หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายจากพีธีสวนสนามร่วมของราชอาณาจักรไลรันและสาธารณรัฐที่สองได้หนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ทหารอาสาจากกองร้อยทหารอาสาที่สี่ถูกพาไปให้การกับทางตำรวจหลวงเป็นพัก ๆ ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็ลงถึงเหตการณ์ในวันนั้นอย่างอึกทึกครึกโครม มีผลตอบรับกับเหตุการณ์อย่างหลากหลาย บ้างก็ยินดีที่คนกระทำการถูกจับตัวได้ บ้างก็รู้สึกว่าทางการควรจะตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ตตั้งแต่เนิ่น ๆ เสีย บางคนก็บอกว่ามีทหารตั้งมากมายอยู่ในการสวนสนาม แต่ไม่มีใครจับได้นอกจากทหารอาสาเสียเอง บ้างก็โยงเป็นทฤษฎีสมคบคิดไปว่าเป็นการจัดฉากของสาธารณรัฐเพื่อหาความชอบธรรมในการจู่โจมไลรันอีกรอบ ทั้งข่าวคราวและความคิดต่าง ๆ นา ๆ เริ่มซาลงจากกระแสสังคม หลังจากไม่กี่อาทิตย์ถัดมา
การสอบสวนเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นเท่าไรนัก แม้หลาย ๆ มูลเหตจะบ่งชี้ว่ามความเป็นไปได้สูงที่การโจมตีในครั้งนี้ มีสหภาพโซเลียริสเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่ทางทูตและสหภาพเองก็ต่างปฏิเสธการกล่าวหาในครั้งนี้ และมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อราชอาณาจักรไลรันอย่างมากที่นำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมากล่าวหาฝ่ายตน ประชาชนทั้งทางฝ่ายไลรันและโซเลียริสเริ่มมีความบาดหมางกันเล็ก ๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ถึงเช่นนั้น ไลรันก็ยังประกาศว่าราชอาณาจักรไลรันจะยังคงเป็นกลางในมหาสงครามครั้งนี้ต่อไป
เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณให้กับกองทหารอาสา ทางสำนักราชวังได้เชิญตัวกองร้อยทหารอาสาที่สี่ นำโดยร้อยเอกลูเธอร์ อิลลอยส์ เข้าเฝ้าและรับพระราชทานเหรียญสวัสดิการกล้าหาญจากพระนางยอร์ดิน่าโดยตรง..
"...และในโอกาศนี้ ขอกราบเรียน สมเด็จพระนางเจ้ายอร์ดิน่า พระบรมราชินี ในสมเด็จพระเจ้าเอดินที่สี่ พระราชทานเหรียญรางวัลสวัสดิการแก่ทหารผู้ทำคุณอันเป็นประโยชน์ต่อราชอาณาจักร" เสียงของโฆษกราชสำนักประกาศก้องทั่วห้องโถงบัลลังก์กว้างที่มีทหารยืนเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ และพรมสีแดงปูยาวจากซุ้มประตูไปจนถึงสุดราวบันไดตรงหน้าพระราชบัลลังก์
องค์ราชินียืนอยู่ที่ปลายพรมสีแดง นายทหารในชุดทางการ 4 คนยืนเรียงแถวรับเด็จอยู่ ซึ่งสี่คนนั้นก็คือหัวหมู่ที่จะได้รับเหรียญกล้าหาญนี้เอง
"สิบเอกแกริสัน มัวร์" เสียงโฆษกประกาศชื่อของนายทหารคนแรก องค์ราชินี่หยิบเหรียญ์กล้าหาญออกมาจากกล่องกำมะหยี่ซึ่งมีนางสนองพระโอษถ์ถือไว้อยู่ และกลัดให้กับมัวร์ที่อกข้างขวา
"ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเราในวันนั้น" เธอกล่าวกับเขาเบา ๆ และยิ้มให้ ก่อนจะเดินไปที่นายทหารคนต่อไป
"สิบเอกเซราห์" โฆษกประกาศอีกครั้ง องค์ราชินีค่อย ๆ หยิบเหรียญตราขึ้นมาไว้ในมือ
"ขอบคุณสำหรับความเด็ดเดี่ยวและความทรนง" เธอพูดกับเซราห์ ก่อนจะกลัดตราที่หน้าอกของเขาเช่นเดียวกับมัวร์
"สิบเอก ซิลเวเรีย ไลท์" โฆษกประกาศอีกชื่อระหว่างที่องค์ราชินีเดินไปที่หญิงสาวชาววินดัล
"ขอบคุณสำหรับความจงรักภักดีและความเสียสละ" เธอหยิบเหรียญขึ้นมาและกลัดเข็มตราที่อกขวาของซิลเวเรีย ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่คนสุดท้าย
"สิบเอก ไลท์นิ่ง" โฆษกประกาศชื่อของคนสุดท้าย ระหว่างที่องค์ราชินีกำลังหยิบเหรียญตรา
"ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญและความมุ่งมั่น" องค์ราชินียอร์ดิน่าโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อติดเหรียญตราให้กับเด็กสาวที่ร่างเล็กกว่า
เมื่อพิธีการเสร็จสิ้น เธอก็ค่อย ๆ เดินกลับไปที่บังลังค์ ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ผายมือทั้งสองข้างออก ในจังหวะเดียวกันนั้นเองทหารทุกคนในห้องก็ทำความเคารพกลุ่มทหารสี่คนตรงกลางห้อง
"
ขอให้ความภักดีต่อไลรันจงยั่งยืนและเบ่งบานตลอดไป"
วันฟ้าโปร่ง แดดส่องลงมา แต่อากาศยังออกเย็น ๆ อยู่แม้จะเป็นช่วงบ่ายที่แสงอาทิตย์สาดแรง เซราห์นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนามกีฬาของค่าย ในมือถือกระติกน้ำไว้แน่น และจิบเป็บพัก ๆ เหงื่อโชกท่วมทั้งตัว โชคดีที่เขาสวมเสื้อกล้ามและกางเกงฝึก แทนที่จะใส่ชุดเครื่องแบบเต็มตัว ไม่งั้นเหงื่อของเขาคงยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเข้าไปอีก
เซราห์รู้สึกหงุดหงิดเป็นพิเศษ ลูกหมู่ของเขาหายหัวไปกันหมด แม้กระทั่งโจชัวร์เอง ซึ่งเป็นคนเสนอให้ฝึกพิเศษที่ค่ายเองแท้ ๆ เขานั่งรอเจ้าพวกนั้นตั้งแต่เข้ามาที่ค่ายตอนเช้า จนนี่ตะวันก็จะคล้อยตกดินเข้าไปแล้วยังไม่เห็นโผล่หัวมากันสักคน หลังจากที่เขาวิ่งจ๊อกกิ้งรอบ ๆ สนามฝึกก็แล้ว เล่นเครื่องออกกำลังกายก็แล้ว ซ้อมในสนามรบวิบากก็แล้ว ก็ยังไม่มีใครโผล่หัวมาสักคน ปกติเรเชลกับวิลจะเป็นคนที่มาแรก ๆ บางทีก่อนเขาเสียอีก ก็ยังไม่โผล่หัวมา
ซวบ ๆเสียงพุ่มไม้หลังอัฒจันทร์ดังขึ้นมา เขารีบหันตามไปทันที แล้วเขาก็พบกับต้นตอของเสียง
"สุขสันต์วันเกินครับผู้หมู่~!" เอเรนร้องทักขึ้นมาอย่างร่าเริง เขาเป็นคนแรกที่โผล่หัวออกมาจากพุ่มไม้ ก่อนที่คนอื่น ๆ จะค่อย ๆ หลุบหัวโผล่ออกมา วิลเป็นคนสุดท้ายที่โผล่ออกมา และมีเค้กปอนด์ใหญ่อยู่ในมือ
"ขอโทษนะคะที่ช้าไปหน่อย พอดีว่าร้านเค้กที่รู้จักกันเขาลืมไปว่าพวกเราสั่งไว้ เลยต้องรื้อออร์เดอร์กินนานหน่อย"
"ว่าแต่ผู้หมู่ไปทำอะไรมาน่ะครับ เหงื่อโชกเชียว"
เซราห์หรี่ตาเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่ แม้แต่เขาก็ลืมไปแล้วว่าวันนี้เป้็นวันเกิดตัวเอง ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้ไปขุดคุ้ยกันมาจากไหน
"แหม่ อึ้งไปเลยสินะครับ~!" เอเรนร้องฮัมขึ้นอย่างดีใจ ก่อนที่วิเวียนจะหยิบไฟแช๊กขึ้นมาแล้วจุดเทียนให้ เรเชลเป็นคนแรกที่เริ่มร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด ส่วนคนอื่น ๆ ก็เริ่มร้องตามจนจบ
เมื่อเพลงจบวิลก็เดินเข้ามาแล้วยื่นเค้กขึ้นมาตรงหน้าให้เขาเป่า เซราห์ยังคงขมวดคิ้วและหรี่ตาอยู่อย่างไม่เชื่อการกระทำเจ้าพวกนี้
"วิ่งรอบสนาม.." เขาพึมพำ
"เอ๋?" วิลเป็นคนเดียวที่ได้ยิน
"วิ่งรอบสนามร้อยรอบ ปฏิบัติ!!""เอ๋~~!!" ทุกคนร้องเสียงหลงขึ้นมาพร้อมกัน
จดหมายเหตุมหาสงคราม - มาตุภูมิ
..จบ..