
ย้อนกลับไปราว 5 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตซึ่งเรียกว่ามนุษย์ได้แยกสายพันธุ์ออกมาจากบรรพบุรุษของพวกเขาที่เป็นบรรพบุรุษของลิงเช่นกัน
แต่มนุษย์ในขณะนั้นซึ่งยังมีความเป็นสัตว์อยู่มากเนื่องจากกระดูกสันหลังยังคงเหมือนลิง มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแทบไม่ต่างกันนัก
พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำหรือเพิงผา ยังไม่มีความคิดสร้างที่อยู่อาศัยโดยใช้วัสดุธรรมชาติหรือตั้งรกรากถาวร ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ หาปลา และเก็บหาผลไม้ในป่า เมื่ออาหารตามธรรมชาติหมดก็อพยพไปหาแหล่งอาหารที่อื่นต่อไป
ด้วยความที่พวกเขามีสติปัญญาพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดพร้อมกับการเดินสองขาที่เกิดขึ้นจากการพยายามเดินทางข้ามทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เพื่ออพยพย้ายถิ่นฐานไปยังสถานที่อันอุดมสมบูรณ์ นั่นทำให้พวกเขาอยู่ในสถานะ 'ผู้ล่า'
เมื่อพวกเขาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม พวกเขามีพลัง อำนาจ ไม่ว่าจะเสือเขี้ยวดาบ หรือแมมมอธ ไม่ใช่ศัตรูของพวกเขา พวกมันคือเหยื่อด้วยซ้ำไป พวกเขาล่ามันเป็นอาหารจนมันแทบสูญพันธุ์
พวกเขารู้จักนำหนังสัตว์มาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม รู้จักใช้ไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ให้แสงสว่าง ให้ความปลอดภัย เริ่มมีการนำหินมากะเทาะเป็นเครื่องมือ
แต่ตลอดช่วงเวลา 5 ล้านปี มนุษย์กลับมีการวิวัฒนาการไปอย่างเชื่องช้า นอกจากสรีระที่เปลี่ยนไปจนคล้ายมนุษย์มากขึ้นแล้วพวกเขายังแทบใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากเดิมสักเท่าไร

"อ๊ะ ใช่สิ ใช่แล้ว ผู้ล่าไม่จำเป็นต้องวิวัฒนาการ มันไม่จำเป็นนะ ไม่จำเป็นเลย"
เมื่อไม่มีสิ่งเร้า การวิวัฒนาการจะไม่เกิดขึ้น มนุษย์ยังคงใช้ชีวิตเช่นเมื่อ 5 ล้านปีก่อน ล่า และอพยพ สลับกันไป

กระทั่งเมื่อ 100 ปีก่อน มนุษย์วานรได้ปรากฎตัวขึ้นและแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว นั่นคือจุดเริ่มต้นที่มนุษย์ได้วิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดด
เริ่มจากอาวุธเพื่อใช้ต่อสู้ป้องกันตัว เพราะมนุษย์วานรไม่เหมือนแมมมอธ ไม่เหมือนเสือเขี้ยวดาบ มันมีสติปัญญา และ 'มันเป็นผู้ล่า' พวกเขารู้จักประดิษฐ์เครื่องมือด้วยการฝนหินให้แหลมคมยิ่งขึ้นเพื่อใช้ต่อสู้
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง พวกเขาสร้างที่อยู่ถาวร รวมกลุ่มกันจนใหญ่กว่าเดิม นำไปสู่การหุงหาอาหาร และพัฒนาการสื่อสารด้วยภาษาพูด

"!#W$$%&Y%$%^&#$@!!!"

"!#W$$%&Y%$%^&#$@!!!"

หัวหน้าเผ่าชื่อ ลีโอไนดัส
แต่พวกเขายังไม่รู้จักการตั้งชื่อให้กับเผ่า แม้ว่าพวกเขาเองจะมีชื่อเรียกแทนตัวแล้วก็ตาม แต่ก็แค่ชื่อง่าย ๆ ให้พอแยกกันได้ อาทิ กา กุ บู บา บี คิว
หมู่บ้านได้ถูกสร้างขึ้นอย่างง่าย ๆ ในเดือนแรก เพราะมีประชากรไม่มากนักจึงไม่ยากในการจัดการที่พักอาศัย ส่วนบ่อน้ำไม่จำเป็น เพราะที่นี่เป็นที่ราบลุ่มติดแม่น้ำ
การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในเดือนที่สองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีใครมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ชาวเผ่าไม่เคยทำสิ่งเหล่านั้น มีแต่ล่าสัตว์และเก็บของป่า แต่งานฝีมือต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้เพราะยายเฒ่ามีหน้าที่นี้อยู่แล้ว
ภาระการหาอาหารเป็นของวิคและลีโอไนดัสที่เริ่มจะคุ้นเคยและรับเอาลักษณะการดำเนินชีวิตมาจากวิคเน่ เขาเริ่มรู้จักรักสะอาด และสำอางค์ผิดปกติ บางครั้งมองไปเห็นมูสทำท่ากะแดะก็ลองทำตาม เกิดเป็นการเรียนรู้ที่ก้าวกระโดดมาก
อย่างไรก็ตาม มูสไม่มีความพยายามมากพอจะทำหลาย ๆ อย่าง (Eft 0) เขาทำได้แค่สอนลีโอไนดัสเพียงคนเดียว
ลีโอไนดัสมีครูฝึกที่ดี เขาเก่งกาจด้านการต่อสู้ และการใช้ปัญญา แต่เขาบกพร่องเรื่องคุณสมบัติด้านบุคลิกภาพที่ไม่มีใครสอนเขาได้ (Lds/Mrl/Chr ต่ำทุกคน)
ย่างเข้าเดือนที่ 4 จึงเริ่มทำอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ใช้สอย นอกจากเครื่องนุ่งห่มแล้วก็มีธนูกับหอกหิน ซึ่งถ้าไม่มีมูสล่ะก็งานนี้เหลวแน่ ๆ
ด้านการเรียนภาษาดำเนินไปอย่างยากลำบาก มูสไม่มีทักษะในการสอน วิคก็เช่นกัน (ถ้าร่าง Key Character จะสอนเป็น เสน่ห์เยอะ ความพยายามสูง) ดังนั้นเรื่องการเขียนจึงเป็นไปไม่ได้ ทุกคนใช้ได้แค่ภาษาง่าย ๆ ผสมภาษามือ
กระทั่งพวกเขารู้มาว่าอีกฟากของแม่น้ำมีหมู่บ้านเช่นกัน แต่จะข้ามไปยังไงดีล่ะ น้ำในแม่น้ำเชี่ยวมากด้วย ซ้ำยังกว้างอีกต่างหาก
และดูเหมือนมาถึงตรงนี้จะใช้เวลาเกือบปีแล้ว ก็พอดีได้เห็นหน้าเด็กเพราะหมอตำแยมูสลงมือทำคลอดให้

"ก็บอกแล้วอย่างไรว่าข้าเคยทำคลอดควายอยู่บ่อยครั้ง" มูสไม่เคยทำคลอดคน ก็เขาปกครองเผ่ากะเทย
เด็กที่คลอดออกมานั้น
เลือก
- มี 2 คน สุ่มเพศ
- มี 1 คน เพศชาย
- มี 1 คน เพศหญิง
- สุ่ม 1-3 คน