อะไรกันนะ ที่ทำให้ชายแก่ใกล้หมดลมหายใจคนหนึ่ง
พยายามยื้อชีวิตตนเองอย่างสุดความสามารถ
แม้เพียงวินาทีเดียวเพื่อความฝันเล็กๆอันหนึ่งของเขา
ฝันที่ไม่รู้มาจากไหน ฝันที่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ฝันที่ไม่มีซึ่งเหตุผล
อะไรกันนะ ที่ทำให้ความฝันนั้น
ฝังรากลึกตราตรึงอยู่ในใจของเขา... จวบจนวินาทีสุดท้าย
ผมเกริ่นนำแบบนี้ไปทีแล้วใน Music Project
แต่ในกระทู้นี้ผมจะมา Review ถึงสิ่งต่างๆอย่างเช่น การดำเนินเรื่อง ระบบเกม และความประทับใจ ให้ได้อ่านกันคร่าวๆนะครับ
ผมได้รู้จักเกมนี้จากนาย พูโต เพื่อนผมเอง เขาบอกว่าเนื้อเรื่องดีมาก ผมจึงไปหา Trailer ดู แล้วรู้สึกประทับใจตั้งแต่ตอนนั้น
ด้วยภาพของเกมที่ดูแล้วรู้สึกว่า Classic บวกกับตัว Ost ที่ทำออกมาได้กินใจมากๆ และเนื้อเรื่องที่ผูกปมไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า
"To the moon"
มันยิ่งทำให้ผมสงสัย และอยากเล่นขึ้นไปมากเท่าทวีคูณ
หลังจากได้ลองเล่้นแล้ว มีทั้งเหตุการณ์ที่ทำให้หัวเราะ อมยิ้ม ฉงนสงสัย เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไม เพราะอะไร
และที่สำคัญที่สุดเลยคือ เนื้อเรื่องหลังจากเฉลยแล้วมันสวยงามเสียจนผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยจริงๆ (ไม่ได้โม้นะ)
เริ่มจากตัวเกมก่อนแล้วกัน
ตัวเกมจะเป็นเกม Pixel art ง่ายๆประมาณ 16 bit (หรือเปล่า) Theme คล้ายๆเกม RPG เก่าๆ ทำให้ตอนเล่นแล้วรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่อีกโลกนึง โลกที่ไม่ใช่ 3 D แบบในปัจจุบัน
ทำให้การกระทำเล็กๆน้อยๆในเกมอย่างการ ยิ้ม การเมินหน้าหนี เราต้องสังเกตุแล้วจินตนาการตามไปด้วย มันจะคล้ายๆกับการอ่านหนังสือหนะครับ ไม่รู้ว่าเป็นกับทุกคนหรือเปล่านะครับ
ระบบในเกมไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน เราก็แค่บังคับเดิน ซ้าย ขวา บน ล่าง แล้วสำรวจสิ่งต่างๆด้วยการคลิ๊กเม้าท์ แค่นั้นเอง
มี Puzzle นิดหน่อย ซึ่งไม่ได้ยากมาก มีการบอกใบ้ไว้หมดครับ นั่งคิดนิดนึงก่อนกดมั่วก็ผ่านง่ายๆ แต่ถ้ากดมั่วก็อาจจะหงุดหงิดนิดนึง
ไปว่ากันที่เนื้อเรื่องดีกว่า
เริ่มต้นเลยเราต้องเข้าใจเนื้อเรื่องเปิดตัวก่อน จริงๆก็หาดูใน Trailer ได้ตาม Youtube แต่ผมว่าเขาสปอยฉากที่ทำให้ใจหาบแวบบบบบบบ ไปเยอะเหมือนกัน
ผมจะมาสรุปให้แบบพอเล่นแล้วไม่รู้สึกว่าโดนสปอยแล้วกันครับ สไตล์คนเวอร์แบบผม
เนื้อเรื่องเริ่มที่ว่าตัวเอกของเรื่อง Johnathan "Johnny" Wyles ได้ติดต่อไปที่องกรณ์ ๆ หนึ่ง โดยที่องค์กรณ์นี้สามารถทำให้"ฝัน"ของผู้ว่าจ้างเป็นจริงขึ้นมาได้
แต่ทว่าตัว Johnny เองก็แก่มากแล้ว เขายื้อชีวิตตัวเขาไว้เพียงเพื่อรอให้ความฝันนั้นเป็นจริง ความฝันที่จะ"ไปสู่ดวงจันทร์"ของเขา
ผู้ที่เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงมีด้วยกัน 2 คนได้แก่
Niel Watt
กับ
Eva Rosalene
ทั้ง 2 คือผู้ชำนาญขององค์กรณ์นี้ และไม่เคยทำให้ภารกิจล้มเหลวมาก่อน
การดำนเนินเรื่องจะถูกขมวดปมไว้ตั้งแต่เริ่ม ย้ำครับ ตั้งแต่เริ่มจริงๆ เพราะทั้ง 2 จะคุยโต้ตอบกันตลอด ทำให้เราได้่คิดในจุดที่มองข้ามไป แล้วโฟกัสกลับเข้ามาที่เนื้อเรื่องได้ตลอด
ติดก็แต่ตา Niel จะเน้นฮาประจำ ซึ่งบางจังหวะความฮาของเขาก็ทำเอาเราอึ้งไปได้เหมือนกัน ผิดกับ Eva ที่จริงจัง แต่แอบอ่อนไหว และซึนหน่อยๆ
เมื่อทั้ง 2 สืบความไปได้เปราะหนึ่งก็จะพูดคุยกันตลอด ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ตัวเกมไม่ได้น่าเบื่อเหมือนอ่านหนังสือเรียนจนเกินไป
ทั้ง 2 จะเ็ป็นเหมือนตัวแทนความคิดว่า เอ๊ะทำไม ? เอ๊ะอะไร ? ทำไมต้องอย่างงั้น ? ทำไมต้องอย่างงี้ ?
คำถามจะผุดขึ้นมาให้เราได้คิดตามและสงสัยตลอด แล้วทั้ง 2 ก็หาทางแก้ไปเรื่อยๆ มีทั้งวิธีการตามหลักวิชาการไปจนถึงวิธีการบ้า ๆ บอ ๆ
ตรงนี้จะทำให้เราได้หัวเราะ และอมยิ้มไปตลอดการเล่นเลย
เรื่องความประทับใจคงหนีไม่พ้น Ost ของเกมที่ทำให้ตัวเกม 2D ไม่มีเสียงพากย์ ดูมีน้ำมีเนิ้อมากขึ้น
และการแหย่ของ Neil กับการแก้เผ็ดของ Eva ทำให้ตัวเกมดูมีชีวิตชีวาขึ้นไปอีกหลายระดับทีเดียว
ตลอดการทำภารกิจจะเต็มไปด้วยความหอมหวานของ Johnny ผู้ที่แน่วแน่กับความรัก และไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา
เนื้อเรื่องไม่มีความ เน่า และ เลี่ยน เหมือนอย่างซีรี่รักๆ ทั่วๆไป ตามเกาหลี เท่าที่จำได้ผมไม่้เคยเห็นคำว่า "รัก" ออกมาจากในเกมนี้สักเท่าไรเลย
แต่กลับรับรู้ และรู้สีึกได้อย่างเต็มอก ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเติมเต็มไปด้วยความรักจริง ๆ
และจุดหักมุมทำออกมาได้ Perfect มาก พอถึงตอนนั้นจะต้องร้อง อ๋ออออออออออออออ !! ทันที
แล้วหลังจากนั้นจะมีแต่น้ำตาพรั่งพรูออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เป็น 9 ชม. ที่ผมรู้สึกมีความสุข และคุ้มค่ามากกับเกมที่มีความจุเพียงแค่ 50 กว่า MB
และนี่คือความรู้สึกประทับใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของผมต่อเกมที่มีชื่อสั้นๆว่า
To the moon
เกมนี้ครับ
Trailer ต่างๆ ครับ
Trailer ตัวนี้น่าดูก่อนไปเริ่มเล่นมากครับ
Trailer นี้ผมไม่แนะนำ เพราะจุดสำคัญของเกมถูกเอามาโชว์เหมือนโชว์หนังเลย แต่ถ้าไม่สนใจเล็กๆ น้อยๆแบบผมก็ดูได้ครับ ทำให้เข้าใจตัวเกมมากขึ้นด้วย
แถม