
"มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้" Pieroro บอก mikoto และพูดต่อว่าเขาเคยเข้าใจว่าที่หัวรถจักรจะต้องเป็นห้องรกๆ ของตาแก่คนหนึ่งที่ไม่เอาอ่าว คนที่สร้างพวกเราเหล่าตุ๊กตาขึ้นมาแล้วก็ทิ้งขว้างไม่กลับมาเหลียวแล แต่กลับไปสร้างอย่างอื่นแทน
ภาพของตาแก่นั่นที่วันๆ เอาแต่นั่งๆ นอนๆ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเมื่อได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลก โดยมีเหล่าตุ๊กตาคอยรับใช้ นั่นต่างหากที่ Pieroro คาดหวังว่าจะได้พบมันที่นี่
สาวนางหนึ่งเดินเข้ามาแล้วโค้งให้ Pieroro อย่างไม่ถือตัว ทั้งที่ Pieroro เป็นแค่ตุ๊กตา ซ้ำยังเคยเป็นตุ๊กตาที่เป็นภัยร้ายกับมนุษย์ด้วย

"ขอเวลาสักประเดี๋ยวได้ไหมคะ" Victory แนะนำตัว
มีฉากหลังเป็น Pooto สวมวิญญาณโลลิค่อนวิ่งเล่นกับ Burattini

"ตามให้ทันนะ" Burattini วิ่งฉิว pooto หอบแฮ่กกว่าจะตามทัน เธอบอกว่ามนุษย์นี่แย่จังนะ เดี๋ยวเหนื่อย เดี๋ยวเครียด เป็นตุ๊กตาดีกว่าเป็นไหนๆ
- เป็นมนุษย์สิดีกว่า
- อยากเป็นบ้างเหมือนกันนะ
และเด็กเกรียน 2 คนปีนไปเล่นซนบนเสา
หลังจากเล่นมวยปล้ำกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเจี๊ยวจ๊าว ทั้งสองก็นอนแผ่บนนั้น

"ฉันอยากเป็นมนุษย์จังเลยค่ะ" Fantoccini เอ่ยขึ้นมา
- บอกว่าเป็นมนุษย์ดียังไง
- บอกว่าเป็นตุ๊กตาแหละน่ารักกว่า

"ดื่มชากันไหม" Tea Time ไม่ได้สนใจใคร กางโต๊ะชาเรียบร้อยแล้วเรียกดารากับ Chao แต่อีกฝ่ายปฏิเสธจะสำรวจเสา
มันดูไม่ใช่เสา แต่น่าจะเป็นเสา Chao เดินวนไปก็มึนงงไป ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่ามันเป็นเสาเตี้ยละกัน
เขาพบว่ารอบๆ เสามีปุ่มอยู่ และมีแผงควบคุม รวมไปถึงหน้าปัดด้วย Budino บอกว่านี่เป็นกลไกควบคุมรถไฟ แต่ที่น่าแปลกคือ ใครที่จะควบคุมมัน
บนเสามี
- หน้าปัดสีเขียว มีเข็มที่กระดิกตลอดเวลา รอบหน้าปัดเป็นสัญลักษณ์แปลกๆ Zo อ่านออก มันเป็นอักขระ Doll เปรียบได้กับตัวเลขความเร็ว ความร้อน ฯลฯ
- สวิตซ์มากมาย
- คันโยก

"เรื่องบ้าๆ แบบนั้นจะให้ยอมรับได้ยังไง" Pieroro สับสนงงงวยมากหลังจากได้ฟัง Victoria เล่า
นักประดิษฐ์ของเล่นเดินทางไปยังเมือง Notthingham เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลการสร้างรถไฟที่มีชีวิตจาก Doll Master นางหนึ่ง
"เมื่อรถไฟมีชีวิตสร้างเสร็จ ฉันจะนำกลวิธีนี้กลับไปชุบชีวิตให้พวกเธอ รอฉันก่อนนะ" นั่นคือเป้าประสงค์ที่แท้จริงของเขา
แต่การเรียนรู้และวิจัยต้องใช้เงินจำนวนมาก เขาจำเป็นต้องปักหลักที่เมือง Notthingham และเปิดกิจการหาเงิน
พรหมลิขิตนำพาให้เขาพบรักกับ Doll Master ผู้นั้น เธอชำนาญการเชิดหุ่น และตุ๊กตาอย่างมาก คณะละครสัตว์หุ่นเชิดจึงได้ถูกก่อตั้งขึ้น โดยมีบ้านตัวตลกเป็นบ้านอันแสนสุขของทั้งคู่
ในที่สุดรถไฟก็สร้างเสร็จ แม้มันจะผ่านไปหลายสิบปีก็ตาม สองสามีภรรยาได้ขึ้นไปและเริ่มการสร้างกลไกเนรมิตภาพฝันทีละโบกี้ โดยตั้งเงื่อนไขคล้ายเกมโชว์ เมื่อฝ่าฟันผ่านแต่ละด่านก็จะได้ชมการแสดงเป็นรางวัล
เป้าประสงค์ของรถไฟขบวนนี้คือ มันจะวนไปทุกที่ทั่วโลกโดยไม่ต้องพึ่งพาคนขับ เพื่อแจกความสุขให้ผู้คน โดยมีพนักงานเป็นตุ๊กตาที่ซื่อตรงในการบริการ
สองสามีภรรยาขึ้นรถ และบอกลูกหลานว่าจะวนรอบโลกเพื่อทดสอบและกลับมาในอีก 3 ปี ระหว่างที่เดินทางก็จะสร้างเกมในแต่ละตู้ไปด้วย
แต่อะไรมันก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง ภรรยาของนักประดิษฐ์เสียชีวิตไปก่อนในช่วงที่กำลังสร้างเกมต่างๆ ในขบวนรถ เกมในตู้สุดท้ายจึงสร้างไม่เสร็จ
นักประดิษฐ์หมดอาลัยตายอยาก เขาไม่สามารถสร้างเกมได้ด้วยตัวคนเดียว ซ้ำยังเศร้าเสียใจกับการจากไปของภรรยาอันเป็นที่รัก รถไฟแล่นไปพร้อมกับตัวเขาที่นอนทอดร่างอยู่ในหัวรถจักร
จนเมื่อรถไฟไปถึงสถานีหนึ่ง นักประดิษฐ์ได้รวบรวมเรี่ยวแรงที่มีก้าวลงจากรถ เขาหวังให้ชานชาลานี้เป็นสุสานของเขา แต่ทว่า
เด็กหญิงมัดแกละนางหนึ่งยืนรออยู่ตรงทางลง เธอบอกว่าไม่มีตั๋ว แต่เธอจะขึ้นมันได้ไหม จะวิ่งต่อหรือไม่
นักประดิษฐ์รู้สึกเจ็บปวดหากจะทำลายความหวังของผู้โดยสารหากเขาบอกว่ารถไฟนี้จะไม่วิ่งอีกแล้ว และยิ่งถ้าเขาตายไปทั้งอย่างนี้ตุ๊กตาที่บ้านของเขาล่ะจะเป็นอย่างไร
นักประดิษฐ์ยิ้มละไมให้เด็กหญิง แล้วบอกว่าขึ้นได้สิ แต่ก่อนที่จะขึ้นเขาเล่านิทานให้เธอฟังเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับรถไฟละครสัตว์ ที่มีขบวนเดียว และสายเดียว จากนั้นก็เชิดหุ่นให้ดู
เด็กหญิงขอให้เขาสอนเชิดหุ่น เธอเรียนรู้ไวมาก จนสมควรแก่เวลาที่รถไฟจะออก นักประดิษฐ์ให้กระเป๋าเธอใบหนึ่งก่อนที่เธอจะขึ้นไป เพียงคนเดียว
นักประดิษฐ์นั่งมองรถไฟวิ่งออกไปจนลับตา แล้วเขาก็จบชีวิตลง ณ สถานีแห่งนั้น สถานีหมอก...
หลังจากนั้นลูกหลานของนักประดิษฐ์ก็กระจายข่าวเกี่ยวกับรถไฟออกไป แต่ไม่มีลูกหลานคนใดได้พบรถไฟละครสัตว์เลย
และ Victoria ก็คือเหลนของนักประดิษฐ์ของเล่น ผู้สร้างรถไฟขบวนนี้