะหยุดปากตัวเองนี่มันยากซะจริงๆ เผลอตำหนิออกไปอีกจนได้
"อื้ม...เพิ่งใช้ไปหมาดๆ เจ้าขี้เก๊กนั่นคงคิดว่าตัวเองอยู่ในหนังมาเฟีย" พยายามพูดติดตลก ทว่าในเวลานี้มันก็ฝืดเหลือเกิน
"ที่ผ่านมาสองวันนี้ รอดได้ก็เพราะนายเลยน้า...แต่ก็คง อยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ" คำพูดติดขัดเพราะหายใจหอบ เพียงแค่คุยก็เหนื่อยขนาดนี้เพราะบาดแผลสาหัสและเสียเลือดไปมาก
อามอนสบตามองแสงสีแดงตรงหน้าที่เหมือนกับของตนอย่างมีความหมาย
"....ไหนๆก็ได้เจอกันวันสุดท้ายแล้วทั้งที มาเล่นเกมกันหน่อยไหมคุเรตะคุง เกมที่เรากำหนดกันเอง" เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"กติกาง่ายๆ......ใครตาย คนนั้นแพ้"
"...ยังทำตัวเป็นเด็กๆเหมือนเดิมเลยนะ" คุเรตะกอดอก
แต่เพียงแค่มองตากันและกัน ทั้งคู่ก็รู้กันอยู่แล้ว ถึง
คำตอบของคำถามนั่น และ
ความปรารถนาที่แท้จริงเขาเริ่มเผลอยิ้มออกมาอีกแล้วสิ เก็บไม่เคยอยู่เลย
ถ้าจะมีใครซักคนพูดว่ายามามูระ อาม่อนเป็นคนโรคจิต ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็อาจจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก...
"งั้นก็ได้ เอาสิ มาเล่นเกมกันเถอะ"
"จริงๆแล้วนายน่ะ ก็ไม่อยากตายด้วยกระบอกปืนสกปรกๆของพวกโง่นั่นใช่มั้ยละ?"
"ผมจะสงเคราะห์ให้ก็ได้นะ ถ้ามันจะเป็นคำขอสุดท้ายของนาย"
"ถือว่าผมใจดีก็แล้วกัน"
ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ อามอนก็ยันตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เขาดึงแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ปลดคาตานะที่สะพายไว้ ชักใบโลหะคมกริบที่ยังมีเลือดแห้งกรังติดอยู่ออกมา ก่อนจะโยนปลอกดาบทิ้งไป
"จนถึงตอนนี้ก็ยังทำตัวเหมือนยืนอยู่เหนือคนอื่นไม่เปลี่ยนเลยน้า....ทั้งๆที่อยู่ในสถานะเดียวกันแล้วแท้ๆ"
"อย่าออมมือเชียวล่ะคุเรตะคุง ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธมากๆเลยล่ะ"
"ผมก็เหมือนกันนะ
อาม่อนคุง" เขาพูดเสร็จก็ลุกขึ้นมาบ้าง
นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเรียกชื่ออีกคนเช่นนั้น
อาวุธเดียวที่คุเรตะเหลืออยู่ คือระเบิดมือM67หนึ่งในสองลูกนั่น
เขาหยิบมันออกมา พร้อมกับคิดไปด้วยว่า ลูกนี้คือลูกที่เขาได้มาจากหลอกไอโง่เคน หรืออาม่อนให้เขามากันนะ?
...ถ้ามันเป็นอย่างหลัง เขาจะดีใจขึ้นมาอีก นิดๆหน่อยๆ ละมั้ง แม้จะไม่มีเหตุผลเลยก็เถอะ
ถ้าอาม่อนรู้ก็อาจจะดีใจเหมือนกันก็ได้?
"เอาละนะ?" คุเรตะให้เสียงสัญญาณ
เขาถอยระยะห่างออกมานิดหน่อย มือข้างนึงถือลูกระเบิด อีกมือทำท่าจะแกะสลัก
นั่นเป็นสัญญาณว่า เมื่ออาม่อนพุ่งเข้ามาเมื่อไหร่ สลักนี้ ก็จะหลุดเมื่อนั้น
ไม่ได้ยินคุเรตะเรียกชื่อเขาแบบสนิทสนมมากว่าสิบปี อามอนทำได้เพียงยิ้มเท่านั้น
ไม่แน่ว่าอาจจะดีใจจนพูดไม่ออก หรือกำลังตั้งใจกับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ ก็ไม่มีใครทราบได้
ดาบสุดท้ายของเขา เก็บไว้เพื่อสังหารเป้าหมายสุดท้ายเช่นกัน
ไม่ว่าจะจบอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่เตรียมใจรับไว้เรียบร้อยแล้ว
"มาเลย คุเรตะคุง : )"
อามอนดันเท้ากับพื้นถีบตัวเองพุ่งตรงเข้าไปหาคุเรตะ พร้อมเงื้อดาบเตรียมฟาดฟัน