Golden Path : Act 0เมื่อการค้ารุ่งโรจน์ขึ้น นั่นหมายถึงการสัญจรไปมาหาสู่กันระหว่างที่หนึ่งกับอีกที่หนึ่งก็เริ่มได้รับความนิยมมมากขึ้น
ซีกโลกหนึ่งเติมเต็มความต้องการของอีกซีกโลก เพราะไม่มีแห่งใดในโลกที่มีทุกอย่างครบถ้วนตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย
เหล่านักค้านั้นถือเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในกลไกนี้ เขานำสินค้าจากโลกหนึ่งมาสู่อีกโลกหนึ่งเพื่อผลกำไรที่มีมากขึ้น
แต่เมื่อเหล่าพ่อค้าเริ่มร่ำรวย กลับสวนทางกับชาวนาที่เริ่มยากจนลง บ้างก็จากภัยพิบัติ บ้างก็จากความรู้ไม่เท่าทันกลโกง
และอาชญากรรมก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น นักค้าผู้มีเพียงเกวียนเล่มเดียวไม่อาจใช้เส้นทางใด ๆ สัญจรได้โดยปลอดภัยอีกต่อไป
เมื่อนั้นเองที่เกิดคนอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมา คนกลุ่มนี้เรียกตนเองว่า "Transportier" หรือนักขนส่ง
พวกเขามีหน้าที่ในการคุ้มครอง เจรจา หรือทำอย่างไรก็ได้ให้สินค้านั้น ๆ ไปถึงจุดหมายปลายทางให้ได้ตามที่ได้รับการจ้างวาน
บ้างอาจทำเพื่อการกุศลแก่ผู้ยากไร้ บ้างก็ทำเพื่อชีวิตที่ดีกว่า บ้างก็เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูล หรือเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมาย
ผู้คนกลุ่มนี้จัดเป็นผู้คนกลุ่มใหม่ที่เข้ามาเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการกระจายสินค้าแทนเหล่านักค้าโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่นักค้าเหล่านั้นมีหน้าที่เจรจาซื้อขาย เหล่านักลำเลียงก็จะมีหน้าที่ในการดูแลสินค้าให้อยู่ครบถ้วน สมบูรณ์ และปลอดภัย
แม้จะไม่ใช่งานที่มีรายรับมากมายนัก แต่การทำธุรกิจในหลายสถานที่เช่นนี้ก็ทำให้พวกเขามีความรู้และเส้นสายในระดับหนึ่ง
หรืออย่างน้อยก็ยังพอรู้ว่าผู้ปกครองเมืองนั้น ๆ คือใคร
ในขณะเดียวกัน ถนนนั้นจัดเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามถึงความสำคัญไปโดยสิ้นเชิง อาจเพราะสิ่งนี้อยู่แทบเท้าของทุกคนและไม่มีปากเสียงอันใด
แต่หากปราศจากสิ่งที่คอยนำทางผู้คนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ดังเช่นเส้นทางเหล่านี้ มนุษย์ก็ไม่มีวันออกจากถิ่นฐานบ้านเกิดได้ตลอดกาล
ไม่มีใครรู้ว่าใครคือผู้บุกเบิก เพราะแม้แต่หมู่บ้านโบราณแห่งนคร Çatalhöyük (ซาทาล ฮือยึค , 7000BC) เองก็ยังไม่มีถนนสัญจร
แต่อาจจะเพราะด้วยการมองข้ามถึงความสำคัญของเส้นทางสัญจรนี้เอง จึงทำให้ไม่เคยมีใครใส่ใจถึงผู้บุกเบิกมัน
คนกลุ่มนี้มักใช้ชีวิตหลังฉาก พวกเขาอยู่หลังม่านแห่งความสำเร็จทั้งปวง ผู้อื่นและลูกหลานของพวกเขาจะมิได้มอบนามของผู้ยิ่งใหญ่ให้
แต่นั่นเป็นในกรณีที่พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยจนกระทั่งสามารถมีครอบครัวของตนเองได้ เพราะชีวิตของคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงมากนัก
พวกเขาไม่เคยมีชื่อเรียกของพวกเขาเอง แต่ทุก ๆ คนก็พร้อมจะยกนาม "Wanderer" หรือกลุ่มนักสำรวจเร่ร่อนให้ด้วยความเต็มใจ
คนเหล่านี้อาจจะเป็นใครก็ได้ อาชญากร ชาวนา นักปราชญ์ นักรบ ราชนิกูล หรือคนประเภทอื่น ๆ อีกมากเกินกว่าจะระบุได้
เพราะงานนี้ไม่มีค่าตอบแทนแน่นอน ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต พวกเขาส่วนมากจึงมักรับจ้างทำงานในโลกมืดเสริมไปด้วย
หน้าที่ของพวกเขาคือการสำรวจเส้นทางที่ไม่เคยมีใครไป หรือเส้นทางที่มีคนเคยไปแล้วแต่ไม่อาจรอดกลับมา
สิ่งเดียวที่เหล่านักสำรวจจะหลงเหลือให้แก่ชนรุ่นหลัง คือความรู้และสิ่งที่อยู่ใต้แทบเท้าของทุก ๆ คน สิ่งที่ถูกมองข้ามตลอดมา
เส้นทางสัญจรอันไร้ภยันตราย