ปราสาท Nabi เมืองชายแดนของอาณาจักร Mamluc ที่มีพรมแดนติดกับเพื่อนบ้านที่แสนจะป่าเถื่อนอย่างชนเผ่า Grisia
เมืองนี้เป็นเมืองป้อมปราการ หรือก็คือเมืองในรูปแบบปราสาทที่มีขนาดไม่กว้างใหญ่นัก จึงมีชาวเมืองอาศัยอยู่ไม่มากในเขตกำแพงเมือง
ด้านหน้าของเมืองคือสนามรบที่ยังคงมีควันไฟหลากสีที่คุกรุ่น เถ้าฝุ่น และไอหมอกเข้มจัดอันเกิดจากสารพัดอาคมที่ทั้งสองฝ่ายใช้มันต่อสู้กันในสงครามเมื่ออาทิตย์ก่อน
กลุ่มหมอกได้บดบังทัศนวิสัยเอาไว้จนอาจไม่เห็นซากศพที่เกลื่อนกลาด และสรรพวุธมากมายที่ยังคงไม่ถูกเก็บกู้
สภาพของเมืองยับเยินจากการโจมตี มองไปที่สนามรบอาจจะยังพอเห็นคาตาพัลต์และเครื่องเหวี่ยงหินหลายชนิดอันเป็นตัวการหลักที่เนรมิตรความเสียหายเหล่านี้
กำแพงด้านหนึ่งพังถล่มลงมาจนกองทหารเดินเข้าออกไปเป็นกองพัน ประตูหน้าของเมืองที่เป็นไม้ตีด้วยเหล็กพังยับเป็นชิ้น ข้างประตูยังคงมีซากเครื่องกระทุ้งประตู
เหล่า Necromancer จำนวนหนึ่งได้มาถึงเมืองแล้ว และภาพที่เห็นเมื่อลอดเข้าไปในตัวเมืองก็คือความเงียบเชียบ
เวลา 20.00 น.
ชาวเมืองส่วนใหญ่อพยพไปหมดแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงครอบครัวของทหารหรือชาวเมืองที่ยังรอคอยความหวังเพราะหวงทรัพย์สมบัติและที่ดินของตนเอง
ประชากรในเมืองส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ทหารก็เป็นคนพิการหรือคนเจ็บ นั่นคือมุมมองของมนุษย์ทั่วไป แต่หากเป็น Necromancer แล้วล่ะก็...
Spoiler for Hiden:
"ในเมืองนี้มีคนตายไปมากจากโรคระบาดและพิษบาดแผล" Milune นั่งเซ็กซี่กึ่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ที่สลักเป็นกะโหลกในห้องโถงปราสาท
"เมื่อครึ่งปีก่อนข้าศึกบุกเข้าเมืองมาได้และฆ่าชาวเมืองไปไม่น้อย แต่พวกมันก็ถูกฆ่าไปไม่น้อยเช่นกัน"
ดังนั้นในเมืองนี้จึงมีทรัพยากรอยู่พอสมควร
Milune ไม่ได้แนะนำทุกคนให้รู้จักเจ้าเมืองหรือผู้ครองปราสาท Nabi แห่งนี้โดยอ้างว่าท่านลอร์ดไม่ค่อยสบาย เธอจึงมีหน้าที่ทำสิ่งต่าง ๆ แทน
เธอหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่พักหนึ่ง แล้วบอกว่ากองทัพ Grisia จะบุกจู่โจมกลางดึกของวันพรุ่งนี้ จะทำอะไรก็รีบทำ หิวก็รีบกินซะนะ เพราะอาจจะไม่ได้กินอีกแล้ว
@!#$^%&*#$@W#%^&^*(*)(&$##!@#$^&^Ghost Trooper ที่พอมีพลังอยู่บ้างหลายตนถูก Zaragusar ผนึกวิญญาณและนำมันมารับใช้ นับรวมแล้วก็น่าจะได้มาเป็นตัวที่สิบกระมัง
เอาวิญญาณกระจอกงอกง่อยมาเลี้ยงดูนั้นไม่เกิดมรรคผล ไม่ใช่ว่าจะเดินจับวิญญาณที่ไหนก็ได้ ซึ่ง Necromancer ทุกคนเข้าใจในข้อนี้
การหาวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การสยบมันนั้นไม่ง่ายยิ่งกว่า และยิ่งวิญญาณนั้นแข็งแกร่งก็ยิ่งสูบกินมานาของ Necromancer เป็นอาหารมากเท่านั้น
"ข้าคิดว่าข้าเคยสอนเจ้าไปแล้ว และข้าหวังว่าเจ้าจะจดจำมันได้" Zaragusar ชำเลืองมองไปยังศิษย์เอกที่วิ่งเล่นอยู่
เธอยังเด็กนัก และดูจะไม่ค่อยสนใจวิชาอาคมสักเท่าไร ตลอดมาเธอเล่าเรียนวิชาต่าง ๆ ได้ด้วยพรสวรรค์เพียงเท่านั้น
"แต่ลำพังพรสวรรค์ที่ไร้พรแสวงคงไม่อาจเก่งกล้าได้มากไปกว่านี้..."
"ฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้เองนะคะ มาค่ะ มาเล่นกัน" เธอกำลังจูงลาแก่วิ่งเล่นไปพลางคุยกับมันไปด้วย
อาจารย์ของเธอได้แค่ส่ายหน้าแล้วเดินไปนั่งมองดูภาพลักษณ์และตัวตนของเมืองนี้
สิ่งที่ควรรู้
- Necromancer จะมีความสามารถพิเศษที่ใช้กับวิญญาณได้ ดังนี้
- โซ่ตรวนวิญญาณ: เป้าหมายวิญญาณจะหยุดนิ่งโดยไม่ตอบโต้ 2 Turn [SP 1]
- เผยร่างที่แท้จริงออกมา: เป้าหมายวิญญาณจะใช้แต่ Skill [SP 1]
- ผนึกวิญญาณ: ทอยเต๋าหน้า HP ของวิญญาณให้ได้ 1 เป้าหมายวิญญาณหมดสภาพ [SP 1]
*ทั้งสามความสามารถใช้งานได้โดยไม่เสีย Action ในการต่อสู้ จะใช้รัว ๆ ก็ได้ ใช้ควบคู่กับการต่อสู้ในกติกาปกติก็ได้ - Necromancer สามารถผนึกวิญญาณเพื่อให้มาติดตามรับใช้ได้ ซึ่งจะมี 3 สถานะ
- Soul: ในสถานะนี้มีผลเพียงแค่เป็นแต้ม Soul
- Spirit: ในสถานะนี้จะเหมือน Summon Unit ที่มี Status ให้เรียกใช้ได้ ซึ่งการจะครอบครองวิญญาณระดับนี้ต้องมีระดับมานาที่สูง
- Enhanced Spirit: ในสถานะนี้จะมีลักษณะเหมือนตัวละครปกติทุกประการ การจะครอบครองวิญญาณระดับนี้ต้องการเงื่อนไข - Ghost หรือวิญญาณทั่วไปจะมีสถานะ Ghost, Spirit Resist และ M.Atk (หากไม่ใช้ Skill)
- Ghost หรือวิญญาณที่เก่งกล้าจะพรางตัวได้ บ้างก็ไม่ปรากฎกายให้เห็น แต่ก็สามารถมองหาได้ด้วย Talent Acc
- Priest หรือนักบวชคือศัตรูตัวร้ายของ Necromancer เพราะมีความสามารถปลดปล่อยวิญญาณ และยังทำให้ Soul ของทุกคนลดลงด้วย
จุดต่าง ๆ- ปราสาท
- ลานฝึกซ้อม
- สถานพยาบาล
- โบสถ์
- ซุ้มประตู
- กำแพงถล่ม
- หอคอย
- ร้านขายของ
- ลานกว้าง
- บ่อน้ำ
ทุกจุดล้วนมี Quest แต่สามารถย้ายสถานที่ได้อิสระ ให้แน่ใจว่าต้องการทำ Quest ในสถานที่นั้น เพราะเมื่อทำ Quest จบจะจบ Turn ทันที
HP 0 จบ Turn ทันที, ตัวละครที่ไม่มี Status ไม่สามารถทำกิจกรรมใดได้ นอกจากคุย