|
|
พระอาจารย์ธรรมโชติ เดิมชื่อ โชติ ขณะบวชได้ฉายาทางพระว่า ธรรมโชติรังษี พื้นเพเป็นชาวเมืองสุพรรณ ในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย บวชเรียนแล้วจำพรรษา เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ณ วัดเขาขึ้นหรือเขานางบวช ท่านมีความรู้ด้านวิชากสิณ ด้านวิชาอาคมที่แก่กล้า ด้วยทั้งพรรษาและวิชาต่างๆที่ได้ศึกษาฝึกพร่ำร่ำเรียนมา ใครเห็นล้วนแต่เกิดศรัทธา
พระอาจารย์ธรรมโชติ ตามประวัติเดิม พำนักอาศัยอยู่ ณ วัดเขานางบวช ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนาไปพำนักอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น จังหวัดสิงห์บุรี[1] ด้วยเหตุที่พระอาจารย์ธรรมโชติมีวิทยาอาคมสูง และได้ลงวิทยาอาคมกับผ้าประเจียด ตะกรุดพิสมร แจกจ่ายให้กับนักรบค่ายบางระจัน[2] สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ในหนังสือไทยรบพม่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นได้หายสาบสูญไปหรือจะมรณภาพในเวลาเสียค่ายแก่พม่า หรือหนีรอดไปได้หาปรากฏไม่[3] แต่ตามความเชื่อและตำนานท้องถิ่นของชาวจังหวัดสุพรรณบุรีเล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อค่ายบางระจันมีทีท่าว่าจะแตก ลูกศิษย์ใกล้ชิดพระอาจารย์ธรรมโชติก็ได้นิมนต์ท่านหลบหนีออกจากค่าย
สุดท้ายลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง (ซึ่งไม่มากนัก เพื่อไม่ให้เป็นการแลดูน่าสงสัยแก่ผู้พบเห็นทั่วไป) ได้พาท่านออกมาจากค่ายบางระจัน ชั่วครู่ก่อนค่ายจะแตก แล้วลี้ภัยข้าศึกอยู่ในป่าเขาลำนำไพรจวบจนสงครามสงบจึงกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขานางบวช บ้างก็ว่าหลังจากออกจากค่ายบางระจันมา ท่านก็ไม่ไปหลบอยู่ที่ไหน แต่ขอกลับมาอยู่วัดเขานางบวช วัดเดิมที่ท่านเคยจำพรรษาอยู่ โดยลูกศิษย์ทำช่องลับไว้ให้ท่านหลบอยู่บริเวณวิหารของท่าน (ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่) ไว้ให้ท่านนั่งเจริญสมาธิกรรมฐาน บำเพ็ญกุศล บำเพ็ญเพียรโปรดแก่เหล่าสรรพสัตว์ วิญญาณวีรชน และชาวบ้านบางระจัน
สิ่งที่ศาสดาเห็น
- ร่างของ Ruler เป็นร่างวิญญาณเช่นเดียวกับ servant อื่นๆ ไม่ใช่คนเป็นๆแน่
- ใต้อาสนะที่ Ruler นั่ง มีบางอย่างที่สร้างจากเวทย์มนต์ฝังอยู่ หรือว่าจะเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ ?
- เด็กวัดที่รับใช้อยู่ข้างๆ Ruler คือนักฆ่าที่โดนจับตัวมาวันแรก
- ซิสเตอร์อึ๋มมาก ใส่กกน.สีขาว
ย้อนไปในเหตุการณ์เมื่อคืนวานบนดาดฟ้า
"ฉันอยู่ที่นี่เพราะมีเธออยู่ที่นี่ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยใคร" ศาสดาไม่เคยมีความคิดจะถอยหรือไปช่วยสิมิลาเลยสักนิดเดียว สำหรับเขาแล้วเขาไม่ใช่พวกกริชทมิฬ ผลประโยชน์ของกริชทมิฬไม่ได้ทำให้เขาร่ำรวยหรือกลายเป็นผู้ชนะสักหน่อย มีเหตุจูงใจอะไรให้เขาต้องลำบากไปเสี่ยงตายอย่างไร้ความหมาย
"ต แต่ฉันไม่ชอบหน้าตาลุงตำรวจนั่น จะยอมไปช่วยก็ได้ อยากตื้บเจ้าอริยะสักที"
"มิกะ เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ ตอนนี้เธอก็มีเขาอยู่เคียงข้างแล้วไง"
"เธอเป็นคนอ่อนโยนนะมิกะ ถ้าเป็นเธอจะต้องสานต่ออุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือเด็กๆที่โชคร้ายได้แน่นอน"
"กริชทมิฬจะต้องอยู่รอดต่อไป เธอคือความหวังสุดท้ายของเรา"
Simila ยิ้มอย่างสุขปนเศร้า "ส่วนตัวฉันก็จะขออยู่ทีนี่จนถึงวินาทีสุดท้าย"
"หากฉันตายเพื่อุดมการณ์ของกริชทมิฬ ฉันจะกลายเป็นวิญญาณวีรชนไหมนะ"
Simila หัวเราะทั้งน้ำตา
ศาสดาจะช่วยให้ทั้งสองคนหนีไปให้ได้ หากว่าเขาเคยมีวีรชนผู้กล้านามว่าเฮกเตอร์คอยปกป้องล่ะก็ วันนี้เขาจะเป็นดั่งเจ้าชายปารีสผู้ใช้ธนูต่อกรกับอะคิลีสอย่างกล้าหาญเพื่อให้คนรักของตนได้หนีรอดไปให้ได้
"เสียดายตาลุงนั่นคงไม่ได้มีจุดอ่อนที่ข้อเท้า ธนูคงใช้ไม่ได้ผล" ศาสดากล่าวติดตลกและบอกทั้งสองถึงนามแท้ของวีรชนที่ปกปักษ์อริยะ
ส่วนแผนของศาสดาก็คือการหลบหนีปะปนไปกับฝูงชน เราจะหนีเข้าเมือง ในเมืองมีคนเยอะ บางทีจุดอ่อนของตาลุงหนวดอาจจะเป็น 'การไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์' เราจะใช้ชาวเมืองปกป้องพวกเรา ศาสดามีเนตรมนตรา เขามองเห็นตำแหน่งของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายแยกแยะพวกเราออกจากฝูงชนไม่ได้ จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพโดยแท็กซี่ และไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ มุ่งหน้าไปยังทิเบต
ที่หัวลำโพง หลายวันก่อนหน้าที่ศาสดาจะขึ้นรถไฟมายังทิเบต
ระหว่างที่เขานั่งรอมิกะที่ไปแลกตั๋ว ใครคนหนึ่งมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดขึ้นมาว่า "เสียใจด้วยนะ แต่นายก็หาเจอแล้วใช่ไหม?"