"เอ๊ะ? ฉัน ... จะได้เป็นคนเข้าร่วมสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้หรือคะ?"
เด็กสาวแรกรุ่นยืนอย่างสงบเรียบร้อยอยู่เบื้องหน้าโต๊ะยาว ณ ห้องประชุมประจำคฤหาสถ์หลังนี้
ปาปา(คุณพ่อ)และมาม็อง(คุณแม่)ของเธอก็อยู่ด้วย รวมทั้งญาติผู้ใหญ่ที่เธอไม่คุ้นหน้าอยู่หลายคนทีเดียว
เท่าที่ฟังดู คนใหญ่คนโตในตระกูลคาดการณ์เอาไว้ว่าคลอเดียอาจเป็น 1 ในคนที่ได้รับเลือกโดยจอกศักดิ์สิทธิ์ -- ไม่รู้ว่ามันเป็นความมั่นใจจนเกินเหตุหรืออะไรก็ตามแต่ ...
อีกทั้งยังพูดคุยหยอกล้อราวกับเป็นเรื่องที่ไม่คอขาดบาดตาย ว่าเธอต้องอัญเชิญวีรชนอันเก่งกาจในตำนานโด่งดังออกมาได้อย่างแน่นอน
เธอกังวล กับความคาดหวังอันสูงลิ่วนั้น
แต่ก็พยายามเก็บซ่อนมันไว้ภายในและปั้นรอยยิ้มหวานเพื่อให้'พวกเขา'วางใจ
"เข้าใจแล้วค่ะ -- ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะคว้าจอกมาเพื่อประโยชน์แก่ตระกูลของเรา"
การคาดการณ์นั้นไม่ผิดพลาดเสียด้วย แม้เธอจะหวังให้มันเป็นแค่คำพูดล้อเล่น...
คลอเดียลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากได้รับนิมิตของจอกศักดิ์สิทธิ์
เป็นเธอจริงๆด้วยเด็กสาวมองมนตราประกาศิตที่ปรากฎขึ้นด้วยสีหน้าคาดเดาอารมณ์อันหลากหลายภายในไม่ได้
เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ปฏิเสธเสียด้วยซ้ำ ไม่เคยเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา
มีชะตากรรมต้องถูกผูกมัดไว้ที่นี่ ในตระกูลเหมันตคิมหันต์ และเฝ้าพยักหน้ารับกับทุกสิ่งทุกอย่าง -- เหมือนกับนกตัวน้อยที่ถูกขังเอาไว้ในกรงทองงดงาม กลับเฝ้ามองหาแต่อิสระที่จะได้โบยบินในนภากว้าง
ถ้าหาก ...
จอกศักดิ์สิทธิ์สามารถให้พรใดๆก็ได้แก่เธอ แก่เสียงลึกๆภายในใจของเธอ
ฉันเพียงแค่ต้องการทางเลือกของตัวเอง -- ทางเลือกที่ฉันเป็นคนกำหนดให้แก่ตัวฉันเองเธอก็จะสู้เพื่อสิ่งนั้น
และจะไม่หยิบยื่นมันให้แก่ตระกูลเป็นอันขาด
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและผ่อนลมหายใจออก ตั้งสมาธิ เพื่อทำให้จิตใจด้านชาราวกับน้ำแข็งเย็นเฉียบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น -- สงครามครั้งนี้เธอจะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด
คลอเดียหอมแก้มปาปากับมาม็องทั้งสองข้าง บอกพวกเขาไปอย่างมีพิธีรีตองว่าเธอยินดีที่ได้ทำหน้าที่นี้ให้แก่ตระกูล และอยากทำให้พวกเขาได้ภูมิใจในตัวเธอ
ก่อนจะโบกมือลาและเข้าไปนั่งในรถหรู ซึ่งนั่นอาจแทนคำบอกลาแก่ตระกูลไปตลอดกาลก็เป็นได้...