"การ์ดมาสเตอร์เอ๋ย...ยังร้อนแรงได้มากกว่านี้"
"ร้อนแรงเข้าไปสิ!"
"นั่นมันคำพูดของทางนี้ต่างหาก!!"
"นายน่ะยังไม่ได้เอาจริงเลยใช่มั้ยล่ะ!? แล้วแบบนี้ชัยชนะของฉันจะมีค่าอะไร!?"
ไพรอททั้งสองใช้โมบิลสูทของตนปะทะกันอย่างสุดกำลัง ต่างฝ่ายต่างงัดอาวุธทั้งหมดที่ตนมีออกมาปะทะกับอีกฝ่าย
"เห...." ดารานั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องทำงานของฟุโยอย่างใจจดจ่อ
เรื่องมันเริ่มต้นที่ว่าวันหนึ่งฟุโยได้เกมมาจากจากบริษัทเกมแห่งหนึ่งที่เป็นหุ้นส่วนมาให้ลองเล่น จึงเอามาให้ดาราลองเล่นดู
แต่ปรากฏว่า ไม่ว่าดาราจะพยายามกดเข้าเกมเท่าไหร่ก็ไม่ทำงานสักที แต่พอเข้าเกมสำเร็จ ก็ปรากฏว่าตัวละครสวมแว่นกันแดดขี้เก๊กไม่เคลื่อนไหวตามที่ดาราสั่ง พอฟุโยมาเห็นก็พบว่าความจริงแล้วเกมนี้ให้ผู้เล่นเข้าไปในโลกของเกมแบบในการ์ตูน แต่บางทีไอ้ตลับนี่อาจจะเกิดบัคทำให้แสดงผลออกมาเป็นมุมมองของผู้เล่นคนอื่นและไม่สามารถเล่นได้
ฟุโยตั้งท่าจะถอดตลับออกแล้วให้ทางหุ้นส่วนส่งตลับเกมมาให้ใหม่ แต่ดารากลับปฏิเสธแล้วบอกว่า
"เอาเถอะครับ ดูคนเล่นก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน เหมือนแคสเกมไง"
ทำให้ตลอดมาดารานั่งดูชายใส่แว่นตะลุยด่านเรื่อยๆ บางครั้งหมอนี่ก็ออกจากเกมและทำให้หน้าจอทีวีมีแต่นอยส์บ้าง แต่แป๊บๆก็หาย เพราะยังไงซะ 1 ชั่วโมงในชีวิตจริงก็เท่ากับ 1 ปีในเกม กล่าวคือดารานั่งดู "การแคสเกม" มานานแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงเท่านั้น จะว่าไป จากช่วงเวลาสองชั่วโมงแล้วน่าจะเรียกว่าดูหนังมากกว่า
"คุณฟุโย" ดาราละสายตาจากจอทีวีมามองเพื่อนของตนที่ทำงานประธานของตนอยู่
"หืม?" ฟุโยตอบรับสั้นๆโดยไม่ละสายตาจากงานที่กำลังอยู่
"ผมล่ะอยากเห็นหน้าคนทำเกมนี้จริงๆเลยนะ" เด็กชายพูดไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่คิดหรอกว่าจะได้เจอจริงๆ แค่จะบอกทำนองว่าคนๆนี้น่าสนใจขนาดอยากพบเท่านั้นเอง
"ก็ไปหาสิ อยู่ห้องข้างๆนี่เอง"
"หา...?"
ดารายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องซึ่งตั้งอยู่ข้างๆห้องทำงานของฟุโย
ออฟฟิศของฟุโยทำงานที่ตั้งอยู่ในตึกสูงที่น่าจะมีค่าเช่าราคาแพงจนน่าใจหาย และแน่นอนว่าค่าเช่าของห้องข้างๆเองก็ไม่ต่างกัน แต่ดาราก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว ลองมีเกมฟอร์มยักษ์แบบนี้บริษัทผู้ผลิตก็ต้องโคตรรวยเป็นธรรมดา
แม้ว่าดาราจะสนใจผู้สร้างเกมนี้อยู่ไม่น้อย แต่สำหรับอีกฝ่ายแล้ว ดาราเป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น
ซึ่งนั่นก็ทำให้ดารารู้สึกลำบากใจอยู่หน่อยๆ
ถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ทำอะไรเลยมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
เด็กชายจึงเคาะประตูเบาๆ แล้วประตูก็เปิดออกมาเอง...
สิ่งที่ดาราพบเป็นอันดับแรกคือห้องทำงานมืดๆที่เต็มไปด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุด สายไฟระโยงระยางตั้งอยู่เต็มไปหมด เด็กชายเห็นว่า "คนสร้างเกม" ที่กำลังง่วนทำงานอยู่หน้าเครื่อง PC บนโต๊ะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
"มีธุระอะไร?" หญิงสาวผมบลอนด์เอ่ยถามดาราโดยไม่หันมามอง
ผู้หญิงคนนี้ต่างจากฟุโยมาก ฟุโยอาจจะทำงานหนักมาตลอดก็จริง แต่เธอไม่ใช่คนบ้างาน อย่างน้อยๆฟุโยก็เป็นห่วงเป็นใยคนใกล้ตัวอยู่เสมอๆ ดารารู้ดีเพราะเคยเห็นฟุโยคอยส่องสไนป์ดักและไล่โอตาคุคิโม่ยไม่ให้ทำอะไรบ้าๆบอๆกับซิลเวอร์ แล้วตัวเองก็ถูกฟุโยดุให้กระตือรือล้นอยู่บ่อยๆ หากแต่ว่า คนๆนี้กลับจดจ่ออยู่กับงานของตัวเองโดยไม่สนใจผู้อื่นเลย
ราวกับว่าโลกของเธอคืองานอย่างไรอย่างนั้น
"อ่า..." ดาราทำอะไรไม่ถูก คนๆนี้ใจจดจ่อเยอะเกินเหตุจนทำให้เขาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เจอกับผู้สร้างเกมจริงๆอยู่แล้วด้วย เหตุการณ์เหนือคาดหลายๆอย่างทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
"คุณเป็นผู้สร้างเกม Card Master ใช่ไหมครับ?"
"อื้ม"
"เกมน่าสนใจมากครับ" เด็กชายใช้คำว่าน่าสนใจเพราะตัวเองไม่ได้เล่น
"อื้ม"
"..."
เด็กชายได้แต่ตอบอย่างเก้ๆกังๆ ส่วนหญิงสาวก็ตอบคำเดียว
แบบนี้ไม่ได้แฮะ ต้องพูดอะไรบางอย่าง
"ขอลายเซ็นหน่อยครับ"
โป๊กดาราโดนอะไรบางอย่างขว้างใส่หัวอย่างเต็มแรง เขาเซถอยหลังแล้วล้มลงไปนอนนอกห้องแล้วประตูก็ปิดเอง
"อ๋า..."
สงสัยจะโดนโกรธ ก็ไม่แปลกหรอก ลองถูกรบกวนตอนทำงานก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา
ดาราหยิบอะไรบางอย่างที่เขาโดนขว้าง แล้วเขาก็พบว่า
มันคือกันพลา Guncannon
ดาราเห็นลายเซ็นที่เขียนชื่อ Celes ลงบนตัวของเจ้านี่ด้วย มันคงจะเป็นลายเซ็นแบบของเธอกระมัง
แล้วพอมองๆดู ก็พบว่าที่ตัวของมันแนบจดหมายเอาไว้ ดาราจึงถือวิสาสะเอามันออกมาอ่าน
รู้เรื่องจากฟุโยแล้วล่ะ เธอคือดารา หนึ่งในผู้ทดสอบเกม Card Master สินะ
สนุกกับเกมนี้ใช่ไหม น่าเสียดายที่ฉันยังไม่ได้พบเธอในเกมเลย หากสักวัน
เธอได้พบกับฉันขณะที่ฉันไปลาดตระเวณในเกมก็ดีนะ
ตอนนี้ฉันไม่ว่างเท่าไรนัก แต่ถ้ามีใครสักคนมาช่วยละก็ ฉันจะมีเวลาพักมากขึ้น
ถึงตอนนั้นแล้วเธอจะมานั่งเล่นที่นี่ก็ได้นะ
Celes
"ฮืม................."
ดูเหมือนว่าเซเลสจะยังไม่รู้ว่าตลับเกมที่เขาได้ไปติดบัค แต่เอาเถอะ ดูจากเนื้อจดหมายแล้วเหมือนเธอกำลังขอให้เขาหาคนไปช่วยทำงานให้เธอเลย ซึ่งดาราไม่คิดว่าเขาจะทำหน้าด้านไปเสนอช่วยได้เลย เพราะเขาเป็นแค่เด็กบ๊องๆที่ทำตัวเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะไปวันๆเท่านั้น
ทว่า
ถ้ามีเรื่องไหนที่ตัวเองทำไม่ได้ละก็ หวังพึ่งคนที่ทำเรื่องนั้นได้ก็สิ้นเรื่อง
คิดได้ดังนี้ เด็กชายก็ออกตัววิ่ง
เป้าหมายของเขาคือตามหาคนรู้จักที่เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมมิ่ง
"หุ่นยนต์ที่A.I. เจ๋งๆและพึ่งได้ก็น่าจะเป็นคุณคล็อค... คุณโซรีเองก็เก่งเรื่องเครื่องจักร แต่ไม่แน่ว่าจะช่วยได้หรือเปล่า... ไม่สิ คนๆนั้นสร้างโมบิลสูทได้เชียวนะ..."
พลางคิดวิธีช่วยให้ผู้ทำงานอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายสบายใจขึ้น เพียงแต่เล็กน้อยก็ยังดี
End