-
Leo Kingstonนักเรียนชาย ชั้นปีที่ 1 อายุ 19 ปี
Leo Kingston : Exp. 0 (http://i.imgur.com/yZN4vlc.png) | (http://www.uppic.org/image-B4A1_5698FFAC.jpg) | Social : HP : 3/3 ชื่อเสียง : 0 ผลงาน : 0 แฟนคลับ : 0 ทรัพย์สิน : 100 G |
|
(http://www.uppic.org/image-AF7D_56AEE7DF.jpg)
ความสัมพันธ์ :Mirai : +2 (Room Mate)
อื่น ๆ :หอพักรวม : ห้อง 301
-
...
-
Sentai Academy : Prologue to the end
(http://www.uppic.org/image-035B_5698CB3C.jpg)
เพลงประกอบ (https://www.youtube.com/watch?v=toz0U121B4s)
ปี 20xx มลพิษและมลภาวะเพิ่มมากขึ้น ค่าครองชีพพุ่งสูงอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน อาชญากรรมเกิดได้กับทุกคน ทุกที่ และทุกเวลา
ประชากรมนุษย์โลกที่เหลือเพียงสองพันล้านคน และใครที่วาดฝันเอาไว้ว่าโลกอนาคตจะสวยงามก็ต้องผิดหวัง และต้องก้มหน้าใช้ชีวิตอย่างหดหู่ต่อไป
มาตรการหลายต่อหลายอย่างของรัฐไม่อาจใช้ได้ผลจริง กฎหมายที่พยายามออกมาก็รังแต่จะบีบรัดให้ประชาชนอึดอัดมากขึ้นทุกวัน
และสุดท้าย เมื่อคนจนตรอกเข้ามาก ๆ เหล่าคนจนตรอกเหล่านั้นก็รวมตัวกันเป็นกลุ่ม ก่อตั้งองค์กรก่อการร้ายอิสระที่ไม่ขึ้นตรงกับใคร หรือความเชื่อใด ๆ เลย
และเมื่อมีหนึ่ง ก็ย่อมมีสอง และทุกอย่างก็บานปลายเกินกว่าจะควบคุม และสุดท้าย "องค์กรชั่วร้าย" ก็เกิดขึ้นจริง
กำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเริ่มถดถอยลงทุกวัน และค่าใช้จ่ายในการสร้างหุ่นยนต์หรือแอนดรอยด์ก็ยังสูงเกินไปและใช้เวลานานเกินไป
แต่เมื่อมีขาวก็ต้องมีดำ
"ฉันจะปกป้องครอบครัวของฉัน !!" เสียงเล็ก ๆ นั้นดังมา และเงียบหายไป
"ฉันจะปกป้องเมืองของฉัน !!" เสียงนั้นดังขึ้นมา แต่ยังไม่ดังมากพอ และเงียบหายไป
"ฉันจะปกป้องความสงบสุข !!" เสียงนั้นดังแล้ว และดังก้องกังวาลต่อเนื่องกันไปเป็นทอด
ในที่สุดกำปั้นเล็ก ๆ ที่แสนจะไร้พลังและอ่อนแอก็หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง และก่อเกิดเป็นกระแสความหวังใหม่
ทุกคนไขว่คว้าความหวังนั้นเอาไว้ แม้แต่ภาครัฐก็เริ่มหันมาให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
แต่แสงสว่างนั้นมีน้อยเกินไป น้อยจนแทบจะถูกความมืดมิดกลืนกิน ราวกับดวงอาทิตย์เล็กจิ๋วท่ามกลางความเวิ้งว้างของอวกาศอันหนาวเย็นและดำมืด
ดังนั้นสถาบันแห่งความหวังจึงถูกก่อตั้งขึ้น
ที่นี่คือ Sentai Academy และที่นี่เราสร้างความหวัง !!
"เราไม่สนใจว่าคุณเคยเป็นใคร เราไม่สนใจว่าคุณอยากเป็นฮีโร่แบบไหน จะใส่หน้ากากหรือไม่ จะมีกลุ่มหรือไม่ เราไม่สน"
"เราสนแค่คุณมีไฟพอหรือเปล่า !?"
(http://www.uppic.org/image-705D_56893F95.jpg)
ลีโอก็เป็นอีกคนที่มีความมุ่งมั่น ความฝันอย่างเด็ก ๆ ที่ทุกคนอาจจะทิ้งไปเมื่อมีอายุได้ระดับหนึ่ง แต่เขาไม่ต้องการฝันเฟื่อง
ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กจริง ๆ และทุกคนหัวเราะเยาะความคิดนี้ แต่เขาก็เก็บหอมรอมริบ ฝึกฝนตัวเองเพื่อรอเวลาเข้าทดสอบอยู่ตลอดมา
แต่ก่อนหน้าที่จะมาสมัครเข้าศึกษาในสถาบันฮีโร่ เขาเคยทำอะไรมาก่อนกัน ?
(เลือกได้ข้อเดียวเท่านั้น)
- เป็นประชาชน คนเดินดินธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรพิเศษ หรือคนว่างงาน
- เป็นนักกีฬา ทหาร ตำรวจ นักต่อสู้
- เป็นพนักงานบริษัท ข้าราชการทั่วไป หรือนักเรียน นักศึกษา
- เป็นเจ้าของกิจการ หรือระดับหัวหน้า
- เป็นนักบวช พระ บาทหลวง แม่ชี ฤาษีชีเปลือย
- อื่น ๆ : ตามแต่จะระบุ
-
- เป็นประชาชน คนเดินดินธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรพิเศษ หรือคนว่างงาน
-
เลโอเป็นแค่ประชาชนคนเดินดิน วัยรุ่นธรรมดา ๆ ที่เกาะพ่อแม่กินและเดินเตะฝุ่นไปวัน ๆ มาก่อน
แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินตามฝันและหาจุดเปลี่ยนให้ชีวิตของตัวเอง นั่นสิ เขาฝันไว้ว่า...
(เลือกได้ข้อเดียวเท่านั้น)
- เพื่อฝึกฝนตัวเอง แข่งขันกับคนอื่น ๆ ให้มากที่สุด
- เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเอง
- เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์จากใครคนหนึ่ง
- เป็นผู้นำพาสังคมไปในทางที่ดีขึ้น
- กำจัดเหล่าร้าย อาชญากรรม และความชั่วร้ายให้หมดไป สร้างสังคมที่ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข
- ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยมีความฝัน หรือมีก็ลืมไปแล้ว
-
เลโอเคยได้รับความช่วยเหลือจากฮีโร่คนหนึ่งดอนเด็ก ๆ ซึ่งตอนนั้นเขาจำชื่อไม่ได้ แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อโตขึ้นและเริ่มติดตามข่าวคราวของฮีโร่ เขาก็ได้ทราบว่าฮีโร่คนนั้นเสียชีวิตจากไปแล้วเมื่อบุกโจมตีองค์กรชั่วร้าย
- เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์จากใครคนหนึ่ง
-
เหล่าร้ายก็เป็นแค่คนธรรมดา และฮีโร่ก็เปนคนธรรมดาเช่นกัน เรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสายงานนี้
จะว่าไปเลโอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาจากครอบครัวยังไงล่ะเนี่ย พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ ทำตัวอย่างนี้
(ได้ข้อเดียว)
- ครอบครัวอบอุ่น อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
- ครอบครัวที่มีฐานะไม่ดีนัก
- ครอบครัวฐานะปานกลาง
- ครอบครัวผู้เชี่ยวชาญอะไรสักอย่างหนึ่ง
- ครอบครัวฐานะดี ลูกคนรวย คุณหนู คุณชาย
- ไม่มีพ่อหรือแม่ (เลือก) เป็นลูกคนโตของครอบครัว มีน้อง (กี่คนก็ว่าไป)
- เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อและแม่
-
ทั้งพ่อและแม่ของลีโอเป็นนักวิจัยหรือไม่ก็วิศวกร ซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลในหน่วยงานวิจัยและพัฒนาฮีโร่ นั่นเป็นสิ่งที่จุดประกายเขา และครอบครัวก็ค่อนข้างสนับสนุนเขาในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าอยากจะให้เขาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยทั่วไปมากกว่าก็ตาม แต่เอาจริง ๆ แล้วเลโอก็ไม่เข้าใจเกี่ยวกับตัวงานที่พ่อแม่ของเขาทำเท่าไรนัก
- ครอบครัวผู้เชี่ยวชาญอะไรสักอย่างหนึ่ง
-
พ่อของเลโอเป็นวิศกรปิโตรเคมีและนาน ๆ ครั้งจะกลับบ้าน ส่วนแม่ของเขาเป็นนักวิจัยในบริษัทผลิตยาแห่งหนึ่ง
ชีวิตครอบครัวของเขาก็ไม่ค่อยจะอบอุ่นนัก พ่อกลับบ้านสามเดือนครั้ง แม่ไปทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงและกลับบ้านตอนสามทุ่ม
เขามักจะต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ตามประสาพระเอกแนวฮาเร็ม แต่นั่นก็หล่อหลอมให้เขาพึ่งพาตัวเองได้ในแทบจะทุกอย่าง
ชีวิตในโรงเรียนของเขาก็ไม่ได้สวยหรูนัก เขาไม่ได้มีเพื่อนมาก บ้างก็ถูกไถเงิน บ้างก็ถูกคนเขม่นอย่างไม่มีเหตุผล
บ้านของเขาก็ไม่ได้รวยมาก เพราะต้องผ่อนทั้งรถส่วนตัวสองคัน บ้านกลางเมืองอีกหลัง และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอย่าง
แต่เขาก็ไม่ได้ยากจนอะไรนัก และถึงแม้ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นไปหมดทุกเรื่อง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ผ่านมาถึงจุดนี้ได้
คิดย้อนกลับไปก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาใช้ฝ่าฟันปัญหามาตลอด นั่นสิ ถ้ามีสิ่งนั้นเขาก็คงไม่โตมาถึงจุดนี้
(เลือกได้ข้อเดียว)
- ความอึด
- ความเป็นผู้นำ
- ความเชื่อมั่นในถูกต้อง
- ความแข็งแรง
- ขาที่พร้อมจะวิ่งหนีได้ทุกเมื่อ
- สติปัญญา
- สายตาที่เฉียบคม แม่นยำ
-
เลโอไม่ได้เป็นเด็กที่ฉลาดเท่าไรนัก แล้วก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรกับคนอื่นเลย สิ่งที่ทำให้เขาผ่านพ้นสิ่งต่าง ๆ ในวัยเด็กและวันรุ่นมาได้มีแต่ความอดทนล้วน ๆ ถึงเขาไม่ได้ถือว่าความอดทนเป็นจุดแข็งเท่าไหร่นัก แต่คติประจำใจของเขาคือ What doesn't kill you, make you stronger (อะไรที่ไม่ถึงตาย จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น) ซึ่งหลัง ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็น What doesn't kill you, doesn't kill you (อะไรที่ไม่ถึงตาย ก็ไม่ถึงตายนั่นล่ะ) เพราะยิ่งเจออะไรมามากเขาก็ไม่ค่อยจะรู้สึกว่าแข็งแกร่งขึ้นสักเท่าไหร่
- ความอึด
-
การเป็นกระสอบทรายอดทนกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เขาก็ผ่านมาได้แล้วนี่
ว่าแต่เขาชอบพกอะไรติดตัวไปไหนมาไหนตลอดหรือเปล่านะ
- ไม่พก
- พก... (อย่างเดียว ของที่คนธรรมดาจะพกติดตัวได้)
-
- ไม่พก
-
ก็นั่นน่ะสิ เขาจะพกข้าวของให้รุงรังทำไม...
การคัดตัวหานักศึกษาที่จะศึกษาต่อใน Sentai Academy จัดขึ้นปีละครั้ง และจะแบ่งเขตออกไปตามภูมิภาค
ซึ่งมีเขตการทดสอบทั้งหมด 10 เขตทั่วโลก เป็นทวีปเอเชีย 3 เขต , ทวีปแอฟริกา 2 เขต , ทวีปยุโรป 2 เขต และทวีปอเมริกาเหนือและใต้อีก 3 เขต
เลโอเข้ารับการทดสอบที่ไม่ค่อยจะมีอะไรนัก ก็เป็นการวิ่งร้อยเมตร ยกน้ำหนัก กระโดดสูง วัดแรงบีบ วัดความแม่นยำ สอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์
เขาเชื่อว่าตัวเองทำทุกอย่างไปอย่างเต็มที่แล้วแน่ ๆ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะผ่านหรือไม่ เพราะผู้เข้าสมัครมีเป็นพัน
แต่ 7 วันให้หลังก็มีจดหมายมาถึง และระบุว่าเขาผ่านการทดสอบ บ้าน่า จะอะไรเขาก็ทำได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เองนี่นา แต่ผลก็ไม่น่าจะผิดพลาด
แล้วเขาไปทำอะไรถึงผ่านการทดสอบมาได้กันนะ...
(เลือกได้ข้อเดียว)
- การทดสอบพละกำลัง
- การทดสอบความคล่องแคล่ว
- การสอบข้อเขียน
- การทดสอบความแม่นยำ
- ตอบคำถามในการสอบสัมภาษณ์อย่างฉะฉาน
- ก็ต้องมีคนเคยได้ยินชื่อมาบ้างล่ะน่า เขาก็ไม่ได้นอนงอมืองอเท้ารอบสอบเป็นปีสักหน่อย
- ก็พอมีผลงานในอดีตอยู่บ้าง เพราะเขาไมไ่ด้นอนรอสอบอยู่เฉย ๆ นี่
- พอจะมีชื่อเสียงและผลงานอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
- ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว และกรรมการก็อาจจะเห็นอย่างเดียวกัน
-
เขาไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะเป็นตอนสอบสัมภาษณ์ เขาไม่ใช่คนที่จะมาเขอะเขินหรือเตรียมตัวไปมากมาย แต่ว่าความคลั่งไคล้ฮีโร่และความฝันถึงเส้นทางนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติ ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์ในด้านการพูดมากมายนักก็ตาม
- ตอบคำถามในการสอบสัมภาษณ์อย่างฉะฉาน
-
บางทีกรรมการสอบสัมภาษณ์อาจจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวของเลโอ อาจจะเป็นความหวังใหม่ หรืออาจจะเป็นอะไรบางอย่างที่แม้แต่เลโอก็ยังไม่รู้...
จบบทนำ
ข้อมูลตัวละครอัพเดทแล้ว
-
Sentai Academy 1.1 : The Sunrising.
(http://www.uppic.org/image-35D5_569CE385.jpg)
25 มีนาคม 20xx , 07.50 น. , Sentai Academy
เลโอมาที่นี่ด้วยบริการขนส่งมวลชน เขาได้รับส่วนลดเล็กน้อยจากการยื่นหนังสือรับรองของสถาบันฮีโร่ให้เจ้าหน้าที่ขายตั๋ว
เขาไม่ได้ขี้เหนียวหรือต้องการประหยัดเงินที่มีอยู่ แต่ค่าใช้จ่ายอะไรที่ลดได้ เขาก็ยินดีจะลด วันพรุ่งนี้จะได้ไม่เป็นปัญหา
เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้า "รั้ว" ที่สูงมากกว่า 5 เมตร หนาอย่างน้อยครึ่งเมตร และทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
ไม่ต้องให้ใครสั่ง เลโอก็เปลี่ยนความคิดได้ด้วยตนเองทันที ว่าสิ่งก่อสร้างตรงหน้าคือ "กำแพง" มากกว่า "รั้วโรงเรียน"
และที่จุด ๆ หนึ่งของกำแพงก็เจาะเป็นทางเข้าออกเอาไว้ มีถนนสองเลนสำหรับยานพาหนะ และถนนคนเดินเล็ก ๆ สำหรับคนเดิน
เลโอพยายามมองหาป้ายบอกทางและป้อมยามที่ด้านนอกสถาบัน แต่เขาก็หาไม่เจอสักอย่าง จึงต้องเดินตามคนอื่น ๆ เข้าไปด้านใน
แต่ด้านในกลับไม่มีทั้งแผนที่บอกทางและป้อมยามเหมือนกัน ดูเหมือนว่าที่นี่จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์รักษาการณ์มากกว่าใช้มนุษย์
แย่แล้วล่ะ เขาจะทำยังไงดี การปฐมนิเทศที่เริ่มที่หอประชุมตอน 08.35 น. และถ้าเขาไม่รีบก็คงไปไม่ทันแน่
นอกจากนั้น ในจดหมายยังระบุไว้อีกว่า ถ้าเขาไม่มาลงชื่อในการปฐมนิเทศก็จะถูกถอนสิทธิ์การเป็นนักศึกษาทันที
เลโอพยายามมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากทางเท้า สวนย่อมเตี้ย ๆ เสาไฟฟ้า และกลุ่มคนที่ทยอยกันเดินเข้ามา
เขาก็รู้สึกกระดากที่จะต้องเดินไปถามคนแปลกหน้าด้วยสิ จะว่าไปในจดหมายรับรองได้แนบแผนที่ของสถาบันมาด้วยหรือเปล่านะ
(เลือกอย่างเดียว)
- เข้าไปถามผู้ชายในหน้ากากสีทองที่เดินอย่างกระฉับกระเฉง
- ชายหนุ่มที่เพิ่งลงมาจากรถประจำทาง
- ดูจดหมายอีกรอบ
- เดินไปมั่ว ๆ เดี๋ยวก็เจอเองแหละ
ตัวละครของผู้เล่นจะปรากฎตัวในโรลเพลย์ของผู้เล่นคนอื่น ๆ ในฐานะ NPC
เพื่อป้องกันความล่าช้าและความคลาดเคลื่อนกัน
-
เลโอคิดว่าชายในหน้ากากสีทองคนนั้นอาจจะเป็นสตาฟต์ อาจารย์ หรือไม่ก็นักศึกษารุ่นพี่... ล่ะมั้งนะ คนทั่วไปไม่น่าจะใส่หน้ากากวิ่งไปมาหรอก
"เออ.. ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าหอประชุมที่จะปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ต้องไปทางไหนเหรอ?"
- เข้าไปถามผู้ชายในหน้ากากสีทองที่เดินอย่างกระฉับกระเฉง
-
(http://www.uppic.org/image-EA45_5693C9C5.jpg)
"ทางซ้ายมือของทิศเหนือและใต้" เขาพูด จากนั้นก็เดินดุ่ม ๆ ไปทางอาคารที่อยู่ทางซ้าย
- ตามไป
- ไปถามคนอื่นดีกว่า
-
มาเล่นปริศนาคำทายอะไรน่ะ เลโอเลือกที่จะเดินตามไป พลางใช้เวลานี้คว้า ๆ เอาจดหมายมาดูด้วย เผื่อมีแผนที่
"ที่ว่าซ้ายมีของเหนือและใต้นี่เป็นตะวันออกหรือตะวันตกกันแน่ครับ" เลโอถาม
- ตามไป
-
(http://www.uppic.org/image-EA45_5693C9C5.jpg)
"ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น" พูดแค่นั้นแล้วเจ้าตัวก็พุ่งลิ่ว ๆ หนีขึ้นลิฟท์ไปแล้ว
แต่ดูเหมือนจะมาถูกอาคารนะ เพราะที่หน้าอาคารมีแผนผังติดเอาไว้ ในแผนผังระบุว่ามีห้องประชุมอยู่ที่ชั้นสาม
"ห้องประชุมรอง : ใช้สำหรับในงานพิธีเท่านั้น"
สรุปว่าถูกไหมเนี่ย
-
"ปฐมนิเทศก็น่าจะเป็นงานพิธีสินะ... ลองไปดูก่อนแล้วกัน"
เลโอตัดสินใจไปยังชั้นสามตามแผนผัง อย่างร้ายที่สุดก็คือผิดห้องประชุมแล้วต้องเริ่มต้นใหม่เท่านั้น
-
เลโอเลือกเดินขึ้นบันไดไป เพราะอยู่แค่ชั้นสามก็ไม่เห็นจะต้องขึ้นลิฟท์ให้เปลืองไฟ
เขาใจชื้นขึ้นเมื่อขึ้นมาถึงชั้นสาม ดูเหมือนจะถูกที่แล้วล่ะ เพราะมีโต๊ะลงชื่อตั้งอยู่ แล้วก็มีลังของแอบยัด ๆ ไว้ที่ลืบเพื่อหลบสายตาคนด้วย
(เลือกอย่างเดียว)
- เดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่โต๊ะลงชื่อ
- เดินไปลงชื่อ
- เดินดูรอบ ๆ นี้ก่อน
-
เขาถามให้แน่ใจ เดี๋ยวลงชื่อไปแล้วผิดงานจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม
"ที่นี่ใช้ที่จักปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ใช่ไหมครับ? ถ้าใช่นักศึกษาปีหนึ่งลงชื่อเสร็จต้องทำอะไรต่อรึเปล่า?"
- เดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่โต๊ะลงชื่อ
-
(http://www.uppic.org/image-9C5E_56933213.jpg)
"ใช่ครับ ที่นี่แหละ ลงชื่อได้เลย แผ่นไหนก็ได้ครับ เพราะยังไงเดี๋ยวเราก็เช็คชื่อรวมอีกทีอยู่ดี" เขาตอบและดันกล่องใส่ปากกามาให้เลโอ
หลังจากเซ็นเรียบร้อยดีแล้วเขาก็เตรียมจะเข้าไปด้านใน เอ...หรือเขามีอะไรจะทำที่ด้านนอกนี้อีกนะ
(เลือกอย่างเดียว)
- เข้าไปในห้องประชุมเลย
- ถามเจ้าหน้าที่ เรื่อง... : ระบุ
- เดินดูรอบ ๆ ก่อน
-
เมื่อลงชื่อแล้วและไม่ได้คำตอบอะไรมากมาย เขาก็เข้าไปในห้องประชุมทันที การมาถึงตรงเวลาเป็นหัวใจของฮีโร่
และพ่อมด
- เข้าไปในห้องประชุมเลย
-
08.20 น.
ในห้องประชุมตกแต่งแบบสมัยใหม่และมีคนอยู่ก่อนไม่มาก ส่วนมากก็นั่งแยกกันเป็นกลุ่ม ๆ ตามจุดนั้นจุดนี้ ที่แถวหน้าแทบไม่มีใครนั่งเลย
- ไปนั่งแถวหน้า
- ไปนั่งแถวกลาง
- ไปนั่งแถวหลัง
-
นักศึกษาใหม่ถ้าไม่ใช่แถวหน้าสุดก็ต้องแถวหลังสุด เพราะมีแค่ 3 ชั้นปี... ไม่รู้ว่าพวกรุ่นพี่จะต้องเข้าพิธีรึเปล่านะ แต่เออออว่าต้องเข้าไว้ก่อนดีกว่า
ในเมื่อมีสองทางเลือก ก็คงนั่งที่ ๆ คนน้อยที่สุดนั่นล่ะ
- ไปนั่งแถวหน้า
-
ที่แถวหน้าสุดมีคนมาจับจองกันประปราย ส่วนมากก็ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาใหม่เหมือนกับเขา เพราะมากันแค่คนเดียวหรือสองคน
แต่เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะสถาบันนี้ไม่จำกัดอายุ เพศ และปูมหลัง บางทีอาจจะมีรุ่นพี่ที่อายุน้อยกว่าเขาอยู่ก็ได้
เลโอเดินไปนั่งที่กลางแถว จากมุมนี้เขาจะเห็นเวทีชัดมากกว่าจุดอื่น และถึงจะเข้าออกลำบาก เขาก็คงไม่ลุกไปไหนบ่อยนัก
ข้างขวาของเขามีเด็กวัยรุ่นผู้หญิงสวมเฮดโฟนนั่งอยู่ ส่วนข้างซ้ายเป็นเด็กวัยรุ่นชายผิวสีแทนผมบลอนด์นั่งเหม่อตาลอย
บนที่นั่งมีหนังสือคู่มือเล่มบาง ๆ วางเอาไว้พร้อมกับน้ำและขนม 2-3 ชิ้น และอีกพักหนึ่งกว่าจพิธีจะเริ่ม เขาจะทำอะไรรอดี
(เลือกได้อย่างเดียว)
- หยิบคู่มือมาอ่าน
- ทักคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา : ระบุได้คนเดียว
- มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องประชุม
-
เลโอตัดสินใจหยิบคู่มือมาอ่านรอเริ่มการปฐมนิเทศน์ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีเหมือนกัน
- หยิบคู่มือมาอ่าน
-
ในคู่มือระบุไว้ว่านักศึกษาปี 1 ต้องพักอยู่ในหอในเท่านั้น และสามารถไปติดต่อเรื่องได้ที่อาคารวิชาการที่ 1 หลังจบพิธี
นอกจากนั้นก็เป็นวิสัยทัศน์ บุคลากรฝ่ายต่าง ๆ ภายในสถาบัน รวมถึงกฎระเบียบที่ไม่ต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วไป
ในคู่มือบอกเอาไว้ ว่าทางสถาบันไม่จำกัดการแต่งกาย แต่ขอให้ลงเรียนให้ครบโควต้าวิชาที่กำหนดไว้ในแต่ละชั้นปีด้วย
ตามด้วยกำหนดการณ์ต่าง ๆ ที่เลโอไม่คิดจะจดจำวันที่สักเท่าไรนัก แต่อย่างน้อยเขาก็จำได้ว่าวันเปิดเทอมคือวันที่ 1 เมษายน
และช่วงก่อนเปิดเทอมก็เปิดให้นักศึกษาใหม่จัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อย ส่วนค่าเทอมไม่ต้องเสีย แต่ถ้าอยากจะบริจาคก็ได้เหมือนกัน
"ชั้นปีที่ 1 ต้องลงเรียนตั้งหมด 5 วิชา และไม่อนุญาติให้เข้าร่วมชมรมใด ๆ ได้
ชั้นปีที่ 2 ต้องลงเรียนทั้งหมด 4 วิชา และเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 2 กิจกรรม
ชั้นปีที่ 3 ต้องลงเรียนทั้งหมด 2 วิชา และเข้าร่วมกิจกรรมทุกเดือน
รายชื่อวิชานั้น สามารถเข้าไปดูได้ที่เครือข่ายของสถาบัน ซึ่งถ้าท่านเป็นนักศึกษาปีที่ 1
ห้องพักของท่านจะได้รับการติดตั้งคอมพิวเตอร์พร้อมกับระบบเครือข่ายเอาไว้ให้แล้ว"
และที่หน้าสุดท้ายก็มีแผนที่อย่างง่าย ๆ แปะเอาไว้ พร้อมกับเบอร์ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์
ข้อมูลปกปิด
หลังจากอ่านจนเกือบจะจบหมด ผอ.ทีเ่ป็นประธานในงานปฐมนิเทศน์ก็มาถึง เขากล่าวให้โอวาทด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ก็แฝงแววความชราเอาไว้ไม่มิด
ประเด็นของการปฐมนิเทศน์ คือการบอกถึงจุดประสงค์ของสถาบัน กฎระเบียบ และเลโอก็แปลกใจที่มีการแนะนำตัวหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ด้วย
Time skip
แล้วการปฐมนิเทน์ก็จบลงอย่างเรียบร้อย แม้คนรอบข้างจะออกอาการเบือ่หน่ายและหันไปคุยกัน แต่เลโอก็ตั้งใจฟังจนจบ (สามารถนึกย้อนหาข้อมูลในช่วงนี้ได้)
มีเสียงประกาศผ่านลำโพงออกมาว่า นักศึกษาใหม่ต้องไปติดต่อเรื่องหอพักที่อาคารวิชาการ เลโอจะไปเลยดีหรือเปล่านะ
(เลือกข้อเดียว)
- ไปเข้าห้องน้ำก่อน
- วน ๆ อยู่แถวนี้ก่อน
- ไปเลย
-
เขาคิดว่ารีบ ๆ จัดการทุกอย่างให้เสร็จในวันนี้เลยดีกว่า ถึงแม้จะคิดว่าน่าจะมีคนตรงไปที่นั่นเยอะพอดูก็เถอะ
- ไปเลย
-
เลโอต้องต่อแถวรออยู่นานพอสมควร เพราะที่นี่มีคนมากกว่าที่คิด เท่าที่ดูก็เกือบร้อยได้เลย
เมื่อถึงคิวเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าหอพักของสถาบันจะมี 2 แบบ คือแบบแยกและแบบรวม
หอพักแบบแยกนั้นจะได้อยู่ห้องละคน แยกเป็นหอชายและหอหญิง เป็นห้องส่วนตัว เหมาะกับคนที่พึ่งพาตัวเองได้มากพอสมควร
หอพักแบบรวมนั้นจะได้อยู่กับรูมเมทกี่คนก็ได้ตามต้องการ เป็นหอรวมทั้งชายและหญิง เหมาะสำหรับคนที่มีทีมหรืออยากได้เพื่อนใหม่
เลโอจะเลือกหอพักแบบไหนดี
(เลือกข้อเดียว)
- หอแยก (อยู่คนเดียว)
- หอรวม (อยู่กับรูมเมท) : ระบุว่าต้องการรูมเมทกี่คน รูมเมทแบบไหน หรือไม่ระบุก็ได้ ระบบอัจฉริยะจะสุ่มให้เอง
-
"เอ... ตัดสินใจยากแฮะ.." เลโอพึมพำกับตัวเอง เขาอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวก็จริง แต่ว่าถ้าได้พักอยู่กับคนอื่น ๆ เวลามีปัญหาอะไรก็จะได้แก้ไขด้วยกัน เวลามีกิจกรรมอะไรก็ติดตามกันง่ายกว่า แต่ว่าถ้าอยู่ด้วยกันมาก ๆ ก็อาจจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน แถมจะย้ายหอคงไม่ใช่ง่าย ๆ ด้วย
แต่ยังไงซะเขาก็ยังอยากลองใช้ชีวิตในมหาลัยกับคนอื่นอยู่ดี
"เอิ่ม.. สมมติว่าถ้าหากอยู่ในหอไปแล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา มีมาตรการหรือว่าตัวเลือกอะไรที่จะให้นักศึกษาเปลี่ยนหรือย้ายหอพักได้รึเปล่าครับ?"
-
(http://www.uppic.org/image-BBDF_569331F2.jpg)
"นักศึกษาต้องอยู่ครบอย่างน้อย 2 เดือน จึงจะย้ายออกได้ค่ะ แต่สำหรับนักศึกษาใหม่จะได้เพียงแค่สับเปลี่ยนห้องพักเท่านั้น"
เจ้าหน้าที่ยิ้มตอบเสียงใส จะว่าไปทำไมยัยนี่หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนสักที่
"ไม่ต้องห่วงค่ะ เรามีห้องว่างสำรองเอาไว้เสมอ"
-
ถ้าสับเปลี่ยนหอพักได้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรล่ะมั้ง เขาคงลองอยู่กับคนอื่นไปก่อน ไว้ไม่รุ่งจริง ๆ ค่อยขอเปลี่ยนเป็นห้องเดี่ยวเอา
- หอรวม (อยู่กับรูมเมท) ระบุรูมเมทไม่เกิน 3 คน ไม่ระบุอย่างอื่นอีก
-
เลโอได้ห้องหมายเลข 301 ห้องนี้จัดเป็นห้องพักที่ 1 ของหอ แต่ทำไมถึงมาอยู่ชั้นบนสุดก็ไม่รู้
ห้องนี้อยู่สุดทางฝั่งซ้ายมือที่ชั้นสี่ ที่เป็นชั้นบนสุดของหอพัก จำให้ดีล่ะ
ทางขึ้นหอพักมีทั้งลิฟท์ขนาดเล็กตัวเดียว และบันไดอีกสองแห่ง แต่แห่งหนึ่งปิดไว้สำหรับเป็นทางฉุกเฉิน
ที่ด้านล่างของหอพักมีตู้ขายของอัตโนมัติ 3-4 ตู้ ก็มีขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม อาหารสำรอง และอุปกรณ์และเครื่องเขียนทั่วไป
ผู้ดูแลหอพักมีสองคน เป็นผู้ชายและหญิง ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ไม่มีลูก
เลโอใช้เวลาทั้งวันในการย้ายของเข้ามาและจัดห้อง ด้านในมีเตียง โต๊ะสามตัว เก้าอี้สามตัว ตู้เสื้อผ้า พัดลม และคอมพิวเตอร์อีกเครื่อง
(http://www.uppic.org/image-439D_5694CBB9.jpg)
"สวัสดี ฉันชื่อมิไร ปีแรกเหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จัก" คิริโกะ รูมเมทของเขาแนะนำตัว เธอเป็นผู้หญิง
แต่ออกไปทางทอมบอยมากกว่า และดูจะไม่มีปัญหาที่ต้องเป็นรูมเมทกับผู้ชาย
"รูมเมทของนายก็มีแค่ฉันนี่แหละ"
เขาพักผ่อน และใช้เวลาก่อนเปิดเทอมไปกับการ...
(เลือก 2 ข้อ)
- ไปเที่ยวเล่นในเมือง
- เดินเล่น ๆ รอบ ๆ สถาบัน
- ทำความรู้จักกับรูมเมท
- คุยกับเจ้าของหอพัก
- ลงทะเบียนวิชาที่จะเรียน ผ่านระบบออนไลน์
- เข้าเว็บไซท์ของสถาบัน
- ไปพบเจ้าหน้าที่ ครู อาจารย์
- ฝึกฝน อ่านหนังสือเตรียมตัว
- กลับบ้านไปก่อน
-
คงไม่มีอะไรให้เขาทำแล้วก่อนจะเปิดเทอม ปกติเขาเองก็ไม่ใช่พวกชอบเที่ยวเล่นด้วย แต่เขาค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่ได้รูมเมทเป็นผู้หญิง ตอนแรกนึกว่าจะเป้นหอแยกเสียอีก
- ทำความรู้จักกับรูมเมท
- ลงทะเบียนวิชาที่จะเรียน ผ่านระบบออนไลน์
-
เลโอใช้เวลาหลายวันพูดคุยกับรูมเมท เธอดูจะเป็นคนอึน ๆ ไม่ค่อยกระตือรือร้นมากสักเท่าไร แต่ก็เป็นคนดีพอ ๆ กับเขานั่นแหละ
ถ้าให้เปรียบเทียบ เธอก็อาจจะมีนิสัยแบบ "Blue Ranger" และเธอก็ไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันสองต่อสองกับผู้ชายในห้องเสียด้วย
อย่างน้อย ๆ ที่หอรวมนี่ใช้ระบบห้องน้ำรวม เพราะพื้นที่ในห้องพักต้องขยายให้กว้าง เพื่อเหมาะสำหรับรองรับคนหลายคน
เลโอก็เลยไม่เคยเจออุบัติเหตุ "บังเอิญ" เปิดประตูไปเจอเธอกำลังอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ และเธอก็ไม่เคยทิ้งของเรี่ยราดด้วย
(http://www.uppic.org/image-439D_5694CBB9.jpg)
"ฉันหนีออกจากบ้านมาน่ะ" มิไรเล่าให้ฟังเรียบ ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยถูกกับครอบครัวของตัวเองด้วย
เธอบอกต่อว่าก็ไม่ใช่อะไรหรอก ปัญหาเดิม ๆ พ่อแม่ไม่อยากให้มาเรียนต่อในสถาบันคนบ้า อยากให้ไปเรียนในมหาลัยดัง ๆ จบมาหางานทำ
แต่เธอไม่เอาด้วยหรอก เธอบอกว่าเธอไม่ใช่คนที่มีความมุ่งมั่นอะไร แต่อย่างน้อยชีวิตของตัวเองก็ขอเลือกเดินเองดีกว่า
ดูเหมือนเธอก็จะไม่มีเพื่อนที่นี่เหมือนกัน อย่าว่าแต่เพื่อนเลย ขนาดของใช้เธอยังมีแค่เสื้อผ้า กระติกน้ำร้อน กับเครื่องเขียนไม่กี่อย่าง
"แล้วฉันก็ไม่ใช่ทอมนะ จำไว้ด้วย เกิดมีข่าวลือบ้า ๆ แม่จะแทงให้" ดูเหมือนมิไรจะค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องนี้พอสมควรนะ
จะว่าไป เธอก็ถามเลโอว่าเขาทำอะไรได้บ้างน่ะ อย่างตัวเธอเองก็ใช้หอกได้ และใช้คล่องด้วย แถมแรงกายก็ไม่ใช่น้อย
ก็เป็นมิไรนี่แหละ ที่ช่วยเขาขนของเข้าห้องได้ง่ายขึ้น แม่คุณเล่นแบกของเยอะแยะจนเลโอทึ่ง แต่สุดท้ายก็นอนหอบกินอยู่ดี
วันหนึ่ง ๆ เธอมักจะออกมาฝึกวิชาหอกแบบมั่ว ๆ ของเธอที่ลานหน้าหอพักเสมอ บางที่เลโอก็เห็นเธอวิ่งออกกำลังกายเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว
แต่ดูเหมือนทุก ๆ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์เธอจะออกไปทำงานพิเศษหาเงินมาเลี้ยงปากท้องของตัวเอง เพราะเธอหายไปตั้งแต่เช้าและกลับมาก็ค่ำ
ความสัมพันธ์ Mirai +2
เลโอใช้เวลาว่างนอนกลิ้งเกลือกไปมาหลายวัน จนเขาคิดขึ้นได้ว่าตัวเองต้องไปลงทะเบียนเรียน
หลังจากเข้าเว็บของสถาบันที่ไม่มีรูปผู้บริหารอยู่ตรงไหนเลย เขาก็คลิกตรงนั้นตรงนี้หลายครั้ง
จนมีกรอบข้อความปรากฎขึ้นมา เป็นตารางรายวิชากับตารางงานพิเศษ เลโอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมสองตารางนี้ถึงอยู่ด้วยกัน
ข้อมูลปกปิด
(http://www.uppic.org/image-439D_5694CBB9.jpg)
"ฉันลงสังคมกับศิลปะไปตอนวันจันทร์ แล้วก็กีฬาวันพุธทั้งวัน แต่ยังเหลืออีก 2 วิชา" Mirai พูดขึ้นเมื่อเห็นเลโอเปิดตารางลงทะเบียน
"ที่เหลือก็ว่าจะลงภาษากับคำนวณ...ถึงฉันจะไม่เก่งด้านคำนวณนักก็เถอะ นายจะลงอะไรบ้างล่ะ ?"
"อ๋อ แนะแนวไม่ต้องลงทะเบียนนะ เผื่อนายไม่เห็น"
-
"ผมไม่ค่อยถนัดอะไรสักอย่างเลยด้วยสิ ขนาดเรื่องกีฬาผมยังครึ่ง ๆ กลาง ๆ เลย.." เอาจริง ๆ ตัวเลือกของเขาก็ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ด้วยสิ
ลงทะเบียนเรียน
วันจันทร์ : สังคม กับ ศิลปะ
วันอังคาร : วิทยาศาสตร์
วันพุธ : เทคโนโลยี กับ กีฬา
-
ระบบแจ้งว่านักศึกษาสามารถแก้ไขตารางเรียนได้จนถึง 1 อาทิตย์หลังเปิดเทอม
(http://www.uppic.org/image-439D_5694CBB9.jpg)
"ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องช่วยกันติวก็แล้วกัน" มิไรตอบเรียบ ๆ จากนั้นก็เดินถือหอกของเธอออกไป ปล่อยให้เลโอนอนของเขาอยู่คนเดียว
จบบทที่ 1.1
เมื่อเข้าสู่เนื้อเรื่องหลังจากนี้ ตัวเกมจะตัดเข้าสู่โหมด Advance ผู้สามารถเลือกเล่นได้ 2 โหมดด้วยกัน :
- มีตัวเลือก : เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากคิดอะไรให้ยุ่งยาก และมีเวลาเล่นไม่มาก ข้อเสียคือมีอิสระและพื้นที่ให้ความสร้างสรรค์น้อย
- ไม่มีตัวเลือก : เหมาะสำหรับคนที่ชอบคิดนอกกรอบ มีไอเดีย จินตนาการบรรเจิด และมีเวลาเล่นมากพอ ข้อเสียคืออาจจะยากเกินไปและทำอะไรไม่ถูก
-
แบบไม่มีตัวเลือก
-
Sentai Academy 1.2 : The Sunrising
The Morning's Sunligh
(http://www.uppic.org/image-A1A0_56AEE139.jpg)
07.40 น. 1 เมษายน 20xx , Sentai Academy , หอพักรวม , ห้อง 301
แดดเช้าส่องลอดผ่านกรอบหน้าต่างเข้ามา วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนของสถาบันฮีโร่ เลโอตื่นมาจัดการธุระของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยดีนานแล้ว
บรรยากาศด้านนอกเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น มีเสียงพูดคุยหยอกล้อกันของกลุ่มคนดังแว่วมาเป็นระยะ ประกอบกับเสียงของยานพาหนะหลายคัน
ในหอพักของเขาเองก็ไม่ได้สงบนัก ดูเหมือนว่าถัดไปอีก 2-3 ห้องจะกำลังทะเลาะอะไรกันสักอย่างอยู่ ดูเหมือนจะแย่งเตารีดกัน
เลโอแง้มประตูห้องออกมาสูดอากาศด้านนอก อากาศที่นี่ดีทีเดียว อาจจะเพราะอยู่ติดกับป่าก็ได้ แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เพราะมีทากเต็มไปหมด
เขาแต่งตัวในชุดไปรเวทที่ดูสุภาพที่สุด ถึงทางสถาบันจะบอกว่าจะแต่งตัวยังไงก็ได้ แต่เขาคิดว่าอย่างน้อยก็ควรจะให้เกียรติสถานที่บ้าง
เขาไม่มีกระเป๋าสะพาย แต่ก็มีสมุดสำหรับจด 2 เล่มและเครื่องเขียนที่ทุกคนควรจะมี และการถือของเหล่านั้นก็ไม่ยากสักเท่าไร
เลโอจำได้ว่าวันนี้เขามีเรียนสังคมกับศิลปะ ซึ่งรูมเมทของเขาก็มีเรียนอย่างเดียวกัน บางทีเขาน่าจะไปเข้าเรียนพร้อม ๆ กับเธอนะ
แต่แม่คุณยังนอนหลับอุตุอยู่ในผ้าห่มอยู่เลย เห็นว่าเมื่อคืนทำงานกลับมาดึก แบบนี้จะตื่นทันไปเข้าเรียนตอน 08.15 น. หรือเปล่าเนี่ย
อัพเดตตารางเรียนของเลโอที่หัวกระทู้แล้ว
-
เหลือเวลาเข้าชั้นเรียนอีกเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมง แต่ว่าอยู่หอในนับเวลาเดินจริง ๆ น่าจะไม่เกิน 10-20 นาที ยังทันอยู่ถ้ามิไรตื่นมาแล้วไปเลยไม่อาบน้งอาบน้ำน่ะนะ
(http://i.imgur.com/yZN4vlc.png) "ตื่น..... ตื่น...." เลโอจับขาเตียงของมิไรแล้วพยายามเขย่า