โรงแรม ภายในโรงแรมยังคงเงียบเหงา มีคนสามคนอยู่ที่ชั้นล่าง ปรกติแล้วชั้นล่างมักจะเอะอะเสียงดังอยู่เสมอเพราะเป็นร้านอาหารด้วย แต่วันนี้กลับวังเวงอย่างมาก
"ฮิ" หญิงสาวยื่นมือไปลูบอินาสึมะที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ออกมาโดยไม่เกรงกลัว
"อาเซล...อาเซลแห่งเมืองเหมันต์ทางตอนเหนือ"
ทีฟาโซล่านั่งคุยกับหญิงสาวที่อายุมากกว่าเธอไม่น้อย แต่อาจจะเพราะทั้งคู่เป็นจอมเวทย์จึงคุยกันถูกคอหลายเรื่อง ทีฟาโซล่ารู้ว่างานเทศกาลนี้เป็นรายได้หลักของเมืองเดวาลเลย แค่ช่วงเทศกาลนี้ก็มีรายได้มากกว่าฤดูเก็บเกี่ยวของหมู่บ้านชาวนาห้าแห่งรวมกันเสียอีก ส่วนเรื่องเสาของโลกนั้นหายสาบสูญไปแล้ว จุดที่มันควรอยู่นั้นกลายเป็นจุดปลดปล่อยพลังแห่งความมืดจำนวนมหาศาล จอมเวทย์แห่งเมืองเหมันต์และอีกหลาย ๆ แห่งต้องมาช่วยกันผนึกพลังด้านมืดนั้นไว้ ส่วนเธอรับหน้าที่เป็นผู้ออกตามหา
"เจ้าก็ตามหากุงนิลเช่นกันหรือ" อาเซลเอ่ยถาม
- ตอบดี ๆ
- ตอบเกรียน ๆ
- ไม่ตอบ มีไรป่ะ
ลานแสดงมหรสรรพ ปรกติแล้วนักแสดงมักเรียกร้องค่าเข้าชม แต่ก็มีไม่น้อยเช่นกันที่แสดงเพื่อความสนุกสนานโดยไม่หวังค่าตอบแทน นักเชิดหุ่นนั้นเป็นอย่างหลัง ซึ่งทำให้ผู้คนชื่นชอบเธอมากขึ้นไปอีก
"ข้าคือเฮาส์ที่ 11 แห่งตระกูลแบล็คทอร์น งานแสดงของข้านั้นจะเริ่มอีกครั้งเมื่อยามตะวันลับขอบฟ้า หากท่านเบื่อหน่ายกับนิทานหลอกเด็กก็สามารถไปชมงานแสดงของข้าได้" เขาตอบแต่ยังไม่ละสายตาจากนักเชิดหุ่น ซึ่งตอนนี้ก็บ่ายคล้อยแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงคงตะวันลับขอบฟ้า
วิหาร วิหารนั้นเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน หลังคามียอดสูง ขณะที่เสาค้ำจุนนั้นกลมและสลักลวดลายต่าง ๆ โถงนั้นโปร่งและค่อนข้างโล่ง ภายในไม่มีรูปสลักหรือภาพวาดใด ๆ นับว่าน่าแปลกยิ่งนัก
เมื่อมาถึงวิหารกลางเมือง มิคาเอลก็ขอตัวกลับไปตรวจตราเวรยาม เขากล่าวว่าไม่ใช่ทหารทุกคนที่ทุ่มเทให้หน้าที่นี้ และกล่าวไปอีกว่าหมู่บ้านโดยรอบนั้นบ้างก็ถูกโจรปล้นเผาทำลาย บ้างก็ถูกภัยพิบัติถาโถมเข้าใส่ กองทหารแห่งดีวาลนั้นมีบ้างที่ออกไปช่วยชาวนา แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ทั่วถึง ปัจจุบันมีหมู่บ้านสามแห่งที่ถูกเผาทำลายไปแล้ว
ทหารยามรับเรื่องจากมิคาเอล ครู่หนึ่งบารอนจึงได้เข้าพบองค์เดวอนที่สามแห่งดีวาล เขาเป็นชายชราหน้าตาท่าทางตรงกับคำบอกเล่าของมิคาเอลไมมีผิด
"ขุนคลังแห่งกาห์น...ข้าได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมานานแล้ว" องค์ดีวอนกล่าวทักตามมารยาท เมื่อบอกธุระที่มาเข้าพบพระองค์ก็นิ่งไป
"ความร่วมมือ...หากท่านต้องการกองทหารเพื่อออกตามหาแล้วข้าเกรงว่าคงมิอาจช่วยได้ อย่างที่ทราบ ลำพังเมืองของเราและหมู่บ้านรอบ ๆ ก็เต็มกำลังแล้ว แต่ข้าคิดว่าอาจมีอัศวินของข้าบางคนอยากร่วมเดินทางกับท่าน หรือท่านเห็นควรเช่นไร มีอัศวินคนใดที่ท่านต้องการเป็นพิเศษหรือไม่"
หอสมุด ชั้นหนังสือนี้ไม่สูงมากนัก เพียงแค่เอริเอื้อมก็สามารถแตะด้านบนสุดได้โดยง่าย ดูจากสภาพแล้วเป็นไม้เนื้อดีทีเดียว องคืหญิงแห่งเสียงเพลงบรรจงดึงตำราที่มีสีขาวทั้งเล่มออกมาและถือไปนั่งอ่านที่โต๊ะยาว
หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพลังของ "เสาของโลก" และประวัติของมัน ว่ากันว่าพื้นพิภพถูกสร้างขึ้นเมื่อห้าพันปีที่แล้วพร้อมกับเสาของโลก "กุงนิล" นี้มีพลังอำนาจมากเกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการถึง มันสามารถชุบชีวิตให้ใครก็ได้ สามารถดลบันดาลสิ่งใดก็ได้ แต่เมื่อใช้พลังอำนาจล้นเหลือนั้นแล้วมันจะต้องเข้าสู่สภาวะจำศีลเพื่อกักเก็บพลัง ทำให้โลกแห้งแล้งขึ้น และผู้ที่จะใช้ได้นั้นก็ต้องผ่านการได้รับอนุญาตจากองค์เทพธิดาเพียงอย่างเดียว
ลานกว้าง ที่นี่ยังคงมีผู้คนจำนวนมากแม้จะใกล้พลบค่ำ
...ที่ร้านสารพัดนึก เทอนิปยังคงเดินเล่นของชิ้นนั้นชิ้นนี้อย่างสนุกสนาน เจ้าของร้านเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ตรงกันข้ามเสียอีกที่เขาสังเกตเทอนิปอย่างสนใจเป็นพิเศษ เธอมองไปเห็นสร้อยทำจากดอกไม้สีสันแปลกตาจึงหยิบออกมาดู เธอรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากสร้อยนี้ หรือบางทีอาจจะเพราะสร้อยนี่ก็เคยเป็นต้นไม้เช่นเดียวกับเธอ
...หน้าร้านขายอาหาร ติโต้งับของกินอย่างยินดี มันเป็นเนื้อโคอ่อนเสียบไม้ย่าง ผ่านการหมักจากเครื่องเทศหลายชนิด ทาด้วยเนยชั้นดี จากนั้นจึงนำไปย่างบนเตาหินภูเขาไฟและโรยด้วยเกลือตบท้าย นับว่าเป็นอาหารที่วิเศษสำหรับผู้ที่ชอบกินเนื้อเป็นอย่างมาก ส่วนเด็กสาวผมทองนั้นก็มองติโต้อย่างสนใจ เธอคงไม่เคยเห็นหมาป่ามาก่อน แต่ติโต้เหลือบไปเห็นหลอดแก้วจำนวนไม่น้อยที่ห้อยไว้กับเข็มขัดคาดเอวของเธอ บางทีเด็กหญิงคนนี้อาจจะไม่ใช่เด็กหญิงจริง ๆ ก็ได้ แต่อาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ตัวเล็กคล้ายพวกแฟรี่