หากพลังอำนาจของเทวาเป็นหายนะกับมวลมนุษย์ ข้าก็ไม่ต้องการมันอีกต่อไปตำนานของเซราฟิมไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้ นั่นเพราะเซราฟิมไม่มีตัวตนอยู่จริง
เทวาทุกตนหรือแม้กระทั่งมนุษย์สามารถจุติเป็นเซราฟิมได้ทั้งสิ้นเมื่อเขาผู้นั้นมีความคิดเทียบเคียงพระเจ้า
การสยายปีกของเซราฟิมที่มีร่างกายดุจนกตัวน้อยสร้างปาฏิหาริย์นับครั้งไม่ถ้วน และหนึ่งในนั้นคือการจุดไฟให้กับทะเลมานา
อันวาร์ยกมือขึ้น เขาพร้อมที่จะเปลี่ยนพลังอำนาจของเขาเพื่อรักษาสิ่งที่เขาปรารถนา เขาพร้อมที่จะละทิ้งสถานะอันสูงส่ง
ไม่หรอก อันวาร์นั้นแทบจะกลายเป็นมนุษย์อยู่แล้วหากเพียงเขาไม่มีพลังของเทวา อุดมการณ์และหัวใจของเขานั้นใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งกว่าเทวาตนใด
โลกที่ดำเนินไปด้วยกลไกของธรรมชาติ
ภาพที่คุ้นเคยกำลังเปลี่ยนแปลงไป เมืองในหุบเขามืดทึมเริ่มร้างผู้คนเมื่อพวกเขาตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปยังพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์มากกว่านี้
"ฉันน่ะแบกได้ทุกอย่างแหละ!" ราชีนีผู้สดใสแบกหามมากกว่าคนปกติเป็นสามเท่าเพื่อขนของไปขึ้นเรือเหาะ
"ผู้นำความคิดนี้คือราชินีสมองโกเลมของเรา" เดโวร่าพูดหน้าตายแล้วมองมาทางจอคล้ายจะบรยายกับผู้ชมทางบ้าน
มาร์ลีนหันไปมองดูเมืองที่เธอเคยใช้ชีวิตอยู่มาหลายปี แม้ว่าอันวาร์จะใช้พลังทั้งหมดสร้างมันขึ้นมาใหม่แล้วแต่เราก็ต้องทิ้งมันไปอย่างน่าเสียดาย
นึกไปถึงวันนั้นแล้วก็น่ากลัวเหลือเกิน แผ่นดินแยกออก ชาวเมืองล้มตายเพราะอาคารถล่มและการโจมตีจากเทวาลึกลับ
ความจริงแล้วในวันนั้นทุกคนตายไปแล้ว ทั้งฟราเนีย เดโวร่า โคโรน่า เอด้า มิกาเอล และคนอื่นๆ เหลือเพียงเจมที่ยังยืนหยัดต่อสู้เป็นคนสุดท้าย
เงือกสาวแย้งขึ้นมาว่าเธอยังไม่ตาย! ตำนานต่อจากนี้ต้องเขียนใหม่ว่ามีเธอกับเจมที่เหลือรอด
อันวาร์มองดูภาพของวิถีชีวิตที่พยายามต่อสู้เพื่อจะมีชีวิตกันต่อไปก็รู้สึกปราบปลื้มใจอยู่ลึกๆว่าสิ่งที่เขาทำมันผลิดอกออกใบ
แม้ว่าตลอดชีวิตของเขานั้นเขาจะมีเพียงแค่ต่อสู้ แต่การต่อสู้ของเขาก็สร้างโลกนี้ได้
"เราช่วยเอง" เสียงที่คุ้นหูดังมาจากหน้าเมือง ยัยเด็กหญิงที่ไม่นุ่งผ้านั่นจะเป็นใครไม่ได้หรอกหากไม่ใช่โกเลมควีนแห่งปฐพี
นี่เธอก็ฟื้นขึ้นมาเป็นมนุษย์ด้วยเหรอ?
เรื่องนั้นช่างมันก่อน เขาละสายตาจากเอด้าที่กำลังตบตีกับมิกาเอลแล้วปลดผ้าคลุมวิ่งตื๋อไปยังเด็กหญิงทันที
"ใส่เสื้อผ้าซะ! !#@#$#$#%@"
End