เท็นเท็นคิดว่าเธอควรจะแจ้งตำรวจ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นกับคนอื่น ๆ อีก เธอตรงไปที่สถานีตำรวจในคืนนั้นที่หนีออกไปได้และตรงเข้าแจ้งความกับสิบเวร ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงทีเดียวในการยืนยันว่าเธอพูดความจริง และต้องขอบคุณชายวัยกลางคนที่พาเด็กสาวอีกคนมาเข้าแจ้งความ พวกตำรวจในโรงพักดูจะกลัวเขามากทีเดียว เท็นเท็นมารู้ทีหลังว่าเขาชื่อ Wayne
เมื่อทั้งหมดไปถึง เธอก็เห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากตัวตึก เท็นเท็นได้ยินเขาเรียกชายคนนั้นว่ารองสารวัตรชิน มัคคุโร่ และดูเหมือนเวย์นจะรู้จัก
...
ตำรวจทั้งหมดช่วยกันค้นหาตึกทั้งสี่ชั้นโดยละเอียดจนกระทั่งเช้า พบศพมากกว่าสิบศพกระจายอยู่ทั่วทั้งตัวอาคาร มีทั้งถูกเชือกรัดคอ ถูกของตกลงมาทับ ถูกของมีคม ถูกทุบตีด้วยของแข็ง ถูกทิ้งให้อดตาย บางรายก็ฆ่าตัวตาย แต่ไม่พบใครอื่นนอกจากศพเหล่านั้น เหมือนว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่มาแต่แรกแล้ว ตรงกันข้ามกับร่องรอยต่าง ๆ อย่างสิ้นเชิง เวย์นดูจะไม่พอใจนักที่หาคนร้ายไม่ได้ แต่เขาก็ยอมรับโดยดีเมื่อเห็นศพจำนวนมากถูกลำเลียงออกมา
หลังจากนั้นเท็นเท็นก็ไปให้ปากคำเพิ่มเติม กว่าจะแล้วเสร็จก็กินเวลาเกือบเที่ยง เธอทั้งง่วงทั้งหิว เมื่อรถตำรวจพาเธอมาส่งที่บ้าน เธอจึงตรงเข้าไปในครัวและหาอะไรกินรองท้องชิ้นสองชิ้น ก่อนจะกลับขึ้นห้องเพื่อไปนอนพักผ่อน การกินแล้วนอนไม่ใช่เรื่องดีต่อสุขภาพ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจหรอก
เมื่อเท็นเท็นเข้าไปในห้องและปิดประตู เธอกลับพบหญิงสาวคนหนึ่งนั่งรออยู่บนเตียงแล้ว
"สวัสดี รู้ไหม เด็กขี้ฟ้องต้องถูกลงโทษ" เธอมีเส้นผมสีม่วง เจ้าของเส้นผมที่เธอพบในตัวอาคารนั้น!? ในมือของเธอส่ายมีดปลายแหลมไปมา
"เอา...ล่ะ ให้มันจบสักที : อัลฟ่า ?"
เท็นเท็นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดจะหนี แต่ก็คงไม่พ้นต้องเจ็บตัวมากและถ้าโดนตามทันก็คงไม่รอด จะร้องให้คนในบ้านช่วยก็ไม่มีใครอยู่ ทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว
"เอ่อ..." เท็นเท็นพูดตะกุกตะกัก เธอเริ่มสั่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายจรดมีดลงบนที่นอนของเธอและกรีดเป็นรอยเล็ก ๆ มีดนั่นคมมาก
"อะ...อะ... อัลฟ่า แอท...เอ...?"
"!" หญิงสาวถือมีดมีท่าทีผิดคาด เธอมองเท็นเท็นอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
"ทำมาสี่ครั้ง มีคนต้องมาเฉลยให้ฟังสองคน...ไม่ใช่สถิติที่ดีนักหรอกนะ"
เธอว่าแล้วเก็บมีด จากนั้นเดินมาหาเท็นเท็นที่นั่งทรุดอยู่หน้าประตูห้องและลูบหัวเธอ
"อยากหนีใช่ไหม"
เท็นเท็นสะดุ้งเหมือนกับจะตอบว่าใช่ หญิงสาวลึกลับตรงหน้ายิ้มพอใจ เธอเชิดคางเท็นเท็นข้นและจ้องเขม็ง
"นั่นคือสิ่งที่ฉันจะสอนพวกเธอ ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าตัวเองไปที่นั่นได้ยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองถูกใครแกล้งบ้า ๆ ในสถานการณ์นั้นไม่ใช่ให้วิ่งตามหาปริศนาและไขเพื่อเอาชนะคนร้าย นั่นมันหนัง! เธอไม่ใช่พระเอกหรือนางเอก! คนที่ดูหนังมากเกินไปชอบทำตัวฉลาดในสถานการณ์แบบนั้น คนพวกนั้นระแวงกันเอง คนพวกนั้นฟุ้งซ่านไปเอง ฉันถามหน่อย : ถ้ามีคนโรคจิตสวมหน้ากากฮอกกี้ถือเลื่อยไฟฟ้าวิ่งไล่ฆ่า เธอจะวิ่งไปหาปริศนาเพื่อไขเอาชนะไหม ? ไม่อยู่แล้ว! แต่คนที่ดูหนังมาก ๆ ไม่คิดอย่างนั้น พวกนั้นคิดกันว่า 'มันต้องมีปริศนา' 'คนร้ายกำลังท้าทายพวกเรา' 'ไขปริศนาได้แล้วคนร้ายจะปล่อยไป จะเอาชนะคนร้ายได้ ตำรวจจะมาช่วย' สุดท้ายพวกนั้นก็ฆ่ากันเองเพราะความฟุ้งซ่าน! รู้ไหมว่าฉันทำอะไร ? ฉันแค่จับคนไปมัดไว้ในห้องมืด ๆ และนั่งรอให้พวกมันฆ่ากันเอง ให้พวกมันตายเพราะความฟุ้งซ่าน!" เธอพูดโดยแทบไม่ได้หยุดพัก แต่คำพูดนั้นไม่เข้าหูเท็นเท็นนัก สิ่งที่เธอได้ยินมีเพียงคำว่า
ตาย แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไม่ได้พูดคำนั้นเลย
"เอา...ล่ะ...พอ" หญิงสาวผมม่วงว่าแล้วตบหัวเท็นเท็นเบา ๆ แล้วเดินอ้อมปเปิดประตูห้องของเท็นเท็น
"อย่างน้อยเธอก็ตอบฉันได้ เอาเป็นว่าจะปล่อยไป"
"...อะ... ?" แต่เท็นเท็นตอบอะไรไม่ได้ไปกว่านั้น
"ซะที่ไหนล่ะ"
ยังไม่ทันที่เท็นเท็นจะหันไป เธอก็ถูกจับล็อกคอจากด้านหลัง เธอเห็นวัตถุเงาวับสีเงินเรียวบางตวัดออกมา ใบมีดคมนั้นจรดเข้าที่ลำคอของเธอและ...
"เด็กขี้ฟ้องต้องถูกลงโทษ"
ลากผ่านลำคอของเธอ...
เย็นวันนั้น เมื่อพ่อแม่ของเท็นเท็นกลับมาถึงบ้านพวกเขาก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เมื่อผนังบ้านอยู่เขียนลูกศรจากเลือดชี้ตรงไปที่ห้องของเท็นเท็น ในห้องนั้นถูกชโลมไปด้วยสีแดงคล้ำ...และเด็กสาวในร่างขาวซีดที่ไร้ลมหายใจ