* ห้องโถงรับแขก

Refresh History
  • lostlance: งี้นี่เองงง
    July 21, 2023, 07:09:04 PM
  • Qiao: อยากเล่นแนว fear and hunger 1-2 ก็ได้
    August 28, 2023, 10:56:33 PM
  • lostlance: ผมว่าเกมมันหลอนไป
    August 31, 2023, 10:47:07 AM
  • Johan: สลัดทั้งงานราษฎร กับงานหลวงไม่ออก น่าจะมาต่อสักใกล้ๆปลายปีนะครับ
    September 29, 2023, 06:48:36 PM
  • Bloody Rabbits: รออยุ่ว
    September 29, 2023, 10:01:26 PM
  • lostlance: ที่โพสใหม่นั้นสแปมหรืออะไรน่ะ
    October 05, 2023, 02:12:26 PM
  • Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ
    December 02, 2023, 01:55:59 AM
  • Johan: สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนยุ่งๆงานเยอะๆ
    January 01, 2024, 11:30:01 AM
  • Johan: อยากมาต่อ แต่เคลียรืเวลาไม่ลงตัวเลย
    January 01, 2024, 11:30:18 AM
  • Johan: Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ <<< ตอบแล้วๆ (เกมบ้าอะไรฟระ โพสละครึ่งปี)
    January 01, 2024, 11:35:44 AM
  • lostlance: สวัสดีปีใหม่ครับบ
    January 01, 2024, 08:58:21 PM
  • Qiao: มาลักข้อมูลบอร์ดเกม
    June 09, 2024, 12:51:10 PM
  • duek duen: จะยังมีใครใช้เว็บนี้อยู่ไหมนะ —
    July 29, 2024, 10:00:23 PM
  • Game Master: เจ้าของยังไม่ค่อยเข้าเล้ย
    August 01, 2024, 08:35:21 PM
  • duek duen: Damn
    August 04, 2024, 04:42:50 PM

Author Topic: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2  (Read 26440 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Thyself

[Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« on: October 18, 2014, 04:14:33 PM »
ข้อมูลตัวละคร

คำชี้แจง : เกมนี้จะตัดสินกันด้วยคะแนน โดยคะแนนจะได้จากสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านการ Roleplay ซึ่งจะมีอยู่ทุกจุด แต่ละจุดจะได้มากน้อยต่างกัน
โดยคะแนนที่ได้มากที่สุดคือ 5 คะแนน และน้อยที่สุดคือ 1 คะแนน ในจุดให้คะแนนนั้น ๆ จะให้กับทุกคนที่ Roleplay เข้าเงื่อนไขโดยไม่หารคะแนน
เกมนี้ไม่มี Roleplay พลาด จะมีเพียงแค่ไม่ตรงเงื่อนไข ดังนั้นจะไม่มีการหักลบคะแนน เว้นแต่ตัวละครนั้น ๆ HP เป็น 0 ซึ่งจะต้องจ่ายคะแนนเพื่อฟื้น HP กลับมาเล่นต่อ (ไม่บังคับ)

สามารถนำตัวละครที่หมดสภาพแล้วกลับเข้ามาเล่นใหม่อีกครั้ง ด้วยการจ่าย 5 คะแนนในตอนเริ่มเกมเท่านั้น




เช้าวันใหม่มาเยือน เมฆดำบนผืนฟ้านั้นยังไม่เคลื่อนตัวหายไปไหน ราวกับถูกใครบางคนจับตรึงเอาไว้ กระแสสายฟ้าสีครามยังคงแล่นแปลบปลาบไปมาชวนหวาดเสียว
ด้านในโกดังที่หลบภัยฉุกเฉิน วันนี้ที่นี่คึกคักกว่าวันวานมาก อาจจะเพราะคนเจ็บก็เริ่มฟื้นตัว และมีคนมาเข้าร่วมเพิ่มขึ้น
สอบถามได้ความว่า เมื่อคืนหลังจากที่ทุกคนหลับไปแล้ว Quartz และ Hilary ก็ออกไปพาชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาหลบภัยที่นี่
ทั้งคู่ประเมินแล้วว่าในยามกลางคืนจะปลอดภัยจากสายฟ้าฟาดมากกว่ายามกลางวัน ซึ่งก็เป็นไปดังคาด

นอกจากนั้น ทั้งหมดยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Xerory เกี่ยวกับผนึกสายฟ้า โดย Quartz คาดการณ์ว่ามีใครบางคนไปปลดผนึกออก ไม่ใช่ตัวจริงของ Naru อยู่ที่ผนึกแต่อย่างใด
แต่จักรกลเมดสาวยังยืนยันจะใช้แผนเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่า เราจำเป็นต้องทำให้คนที่กำลังอาละวาดอย่าง Naru สงบลงเสียก่อน หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น

ในเรื่องตำราที่ Supreme ไปเจอในหอข้อมูลนั้น เป็นบันทึกประจำวันของ Xerory ที่เธอแอบเขียนอยู่เงียบ ๆ โดยไม่มีใครรู้
มันน่าโมโหใช่ไหมล่ะ เขียนมาตั้งหลายร้อยหน้า แต่วันดีคืนดีดันเกิดเหตุปะทะกันจนทำให้บันทึกของเธอเละเทะไปหมด
จะให้มาเขียนใหม่ก็ใช่ที แต่จะฉีกกระดาษแผ่นที่เสียทิ้งไปก็ทำให้บันทึกไม่สวยอีก จะซ่อมก็ไม่รู้จะซ่อมยังไง ผลสุดท้ายเธอเลยฟิวส์ขาด
ฟังดูก็น่าตลก แต่ฟังดูก็น่าเห็นใจเธอเหมือนกัน สำหรับคนที่รักหนังสืออย่างบรรณารักษ์สาวแล้ว เรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้ต่างจากการโดนเผาบ้านเลยสักนิด
Spoiler for Hiden:


"ถ้าเอาบันทึกของฉันไปบอกใคร ฉันจะไม่ให้กลับนะคะ" Xerory บอกและแย่งบันทึกของเธอคืนมาทันที แต่ก็ช้าไปแล้ว Supreme ประกาศเสียดังลั่นจนทุกคนรู้กันหมด



"เราต้องส่งบางคนออกไปดูความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก่อนนะคะ" Quartz พูดขณะเรียกทุกคนเข้ามาประชุม
"ไม่ทราบว่าใครจะอาสาไปสอดแนมพร้อมกับเงาคุงและ Ne บ้างคะ"



"ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะคะ"  C{ เธอถาม และได้คำตอบว่าก็เธอเป็นคนเดียวที่บินขึ้นไปดูจากที่สูง ๆ ได้
แต่เมื่อถามว่าแล้วสายฟ้าฟาดล่ะ Quartz ก็บอกว่าคงต้องพยายามหาทางหลบเอาด้วยตัวเองนะ


ทุกคน ยกเว้นกลุ่ม Yuti และกลุ่ม Pooto เลือก
- ออกไปสอดแนม
- ไปเข้ากลุ่มสนับสนุน
- ไปเข้ากลุ่มลอบโจมตี
- ไปเข้ากลุ่มหลอกล่อ
- อื่น ๆ : ระบุ

« Last Edit: October 18, 2014, 04:15:37 PM by Thyself »

 

Offline Johan

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #196 on: November 12, 2014, 10:07:35 PM »


"Supreme นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ มาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ" Supreme บอก
"ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรแล้ว Supreme จึงครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ" เธอว่าอย่างนั้น
"Supreme คิดว่าพวกเราพวกเราต้องตามหาผู้ครองจักรวาลแห่งนี้"

Supreme บอกว่าผู้ครองจักรวาลมีสิทธิ์ทุกอย่างที่ จะทำอะไรก็ได้ หรือ จะไม่ทำอะไรก็ได้
มันเป็นสิทธิ์ของผู้ครองจักรวาลที่จะกำหนดสิ่งใดก็ได้ที่ตนเองต้องการ
บางคนก็อยากเป็นผู้วิเศษคอยช่วยเหลือคน
บางคนก็แค่อยากกินนอนไปวัน ๆ ไม่คิดทำอะไร
บางคนอยากลองสนุกสนานในฐานะพลเมืองของจักรวาลตนเองถึงขนาดลบเลือนความจำตัวเองแล้วใส่ความทรงจำใหม่ก็มีนะ
แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ทอดทิ้งจักรวาลของตนเอง และทุก ๆ สิ่งที่มีเพื่อไปเป็นพลเมืองของจักรวาลอื่น อย่างเช่น Kurumi

Supreme เป็นประชากรอภิสิทธิ์เลยรู้เรื่องพวกนี้ เพราะ Luca เล่าให้ฟัง

Offline Star

Dara's Thought
« Reply #197 on: November 12, 2014, 11:41:41 PM »

"..." ดารานั่งกอดอกคิด เขาเอาบะหมี่ถ้วยมาต้ม แล้วนำแอปเปิลมาตัดๆด้วยการ์ดที่ซายูริให้มาเป็นชิ้นๆมาลงถ้วย จากนั้นก็กิน...


"บะหมี่ถ้วยใส่แอปเปิล...อร่อยเรอะน่ะ? แค่เห็นก็แหวะแล้ว"


"รสชาติห่วยแตกไม่มีที่ติเลยล่ะครับ"


"แล้วยังจะกินอีกเรอะ!? เป็นยอดพ่อครัวที่ชอบทำฉากเซอร์วิสด้วยอาหารรึไง!?"


"อ๋า...ก็ลองอาหารแบบใหม่น่ะครับ...อีกอย่างเสียดายของด้วย" แม้จะหน้าตาย แต่หน้าดาราเป็นสีเขียวไปแล้ว ถึงอย่างนั้นเด็กชายก็ยังซัดบะหมี่ถ้วยกับแอปเปิลจนหมด...

"อะเหื้อ"

แล้วก็หมดสติไป


"มั่ยนะ ดาราาาาาาาาาาาาาาาาาา!!" กาเวนทำท่าดราม่า ต่อยดารารัวๆ


"............." จนสุดท้ายดาราก็ตื่นมาแบบน่วมๆ "พอเถอะครับ ผมยังไม่ตาย"


"....." เมื่อกาเวนรู้สึกตัวว่าตัวเองเพี้ยนไปก็กุมหน้าด้วยความอนาถาสักสิบวิ


"กลายเป็นคณะตลกแล้วสินะ กลายเป็นคณะตลกแล้วสินะ"



เมื่อจบเซสชั่นตลกโปกฮาแล้ว ดาราก็เริ่มสันนิษฐานในแบบของตัวเอง


"เอ....คำสันนิษฐานของผมออกจะโอเวอร์ไปสักหน่อย แต่ว่าน้า...."

"ผมคิดว่าคุณจีที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ก็คือคุณจีนั่นแหละน้า....ไม่ใช่ตัวปลอมหรอก"
"หากแต่เป็นด้านมืดของคุณจีแบบในการ์ตูนน่ะน้า... เอาเป็นว่าผมจะเรียกว่าคุณจีอีกคนก็แล้วกัน"
"คุณจีอีกคนบอกว่าตัวเองเป็นเบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด...แต่เรื่องที่เขาทำมันแย่จริงๆน่ะเหรอ? จากข้อมูลนี้น่ะครับ..." ดาราค้างไว้ระยะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหยิบกระดาษที่คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งของหนังสือข้อมูลชาว Globoria ออกมาแสดง ความว่า

Spoiler for "ข้อมูลของ Naru":
ในอดีต Naru ถูกจับตัวไปโดยองค์กรแห่งหนึ่ง องค์กรแห่งนี้จับตัวเด็กหลาย ๆ คนมา เพื่อใช้ในการทดลองว่าด้วยเรื่องพลังจิต (สามารถดูรายละเอียดเรื่องพลังจิตได้ในตำราทั่วไป)
กระบวนการทดลองนั้นดำเนินไปใต้กรอบเพียงอย่างเดียว คือการทรมาณ ซึ่งไม่ทราบว่าแนวคิดนี้มีมาจากไหน แต่ทุกคนก็ยอมรับกันโดยดีว่าการทรมาณจะช่วยดึงเอาพลังจิตออกมาได้

Naru และเด็ก ๆ คนที่นั่นถูกทรมาณอยู่นานหลายปี เด็กเกินครึ่งโชคดีที่เสียชีวิตไปก่อน แต่เด็กโชคร้ายที่ถูกจับมาเพิ่มก็มีมาก
ขั้นตอนการทรมาณนั้นมีทุกรูปแบบ เริ่มต้นด้วยการโบยตีด้วยแส้หนัง การอดอาหารและน้ำ การถอดเล็บ และกระบวนทารุณอื่น ๆ อีกมาก
ทุกคนที่นั่นแทบแยกไม่ออกระหว่างความเป็นความตาย สำหรับเด็กเหล่านั้นแล้วความตายคือสิ่งที่พวกเขายินดีอ้าแขนรับ

ไม่มีใครรู้ว่า Naru เติบโตมาในครอบครัวแบบใด มีชีวิตในวัยเด็กแบบใด หรือแม้แต่เพื่อนในวัยเด็กเป็นใครบ้าง เพราะแม้แต่เธอเองก็จำไม่ได้

หลังจากถูกทรมาณอยู่หลายปี พลังของเธอก็ตื่นขึ้น พร้อม ๆ กับแนวคิดของเธอที่อยู่เหนือตรรกะของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป
เธอสนเพียงแค่การทำลายล้างเท่านั้น เพราะนั่นคือสิ่งที่หล่อหลอมเธอมา การทรมาณ ความเจ็บปวด ความทุกข์เหล่านั้นสร้าง "นักรบพลังจิต" คนนี้ขึ้นมา
และนั่นคือสิ่งที่เธอจะมอบให้แก่ทุกคนสืบต่อไป

แต่ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นเช่นนั้นอีก ดังนั้นฉันจึงวางผนึกหลายชั้นเอาไว้เพื่อคอยยับยั้งเธอ ทั้งในระดับใต้จิตสำนึกและในระดับสามัญสำนึก
ผนึกเหล่านี้จะช่วยให้เธอไม่กลับสู่ตัวตนแห่งการทำลายล้างและกักพลังส่วนหนึ่งของเธอเอาไว้ พลังแห่งสายฟ้าที่แข็งแกร่งเกินใครจะจินตนาการถึงถูกกักเก็บเอาไว้ที่นั่น
ผนึกนั้นถูกบนผืนฟ้าสดใสเหนือเมืองท่าแห่งนี้ หลับไหลอยู่โดยไม่มีใครรู้ และนั่นจะดีที่สุดที่ไม่มีใครรู้ แม้แต่ตัว Naru เอง

เธอเป็นคนที่อาจจัดได้ว่าน่าสงสารที่สุดในบรรดาเด็ก ๆ ที๋ฉันพามาที่นี่ และฉันต้องการให้ทุกคนเปิดรับเธอบ้าง
จะมีใครรู้ไหมว่าภายใต้เสียงหัวเราะนั้นมีความเจ็บปวดมากเท่าใดแฝงอยู่ ?

: G.

"เห็นมั้ยครับ? เนื้อหามีเล่าเกี่ยวกับผนึกด้วย และผนึกนั่นมันอยู่บนฟ้า... แล้วคุณนารุก็ถูกขังบนฟ้านี่น้า? ผมว่าลูกบอลไฟฟ้านั่นคงเป็นหนึ่งในผนึกหลายชั้นที่ขังร่างของคุณนารุเอาไว้เมื่อยามฉุกเฉินน่ะครับ"

"ตามความคิดของผมนะ คุณจีอีกคนตัดสินใจทำลายผนึกของคุณจี อาจจะแค่บางส่วน แต่ผลของมันก็เพียงพอแล้วที่จะก่อความวินาศสันตะโรและทำให้ผนึกอีกชั้นทำงานจนขังร่างของคุณนารุเอาไว้"

"ผมคิดว่าคุณนารุคนอื่นๆที่ปราฏกตัวอาจจะเป็นผลของการที่ผนึกถูกทำลายไปก็ได้น้า? อย่างเช่น...เป็นตัวแทนของพลังและจิตใต้สำนึกของคุณนารุน่ะครับ คุณกาเวนก็บอกไว้ว่าร่างของคุณนารุที่ใกล้คฤหาสน์กลายเป็นไฟฟ้าและลอยขึ้นฟ้าด้วย นั่นคงหมายความว่าเดิมทีคุณนารุคนอื่นๆลงมาจากฟากฟ้า...ลงมาจากผนึกครับ"


"...โห ช่างคิดนะ แล้วไอ้สายฟ้าที่จะลงมาถล่มเมืองให้เละล่ะ?"


"ผมว่าลูกบอลไฟฟ้าที่จะถล่มลงมาในเมืองน่าจะเป็นเพราะหนึ่งในผนึกหลายชั้นถูกใครบางคนทำลายทิ้งครับ แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของคุณจีอีกคนหรอกครับ...น่าจะเป็นเรื่องไม่คาดฝันมากกว่า แม้แต่สำหรับคนทำลายผนึกเอง" ดาราพูดถึงพูโตที่บังเอิญทำลายแท่งแก้วที่คงเป็นผนึก

"กลับเข้าเรื่องล่ะครับ อย่างที่ผมบอกไป ผมคิดว่าคุณจีอีกคนเป็นคนร้ายที่ก่อเรื่องทั้งหมด เจ้าตัวอ้างว่าทำเพราะไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่จะเป็นอย่างนั้นแน่เหรอ?"

"เพราะผมคิดว่า..." เด็กชายชี้นิ้วไปที่กระดาษแผ่นเดิม และชี้ไปที่...

เธอเป็นคนที่อาจจัดได้ว่าน่าสงสารที่สุดในบรรดาเด็ก ๆ ที๋ฉันพามาที่นี่ และฉันต้องการให้ทุกคนเปิดรับเธอบ้าง
จะมีใครรู้ไหมว่าภายใต้เสียงหัวเราะนั้นมีความเจ็บปวดมากเท่าใดแฝงอยู่ ?


"นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของคุณจีอีกคนครับ"

"คุณจีเลือกที่จะผนึกความบิดเบี้ยวของคุณนารุเพื่อให้ทุกคนยอมรับคุณนารุให้อยู่ได้อย่างปกติชน แต่คุณจีอีกคนกลับคิดว่าการเปิดเผยความบิดเบี้ยวต่างหากที่จะทำให้ทุกคนยอมรับตัวตนของคุณนารุได้ และทำให้คุณนารุสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข"

"จนมาถึงคืนก่อนเกิดเหตุ คุณจีตัดสินใจยอมให้คุณจีอีกคนจัดการเรื่องของคุณนารุ จนก่อให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น..."

เมื่อเล่าจนพึงตอนนี้แล้ว ดาราก็เงียบไป...ราวกับว่าเรื่องราวทุกอย่างของเขาได้สมบูรณ์ลงแล้ว


"...อะไรทำให้แกคิดอย่างนั้น?"


"เพราะก่อนหน้านี้...ผมรู้สึกว่าเหมือนกับได้พบกับคุณจีแล้วล่ะครับ...คุณจีที่ไม่ใช่คุณจีอีกคน" เด็กชายกล่าว... เขาคิดว่าคุณจีคนที่บอกว่า "กลับ" ไม่ใช่ด้านมืดเพราะใส่เสื้อสีดำแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

Spoiler for "อ้างอิง":
เสื้อของ G ตามปกติ เจ้าตัวใส่เสื้อดำ


เหมือนกับ G? ในช่วงท้าย


ในขณะที่ปกติ G? จะใส่เสื้อขาว


"ผมก็ไม่ได้คิดว่าที่ตัวเองพูดมันถูก 100% หรอก แต่ผมคิดว่าถ้ามองข้ามเรื่องคุณจีไปทำลายโลกตัวเองทิ้งไปแล้วก็คิดได้แต่แบบนี้แล..."

แล้วเด็กชายก็นั่งเงียบ...ในหัวคิดหาความผิดพลาดในความคิดและหาคำตอบถูกต้องมาทดแทน

(กินแอปเปิล MP+ 2 ไปแล้วใช้ Talent Int)
« Last Edit: November 13, 2014, 12:07:44 AM by Dara »

Offline Thyself

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #198 on: November 13, 2014, 02:51:06 PM »
Quartz ส่ายหน้าช้า ๆ ในแบบที่หุ่นยนต์จะทำได้ จากนั้นก็ตอบกับ Supreme และ Yuti



"โอกาสที่คุณจีจะอยู่ที่นี่มีเท่ากับศูนย์ค่ะ เพราะหลังจากที่คุณจีพา Rishada กับ Laura ไปเดินทางเมื่อเดือนก่อน ฉันก็ไม่สามารถจับสัญญาณได้เลยค่ะ" จักรกลเมดสาวตอบ
เธออธิบายต่อไปว่าหน้าที่ของเธอคือผู้ดูแลสมาชิกในคฤหาสน์ Globeria ดังนั้นเธอจึงสามารถจับสัญญาณของทุกคนได้ ไม่เว้นแม้แต่ G
หน้าที่ของทุกคนจะมีแตกต่างกันไป และจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แม้แต่ G เองก็ไม่เข้ามายุ่งว่าใครจะทำหน้าที่ยังไง เมื่อมอบหมายแล้วก็ให้คน ๆ นั้นทำไปเลย

Dara จึงลองเสนอความคิดเห็นของเขาดูบ้าง เขาบอกว่านี่อาจจะเป็นแผนทดสอบเพื่อให้ Naru อยู่ได้โดยไม่ต้องคอยระแวงว่าจะทำอันตรายแก่ใคร
บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็น G เองนั่นแหละ หรืออาจจะเป็นร่างฝาแฝดอะไรก็ได้



"จากข้อมูลที่ว่ามา หญิงสาวคนนั้นไม่มีทางใช่จี เพราะมนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนสีตาได้ดั่งใจนึก หญิงสาวคนนั้นมีนัยน์ตาสีม่วง แต่จีมีนัยน์ตาสีดำ" Xerory บอกว่าสังเกตุกันดี ๆ สิ
เธอเข้าใจว่าตอนที่ Enna เจอกันครั้งแรกนั้นอาจจะเพราะมืดแล้ว ทำให้สับสนกันได้ง่าย แต่เมื่อลองเอาลักษณะมาเทียบก็ไม่เหมือนกันจริง ๆ คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอก

Spoiler for Hiden:
ภาพเปรียบเทียบ
 

นอกจากนั้นบรรณารักษ์สาวยังพูดเสริมว่า Naru เองก็รู้ตัวว่าโดนผนึกอยู่ ผนึกของ Naru ก็อยู่ในห้องของเธอเอง แท่งแก้วกลางห้องนั่นแหละคือผนึก
เธอดูจะไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย นักรบพลังจิตนั่นก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุข คอยแกล้งชาวบ้านชาวช่องไปทั่ว จริง ๆ แล้วเธออาจจะกลัวพลังของตัวเองด้วยก็ได้นะ
คิดดูสิ เธอแค่อาจจะอยากมีเพื่อน แต่กลับมีพลังที่สามารถทำลายเมืองได้ทั้งเมือง และจากนิสัยแล้ว เวลาแกล้งคนอื่นเธอก็ชอบแกล้งแรง ๆ ทุกที ไม่เชื่อถาม Quartz ดูสิ



"ข้าไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดสักเท่าใดนัก แต่ถ้าเรื่องที่นางเล่าเป็นความจริง
หมายความว่า Naru ที่ทุก ๆ คนเห็นอยู่ในเมืองตลอด 2 วันมานี้เป็นตัวปลอม หรือเป็นพลังส่วนหนึ่งของนางหรือ ?" Mirai ลองเสนอความคิดเห็น (แบบเดียวกับ Dara) ดูบ้าง

Quartz ตอบว่าอาจจะเป็นพลังบางส่วนของ Naru จริง ๆ หรือเป็นตัวปลอมก็ได้ แต่ไม่มีทางจะใช่ตัวจริงอย่างแน่นอน
เพราะเจ้าตัวยืนยันแล้วว่าโดนผนึกเอาไว้ตลอดเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น เรื่องนี้จะเป็นฝีมือของ G จริง ๆ หรือเปล่าเราก็ไม่รู้ แต่นั่นดูจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด

Dara นั่งฟังความคิดของคนอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ระหว่างคิดไปด้วย เขาเคยได้ยินมาว่า ในโลกนี้มีคนที่เกิดมาดีไปเลย บางคนก็เกิดมาชั่วร้ายไปเลย
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาและพัฒนาจากดีไปร้าย หรือจากร้ายไปดีเสมอไป หญิงสาวคนนั้นอาจจะเข้าข่ายกรณีนี้ก็ได้ เพราะบางคนก็แค่อยากเห็นความวุ่นวาย
ถึงแม้จะไม่ได้ผลประโยชน์จากความวุ่นวายที่ตัวเองก่อขึ้น แต่คนพวกนั้นก็รู้สึกสนุกและพออกพอใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับตนเองฉลาดกว่าคนอื่น ๆ
แต่เด็กหนุ่มก็ติดใจอยู่จุดหนึ่ง เพราะคนที่มีพลังพอจะทำอะไรก็ได้ในมิตินี้ก็มีแต่ผู้สร้างอย่าง G คนเดียว...หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นตัวตนของมิตินี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยบังเอิญ ?
ในตำนานกรีก ผืนดินก็ก่อกำเนิดเทพีไกอา และเทพีไกอาก็สร้าง "ท้องฟ้า" หรือเทพยูเรนัสขึ้นมาเพื่อครองคู่กัน อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่นั่นอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้...

ระหว่างที่กำลังคิด Quartz ก็บอกว่าตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ทุกคนสามารถไปพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย แต่ห้ามเข้าไปในครัวนะ เพราะในนั้นมีของสดอยู่ อันตรายนะ



"ถ้าเกิดอะไรขึ้น ให้ดึงเชือกตรงนั้นนะคะ" Quartz ชี้ไปทางเชือกที่ห้อยลงมาจากเพดาน เชือกนี้อยู่กลางห้องพอดิบพอดี
ดูแล้วก็เป็นแค่เชือกไนล่อนธรรมดา ๆ ไม่ได้ผูกติดกระดิ่งอะไรไว้ แต่ก็อยู่สูงพอสมควร เพื่อป้องกันให้เด็ก ๆ มาดึงเล่น

และเมื่อสิ้นเสียงของ Quartz สมาชิกในคฤหาสน์ก็แยกย้ายกันไป ภาพที่หลายคนไม่คิดว่าจะได้เห็นคือ Xerory ขอโทษขอโพย Hilary ที่เธออาละวาดจนทำให้ Hilary บาดเจ็บ
ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกว่าหญิงสาวสวมหมวกดำคนนั้นจะยกโทษให้หรือไม่ แต่ทั้งคู่ก็มุ่งหน้ากลับไปหอข้อมูลด้วยกัน ด้วยเหตุผลว่าที่นั่นคือที่พักของพวกเธอ

ทางด้าน Yaya Ne Noron Happiness เองก็เดินขึ้นชั้น 2 ไปด้วยกันเป็นกลุ่ม ดูเหมือนเด็ก ๆ กลุ่มนี้จะไปเข้านอน หรืออาจจะไปเล่นกันต่อในห้องของพวกเธอก็ได้
เช่นเดียวกับ Levi ที่ขนหยูกยากลับไปยังออฟฟิศบนชั้น 2 โดยมี Agone เป็นจับกังแบกหามของขึ้นไปจนหลังแอ่น และมี Mali วิ่งตามไปก่อกวน

Poro ดูจะเหนื่อยเกินกว่าที่จะกลับไปยังห้องพัก เธอจึงตัดสินใจฟุบหลับอยู่บนหลังช้างเสียที่ห้องโถงเลย Quartz บอกว่าเธอทำอย่างนี้ประจำนั่นแหละ
ถัดออกมา ข้างช้างสุดรักสุดหวงของโพโระก็มีคน 2 คนพิงไหล่กันหลับอยู่ เป็น Eve กับ Aine นั่นเอง ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกันมาก

Va นั้นเค้นถาม Yellow ขนานใหญ่ว่าเห็นปืนของเธอหรือเปล่า ปืนของเธอหายไปไหน แต่ไม่ว่าเด็กหญิงที่โดนซักถามจะปฏิเสธอย่างไร Va ก็ไม่ยอมเชื่อ
เพราะตามนิสัยแล้ว Yellow ชอบแอบหยิบของคนอื่นไปประจำ บางครั้งยังวางกับดักเอาไว้แกล้งชาวบ้านชาวช่องอีก ยังดีนะที่เธอไม่บ้าพลังแบบ Naru

Mirai Hane และ Piano นั้นเลือกที่จะเดินออกไปข้างนอก หญิงสาวผมสั้นสีเขียวตะโกนเย้ว ๆ ว่าเธอจะปลูกแอปเปิลใหม่อีกรอบ
ดูซิ ต้นแอปเปิลของเธอโดนตัดเหลือแต่ตอไปหมดแล้ว แต่เธอจะไม่ให้ใครมาช่วยหรอกนะ เธอจะทำของเธอเอง

2 สาวเมดที่หลงเหลืออยู่เป็นกลุ่มสุดท้ายมองตามคนอื่นไปเงียบ ๆ จากนั้น Quartz จึงบอกให้ Enna ตามมา
ทั้งคู่เดินหายไปทางกรอบประตูด้านซ้าย ทางนั้นค่อนข้างมืดและเงียบสงบ ไปจนถึงสะอาดเรียบร้อยกว่าที่อื่น ๆ ตรงนั้นอาจจะเป็นที่พักของทั้งคู่ก็ได้

ส่วน Naru นั้นอาจจะอยู่ในห้องของเธอที่ชั้น 2


- เลือกว่าจะทำอะไร ไปหาใคร หรือไปที่ไหน (โพสสุดท้าย มีผลต่อรางวัล)

สถานที่ในเมือง เผื่อลืม ตอนนี้ไปได้ทุกที่ แต่ไม่ใช่ทุก ๆ ที่ ที่จะเจอคนหรือพบเหตุการณ์หรอกนะ
Spoiler for Hiden:


หมายเลข 1 คือท่าเรือ มีที่พอจะให้เรือสำเภาใหญ่เทียบได้ครั้งละ 2 ลำ ส่วนเรือเล็กทั่วไปเทียบได้ราว 10 ลำ ซึ่งปรกติแล้วเรือเล็กจะถูกเก็บไว้ในอู่ใกล้ ๆ ท่า
หมายเลข 2 คือลานสินค้า เป็นที่จัดการสินค้าจากเรือ นอกจากนั้นโกดังแห่งหนึ่งของที่นั่นยังเป็นที่หลบภัยฉุกเฉินด้วย ที่นี่มีม่านพลังคุ้มกันเอาไว้ ต่อให้อุกกาบาตตกใส่ก็ไม่สะเทือน
หมายเลข 3 คือย่านตลาด ร้านค้าต่าง ๆ จะอยู่ที่นี่ มีสินค้าทุกอย่าง ตั้งแต่ยานอวกาศไปจนถึงกระบองหินยุคไดโนเสาร์
หมายเลข 4 คือหอข้อมูล Xerory และ Hilary จะเป็นผู้ดูแล ที่นี่จะเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่างภายใน Globeria เอาไว้ มีม่านพลังระดับหนึ่ง แต่ไม่แข็งแกร่งมากนัก
หมายเลข 5 คือบ้านพักของสมาชิกทุกคน ทุกคนจะอยู่ที่นี่ รอบ ๆ มีสวนต้นไม้มากมาย ว่ากันว่าใครก็ตามที่เข้าไปแตะต้นไม้เหล่านั้นจะมีอันเป็นไป
หมายเลข 6 คือย่านชุมชน เป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนใน Globeria ในภาพจะมีอาคารไม่กี่หลัง แต่จริง ๆ แล้วมีมากกว่านั้น
หมายเลข 7 คือวิหาร รอบ ๆ วิหารจะเป็นสวนกว้าง ที่นี่จะตั้งอยู่นอกเมืองและใช้เป็นประตูมิติสำหรับเดินทาง จากบนนี้สามารถมองเห็นเมืองด้านล่างได้ทั้งหมด

ส่วนรายชื่อตัวละครสมาชิกในคฤหาสน์ ดูได้ที่นี่ เลย




ขณะเดียวกัน ในจักรวาล Saint of the Zodiacs...



"นี่มันเห็ดอะไรกันนะ" หญิงสาวผมตรงยาวยืนพิจารณาดูเห็ดสีแดงแปร๊ดในมือ เมื่อครู่นี้มีเด็กสาวคนหนึ่งเอามายื่นให้เธอ ดูเหมือนจะเป็นของแจกฟรี

"ท่าทางเหมือนเห็ดพิษ แต่ลองกินแค่กลีบนิดเดียวก็คงไม่ตายหรอกมั้ง"

เธอพูดจบก็ฉีกเอากลีบดอกเห็ดชิ้นเล็ก ๆ ออกมาและเอาเข้าปาก...

« Last Edit: November 13, 2014, 03:00:50 PM by Thyself »

Offline TUMMAN

  • หนุ่มคิ้ว เฟี้ยวเงาะ เฉาะมะพร้าว
  • *
  • $903Cr.
  • View Inventory
  • Send Money To TUMMAN
  • สวัสดีขอรับ
    • View Profile
Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #199 on: November 13, 2014, 03:06:37 PM »
กลุ่มของ Dianthus เดินมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่งในสวนบริเวณที่น่าจะเป็นบ้านพักของผู้คนในเมืองนี้


"นี่หนะหรอต้นไม้ที่ว่า"

Diathus ยืนกอดอกมองดูต้นไม้ข้างหน้า รอบตัวยังคงพันผ้าพันแผลไว้เกือบจะเรียกว่าเป็นมัมมี่ก็ได้


"อือ...."
"ทำไมเขาว่ากันว่าคนแตะแล้วจะตายน้า"

Convallaria ยืนเยื้องไปข้างหน้า Dianthus พี่ชายของเธอเล็กน้อย
พลางมองต้นไม้ต้นนี้ด้วยแววตาที่แสนจะอบอุ่น

"หนูอยากคุยดูจัง"

พูดจบเธอก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ ทำท่าเหมือนจะโอบกอดต้นไม้ต้นนั้นแล้วกระซิบพูดเบา ๆ

- หมายเลข 5 : ลองให้ Convallaria ถามต้นไม้ดูว่าความจริงมันเป็นมายังไงแน่
Words are cheap .. Blood is costly ...
Live a life of risk .. Leave a trail of bodies ...

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #200 on: November 13, 2014, 08:08:48 PM »
- หมายเลข 2 : Aquamarine หาเรื่องน่าสนใจแถว ๆ ซุ้มพยาบาลทำไปเรื่อย ๆ เธอคิดว่าที่นี้ปลอดภัยและไม่เสี่ยงชีวิตเกินไปสำหรับเธอ
(จริง ๆ เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องเสี่ยงชีวิตอยู่แล้วด้วย)

Offline Johan

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #201 on: November 13, 2014, 08:50:38 PM »
Supreme เลือกจะไปหา Naru เธอคิดว่า Naru ก็คล้ายกับ Himeko อยู่นะ เรื่องการขี้แกล้ง ชอบแกล้งคนแรง ๆ เป็นประจำ
แต่อาจจะต่างกันตรงที่ Himeko น่าจะนิสัยเสียโดยพื้นฐาน เพราะเธอมักจะเลือกแกล้งแค่คนที่อ่อนแอกว่าตัวเองเท่านั้นแหละ

เธอเดินไปพูดไป เป้าหมายคือไปเล่นกับ Naru เพราะเธอเองนี่แหละที่อยากมีเพื่อน
Supreme เป็นแม่มดขี้เหงาที่ข้ามเวลามาด้วยการนิทราอันยาวนาน เธอจึงมีเพื่อนเป็นความเหงานั่นเอง



"Supreme จดจำวิธีการเล่นที่สนุก ๆ เอาไว้มากมาย"
"ทุกครั้งที่ Himeko กับ Blackrain เล่นสุนกกัน Supreme ก็จะคอยแอบลักจำวิธีการเล่นมาด้วย"

- เตะลงไปในปากปล่องภูเขาไฟ
- จับแก้ผ้าแล้วโยนลงบ่อ
- เอาช้างไปซ่อน
- เอาลูกบอลไปทิ้งน้ำ
- ฯลฯ

สนุก ๆ ทั้งนั้นเลย

Offline Chao

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #202 on: November 13, 2014, 09:16:29 PM »
Yuti  กับ Emi  มองซ้ายมองขวา อะไรกันนะ  ทำไมไม่เห็นกาบริเอลล่ะ  ว่าจะขอบคุณที่ช่วยเสียหน่อย

"งั้นไปหา Quartz กัน เธอจับคลื่นของคนอื่น ๆ ได้นี่นา คงรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน"  Yuti บอก Emi แล้วชวนกันเดินตาม Quartz ไป

Offline Pooto Dio Guerrero

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #203 on: November 13, 2014, 09:31:26 PM »
"ที่นี่ก็วิวไม่เลวเหมือนกันนะ แต่ก็ยังสู้ Polish ไม่ได้"

Pooto มายืนชมทัศนียภาพอยู่บนนี้

หมายเลข 7 คือวิหาร รอบ ๆ วิหารจะเป็นสวนกว้าง ที่นี่จะตั้งอยู่นอกเมืองและใช้เป็นประตูมิติสำหรับเดินทาง จากบนนี้สามารถมองเห็นเมืองด้านล่างได้ทั้งหมด
คมดาบแม้เย็นเยือก กลับไม่อาจหยุดเลือดอันเดือดพล่าน อดีตกาลแม้ผ่านพ้นกลับไม่อาจสะกดความอาลัยในห้วงลึกแห่งใจเขา
เลือดกำลังแผดเผา เพลิงกำลังโหมน้ำมัน ไฟกำลังเอ่ยซ้ำย้ำคำเดิม

Offline Star

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #204 on: November 13, 2014, 11:56:08 PM »
ดาราตั้งใจจะเถียงต่อว่าโหมดเปลี่ยนบุคลิกน่ะเปลี่ยนสีตาได้นะจะบอกให้ ในอนิเมมีเยอะแยะ

ดารารู้สึกว่าถ้าไปวิหารก็น่าจะได้พบกับ "คุณจี" อีกครั้ง แล้วก็เป็นความจริง แต่ถ้าไปก็จะโดนสับหัวขาดแบบอีตาพูโต
เขาอยากจะคุยอีกครั้ง....แต่ว่า...เขาไม่แน่ใจเลยว่าจะคุยด้วยรู้เรื่อง ยิ่งเป็นตัวตนที่มิติสร้างขึ้นมาด้วย...บางคนบอกว่าคนเราบางทีก็เกิดมาดีไปเลย ไม่ก็เกิดมาแย่ไปเลย แต่เขาไม่เชื่อความคิดนั้น เด็กชายคิดว่าสิ่งที่เกิดมาดีไปเลยกับสิ่งที่เกิดมาแย่ไปเลยมีแค่ตัวละครในเรื่องแต่งที่สร้างมิติมาให้แบนๆเพื่อให้เข้าใจง่ายและไม่รู้สึกผิดเมื่อถูกทำร้ายเท่านั้นแหละ

แล้วเด็กชายก็คิดได้ นอกจาก "คุณจี" แล้ว คนที่เป็นทริกเกอร์สำคัญของอีเวนท์นี้ยังมีคนอื่นอีก...คนๆนั้นเป็นคนที่แจ้งข่าวเรื่องโลกแห่งนี้...
ดาราตัดสินใจไปหามิราอิ


"เหนื่อยหน่อยนะครับ" ดารากล่าว ว่าแล้วก็ชวนคุยไปเรื่อย เกี่ยวกับมิตินี้...โลกนี้...คุณจี...คุณนารุ...อัศวินปริศนา...
Spoiler for คนๆนี้:



ทางด้านกาเวน เธออยากไปต่อยเอนนาอีกหมัดเพราะติดเชื้อพูโตมา
เธอรู้สึกว่างๆชอบกล ไหนๆต่อไปก็จะกลับอาณาจักรกระต่ายแล้ว ถ้าเก็บความทรงจำดีๆมาเล่าให้คนในอาณาจักรฟังได้ก็คงดี เธอจึงไปทักทายเอนนา


"ไง ขอบใจที่ช่วยเล่นเกมต่อคำนะ"

กาเวนชวนคุยไปเรื่อย เรื่องความสัมพันธ์ของเอนนากับนารุหรือจีบ้างอะไรบ้าง เอาเป็นว่าก็คุยไปเรื่อยแหละน่า



ทางด้านฮาร์ท...เจ้าหุ่นส้ม กลม บินได้(โว้ย) กลิ้งๆไปดูฮาเนะ พอดีว่าอะโฮะดารากับอะโฮะกาเวนไปที่อื่นกันแล้ว ตัวเองก็ขี้เกียจตามด้วย เลยแยกไปบ้าง


"อย่าเข้าใจผิดนะ! อย่าเข้าใจผิดนะ! แค่มาดูเล่นเท่านั้นแหละ! แค่มาดูเล่นเท่านั้นแหละ!"
« Last Edit: November 18, 2014, 07:36:32 PM by Dara »

Offline Thyself

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #205 on: November 17, 2014, 10:56:22 PM »
กลุ่มของ Dianthus เดินเข้ามาในเขตชุมชน ตอนนี้ที่นี้มีแสงตะเกียงเล็อดรอดออกมาจากหน้าต่างของบ้านบางหลัง
แต่ก็มีคนบางกลุ่มเหมือนกันที่ยังคงเก็บกวาดซากปรักหักพัง และตั้งซุ้มกางหลังคากันน้ำค้างเพื่อนอนพักเอาแรงกันไปก่อน

ที่มุมหนึ่งกลุ่มของ Dianthus กำลังยืนสำรวจต้นไม้ขนาดเล็กต้นหนึ่ง ลำต้นนั้นสูงถึงประมาณหัวเข่า มีใบสีคล้ำที่ไม่น่าพิสมัย
ขณะที่บนยอดของต้นไม้เตี้ย ๆ นี้มีดอกตูมสีเขียวคล้ำอยู่ หากเป็นคนทั่วไปก็คงคิดว่านี่เป็นต้นไม้ที่ใกล้จะตายแล้ว
แต่ไม่ใช่สำหรับ Convallaria ที่ย่อตัวนั่งลง จากนั้นเอื้อมมือไปประคองดอกไม้นั้นและพยายามพูดด้วย
เธอพยายามอยู่เกือบ 5 นาทีก็ไม่เห็นผล มี 2-3 ครั้งที่เธอคิดว่าได้ยินเสียงของต้นไม้ แต่นั่นอาจจะเป็นเสียงลมตอนกลางคืนก็ได้

Convallaria ลุกขึ้น และในตอนนั้นเองดอกไม้ที่ตูมอยู่ก็บานออกมา พร้อมกับสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วจำนวนมาก
มองเผิน ๆ แล้วตัวตัวจิ๋วพวกนี้มีรูปร่างเหมือนกับผีเสื้อ มีปีกหลากสีสันอยู่ที่กลางหลัง แต่เมื่อสังเกตุดี ๆ จึงเห็นว่าทั้งหมดนั้นมีรูปร่างเป็นเด็กผู้หญิง
ทุกคนต่างกายด้วยเสื้อผ้าชิ้นเดียวที่ปกปิดตั้งแต่ช่วงไหล่ลงมาจนถึงหัวเข่า ตัวชุดนั้นเป็นสีเงินยวง ทำให้มองเห็นได้ง่ายในเวลากลางคืน
แต่กลับมีหนึ่งในนั้นที่ท่าทางผิดไปจากคนอื่น ๆ เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นสวมชุดสีเขียว และเธอไม่มีปีก



"จบแล้วเหรอ ? เรื่องจบแล้วเหรอ ? เรื่องจบแล้วใช่มั๊ย ?" เธอหันมาถาม Convallaria ขณะที่ Dianthus และ Black Ribbon ดูเหมือนจะมองไม่เห็นเธอ
ภูติสวมชุดเขียวแนะนำตัวว่าเธอชื่อ Flaveacia เธอเป็นภูติแฟรี่ที่คอยดูแลต้นไม้ใบหญ้าทั่วไปในเมืองท่านี้ สิ่งที่แตกต่างออกไปคือเธอเป็นพี่ใหญ่ จึงมีรูปร่างไม่เหมือนคนอื่น ๆ

"อ่านว่า ฟลา-วี-อา-เซีย ไม่ใช่ ฟลา-เวีย-เซีย"

เธอทำท่าจะร้องไห้เมื่อ Convallaria อ่านชื่อเธอผิด หลังจากขอโทษขอโพยเธอก็เปิดปากเล่าเรื่องที่ Convallaria สงสัย



"เด็กผู้หญิงเท่านั้นที่จะมองเห็นฟลาวีอาเซีย ฟลาวีเอเซียพาน้อง ๆ มาหลบในดอกไม้ต้นนี้และใช้พลังที่มีปกป้องดอกไม้เอาไว้ตอนเกิดเรื่อง
ฟลาวีเอเซียรู้สึกได้ว่ามีคนที่มีกลิ่นอายแบบเดียวกับธรรมชาติเคยอยู่ที่นี่ เจ้าของกลิ่นอายนั้นมักจะอยู่ที่วิหารในตอนกลางคืน ฟลาวีเอเซียรู้สึกถึงสิ่งนั้นได้ตั้งแต่ 3 วันที่แล้ว"

เธออธิบายอย่างชวนสับสน แต่เมื่อถามถึงหยิงสาวประหลาดและลูกบอลสายฟ้าเธอก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง



"ฟลาวีเอเซียไม่รู้ อย่าเรียกว่าฟลาวีเซียนะ !!" เธอโวยวาย ดูเหมือนจะไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อผิดเอามาก ๆ จากนั้นจึงบอกต่อว่าที่นี่มีภูติธรรมชาติอยู่ 4 ประเภท
ได้แก่ในดิน ในน้ำ ในต้นไม้ และในอากาศ แต่คนประเภทก็จะคอยดูแลสิ่งของต่างกัน และคนที่มองเห็นภูติแต่ละประเภทได้ก็จะแตกต่างกันด้วย
เธอลองถามพวกนั้นดูแล้ว พวกนั้นก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เพราะต่างคนต่างหาที่หลบตอนเกิดเรื่อง ถึงจะเป็นภูติแต่ทุกคนก็เป็นแค่เด็กเองนะ เธอไม่กล้าออกไปสู้หรอก
Flaveacia บอกต่อไปว่า อาจจะเป็นไปได้ที่คนที่ Convallaria บอกว่าเป็นนักเดินทางอะไรนั่นจะเกิดขึ้นจากการมีอยู่ของมิตินี้โดยความบังเอิญ
แต่เธอก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่ว่านั้นจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายนี้จริง ๆ หรือว่าเธอต้องการอะไร เพราะเธออ่านใจใครไม่ได้ แค่ภูติต้นไม้ด้วยกันเองเธอยังไม่รู้เลยว่าคิดอะไรกันอยู่


Convallaria พยายามถามเรื่องราวต่าง ๆ อีกหลายเรื่อง แต่อีกฝ่ายก็แทบจะตอบอะไรที่เธออยากรู้ไม่ได้เลย
ขณะเดียวกัน Dianthus ที่มองไม่เห็นอะไรจึงขอตัวไปช่วยชาวบ้านจัดการกับซากปรักหักพังต่าง ๆ โดยลาก Black Ribbon ไปด้วย
เขาคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่ายืนทื่ออยู่เฉย ๆ ไม่ช่วยใครทำอะไร Convallaria เองก็ดูจะติดลมและดูไม่มีปัญหาอะไรด้วย

"เธอล่ะ เธอเป็นใคร เธอเป็นใครกันล่ะ เธอเป็นคนแปลกหน้า เธอยังไม่แนะนำตัวกับฟลาวีเอเซียเลยนะ" Flaveacia ดูจะเบื่อที่จะตอบคำถาม เธอจึงตั้งคำถามกลับบ้าง
คืนนั้นหญิงสาวผู้รักธรรมชาติจึงนั่งเล่าเรื่องต่าง ๆ ของเธอและพี่ชายของเธอให้ภูติต้นไม้ฟัง เรื่องการผจญภัยต่าง ๆ เรื่องครอบครัวของเธอ และเรื่องที่เธอมาที่นี่

คืนนั้นดูจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จันทราหลุบต่ำลงที่เส้นขอบฟ้า และดวงอาทิตย์ผุดขึ้นมาสาดแสงเป็นสัญญาณของวันใหม่
Dianthus นั้นนั่งพิงเสาต้นหนึ่งหลับไปแล้ว ขณะข้าง ๆ ก็มี Black Ribbon คอยแว้ด ๆ บอกว่าเช้าแล้ว ตื่นได้แล้ว
ตรงกันข้าม Convallaria ไม่หลับ เธอไม่รู้สึกง่วงเลย แม้สุดท้ายแล้วเธอจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่อย่างน้อย แสงแดดยามเช้าเช่นนี้นี้ก็อบอุ่นและดีกว่าวันที่มีเมฆปกคลุมทั้งเมือง เธอคิดและลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นดิน จากนั้นก็ขอตัวไปปลุก Dianthus เพื่อจะกลับไปที่คฤหาสน์ด้วยกัน



"สนุกนะ เรื่องของเธอสนุกดี เรื่องที่เธอเล่าสนุกมาก" Flaveacia พูดและบอกลา ภูติจิ๋วบอกว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากเจอกันอีกนะ
นาน ๆ ทีจะมีใครมานั่งคุยกับเธอแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ปรกติแล้วก็ไม่มีใครจะมาทำอย่างนี้นักหรอก

Convallaria ยิ้มรับ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร...


Earth : Normal End.

« Last Edit: November 17, 2014, 10:58:25 PM by Thyself »

Offline Thyself

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #206 on: November 17, 2014, 11:09:15 PM »
Aquamarine เคลื่อนตัวมายังบริเวณที่หลบภัย แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ตอนนี้ที่นี่ไม่มีใครเหลืออยู่เลย จะมีเพียงแค่ซุ้มพยาบาลโล่ง ๆ เท่านั้น
เธอมองเห็นแสงไฟริบหรี่จากภายในตัวเมือง หมายความว่าผู้คนเริ่มกลับไปอยู่ที่บ้านของตนเองหลังเรื่องทั้งหมดสงบลงแล้ว และที่นี่ก็คงไม่มีใครอื่นอีก

มนตราประดิษฐ์ถอนหายใจและอยู่นิ่ง ๆ เพราะเธอไม่รู้จะทำอะไรดี ตอนนั้นเองก็มีร่างใครคนหนึ่งเกาะเศษไม้ลอยคออยู่บริเวณผิวน้ำ
Aquamarine ถอยออกไปแล้วรอดูท่าทีอีกฝ่าย คน ๆ นั้นเป็นหญิงสาวผมสั้นสีแดง เธอแต่งกายเหมือนกับแม่มด ไม่สิ
เมื่อมองดูดี ๆ แล้วเศษไม้ที่หญิงคนนั้นเกาะอยู่ก็เป็นไม้กวาดแม่มดนี่นา ว่าแต่แม่นี่เป็นใคร และทำไมถึงลอยคออยู่อย่างนี้ล่ะ อ๋อ...เธอคิดออกแล้ว
Spoiler for Hiden:


แม่นี่มีหน้าตาแบบนี้แหละ

BMG-45
BMG-45 โยนกล่องเน่า ๆ นั่นทิ้งลงน้ำ แต่ด้วยความแม่นยำ กล่องนั้นกลับไปฟาดกับหัวของแม่มดสาวผมแดง จากนั้นทั้งแม่มดและกล่องก็ตกน้ำดังตูม
ผู้คนรอบ ๆ หันมามองแว่บหนึ่ง แต่ไม่มีใครสงสัยอะไร คงมีแต่คนคิดว่าเป็นเสียงคลื่นซัดธรรมดา ๆ

ผ่านไปเกือบนาที ยัยเด็กดำหยุดร้องไห้ไปแล้วเพราะมีคนมาปฐมพยาบาล แต่ยัยแม่มดที่ตกน้ำไปเมื่อครู่ก็ยังไม่ยอมขึ้นมา อย่าบอกนะว่ายัยนั่นว่ายน้ำไม่เป็น


Aquamrine
Aquamarine มองไปทางกล่องบู้บี้นั้น ก็เห็นว่ากล่องนั้นลอยละลิ่วลงน้ำไปพร้อมกับแม่มดผมแดงคนหนึ่ง...



ยัยแม่มดที่ตกน้ำไปตอนนั้นนั่นเอง อย่าบอกนะว่าแม่นี่ว่ายน้ำไม่เป็นจริง ๆ ไม้กวาดแม่มดของตัวเองถึงได้ลากกลับฝั่งมาแบบนี้
ด้วยความสมเพชหรืออะไรก็แล้วแต่ Auqamarine จึงตัดสินใจเข้าไปช่วยเธอเสีย เพราะแม่นี่ยังสลบอยู่ เรื่องทั้งหมดจึงง่ายขึ้นมาก
เมื่อตรวจเช็คดูจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก โกเลมสาวจึงเคลื่อนตัวหลบไปที่อีกมุมหนึ่ง และพักผ่อนจนกระทั่งถึงเช้า

เธอไม่รู้หรอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นมายังไง หรือใครเป็นคนร้าย บางทีเธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเธอมาที่นี่ทำไม
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเรื่องทั้งหมดจะจบลงด้วยดี นั่นอาจจะดีที่สุดแล้วก็เป็นได้...


Scarlet Mansion : Normal End.

« Last Edit: November 18, 2014, 01:09:51 AM by Thyself »

Offline Thyself

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #207 on: November 17, 2014, 11:49:49 PM »
Supreme และ Melon Lemon เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 และมุ่งหน้าไปยังห้องของ Naru ในตอนแรกนั้นเธอแทบจะไปไม่ถูกและเข้าไปในห้องเก็บไม้กวาดแล้ว
โชคดีของทั้งคู่ที่ยืนหมุนว้ายมองขวาอยู่นาน Agone ที่เพิ่งขนของเสร็จเรียบร้อยจึงนำทางไปให้ เมื่อไปถึงเขาก็เข็นรถเข็นกลับห้องของตนเองโดยไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร

Supreme ดันประตูห้องเข้าไปอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เธอยื่นเท้าเข้าไปแตะพื้นห้องก็โดนมีกระแสไฟฟ้าแล่นมาตามพื้นและช็อตเธอจนหัวฟูทันที
โดยที่ข้าง ๆ นั้น Lemon หัวเราะชอบใจ หุ่นจอมกวนไม่โดนไฟที่พื้นช็อตเพราะเธอบินอยู่ แต่ทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าครามก็พุ่งมาใส่เธอจนควันออกปาก
สิ้นเสียงไฟฟ้าช็อต เงาร่างของนักรบสาวผู้ใช้พลังจิตก็เดินออกมาหาทั้งคู่ เธอไม่ได้สวมชุดคลุมที่เห็นเมื่อเห็นแล้ว แต่สภาพของเธอก็ดูจะอิดโรยพอดู

"มาทำไม" เธอถามสั้น ๆ และไม่ได้ล้อเลียน Supreme กับ Lemon แต่อย่างใด ซึ่งผิดวิสัยของเธอเป็นอย่างมาก
เมื่อแม่มดสาว (ประกาศ) บอกว่าเธอมาเพราะเป็นห่วง Naru ยังไงล่ะ เธอมาชวนเล่นนะ อีกฝ่ายกลับตอบสั้น ๆ เหมือนเคย แต่ก็บอกให้เข้ามาได้

ในห้องนั้นเต็มไปด้วยซากสิ่งของหลายชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ Supreme ไม่แน่ใจว่าในนี้มีเครื่องให้แสงสว่างอะไร เพราะเธอไม่เห็นแม้แต่เทียนสักเล่ม แต่กลับสว่างจนมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
ไม่ใช่แค่สิ่งของเครื่องเฟอร์นิเจอร์เท่านั้นที่กระจายเกลื่อนไปทั่ว แม้แต่ตามผนังห้อง เพดาน หรือแม้แต่พื้นห้องก็มีร่องรอยเสียหายจากแรงระเบิดอยู่เต็มไปหมด เรียกได้ว่าที่นี่แทบจะไม่เป็นห้องแล้ว
ที่ใจกลาง ตรงนั้นมีแท่งศิลาหลายแท่งที่แตกหัก ศิลาเหล่านั้นล้อมรอบแท่งแก้วบางอย่างอยู่ แต่น่าแปลกที่แท่งแก้วนั้นไม่แตกเป็นชิ้นไปทั่วทั้งห้อง
ไม่สิ เมื่อแม่มดสาวเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงเห็นว่าแท่งแก้วนี้เพิ่งถูกขึ้นรูปใหม่ เพราะยังอุ่น ๆ อยู่เลย Naru เป็นคนทำเองหรือเปล่านะ

พูดถึง Naru แล้ว Supreme จึงหันไปมองรอบ ๆ แม่มดสาวเห็นอีกฝ่ายกำลังเอาแผ่นไม้ที่หลุดออกมาจากชั้นวางของเข้าไปตอกปิดร่องที่พื้น
นั่นไม่ใช่นักรบพลังจิตที่เธอรู้จักแน่ ๆ เพราะคนอย่าง Naru ไม่มีทางมาทำอะไรอย่างนี้หรอก แต่ผนึกก็ถูกจัดการไปแล้ว เรื่องทั้งหมดจบแล้วนี่นา คน ๆ นี้จะเป็นตัวปลอมได้ยังไงกัน
คิดได้ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปแกล้งหญิงสาวผมฟ้าด้วยการแกล้งปัดมือที่ถือค้อนของอีกฝ่าย จังหวะนั้นเองนักรบทวินเทลก็ตอกค้อนลงไปใส่มือตัวเองอย่างจังจนร้องเสียงหลง
ดูเหมือนจะได้ผล เธอผุดลุกขึ้นมาและผลัก Supreme ในทันที แถมดูเหมือนเธอจะโกรธอยู่ด้วย



"เอาเลยสิ จะทำอะไรกับฉันอีกล่ะ จะทำอะไรก็ทำซะสิ" Naru ร้องเสียงดังอย่างลืมตัว เธอไม่ใช่แค่โกรธ ไม่สิ เธอไม่ได้โกรธเลยด้วยซ้ำ
คราบน้ำตาที่ยังไม่จางหายไปจากใบหน้าของเธอนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นความเจ็บปวดของเธอต่างหาก
Naru พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจยิ่งกว่าใคร ๆ เพราะเรื่องทั้งหมดก็มีต้นเหตุมาจากเธอเพียงคนเดียว
แม้ผู้อยู่เบื้องหลังจะเป็นใครก็ตาม หรือแม้ Naru จะบอกว่าตนเองไม่ได้ทำอะไร แต่จะมีสักกี่คนที่มองเธอเหมือนเดิมอีก
เธอก็เป็นเหมือนผลไม้สักผลหนึ่ง มีเปลือกนอกที่แสนจะแข็งแกร่งและไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ภายในของเธอนั้นบอบช้ำมามากแล้ว
การที่เธอคอยกลั่นแกล้งคนอื่นและหัวเราะร่าอยู่เป็นประจำนั้น เป็นได้แค่เพียงการวิ่งหนีอดีตที่ตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกค่ำคืนยามข่มตาหลับ
สิ่งที่เธอต้องการนั้นไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้ แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น จับต้องไม่ได้ แต่ทุกคนต้องการ นั่นคือความเป็นมิตรจากคนอื่น ๆ
นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ครองจักรวาลอย่าง G เองก็ยังมอบให้แก่เธอไม่ได้ เพราะนั่นมีเพียงแค่คนรอบข้างที่มอบให้เธอได้
แต่ไม่เลย ทุกคนยังคงกลัวเธออยู่ และเหตุการณ์นี้ก็จะทำให้ทุกคนหวาดกลัวเธอมากขึ้นไปอีก ผลสุดท้ายก็ไม่เคยมีอะไรดีขึ้นเลย

Supreme นิ่งอึ้งไป แม้แต่ Lemon ที่ปรกติแล้วจะแหกปากโวยวายอยู่ตลอดเวลาเองก็ยังพูดไม่ออก
แม่มดสาวทำอะไรไม่ถูก นอกจากการสวมกอดอีกฝ่ายและบอกว่าไม่เป็นไร แต่ยิ่งเธอปลอบใจ Naru มากเท่าไร
นักรบพลังจิตก็ยิ่งร้องไห้คร่ำครวญมากขึ้นเท่าไร เธอร้องหนักขึ้นจนกระทั่งเสียงนั้นได้ยินไปถึงสรวงสวรรค์เบื้องบน

ไม่มีใครรู้หรอกว่าหยดน้ำตาอันเศร้าโศกเหล่านั้น คือหยาดน้ำค้างในยามเช้าอันสดใส

ปริศนาทั้งหมดไม่จำเป็นต้องถูกไขกระจ่าง แต่จิตใจอันบอบช้ำของหญิงสาวในอ้อมกอดของ Supreme ต่างหากที่ต้องได้รับการเยียวยา...


Lucaria Empire : Normal End.

« Last Edit: November 18, 2014, 01:08:58 AM by Thyself »

Offline Mikoto

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #208 on: November 18, 2014, 02:06:20 AM »
ไปท่าเรือชวนเจ้าคนที่อยู่ในห้อง (คนที่วางกับดักลวดขึงตู้) ออกทะเลไปด้วยกัน

Offline Thyself

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #209 on: November 18, 2014, 03:43:24 PM »
Yuti และ Emi เดินตามสองเมดสาวไปยังทางเดินมืด ๆ ไม่น่าไว้ใจทางซ้ายมือ ทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกหวาดระแวงอะไรเพราะเรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว
สองแม่มดเดินทางตามทางนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังออกมาจากตรงหัวมุม ตามด้วยเสียงของ Quartz ที่คงจะพูดกับ Enna

"ห้ามทำอะไรโดยพลการอย่างนี้อีกนะคะ" นั่นเป็นเสียงของ Quartz จริง ๆ ด้วย

Yuti จึงเดินไปอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่มีเรื่องอะไร Quartz และ Enna เองก็ดูจะประหลาดใจที่เห็นแม่มดนักเล่นการ์ดอยู่ที่นี่ด้วย
Enna เห็นดังนั้นจึงโค้งศีรษะให้และเดินหลบมุมเข้าห้องพักของตนเองไป แม่มดนักเล่นการ์ดผมแดงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเมดสาวคนนั้จะปลีกตัวไปทำไม
อย่างไรก็ตาม หลังจากยืนอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงถาม Quartz เกี่ยวกับ Gabriel



"เดิมที Gabriel นั้นเป็นรูปปั้นธรรมดา ๆ แต่ภายหลังถูกดัดแปลงให้มีชีวิตและคิดได้เอง ถึงอย่างไรก็ตาม แม้เขาจะเป็นบุคลากรตัวอย่างที่เก่งกาจและเคร่งครัดกว่าหน้าที่ยิ่งกว่าใคร ๆ
แต่เจ้าตัวก็ยังเป็นรูปปั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับอนุญาติให้ไปไหนมาไหนในเวลากลางคืน เพราะจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของสมาชิกคนอื่น ๆ ภายในคฤหาสน์
โดยปรกติแล้ว Gabriel จะประจำอยู่ที่ฐานรูปปั้นบริเวณข้างบันไดที่ชั้น 2 ของคฤหาสน์ แต่ก็จะมีบางกรณีที่เขาจะอยู่ที่อื่นได้เช่นกัน เช่นเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ค่ะ"

หลังจากการอธิบายยาวเหยียดจบลง Yuti จึงขอบคุณและขึ้นบันไดที่ชั้น 2 ทั้งคู่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรนอกจากขอบคุณอีกฝ่าย นั่นไง เขายืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่นั่น



"ท่านมีธุระอันใดหรือ ?" Gabriel ทักทายขึ้น เมื่อเห็น Yuti และ Emi ยืนเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้ว่าสองสาวมาเพื่อขอบคุณเขาก็ยิ้มออกมา

"ข้าคิดว่าคำขอบคุณคงเหมาะแก่ท่านมากกว่า เพราะลำพังตัวข้าก็ไม่สามารถออกไปจากคฤหาสน์นี้ได้ ไหนเลยจะไปจัดการปัญหาทั้งหมดจนเรื่องราวสงบลงเช่นนี้"

Gabriel อธิบายว่า เดิมทีเขาเป็นเพียงหุ่นรูปปั้นหินอ่อนธรรมดา ๆ แต่ภายหลังถูกปลุกขึ้นมาโดยนักปราชญ์คนหนึ่งด้วยศาสตร์เวทย์
ภายหลังนักปราชญ์คนนั้นก็เสียชีวิตลง แต่พลังที่มอบชีวิตให้แก่เขานั้นยังไม่หมดไป จนกระทั่ง G มาพบเข้าและพามาที่นี่
จุดอันตรายเพียงอยางเดียวของพลังนั้น คือผู้ที่ถูกปลุกด้วยเวทมนตร์นี้จะไม่สามารถต้องแสงอาทิตย์ได้ เมื่อใดก็ตามที่เขาโดนแสงอาทิตย์ เขาจะกลายเป็นผงทันที
นั่นเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมเขาจึงออกไปจากที่นี่ได้ ทั้ง ๆ ที่ช่วงกลางวันของวันนี้ยังช่วย Yuti จัดการเรื่องอาวุธได้ เพราะตอนนั้นไม่มีแสงแดดนั่นเอง

"ข้าต้องขออภัยที่ช่วยท่านไขปริศนาไม่ได้ เพราะตัวข้าไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่ ข้ารู้เรื่องของเมืองนี้เพียงน้อยนิดเท่านั้น" เขาส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อแม่มดผมแดงถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมด

"นางผู้นั้นอาจจะเป็นใครก็ได้ บางทีความจริงนางอาจจะเป็นผู้ชาย เพียงแค่ใช้เวทมนตร์เปลี่ยนร่างของตนเองก็ได้
หรือบางทีนางอาจจะเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางในตำนาน ที่ต้องการสร้างความวุ่นวายขึ้นตามตำนานเก่าแก่ก็ได้เช่นกัน"

อัศวินหนุ่มบอกต่อว่า เขาเองก็เชื่อว่าคนบางคนเกิดมาชั่วร้ายไปอย่างนั้นเลย บางคนก็เกิดมาดีไปเลย แต่นั่นเป็นในกรณีที่หายาก
ในตำนานเก่าแก่ก็มีปีศาจที่ชั่วร้ายไปเลย เทพเจ้าที่ดีไปเลย ก็ไม่ได้ต่างจากกรณีนี้มากนักหรอก คน ๆ นั้นอาจจะแค่ต้องการเห็นความวุ่นวายก็ได้
Gabriel บอกต่อว่า เรื่องทั้งหมดคงยังไม่จบลงแค่นี้หรอก เหตุการณ์นี้อาจจะเป็นแค่การเริ่มต้นก็ได้ เขาและคนอื่น ๆ คงต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่านี้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาก็เตือน Yuti และ Emi ไว้ด้วยว่าให้ระวังตัวเอาไว้ บางทีที่มิติของพวกเะอก็อาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นสักวันก็ได้



"เชิญท่านพักผ่อนเถิด" Gabriel โค้งศีรษะให้อย่างมีมารยาท เขาชี้ทางไปห้องพักที่ยังว่างอยู่ใกล้ ๆ ให้สองแม่มดเข้าไปพักได้
ในตอนนี้ทั้งคู่ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ที่รู้คือทั้งคู่ปลอดภัยดี เมืองนี้ปลอดภัยดี และทุกคนก็ยังปลอดภัยดี

นั่นอาจจะไม่ดีที่สุด แต่ก็ดีเพียงพอแล้วสำหรับเวลานี้


อาณาจักรเทพสถิตย์ : Normal End.


Offline Thyself

Re: [Mw] My Event : Lightning Rebellion : Turn 2
« Reply #210 on: November 18, 2014, 06:20:11 PM »
Pooto และ Beatric (ที่โดนปิดปากอยู่) เลือกปลีกตัวออกมาชมวิวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะกลับ
เมื่อไม่มีเมฆดำคอยปกคลุมเมือง และไม่มีบอลสายฟ้าที่ตกลงมาใส่ เมืองท่าแห่งนี้ก็อากาศดีทีเดียว
ลมกลางคืนนั้นไม่หนาวเกินไปนัก และมีกลิ่นเกลือทะเลโชยมา ขณะที่ท้องฟ้าเบื้องบนเองก็มีหมู่ดาวทอแสงระยิบระยับ
ขณะที่ภายในเมืองก็เริ่มมีแสงตะกเียงจากจุดนั้นจุดนี้ติดขึ้นมาเป็นระยะ แม้เมืองจะเต็มไปด้วยซากความเสียหาย
แต่ก็ไม่อาจกลบลบความมีชีวิตชีวาของเมืองท่าแห่งนี้ไปได้ แม้จะดึกจะดื่น แต่ก็ยังมีสุ้มเสียงของผู้คนที่เก็บกวาดซากอาคารดังมาอยู่เป็นระยะ
คืนนี้ดวงจันทร์ลอยหลบมุมอยู่ ราวกับกำลังหลีกเร้นบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น จันทราดวงนั้นกำลังหวาดระแวงอยู่

แต่จะอะไรกันล่ะ ?

ลมทะเลพัดมาอีกวูบใหญ่ กลบเอาเสียงจิ้งหรีดเรไรที่ร้องระงมจนสิ้น พัดพาเอาเมฆยามค่ำคืนที่ปิดซ่อนดวงจันทร์เอาไว้
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง แสงสีนวลจากผืนผ้าสีดำเบื้องบนทอประกายสว่าง แต่กลับไม่อบอุ่น เป็นประกายแสงสีนวลอันเยือกเย็น

ทันใดนั้น ร่างของ Pooto กลับหนักขึ้น ราวกับเขาโดนภูเขาสักลูกกดทับอยู่ บรรยากาศโดยรอบเริ่มอึดอัดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เขามองไปทาง Beatric แต่กลับเห็นร่างของหุ่นยนต์สาวลงไปกองอยู่กับพื้นตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ บ้าสิ เรื่องทั้งหมดจบลงแล้วนี่
ผนึกสายฟ้าของ Naru ก็ถูกจัดการไปแล้ว เมฆดำหายไปแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อน แล้วนี่มันฝีมือใครกัน

ราวกับถูกอ่านความคิด เมื่อชายหนุ่มตั้งคำถามในใจจบไม่ถึงเสี้ยววินาที ก็ปรากฎร่างของใครคนหนึ่งจับเขาเอาไว้
แสงจันทร์สาดส่องลงมาอย่างพอดิบพอดี เผยให้เห็นร่างที่ไว้ผมดำยาว นัยน์ตาสีม่วง สวมเสื้อเชิร์ตสีขาว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในมือขวาของเธอ
สิ่งนั้นมีด้ามจับพันด้วยผ้า ใบโค้ง ประกายของใบอันคมกริบนั้นต้องกับแสงสีนวล ราวกับประกายแสงจากสรวงสวรรค์

Spoiler for Hiden:


"บ๊ายบาย~" เธอกล่าวจบ มีดในมือขวาก็กระตุกลงสับเข้าที่ลำคอของ Pooto อย่างรวดเร็ว

สิ่งสุดท้ายที่ชายหนุ่มเห็น คือร่างของเขาเอง...ร่างที่ไร้ศีรษะของเขาที่ล้มลงสิ้นใจอยู่ตรงนั้น


Polish : Bad End.