.
.
.
"คิดว่ามันเป็นความผิดของใครที่บันดาลเรื่องบัดซบนี่ขึ้นมา?"
Daniel ยังคงนิ่งเงียบเหมือนเช่นทุกครั้ง
เด็กชายหันมองเส้นทางลับที่ทุกคนใช้หนีออกมา
พวกเขาซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายต่างเดินลัดเลาะผ่านป่านอกเขตคฤหาสน์จนมาถึงถนนเล็กๆซึ่งทางข้างหน้าเป็นสถานีรถไฟที่เชื่อมกับหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ทว่ายังไม่ทันพ้นเขตป่า จู่ๆเด็กชายก็หยุดเดินกลางคัน ไม่ได้ตามคนอื่นๆที่นำไปก่อน
แสงจากดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆขึ้นจากขอบฟ้าย้อมผืนป่าให้กลายเป็นสีเหลืองส้มบ่งบอกว่าเข้าสู่ยามเช้าแล้ว
Daniel เริ่มพึมพำอะไรอยู่คนเดียว
วิล... ริต้า... ยังติดอยู่ในนั้น
... เขาต้องกลับไป ...ยังไม่ทันที่ Daniel จะเดินกลับไปตามหาเพื่อนของเขาก็ถูกองครักษ์จับไหล่ไว้
“เธอจะไปไหน”
เด็กชายเอ่ยตอบกลับไป “วิลกับริต้า.. ต้องกลับไปช่วยพวกเขา”
Cecil ไม่เข้าใจว่า Daniel พูดถึงเรื่องอะไร ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเด็กคนนี้ เธอก็เห็นเขาพึมพำคุยกับใครบางคนที่เธอมองไม่เห็นอยู่บ่อยครั้ง
“เพื่อนของเธองั้นหรือ..?” หญิงสาวเกริ่นขึ้นก่อนจะหันไปยังปากทางเข้าป่าที่เพิ่งเดินออกมา
แล้วนิ่งคิด เธอเองก็ยังคงตามหาเจ้าหญิงไม่พบเช่นกัน แต่ในตอนนี้การพาพวก Daniel ไปส่งยังที่ปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่เธออยากจะทำให้สำเร็จลุล่วงก่อน
“แต่ที่คฤหาสต์อาจยังมีอันตราย..เธอไม่ควรกลับไปเพียงลำพัง” Cecil กล่าวเตือนและห้ามเขาให้หยุดความคิดนั้น
แต่เด็กชายก็ไม่ยอม เขาเดินดุ่มๆจะเข้าป่าอีกรอบ ทำให้ Cecil ชะงัก
“เดี๋ยว แดเนียล-- ” เสียงขององครักษ์สาวร้องขัดขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าเดินตามไป ก่อนที่จะมีแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งคู่
“...?”
Daniel และ Cecil
แสงสีฟ้าก่อตัวเป็นรูปร่างของหญิงสาวผมยาวสีทองที่ Cecil คุ้นเคยดี
องครักษ์สาวยืนอึ้งอยู่สักพักก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าอีกฝ่าย หลุดมาดที่นิ่งเฉย
จ้องร่างของนายเหนือที่ตามหามานาน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือละล่ำละลัก “องค์หญิง.. ทำไมท่านถึง..”
“ไม่คิดว่าเธอจะยังมีชีวิตรอดอยู่.. เซซิล”หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มมุมปาก และคำพูดที่ดูเหน็บแนมตามนิสัย
“ฉันพาเด็กๆมาส่ง..”
เป็นฝ่าย Cecil ที่มีสีหน้างุนงงขณะ Daniel เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“วิล.. ริต้า.. คุณพาพวกเขาออกมาได้”
ภาพที่องครักษ์เห็นคือเด็กชายที่ขยับเข้าไปหาเจ้าหญิงและจ้องมองความว่างเปล่า
สีหน้าที่เป็นกังวลในตอนแรกเริ่มผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดคล้ายกับว่าเพื่อนทั้งสองกลับมาพร้อมเจ้าหญิงแล้วจริงๆ
Le Noir เล่าว่าเธอเห็นพวกเขาติดอยู่ข้างใน และเพราะคำสาปของซาตานหายไปแล้ว
เธอจึงสามารถออกมาและไปพาพวกเขากลับออกมาจากห้องพิธีกรรมได้
กล่าวคือในตอนนี้ดวงวิญญาณของเจ้าหญิงและรวมไปถึงวิญญาณของคนในคฤหาสน์ได้รับการปลดปล่อยแล้ว
“ร่างของฉัน… อยู่ในเส้นทางลับชั้นใต้ดิน”
Le Noir เอ่ยต่ออย่างเยือกเย็นช่างแตกต่างจากเจ้าหญิงที่แสนจะเอาแต่ใจคนนั้นที่องครักษ์สาวรู้จัก
เธอได้เล่าเรื่องราวที่ Cecil ไม่เคยรับรู้จนกระทั่งหายนะได้บังเกิดขึ้น
พร้อมๆกับ Daniel ที่นิ่งฟังนายบ่าวได้พูดคุยกัน พลางงึมงำแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนทั้งสองของเขา
...ความจริงที่น้อยคนจะรู้...
1870 คฤหาสน์ถูกสร้าง
1880 คฤหาสน์เสร็จ คนที่อยู่มาแต่แรกจะมี แม่ครัว Sindy(สาวใช้เก่าแก่) Bob(คนขับรถ) Brad(คนเลี้ยงม้า) Erica(เด็กรับใช้เก็บมาเลี้ยง)
1885 Sindy เลื่อนเป็นหัวหน้าแม่บ้านหลังหัวหน้าแม่บ้านคนเก่าไปแต่งงาน
1890 Bob เสียชีวิตเพราะคนร้ายบุกเข้ามาขโมยของ Erica มาเป็นสาวใช้และคนขับรถ
1892 Brad เสียชีวิตเพราะกับดัก จึงเริ่มรับสาวใช้จำนวนมาก
1893 กลไก 12 เทพเจ้าถูกจัดตั้ง
1898 เจ้าหญิง Le Noir และคณะมาขอพัก
1900 เจ้าหญิง Le Noir ถูกกลไกหายสาบสูญ และไม่กี่สัปดาห์ต่อมาหายนะก็มาเยือน
1975 หรือ 75 ปีต่อมา เวลาในคฤหาสน์คล้ายกับถูกหยุดเอาไว้จนมาถึงบัดนี้ที่มีผู้มาเยือน
หลังจากหายนะได้ครอบคลุมคฤหาสน์
ห้วงเวลาของทุกคนก็ถูกคำสาปหยุดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือแม้กระทั่งมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวนั้นซึ่งก็คือองครักษ์สาว
Cecil นิ่งอึ้งไปกับความจริงทั้งหมด ทั้งเรื่องการตายของเจ้าหญิง ช่วงเวลาที่ถูกหยุดไว้มาตลอด 75 ปี
เธอก้มหน้าคล้ายพยายามทำใจ ก่อนจะเอ่ยต่อเพราะเพิ่งสังเกต
“...อัญมณีของท่านหายไป...”
Le Noir แตะปกเสื้อซึ่งควรจะมีอัญมณีสีฟ้าซึ่งเป็นเครื่องรางของราชวงค์ประดับอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่มีอยู่แล้ว
“เปล่า ฉันให้มันไปกับชายคนหนึ่ง เธอน่าจะรู้จักเขานะ” เจ้าหญิงยิ้มพราย ดวงตาเป็นประกายอย่างรู้สึกชอบใจ
“คุณหมอคนนั้น”ก่อนที่ Cecil จะเอ่ยอะไรต่อ เจ้าหญิงก็พูดขัดขึ้น “รีบลุกเถอะ พวกเธอยังต้องไปต่อ พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ก็ด้วย” เธอหันมาหา Daniel
“หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล หวังว่าพวกเธอจะโชคดี”
“แล้วก็เธอด้วย องครักษ์ของฉัน คงไม่นั่งอมทุกข์อยู่อย่างนี้ตลอดไปหรอกใช่ไหม”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบคนแบบนั้น” เจ้าหญิงหัวเราะเบาๆยกมือสัมผัสใบหน้าของ Cecil แผ่วเบาก่อนจะละออกมา
เธอเชิดหน้าเล็กน้อยแล้วสะบัดผมหนึ่งครั้ง Le Noir ดูไม่ได้มีท่าทางโกรธเคือง แถมยังพูดให้ Cecil ได้คิดตาม
Cecil ที่ยังนั่งชันเข่ากับพื้นมีท่าทางที่หนักใจจนกระทั่งเธอค่อยๆลุกขึ้น สีหน้าเหมือนร้องไห้เพียงแวบเดียว
ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆขับไล่น้ำตาที่เธอไม่ได้ต้องการในตอนนี้ คล้ายตัดสินใจได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตามหน้าที่ของเธอได้ลุล่วงแล้ว แม้จะรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยเจ้าหญิงได้ก็ตามที
“องค์หญิง เราจะได้พบกันอีกหรือไม่...”
เป็นทีเจ้าหญิงที่ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรอีก นอกจากส่งรอยยิ้มบอกลาให้ทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้าย
...สักวัน.. ในสักวัน...
สิ้นคำที่ดังสะท้อนผืนป่า ร่างโปร่งใสของเจ้าหญิง Le Noir ก็หายไป พร้อมกับแสงสีฟ้าเรืองรอง
.
.
.
หลังจากแยกจากเจ้าหญิงทั้ง Cecil และ Daniel ก็มารวมตัวกับทุกคนที่สถานีรถไฟ ท่ามกลางผู้โดยสารที่เดินขวักไขว่อย่างรวดเร็ว
“คุณมากับเราได้... วิลบอก”
เสียงของเด็กชายเอ่ยชวนขณะขึ้นรถไฟตู้สุดท้าย
“ขอบคุณ.. แต่ฉันยังต้องเดินทางไปอีกเส้นทางหนึ่ง” เธอหันไปยังรถไฟอีกขบวน
“คุณจะไปที่ไหน..? ริต้าถาม”
“ฉันจะกลับฝรั่งเศส”
แม้กาลเวลาจะผ่านไป 70 กว่าปี แต่เธอก็ยังยืนกรานจะกลับไปรายงานเรื่องของเจ้าหญิงและเลดี้หญิงสาวผู้พี่ของนาง ซึ่งมันดูเป็นไปไม่ได้ที่คนในวังจะเชื่อ ทั้งเรื่องคำสาปของคฤหาสน์ และอายุที่แท้จริงของตัว Cecil เอง แต่องครักษ์บอกว่าเธอจะพยายามดู
“ลาก่อน ..แดเนียล ขอให้โชคดี”
Cecil ยิ้มให้จางๆ ก่อนที่ขบวนรถจะค่อยเคลื่อนไปข้างหน้า
เด็กชายยกมือขึ้นโบกๆให้เธอ พลางครุ่นคิดอะไรในใจขณะเฝ้ามององครักษ์สาวที่ยังอยู่ตรงสถานีจนลับสายตาไป
... เรื่องราวที่ผ่านมา มันช่างแปลกประหลาด ...
เขาสัญญากับตัวเองว่าจะนำความทรงจำชวนพิลึกเหล่านี้กลับไปเล่าให้คุณตาฟัง
Daniel มุ่งหน้าสู่เส้นทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
.
.
.