ราวกับรูปสลักที่งดงาม มุมมอง 45 องศาคือมุมที่ดีที่สุดที่จะเห็นถึงความงดงามมากที่สุดเท่าที่จะเก็บเอาไปได้
แกรนด์มาสเตอร์ผู้เลอโฉมและงดงามที่สุดในหมู่มวลนักรบ Heinrich Walpot von Bassenheim (Rich ที่แปลว่ารวย)
Heinrich คือหัวหน้าคณะอัศวินทิวทอนิก มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงดยุก กล่าวคือเป็นเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์โฮเฮนสเตาเฟน เครือญาติกับจักรพรรดิ Conrad III
มองดูตั้งแต่เท้าจรดศรีษะของนางจะพบว่าชุดเกราะที่สวมใส่นั้นเงาเป็นมันวับราวกับขัดมาอย่างดี เป็นสีชมพูกุหลาบ เสื้อผ้าเนื้อดีและชุดคลุมนั่นดูหรูหรามีราคา
ม้าของเธอก็เป็นม้าที่มีราคาแพงที่สุดซึ่งได้มาจากการประมูล ดาบประจำกายเป็นดาบประดับเพชรพลอยที่ไม่ค่อยเหมาะนักที่จะเอาไปรบ
ปกติแล้ว Heinrich จะไม่คุยกับสามัญชน และเย่อหยิ่งไม่ขานตอบขุนนางหรืออัศวินไร้บรรดาศักดิ์โดยไม่จำเป็น
"ท่านรู้จักชาวมองโกลมากแค่ไหน" Heinrich บอกว่าผู้นำของมองโกลคือ โจชิข่าน บุตรคนโตของเจงกีสข่านซึ่งปกครองรัสเซียอยู่
Heinrich มองว่าพวกมองโกลมีความพยายามจะตีหักเอาฮังการี พวกนักรบคนเถื่อนแผ่อำนาจเข้ามายังยุโรปอย่างน่าขยะแขยง
หลังการตีโต้กลับไป คณะอัศวินทิวทอนิกจะบุกไปถึงรัสเซียเพื่อปราบพวกมองโกลและตั้งอาณาจักรของตนเองขึ้นที่นั่น
"คำสั่งของศาสนจักร?" ปริ้นซ์ Bohemond แห่งซิซิลี และควบตำแหน่งเคานท์แห่งอันติออกขานทวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่หน้าที่นี้เป็นของเธอแล้ว ผู้นำร่วมกับคณะอัศวินทิวทอนิกคือเธอ
เป้าหมายหลักของกองทัพผสมคือเข้าโจมตีพวกมองโกลในรัสเซียเพื่อปิดกั้นการขยายอิทธิพลเข้ามายังยุโรปหลังจากพวกมองโกลเพิ่มตีและเผาฮังกาลีไปครึ่งอาณาจักรก่อนจะย้อนกลับไปรัสเซียเพราะเสบียงหมด
เริ่มแรกฝ่ายคริสต์เปิดฉากจู่โจมไล่ตีหักเอาเมืองต่างๆคืนมาได้ด้วยกองทัพผสมที่แข็งแกร่งอันประกอบไปด้วยอัศวินทิวทอนิกที่นำชุดเกราะโกธิกมาใช้ มันป้องกันห่าธนูของพวกมองโกลได้ดีกว่าชุดเกราะโซ่หรือชุดเกราะแผ่นเหล็กทั่วไปอยู่มาก (ที่ Henrik ขุดเจอในถ้ำเมื่อนานมาแล้วนั่นแหละ) และกองทัพทหารราบหนักของอันติออกซึ่งมีไพร่พลเป็นทหารราบหนักก็ไม่สะท้านกับธนู รวมถึงทหารม้าหนักนอร์มันที่ห้าวหาญของซิซิลี ไพร่พลกว่า 2 แสนนายของทัพคริสต์ราวกับน้ำป่าที่ไหลบ่า
แต่ผลของสงครามก็เปลี่ยนไปหลังยึดกรุงเคียฟกลับมาได้และบุกไปถึงมอสโก
ข่านโจชิถูกสังหารในสนามรบหลังประมือกับ Schneidend เคาน์เตสแห่ง Versöhnung Hilarion
Schneidend ได้ประกาศชัยหลังจากเป็นทัพหน้าบุกเข้าสู่ปราสาทราชวังที่ว่ากันว่างดงามและใหญ่โตยิ่งกว่าราชวังแห่งไบแซนไทน์
เบื้องหน้าของมหาวิหารเซนต์เบซิลที่ยิ่งใหญ่หรูหราแห่งศาสนจักรออโธดอกซ์คือสถานที่ซึ่งชาวคริสต์ละเลงเลือดนักรบมองโกลด้วยการสับเป็นชิ้นๆอย่างโกรธแค้น
เพียงไม่ถึงสองเดือนต่อมากองทัพมองโกลนำโดยสุโบไตก็เข้าโจมตีรัสเซียเพื่อแก้แค้นให้กับโจชิข่านด้วยไพร่พลที่เกณฑ์มากว่า 3 แสนนาย
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ และยุทธวิธีของสุโบไตก็เหนือกว่าฝ่ายคริสต์ สงครามดำเนินไปบนทุ่งหิมะเพียงไม่ถึงวันก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเหล่าอัศวินจากยุโรป
ทั้งหมดนั้นคือเรื่องราวที่ถ่ายทอดจาก Schneidend และทหารไม่กี่คนที่รอดชีวิตกลับมาได้