-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/1700.jpg) | ชงต๊ะ | เพศชาย | อายุ 44 ปี | HP 4/4 | SP 3/4 | พลังกาย +1 | การรับรู้ +0 | ความเร็ว -1 | ปัญญา +1 | เสน่ห์ +1 | EXP 6/56 |
|
ความมุ่งมั่น 81 | เป้าหมาย : ตามหาผู้รู้ใจมาเป็นคู่ชีวิต |
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg) | อาเหมย-เด็กสาวผู้รักการผจญภัย | HP 2/2 | SP 2/2 | ประสบการณ์ยุทธภพ : มีประสบการณ์พอที่จะฝึกทักษะได้ 1ชนิด ถ้ามีคนสอน |
|
Inventory | E.ดาบเหล็ก AT+2 หนัก: -1เมื่อทอยโจมตี คม:ตัดของเล็กๆได้ | E.ท่อเหล็ก AT+1 | E.เสื้อผ้าธรรมดา DF=0 | เหรียญอีแปะx25 | หม้อข้าว : ใช้หุงข้าวต้มยาได้สารพัด | ข้าวสาร x18 : ต้องหุงแล้วกินจึงจะอิ่ม | รถขายเต้าฮวย | พลุสัญญาณ | ภาพเขียนห้ามังกร(ตั้งเอง) | |
| Profile | ครอบครัวพลัดพราก ต้องร่อนเร่เพนจร (+10 EXP) ไม่มีเงินและที่ซุกหัวนอน | คนขายเต้าฮวย (10EXP) : มีรถเข็นขายเต้าฮวย สามารถทำกิจการขายเต้าฮวยได้ | | Skill | พลังกาย +1(10EXP) เสน่ห์ +1 (10EXP) ปัญญา +1 (10EXP) | HPmax +1 (5EXP) | SPmax +1 (5EXP) | บัญชาการ (10EXP ต้องมี เสน่ห์อย่างน้อย +1) : จ่าย 1SP เมื่อสั่งการเป้าหมายสำเร็จ เป้าหมายจะได้รับ +1 โบนัส ในการทำงานที่สั่ง | | Flaw | โดนมีดปักเข่า : ความเร็ว -1 |
|
ประวัติ
จอมยุทธ์เร่ร่อนที่ออกเดินทางแสวงหาความหมายของการมีชีวิต เดิมทีเขาเป็นแม่ทัพผู้ปราดเปรื่องเรืองทักษะ รบที่ใดก็ชนะที่นั่น รับราชการมาแต่หนุ่ม แต่เกิดเบื่อหน่ายจึงลาออกมาท่องยุทธภพ
วันหนึ่งขณะที่เขาเข็นรถขายเต้าฮวยผ่านเมืองๆ หนึ่ง เขาพบเห็นคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งกระหนุงกระหนิงกัน น่ารักเชียว ว่าแล้วก็อยากมีคนรู้ใจบ้าง นั่นแหละเป้าหมายของเขา
-
ยามเช้า ตลาดเมืองหยางโจว ชงต๊ะถูกเสียงจอแจของผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย
หลายปีมานี้เขาเร้นกายมาเป็นพ่อค้าขายเต้าฮวย ยิ่งขายยิ่งขาดทุน ตอนนี้สมบัติที่เหลืออยู่มีเพียงรถเข็นคันหนึ่ง ถั่วเหลืองถุงหนึ่ง
เขานอนอยู่บนรถเข็นคันนั้นเอง ตลาดยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุด หากต้มถั่วเหลืองตอนนี้ยังทันขายสินค้าก่อนตลาดวาย
ชงต๊ะยังคิดถึงความฝันเมื่อคืน เขาฝันถึงคนรักที่มิได้พบพานมานาน ผ่านราตรีบนเขาวูซันด้วยกันรอบหนึ่งยังเคลิบเคลิ้มอยู่มิคลาย
เขาคิดในใจว่า จนบัดนี้บิดายังมามัวขายเต้าฮวยอันใด สมควรได้เวลาออกเดินทางตามหาคู่ชีวิต มิให้ตายไปต้องถูกยมบาลเย้ยหยัน
ชงต๊ะตื่นจากฝันกลางวันมาพบกับความจริงตรงหน้า เขาจะทำอะไรต่อไปดี?
-
หยางโจวเป็นเมืองใหญ่ที่งดงามและผู้คนเนืองแน่น ณ เมืองนี้บางทีเขาอาจจะพานพบคู่ครอง หรืออาจจะเป็นนางในฝันที่มาปรากฎตรงหน้าพร้อมทั้งยื่นอัฐแลกกับเต้าฮวย
ว่าแล้วก็รีบทำมาค้าขายต้มถั่วเหลืองประกอบสัมมาอาชีพ
"เต้าฮวยอร่อยนะนายจ๋า"
(ชงต๊ะอัพทักษะสเน่ห์เป็น +2 แล้วนะครับ)
-
สภาพความเป็นจริงช่างโหดร้ายยิ่งนัก ชงต๊ะครุ่นคิด หรือชีวิตเราได้แต่วนเวียนอยู่กับกองถั่วเหลืองพวกนี้ไปอีกนานเท่านาน
ความมุ่งมั่น -5
เขากวนเต้าฮวยไปพลาง คิดไปพลางว่าวันนี้จะขายเต้าฮวยด้วยวิธีใด
- คิดสูตรทำเต้าฮวยรสชาติใหม่ๆ (ทอย+ปัญญา)
- ใช้เส่น่ห์ที่มีเรียกลูกค้า (ทอย+เสน่ห์)
ตอนนี้เป็นเวลาเช้า ได้รับโบนัส +2 จากจำนวนคนในตลาด
FAIL ขายได้เท่าทุน OK ขายได้กำไร 10อีแปะ CRIT ขายได้กำไร 20อีแปะ
-
"เต้าฮวยของข้า... อร่อยมาก"
ชงต๊ะใช้เพียงความหล่อเท่านั้นในการเรียกลูกค้า คนเราแค่หน้าตาดีก็พอแล้ว ปัญญาไม่ต้องหรอก ขายเฉพาะสาวๆ ถ้าทำได้
- ใช้เส่น่ห์ที่มีเรียกลูกค้า (ทอย+เสน่ห์)

Rolled 1d10+3 : 6 + 3, total 9
-
ชงต๊ะขายดีพอสมควรได้กำไรเงินมาสิบเหรียญ
ถ้าไม่มัวขายแต่ลูกค้าหญิงคงได้เงินเยอะกว่านี้
สายแล้ว ผู้คนในตลาดเริ่มเบาบาง ชงต๊ะรู้สึกแปลกใจที่เมื่อเช้ามีหญิงสาวคนนึงซื้อเต้าฮวยคนเดียวสิบกว่าถุง
ทั้งเป็นคนที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกัน หรือจะเป็นคนต่างเมืองกันนะ
ถ้าลองไปสืบดูอาจจะรู้ได้ แต่เวลานี้พ่อค้าแม่ค้าที่เก็บแผงมักซื้อเต้าฮวยกลับไปรับประทาน สมควรขายหากำไรต่อไปอีกสักครา
ถ้าขายเต้าฮวยต่อ ทอยเหมือนเดิม แต่โบนัสคนเหลือ+1
ถ้าทำอย่างอื่นให้บอกมาว่าทำอะไร
-
มีกำไรสักพอกำมือก็เพียงพอจะนำไปใช้จ่ายแล้ว ชงต๊ะใส่ใจแม่นางผู้นั้น เขาจึงเข็นรถไปทางทิศที่แม่นางผู้นั้นเดินไป ตามตรอก และถนนเส้นเดียวกันนั่นแล
ระหว่างทางพบเจอพ่อค้าแม่ขายขอทานหรือคนที่อยู่ติดที่ ก็ถามไถ่ถึงแม่นางที่ถือเต้าฮวยสิบกว่าถุงด้วยว่าไปทางไหน หรือรู้จักไหม มีบ้านร้าง วัดร้าง หรือคนจรที่ไหนพักอาศัยแถบย่านนี้บ้าง
-
หญิงสาวที่ถือถุงเต้าฮวยเต็มมือนั้นสืบเสาะไม่ยากนัก
เมื่อไต่ถามไปตามทางก็พบว่าเธอมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
โรงเตี๊ยมชื่อว่าโรงเตี๊ยมเจ็ดกระบี่ บนผนังห้องอาหารมีกระบี่เจ็ดเล่มแขวนเอาไว้เป็นแถว
หญิงสาวนั้นนั่งอยู่ในห้องอาหารนี่เอง รอบข้างนางยังมีบุรุษอีกสิบกว่าคน
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
หญิงสาวนางนั้นกล่าวว่า "พวกท่านที่เป็นบุรุษกลับข่มเหงสตรีนางเดียว เมื่อกลับถึงสำนักข้าพเจ้าจะฟ้องร้องต่อซือแป๋ (อาจารย์)"
บุรุษที่ดูวางอำนาจมากที่สุดกล่าวว่า "เซี่ยวซือม่วย (ศิษย์น้องเล็ก) พนันพ่ายแพ้ สมควรถูกปรับแล้ว ท่านอาจารย์ย่อมไม่อาจเข้าข้างเจ้า"
"พวกท่านรวมหัวกันกลั่นแกล้งข้าพเจ้า" หญิงสาวโต้ตอบ
"ดูเต้าฮวยที่ท่านซื้อมากยังมีปริมาณมากกว่าปกติอยู่บ้าง"บุรุษอายุเยาว์อีกคนกล่าว
หญิงสาวขยี้เท้าร่ำร้องว่า "ที่แท้พวกท่านล้วนทราบว่าคนขายเต้าฮวยนั้นมิใช่ตัวดี กลับส่งข้าพเจ้าไปเพื่อเพิ่มปริมาณอาหาร ยังเป็นศิษย์ค่ายสำนักธรรมมะอันใด"
ชงต๊ะฟังอยู่นานยังไม่ได้ผลรับเพิ่มเติม เขาจะทำอย่างไรต่อไป
-
แลดูชื่อเสียงเรียงนามของเราผู้ขายเต้าฮวยก็ไม่ดีหนักหนา ชงต๊ะครุ่นคิดแล้วจึงนั่งลงที่โต๊ะว่างสักตัวหนึ่ง เพื่อฟังเหล่าจอมยุทธ์เจรจา
หากเสี่ยวเอ้อมาถามว่าจะรับอะไรดีก็บอกไปว่าเอาเพียงหมั่นโถวก็พอ แลถามไถ่เสี่ยวเอ้อว่ากลุ่มคนผู้นั้นมีชื่อเสียงเรียงนามกระไรบ้าง
-
"หม่านโถวเข่งละสามเหรียญ น้ำชาหนึ่งป้านฟรี" เสี่ยวเอ้อเก็บเงินเขาไปก่อนจะยกอาหารมาให้
"จอมยุทธเหล่านั้นได้ยินว่ามาจากขุนเขากระบี้่อันใด เราเองก็เป็นผู้ต่ำต้อย ไม่อาจทราบนามยิ่งใหญ่ของพวกเขา"
เสี่ยวเอ้อคล้ายตักเตือนคนขายเต้าฮวย ว่าอย่าหมายรับประทานเนื้อห่านฟ้า
คนกลุ่นนั้นพูดคุยกันต่อ ชายที่ดูมีอำนาจหันไปหาบุรุษอายุเยาว์กล่าวว่า
"งานส่งเทียบเชิญวันเกิดซือแป๋นั้น ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือนัก ชิดซือตี๋ (น้องเจ็ด) เดินทางร่วมกับน้องเล็ก ต้องคอยคุ้มครองนางให้ดี"
"เป้าหมายของพวกเจ้าทั้งสองคือบู๊ตึงซัวและอารามบ้อฮวย จงจำไว้ให้มั่น หลังเที่ยงวันนี้พวกเราจะแยกย้ายกันไป"
กล่าวจบ ชายที่ดูมีอำนาจก็แจกจ่ายซองจดหมายและกำชับจุดหมายปลายทางแห่ศิษย์น้องแต่ละคน
-
ชงต๊ะได้ฟังความก็บังเกิดความคิด เราจะตามไปรอขายเต้าฮวย เพื่อที่จะได้ยลโฉมและพิจารณาแม่นางน้องเล็กอย่างเป็นธรรมชาติ
ว่าแล้วก็ถามทางกับเสี่ยวเอ้อว่าบู๊ตึงซัวและอารามบ้อฮวยอยู่แห่งหนใด ที่ใดใกล้ที่สุด
เสี่ยวเอ้ออาจจะรู้รายละเอียดของทั้งสองสถานที่นี้ก็จำเป็นต้องถามไถ่ให้ได้ความมากที่สุด จากนั้นจึงรีบเข็นรถเต้าฮวยไปยังที่ๆ ใกล้ที่สุดก่อน
-
เสี่ยวเอ้อบอกว่า อารามบ้อฮวยอำอยู่เชิงเขาบู๊ตึ๊งซัว ต้องเดินทางขึ้นเหนือร้อยกว่าลี้
หากเดินทางด้วยเท้า ต้องใช้เวลาสิบวันค่อยบรรลุถึง
หากเข็นรถขายเต้าฮวยไปด้วย อาจนานกว่านั้น
-
ไม่ได้อยู่ในเมือง....
หลังเที่ยงก็จะแยกย้ายไปแล้ว
จอมยุทธ์เหล่านี้มีม้าไหมนะ หากพวกเขามีม้าเราคงติดตามไปไม่ได้ เดินออกไปพิจารณาดูว่ามีม้าจอดเอาไว้ไหม
จากนั้นกลับมาเนียนนั่งฟังการเสวนาจนถึงสักสิบเอ็ดนาฬิกา
-
มีม้าผูกไว้ แต่ไม่ถึงสิบตัว คาดว่าผู้ที่เดินทางไกลจึงใช้ม้า
ศิษย์ขุนเขากระบี่เริ่มพากันแยกย้ายไปตามทิศต่างๆ
ชงต๊ะรู้สึกโล่งใจเมื่อห็นว่า สองหนุ่มสาวเดินทางโดยเท้าเปล่า
พวกเขาเดินทางออกนอกเมืองโดยไม่ใช้ม้า เดินคุยกันไปอย่างร่าเริง
ชงต๊ะได้แต่แอบมองอยู่ไกลๆ
-
มาถึงขั้นนี้ชงต๊ะคงต้องบอกลารถขายเต้าฮวย เขาเข็นมันไปแอบไว้ในซอกเผื่อว่ากลับมาจะได้ใช้มันประกอบอาชีพอีกในภายหลัง
จากนั้นก็วิ่งตามไปขอเป็นศิษย์ของจอมยุทธทั้งสอง
"ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย"
-
หญิงสาวและชายหนุ่มต่างประหลาดใจที่อยู่ดีๆมีคนมาขอเป็นศิษย์
ชายหนุ่มกล่าวว่า "พวกเราก็เป็นศิษย์ของผู้อื่น ยังมิกล้ารับผู้อื่นเป็นศิษย์"
หญิงสาวกลับมองหน้าชงต๊ะอีกครั้ง ก่อนจะร้องว่า
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
"ไปของท่าน ท่านคือคนขายเต้าฮวยเมื่อเช้า กลับมาทำอะไรที่นี่"
ชงต๊ะหัวร่อไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ไม่ทราบสมควรยินดีที่นางจดจำตนเองได้หรือไม่
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะเล่าให้ฟังถึงความฝันของเขาเมื่อคืน เขาฝันเห็นภาพของแม่นางผู้นี้มาแจ้งบอกว่าสมควรออกสู่ยุทธภพอีกครา
เขาตัดสินใจจะค้าขายเป็นวันสุดท้าย เพราะนี่เป็นอาชีพที่เขารัก ก่อนจะออกเดินทาง มิคิดว่าจะได้พบแม่นางที่มาอุดหนุน จึงสนใจและถามไถ่จนรู้ความว่าแม่นางเป็นจอมยุทธ์
บัดนี้ไม่มีรถขายเต้าฮวยแล้ว และตัวเขาเองก็ต้องการออกเดินทางตามที่ฝันนิมิตร
อย่างไรก็ตาม จึงจะขอเป็นศิษย์ไม่ได้แต่จะขอติดตามไปจนกว่าแม่นางจะกลับไปยังสำนัก
"ได้โปรดเถิดแม่นาง"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
หญิงสาวขยี้เท้าร้องว่า "พี่เจ็ดท่านดู คนผู้นี้กลับมีใบหน้าหนายิ่งนัก ท่านต้องการติดตามเราไปทำอันใดไม่ทราบ ข้าพเจ้าหาสนใจท่านไม่"
ชายหนุ่มเข้ามายืนขวางระหว่างชงต๊ะกับยิ่งสาว กล่าวว่า "พี่ท่านมีนิมิตนับว่าน่ายินดีอวยพร แต่น้องเจ็ดของเรากับท่านมิเคยพบหน้ามาก่อน"
เห็นหญิงสาวพยักหน้ารับคำ ชายหนุ่มจึงกล่าวต่อ "พี่ท่านคงจดจำคนผิดไป พวกเราต้องรีบเดินทาง ท่านเองก็กลับไปขายเต้าฮวยเถอะ"
- ลองเกลี้ยกล่อมก็ได้ บอกว่าจะขอติดตามแลกกับการทำอะไรให้ แล้ว ทอยเต๋า+เสน่ห์
- อื่นๆ
-
"หนทางข้างหน้าอันตรายนัก สองคนหัวหาย สามคนเพื่อนตาย พวกท่านโปรดไตร่ตรองด้วยเถิด"
ชงต๊ะขอติดตามไป แลกกับการเฝ้ายามให้ในยามหลับนอน ช่วยเหลือเมื่อพบปะเหล่าอธรรม

Rolled 1d10+1 : 9 + 1, total 10
-
ชงต๊ะบอกว่าระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค มีโจรผู้ร้ายและภูติผีมากมาย
ควรมีผู้คนร่วมทางให้มากไว้ ชายหนุ่มและหญิงสาวไม่เคยเข้าสู่ยุทธจักรกลับเชื่อถือคำพูดของเขาอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มคิดว่า คนผู้นี้เลอะๆเลือนๆอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงคนขายเต้าฮวยไม่ถึงกับมีอันตราย ยามคับขันอาจมีประโยชน์
ส่วนหญิงสาวก็คิดว่า หากพบพานภูติผีค่อยส่งชงต๊ะออกไปรับหน้า พวกนางคงสามารถหลบหนีได้
ชายหนุ่มแนะนำตัวว่าชื่อ จิวหลงเจียน เป็นศิษย์คนที่เจ็ดของ งักซุน ฉายากระบี่ฟ้าทักษิณแห่งสำนักขุนเขากระบี่ฮั้วซัว
ส่วนศิษย์น้องของเขาเป็นศิษย์คนล่าสุดของอาจารย์ชื่อ หลิวจีหลัน
ชงต๊ะได้เข้าร่วมกลุ่มกับ จิวหลงเจียน และ หลิวจีหลัน ในฐานะคนนำทาง
+2 EXP
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว ชงต๊ะออกเดินนำในฐานะคนนำทาง...
- นำทาง ทอย 1d10+รับรู้ Fail หลงทาง Ok ไม่มีอะไร Crit ??
- ขอทำหน้าที่อื่น
-
"พวกท่านไว้ใจข้าเถิด ข้ารู้เส้นทางลัด"
- นำทาง ทอย 1d10+รับรู้ Fail หลงทาง Ok ไม่มีอะไร Crit ??

Rolled 1d10 : 6, total 6
-
ชงต๊ะนำทางมาถึงประตูเมืองเล็กๆได้อย่างฉิวเฉียดก่อนประตูเมืองปิด
หาไม่แล้วคงต้องนอนตามข้างทางเป็นแน่
ทั้งสามไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านหมี่ข้างทาง
จากนั้นจิวหลงเจียนเปิดโรงเตี๊ยมหนึ่งห้องให้หลิวจีหลันเข้าพัก
ส่วนตัวเขาเองกับชงต๊ะขอนอนในกองหญ้าฟางที่โรงม้า
พอชงต๊ะถาม ชายหนุ่มก็บอกว่าเงินทุนที่ทางสำนักให้มานั้นไม่เพียงพอเพราะต้องจ่ายค่าอาหารให้ชงต๊ะด้วย
พวกเขาจึงต้องมานอนในโรงม้าด้วยกันแทน
ชายหนุ่มเอนตัวลงบนกองฟาง จะชวนคุยอะไรไหม
หรือจะรอให้ชายหนุ่มหลับแล้วไปทำอะไร
หรือจะเข้านอน
-
ชงต๊ะสงสัยมาแต่ต้นจึงเริ่มถามเขาว่า พวกเขาเป็นจอมยุทธ์มาได้นานเท่าใด เหตุใดศิษย์พี่จึงให้ทั้งสองออกเดินทางเพียงลำพังทั้งที่ไม่เคยออกสู่ยุทธจักรด้วยกันทั้งคู่
ซักถามว่าหลิวจีหลันมีวรยุทธ์เช่นใด และตัวจิวหลงเจียนล่ะ หากพบกับทหารม้ามองโกลสัก 4-5 นาย หรือกองโจรสักสิบคน เราจะรับมือไหวหรือไม่
จากนั้นก็วกมาซักถามว่าแม่นางหลิวจีหลันชื่อชอบสิ่งใดบ้าง ไม่ชอบสิ่งใดบ้าง จะได้วางตัวได้ถูก "แลดูนางไม่ชอบข้าเท่าใดนัก"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
^-^ พี่ชงทราบได้อย่างไรว่าพวกเราสองคนลงจากเขาเป็นครั้งแรก จิวหลงเจียนถามอย่างตกใจ ก่อนจะตอบว่า
อาจารย์ให้พวกเราลงจากเขาเพื่อฝึกฝนตนเองให้รู้เท่าทันต่อเล่ห์กลของชาวยุทธจักร
ตัวเขาเองฝึกวิชามานานห้าปี น้องเล็กฝึกวิชามาสองปี
พวกเราเป็นศิษย์ของกระบี่ฟ้าทักษิณย่อนเรียนรู้เพลงกระบี่
หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวกับโจรหรือทหารย่อมพอมั่นใจได้เจ็ดแปดส่วน แต่ถ้าถูกพวกมากกว่ากลุ้มรุมกลับมิแน่นักว่าจะได้ชัย
พอพูดถึงหลิวจีหลัน จิวหลงเจียนก็เงียบไปพักหนึ่ง o///
หลันเอ๋อ ไม่ชมชอบกล่าววาจากับท่าน ท่านก็กล่าววาจากับนางให้น้อยลงเถอะ
นางยังเยาว์วัย จิตใจดีงาม คงไม่ถึงกับทำร้ายท่านรับบาดเจ็บ
พวกเราร่วมทางกันเพียงสิบวันครึ่งเดือน ท่านก็ไม่จำเป็นต้องสนิทสนมกับนางจนเกินไป
-
ข้าทราบเพราะ GM บรรยาย
ชงต๊ะคาดเดาว่าจิวหลงเจียนคงชอบพอแม่นางหลิว เคราะห์ดีที่เขามิเอ่ยปากขอความเห็นเรื่องความรักออกไป
โดยหลักการของชงต๊ะ ไม่กดผู้อื่นให้ต่ำลง แต่จงเหยียดตัวให้สูงยิ่งกว่า เราจะต้องทำให้แม่นางหลิวเห็นสิ่งดีๆ ของเรา
ว่าแต่จะทำยังไงดีล่ะ..... มีเวลาให้พิสูจน์ตนเองเพียง 25 วันหรือ
ชงต๊ะคิดว่าเขาน่าจะนิ่งเงียบเรื่องที่เขาหมายปองไข่ห่านฟ้าเอาไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นน้องจิวผู้นี้คงไม่ชอบหน้าเขาเป็นแน่แท้
ชงต๊ะกล่าวกับเขาว่าตนเองเคยท่องยุทธภพมาก่อน ก่อนจะผันตัวมาขายเต้าฮวย จึงพอมองออกว่าทั้งสองยังมิเคยพบเจออันตรายนานัปการ พูดไปก็แอบโฆษณาตัวเองไปเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ถ้ายังพอมีเวลา หลังจากจิวหลงเจียนหลับไปแล้วก็ลุกไปเดินเล่น บางทีแม่นางหลิวอาจจะออกมาสูดลมยามค่ำคืน
-
พอเงียบกันไปซักพักจิวหลงเจียนก็หลับ ส่งเสียงกรนเบาๆออกมา
ค่ำแล้วแต่ชงต๊ะยังมีลมปราณสมบูรณ์ มิจำเป็นต้องหลับไหล
จึงเดินออกมาชมจันทรามองหน้าต่างโรงเตี๊ยม ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าแม่นางหลิวพักห้องใดก็ตามที
ชงต๊ะมองเห็นเงาคนชุดดำลับๆล่อๆอยู่บนหลังคาโรงเตี๊ยม เขาจะทำอย่างไร?
-
หาที่แอบซ่อนที่มองเห็นเงาร่างนั้นและหลังคาโรงเตี๊ยมได้ สังเกตตำแหน่งที่เงานั่นอยู่ว่าน่าจะห้อยตัวลงไปที่หน้าต่างห้องใด หรือกำลังจะโดดไปยังหลังคาหลังถัดไป
-
ชงต๊ะคิดแอบซ่อนดูลาดเลา
แต่คนผู้นั้นก็มีฝีมือมิใช่ชั่ว ต้อง ทอย+ความเร็ว ดูว่าจะสำเร็จไหม
-
ชงต๊ะกลิ้งตัวหลบเลี่ยงสายตาอย่างว่องไวนัก

Rolled 1d10 : 8, total 8
-
ชงต๊ะพุ่งตัวขึ้นไปหลบบนหลังคาอย่างเงียบเชียบ
เขาพบว่าคนชุดดำถือท่อโลหะต่อกับหน้าต่าง กำลังจุดควันอะไรบางอย่างรมเข้าไปในห้องพักหลังหนึ่ง
-
ถ้าเอะอะโวยวายแล้วมีคนมาพบเจอเราอาจจะไม่โชคดี จู่โจมเข้าไปในตอนนี้ก็คงยากที่จะจับเจ้าวายร้าย หรือจะรอให้มันลงไปแบกเหยื่อออกมา ไม่สิ ถึงจะมีโอกาสน้อย แต่มันอาจจะลงไปฆ่าก็ได้
ความจริงแล้วชงต๊ะควรจะเฝ้าดูเงียบๆ แต่เมื่อคิดแล้วว่าห้องนั้นอาจจะเป็นห้องของแม่นางหลิว เขาก็ไม่รีรออีก
โจนเข้าไปลอบเล่นงานทีเผลอ ไฮ่ ยะ
-
ชงต๊ะ เข้าไปต่อยคนชุดดำทีเผลอ
ชงต๊ะไม่ได้ฝึกวิชากำลังภายนอก หมัดของเขาเบาอย่างยิ่ง
ถึงจะโดนจังๆก็เพียงเจ็บปวดแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดบาดแผลใดๆ
คนชุดดำหันมามองชงต๊ะ ก่อนจะล้วงมีดสั้นจากซอกรองเท้าออกมาถือไว้
ตระเตรียมพุ่งเข้ามาจู่โจมเขา
-
กำลังภายนอกใช้ไม่ได้ ถ้างั้นก็ใช้กำลังภายในนี่แหละ
วิชาฝ่ามือโลกันต์ (พลังกาย +1)

Rolled 1d10+1 : 5 + 1, total 6
-
ชงต๊ะร่ายรำฝ่ามือเข้าจู่โจม เขาพบว่าอีกฝ่ายเป็นชนชั้นธรรมดา
ไม่อาจหลบหลีกฝ่ามือของเขา แต่ตัวเขาเองหลงลืมวิชาฝีมือไปบ้างทั้งยังไม่มีอาวุธ
ต่อให้จู่โจมใส่ร้อยฝ่ามือก็เพียงฝากรอยจ้ำเท่านั้น ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้อีกฝ่าย
ในขณะที่ศัตรูถือมีด เพียงปัดป่ายถูกก็สะกิดผิวหนังเขาเป็นรอยแผล ชงต๊ะบาดเจ็บ1
คนชุดดำกวัดแกว่งมีดส้ันในมือ โถมแทงเข้าใส่ชงต๊ะ หมายปลิดชีวิตของเขา
-
"หยุดนะ ถ้าเจ้าไม่หยุดข้าจะร้องให้คนช่วย!"
"ช่วยด้วยย" ^-^
ร้องไปหลบหลีกไป

Rolled 1d10 : 2, total 2
-
ชงต๊ะพยายามร้องให้คนมาช่วย ระหว่างนั้นก็ถูกแทงมีดใส่อีกแผลหนึ่ง บาดเจ็บ1
ผู้คนที่ได้ยินเสียงก็ตื่นขึ้นมาเปิดหน้าต่างชมดูเหตุการณ์
คนชุดดำเกรงว่าจะมียอดฝีมือปรากฏตัว ไม่ทันเก็บท่อเหล็ก ก็รีบกระโดดข้ามไปยังหลังคาบ้านเรือนใกล้ๆ
พยายามหลบหนี
ตอนนี้มีแต่ชงต๊ะที่อยู่บนหลังคา ถ้าไม่รีบติดตามไป คงไม่มีใครตามคนชุดดำทัน
เขาจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะประเมินแล้วว่าไม่น่าจะตามไป เพราะอาจตายฟรีได้ ตอนนี้เจ้าของห้องก็ปลอดภัยแล้วด้วย ว่าแล้วก็เก็บท่อเหล็กมาซ่อนในเสื้อถ้ามันใช้ประโยชน์ได้
แล้วลงไปจากหลังคา แอบดูว่าใครเป็นเจ้าของห้อง น่าจะเปิดหน้าต่างออกมาถ้ายังไม่สลบ
-
ท่อเหล็กใช้สอดหน้าต่างเพื่อรมยาได้ แต่ตอนนี้ยาไหม้หมดแล้ว ใช้เป็นอาวุธได้ AT=1
ใครเป็นเจ้าของห้องกันนะ

Rolled 1d10 : 4, total 4
1-4 ชาวบ้านทั่วไป
5-7 เจ้าของโรงเตี๊ยม
8-10 หลิวจีหลัน
-
ชงต๊ะเล่าเหตุการณ์ให้ผู้เคราะห์ร้ายและคนอื่นๆฟัง
เจ้าของโรงเตี๊ยมคาดว่าคนร้ายคือโจรลักเล็กขโมยน้อย ฉายาอีกาดำ
ซึ่งอาละวาดอยู่ในแถบนี้
ชงต๊ะ +3EXP
ผู้เคราะห์ร้ายเป็นพ่อค้าเร่ บอกว่าจะมอบรางวัลให้เขาเป็นเงินสิบเหรียญ
ชงต๊ะจะรับไว้ไหม
-
"แค่น้ำใจก็เพียงพอแล้ว"
ชงต๊ะมิได้รับเงิน เพราะเดิมทีการที่เขาหน้าด้านยอมเสี่ยงตายมาช่วยก็เพราะกลัวว่าจะเป็นห้องของแม่นางหลิวต่างหาก
-
พ่อค้านั้นชื่นชมชงต๊ะว่าเป็นวีรบุรุษผู้กล้า
เยินยอจนชงต๊ะตัวลอย +1EXP
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
พี่ชงไม่ธรรมดาจริงๆ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
สู้กับโจรลักเล็กขโมยน้อยยังรับบาดเจ็บปานนี้ เป็นวีรบุรุษผู้กล้าอันใดกัน
-
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปเข้านอนจนถึงตอนเช้า
เช้าวันใหม่ ทั้งสามคนมารับประทานอาหารเช้าในโรงเตี๊ยม
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
จิวหลงเจียนปรึกษาว่าตัวเมืองข้างหน้าค่อนข้างห่างไกล
ต้องเร่งรุดไปโดยเร็วจึงจะทันเวลา หรือพี่ชงคิดว่าควรเตรียมตัวพักผ่อนกลางทาง แต่เกรงว่าน้องเล็กไม่อาจทนทานรับได้
-
ชงต๊ะหันไปทางหลิวจีหลันครู่เดียว ดูว่านางจะคิดขัดแย้งหรือไม่
เท่าที่ดูแล้วนางก็เหมือนคุณหนู คงไม่พร้อมจะลำบากลำบนพักแรมกลางป่าเขา
หากนางไม่มีทีท่าขัดแย้งโอ้อวดว่าตนไม่กลัวความลำบากก็ตกลงตามที่จิวหลงเจียนเสนอ
-
หลิวจีหลันยังไม่พูดอะไร เหมือนกำลังรอฟังความเห็นของชงต๊ะ
-
ชงต๊ะเปลี่ยนใจเสนอให้ไปอย่างระมัดระวัง พักแรมกลางป่าเป็นการฝึกฝนให้เผชิญความยากลำบาก หากคิดจะออกสู่ยุทธจักรก็ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายได้
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
"ปีศาจที่น่าตาย กลับคิดกลั่นแกล้งข้าพเจ้า"
หลิวจีหลันโต้เถียง แต่ก็ไม่กล้าขัดความเห็นของชงต๊ะ
จิวหลงเจียนบอกว่า ถ้าเช่นนั้นก็ไปเตรียมซื้อของจากร้านชำ
ชงต๊ะจะเตรียมซื้ออะไรไปบ้าง
-
ข้าจะกลั่นแกล้งเจ้ายิ่งกว่านี้หากไม่มีศิษย์น้องจิวอยู่ด้วย
ชงต๊ะแม้นจะคิดพักแรมกลางป่าเขาแต่ก็มิลืมให้เกีรติแม่นางหลิว เขาตระเตรียมซื้อ
- กระโจมที่พัก 1 กระโจม
- น้ำ และอาหารแห้ง
- อุปกรณ์จุดไฟ และประกอบอาหาร
ประเมินดูราคาก่อน เทียบกับทุนที่มี อาจจะต้องตัดบางอย่างออก
-
กระโจมใหญ่ - ไม่มีขาย
กระโจมเล็ก - 400 เหรียญ สำหรับทหาร นอนได้ 1-2คน มิดชิดดี [หนัก] ความเร็ว-1 ถ้าแบก
เครื่องนอน - 150 เหรียญ ฟูกทำจากหญ้าฟางมีหมอนผ้าห่ม
ถุงหนัง - 50 เหรียญ ใส่น้ำเพียงพอ1-2วัน
ข้าวสาร - ถ้วยละ 1เหรียญ แต่ต้องปรุงถึงจะกินได้
อาหารแห้ง - ชิ้นละ 5 เหรียญ เนื้อแห้ง ขนมเปี๊ยะ กินได้เลย
ชุดไฟ - 10 เหรียญ ใช้จุดไฟได้
เครื่องครัว - 20 เหรียญ มีหม้อหุงหาอาหาร
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
พวกเรามีเงินทุน สิบแปดสิบเก้าตำลึง (1800-1900เหรียญ) ต้องใช้เดินทางไปกลับ
ถ้าซื้อของมากขนาดนี้ คงไปไม่ถึงเขาบู๊ตึ๊งซัวเป็นแน่
-
ชงต๊ะให้เหตุผลว่า เราไม่ควรหวังน้ำบ่อหน้าเช่นการล่ากระต่ายหรือจับเก้งกวางที่ไม่แน่ว่าจะมีให้จับ ดังนั้นจึงต้องซื้ออาหารไป ระยะทางก็ยาวไกล ดังนั้นใช้วิธีประกอบอาหารดีกว่า
แล้วเครื่องนอนก็ใช้พักผ่อนแทนการจ่ายค่าโรงเตี๊ยมได้ด้วย เวลาเหนื่อยอ่อนจะได้ฟื้นฟูความเมื่อยล้า
รายการที่ซื้อ
เครื่องนอน - 150 เหรียญ ฟูกทำจากหญ้าฟางมีหมอนผ้าห่ม (3 ชุด)
ถุงหนัง - 50 เหรียญ ใส่น้ำเพียงพอ1-2วัน
ชุดไฟ - 10 เหรียญ ใช้จุดไฟได้
ข้าวสาร - ถ้วยละ 1เหรียญ แต่ต้องปรุงถึงจะกินได้ (1 ถ้วยกินได้ 1 คนอิ่มสินะ งั้นเอา 20 ถ้วย)
เครื่องครัว - 20 เหรียญ มีหม้อหุงหาอาหาร
-
ทั้งสองคนคิดตามแล้วก็รู้สึกว่าชงต๊ะกล่าวมีเหตุผล เลยยอมจ่ายเงินซือข้าวของเหล่านั้นมา
เนื่องจากชงต๊ะมีหน้าที่เป็นลูกหาบ นอกจากที่นอนแล้วเขาก็ต้องแบกของอื่นๆทั้งหมด
กว่าจะวุ่นวายซื้อของเสร็จก็เป็นเวลาสาย ทั้งหมดเดินทางขึ้นเหนือต่อ
ชงต๊ะมีหน้าที่นำทางเช่นเคย
จุดหมายต่อไปคือท่าข้ามไหวชิง ถ้าต้องเร่งรีบก็คือรีบมาที่ท่าข้าม เพราะมีเรือแค่วันละสองเที่ยว
แต่ในเมื่อคิดพักผ่อนกลางทางก็ไม่ต้องรีบร้อนแล้ว
ทอย+รับรู้ ดู ว่าจะไปถูกทางไหม
-
ชงต๊ะสวมวิญญาณมัคคุเทศ

Rolled 1d10 : 6, total 6
-
ชงต๊ะจดจำเส้นทางได้เลือนราง แต่อย่างน้อยก็ไม่หลงทาง
ทั้งหมดมาถึงท่าข้ามไหวชิงก่อนบ่ายเล็กน้อย
จิวหลงเจียงแยกตัวไปซื้อตั๋วเรือข้ามฟาก
ชงต๊ะมีโอกาสอยู่กับหลิวจีหลันเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน
เขาจะทำอย่างไร
-
ถามไถ่ว่าเหตุใดจึงคิดมาเป็นจอมยุทธ์ ดูแล้วแม่นางหลิวเหมือนคุณหนูมีตระกูลมากกว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดา
หรือมีความฝันเช่นใดบอกได้หรือไม่
"ข้าเพียงต้องการรู้จัก หยิบยื่นไมตรีให้ แม้น้องหลิวจะไม่ค่อยชอบข้าก็ตามที"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
"ข้าพเจ้าไม่ใช่เสียวเจี๊ยะสูงส่ง เป็นเพียงเด็กสาวที่กำพร้าบิดา เมื่อมารดาเสียชีวิตก็ได้รับการเลี้ยงดูจากท่านอาจารย์"
"ท่านสมควรทำตัวให้เรียบๆร้อยๆกว่านี้ ผู้อื่นชมชอบท่านหรือไม่มีประโยชน์อันใด ท่านดูพี่เจ็ดไม่เคยพูดจาแทะโลมข้าพเจ้าเช่นนี้"
ดูเหมือนทีท่าเรือจะมีปัญหา ชงต๊ะได้ยินเสียงผู้คนร้องตะโกนดังแว่วมา
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"เข้าใจแล้ว เพื่อเจ้า ข้าจะพูดให้น้อยลง"
ชงต๊ะอยากจะเมิน ทำมึนไม่ได้ยินเสียงนั่นจริงๆ แต่ถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับน้องจิวล่ะ
ว่าแล้วก็ไม่รอช้า บอกหลิวจีหลันให้ตามมา น่าจะมีเรื่องที่ท่าเรือ
-
พอพวกเขารีบรุดไปที่ท่าเรือก็พบจิวหลงเจียนกำลังมุงดูเหตุการณ์อยู่เช่นกัน
ที่แท้มีเรือลำหนึ่งเข้ามาเทียบท่า จากนั้นมีคนติดอาวุธสิบกว่าคนบุกขึ้นมาทำร้ายทหารที่เฝ้าท่าเรือ
ฝ่ายที่บุกขึ้นจากบนเรือมีกำลังมากกว่าสองเท่า ฝ่ายทหารกำลังเสียที ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะซ่าไม่ออก โดนอีกถึงตายเลยนะ แต่ว่า...
จิวหลงเจียนไปมุงกับใครกัน มุงได้แสดงว่ามีคนเยอะหรือ แล้วไม่หนีกันหรือ
สามารถเรียนรู้ทักษะในตอนนี้ได้ไหม (+1 HP)
พาหลิวจีหลันลงไปหาจิวหลงเจียนเพื่อนัดแนะว่าจะลงไปช่วยทหารต่อสู้ไหม
-
มุงอยู่กับคนที่มารอขึ้นเรือโดยสาร มีเกือบร้อยคน
จิวหลงเจียนบอกว่าเห็นไม่มีใครหนีก็เลยรอดูเหตุการณ์ไปก่อน จะออกไปช่วยก็ใช่ที่
ส่วนพวกชาวบ้านก็จ่ายเงินซื้อตั๋วแล้ว คิดว่าถ้าคนพวกนี้แค่มาฆ่าทหารเฉยๆก็ยังอาจจะได้ขึ้นเรือละมั้ง
จะหนีก็ไม่รู้จะหนีไปไหน
เรียนสกิลต้องเรียนในที่ปลอดภัย
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ช่วยไม่ได้ งั้นก็เนียนมุงไปกับผู้โดยสารละกันนะ ทั้งสามพยายามไปอยู่กลางๆ ฝูงชน พิจารณาพวกที่ฆ่าทหารว่าแต่งกายเยี่ยงไร ใช้อาวุธอะไร
-
กลุ่มคนนั้นแต่งกายโทรมๆ บ้างก็เปลือยอก อาวุธที่ใช้มีทั้ง มีด ดำ กระบอง ไม้พลอง จอบ เสียม
เมื่อไม่มีใครช่วยเหลือผ่านไปสักพักทหารก็โดนฆ่าจนหมด
หลังจากนั้นกลุ่มคนติดอาวุธก็กระจายกำลังกันออกไปล้อมท่าเรือเอาไว้
มีคนที่ท่าทางเป็นหัวหน้า ออกมาประกาศว่า
"พี่น้องทั้งหลายโปรดอยู่ในความสงบ พวกเราเป็นกองทัพธรรมแห่งเขาปาซาน"
"วันนี้ เดินทางมากำจัดทหารชั่วที่ขูดรีดประชาชน"
"เนื่องจากกองทัพธรรมก็ต้องกินต้องใช้ แต่พวกเราไม่ปล้นท่านจนหมดตัว ขอแค่ครึ่งนึงของเงินที่มีก็พอ"
"ใครจ่ายเงินแล้วก็เชิญขึ้นเรือได้"
ที่โป๊ะเรือมีคนของเขาปาซานคอยเขย่าตัวชาวบ้านที่ต้องการขึ้นเรือ
เพียงฟังเสียงเขย่าก็รู้ได้ว่าแต่ละคนมีเงินติดตัวเท่าไหร่
พวกชาวบ้านไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ไปต่อแถวขึ้นเรือ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
จะมาขัดขืนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เจ้าพวกกองทัพธรรมนี่ช่างมีอุดมการณ์จริงๆ ปล้นครึ่งเดียว คิดว่ามันน้อยเรอะ...
ว่าแล้วก็ชวนทั้งสองไปต่อแถวขึ้นเรือ
-
ชงต๊ะโดนบังคับให้บริจาคไปสี่เหรียญ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
หลิวจีหลันกล่าวกระทบว่า "ยุทธจักรอันตรายจริงๆอย่างที่พี่ท่านบ่งบอก พวกเราโชคดีนักที่มีพี่ท่านร่วมทาง"
ชงต๊ะรู้สึกใบหน้าตอนนี้ออกจะด้านชาอยู่บ้าง ความมุ่งมั่น -3
บนเรือไม่มีเหตุการณ์อะไรอีก เมื่อข้ามฟากมาได้ พวกเขาก็เข้าสู่เส้นทางหลัก
ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว จิวหลงเจียนถามว่าจะเดินทางต่อไปหรือหยุดพักก่อน
-
พักก่อนดีกว่า พักไวก็ได้นอนไว เราต้องผลัดกันเฝ้ายาม ดังนั้นควรมีเวลาพักมากกว่าปกติ
-
ทั้งสามก่อกองไฟที่ข้างทาง หุงข้าวแบ่งกันรับประทาน
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
ระหว่างทานอาหาร จิวหลงเจียง กล่าวว่า พรุ่งนี้จะเดินทางถึงเมืองโซวจิว เขาเคยอ่านร้อยกรองของยอดกวีซูตงปอชื่นชมความงดงามของทะเลสาปไซโอ๊ว
ไม่ทราบว่าพี่ชงต๊ะเคยไปมาก่อนหรือไม่
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
หลิวจีหลันก็ให้ความสนใจถึงทิวทัศน์งามตระการ ไม่ทราบว่าจะมีเวลาได้ชื่นชมไหม
ชงต๊ะจะตัดสินใจหรือพูดคุยเกี่ยวกับอะไร
-
ชงต๊ะบอกตามตรงว่าไม่เคยไป แต่ถ้ามีสถานที่งดงามเช่นนั้นจริงก็อยากเห็น
การศึกษาและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ล้วนสำคัญทุกอย่าง ชงต๊ะตกลงว่าจะไปชมทะเลสาปที่ว่านั่นด้วยกัน เพื่อเปิดหูเปิดตาได้พบเห็นของจริง มิเสียเที่ยวที่มาถึงโซวจิว
จากนั้นกล่าวต่อว่า "มิคาดน้องจิวจะมีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
จิวหลงเจียนกล่าวว่า "อารมณ์สุนทรีมิกล้ารับ เนื่องจากท่านอาจารย์ไม่เพียงเชี่ยวชาญวิชายุทธ์ยังอบรมวิชาหนังสือโคลงกลอนให้กับศิษย์ทุกคน"
กระบี่ฟ้าทักษิณมีชื่อว่าเชี่ยวชาญทั้งบุ๋นบู๊ ไม่แปลกที่จิวหลงเจียนจะได้รับอิทธิพลมาด้วย
"ต้องขออภัยพี่ชงด้วย ผู้น้องแสดงความทุเรศแล้ว ทะเลสาบไซโอ๊วอยู่ที่เมืองฮั่งจิวทางจะวันออก หาใช่เมืองโซวจิวไม่ ข้าพเจ้าจำผิดไป"
โชคดีที่ชงต๊ะไม่โชว์เนียน หาไม่แล้วคงต้องหน้าแตกอีกครา
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
หลิวจีหลันทำหน้าแง่งอนกล่าวว่า พวกท่านรังแกข้าพเจ้าอีกแล้ว หลอกให้มีความหวัง ที่แท้เป็นเพียงคำลวง
คุยไปคุยมาจนใกล้ค่ำ ชงต๊ะจะจัดเวรยามอย่างไร คนที่อยู่เวรไม่ว่านานแค่ไหนก็ถือว่าไม่ได้นอน
-
น้องจิวร้ายกาจนัก เจ้าเล่ห์สมหน้าตาจริงๆ นี่คงหวังให้เราหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเป็นแน่แท้ ชงต๊ะคิด
ชงต๊ะจัดเวรยามดังนี้
- จิวหลงเจียน หัวค่ำถึงเที่ยงคืน
- ตัวเอง เที่ยงคืนถึงเช้า
เขาบอกเพียงแค่บุรุษทั้งสองสมควรดูแลสตรี แต่ไม่ได้บอกว่าทำไมจึงให้จิวหลงเจียนเป็นกะแรก (กลัวปลุกไม่ตื่น)
-
ในคืนนั้นเอง

Rolled 1d10 : 7, total 7
1-4 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
5-7 เกิดในยามต้น
8-10 เกิดในยามปลาย
-
เกิดอะไรขึ้นกันนะ

Rolled 1d5 : 2, total 2
1- เสียงเห่าหอนยามวิกาล
2- ดวงตาในความมืด
3- บุคคลราตรี
4- ฝูงชนยามราตรี
5- เงามืดใต้จันทรา
-
จิวหลงเจียนนั่งเฝ้ายามจนถึงเที่ยงคืน ทันใดนั้นเขามองเห็น ดวงตาคู่หนึ่ง เรืองแสงอยู่ในความมืดสลัวอยู่บนภูเขาข้างทาง
ดวงตานั้นจับจ้องมาทางกองไฟที่พวกเขานอนล้อมรอบอยู่
จิวหลงเจียนจึง....

Rolled 1d10 : 9, total 9
1-4 เฝ้าระวังเฉยๆ 5-7 เดินไปชมดู 8-10 ปลุกชงต๊ะ
-
ขณะที่ชงต๊ะกำลังพยายามหลับฝันหวานอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงจิวหลงเจียนระล่ำระลักว่า
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
"พี่ชง พี่ชง ท่านดู นั่นตัวอะไรกำลังจ้องมองเราอยู่ พี่ชงมีประสบการณ์ท่องยุทธภพ ไม่ทราบว่าเราควรทำอย่างไร"
-
มาปลุกข้าทามมายยยย ในใจของชงต๊ะกรีดร้อง ^-^
แต่ในความเป็นจริงภายนอก
"อาจจะเป็นเสือ หรือหมาป่า"
กระซิบบอกน้องจิวว่าไม่ต้องกลัว สุมไฟให้ลุกตลอดเวลาก็พอ มันไม่กล้าเข้ามาหรอก
แต่ก็อยากเห็นน้องจิวปราบมันเหมือนกันนะ
-
ความหิวของเจ้าของดวงตา

Rolled 1d2 : 2, total 2
1 พอทน 2 มาก
-
จิวหลงเจียนเชื่อชงต๊ะ พยายามก่อกองไฟไม่ให้มอดดับ
เจ้าของดวงตานั่นก็เดินงุ่นง่านไปมา ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหว ค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
แสงจากกองไฟส่องให้เห็นว่ามันคือเสือตัวหนึ่ง
(http://i.livescience.com/images/i/000/030/613/iFF/tiger-camera-trap-120903.jpeg?1346425942)
กรรรรรรรรรรร
ชงต๊ะถึงจะนอนอยู่แต่ยังไม่หลับ ได้ยินเสียงเสือคำรามและได้ยินเสียงจิวหลงเจียนชักกระบี่ ก็พอนึกออกว่าเป็นเรื่องราวใด
เขาจะทำอย่างไร
-
ชีวิตข้าจะต้องมาจบลงตรงนี้หรือนี่ ชงต๊ะคงหนีความจริงไม่ได้แล้ว เอานะ เจอเสือก็ยังดีกว่าผีดูดเลือด (รึเปล่า?)
โดยธรรมชาติสัตว์ป่ากลัวไฟ ถึงจะเป็นเสือที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารก็ตาม
เว้นแต่ถ้ามันหิวมาก และมั่นใจว่าตรงหน้าของมันคือเหยื่อ
ดังนั้นต้องอย่าทำตัวให้เหมือนเหยื่อ ต้องแสดงอำนาจให้มันเห็น ว่าแล้วก็หยิบคบไฟที่ใหญ่ที่สุดมาถือมือนึง ชี้ไปทางมัน อีกมือถือท่อเหล็ก แยกเขี้ยว ขู่คำราม
บอกจิวหลงเจียนว่าอย่าหันหลัง เตรียมใช้กระบี่ได้เลยถ้าไม้นี้แล้วมันยังไม่ยอมถอย
-
ชงต๊ะทำใจดีสู้เสือ แต่เสือมันหิวมาก เลยไม่ได้ผล
เสือกระโจนเข้ามาใกล้กับบริเวณที่พวกเขายืนอยู่
จิวหลงเจียนถือกระบี่ยืนเคียงคู่กับชงต๊ะ ประจัญหน้ากับเสือร้าย
จิวหลงเจียน พละกำลัง+1 มีเพลงกระบี่ +1 AT=2
- สู้ด้วยกัน ให้จิวหลงเจียนคุ้มกัน ชงต๊ะจู่โจม
- สู้ด้วยกัน ให้จิวหลงเจียนจู่โจม ชงต๊ะคุ้มกัน
- ให้จิวหลงเจียนเข้าไปสู้ ชงต๊ะจะคอยชี้แนะ
- อื่นๆ
ทอยมาได้เลย
-
ให้จิวหลงเจียนเข้าไปสู้ ชงต๊ะจะคอยชี้แนะ..
^-^ กระบี่จิวหลงเจียน

Rolled 1d10+2 : 3 + 2, total 5
ชงต๊ะปีนขึ้นต้นไม้เพื่อบัญชาการและซุ่มรอเล่นงานจากด้านบน
-
จิวหลงเจียนวาดกระบี่พริ้วไหว คล้ายดั่งการโค้งคำนับ นี่เป็นท่า สนโบราณรับแขก กระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่วิญญูชน
ปกติท่านี้ใช้แสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส จิวหลงเจียนกลับเผลอใช้ออกเป็นท่าแรกด้วยความเคยชิน
แน่นอนว่าเสือมิใช่ผู้อาวุโส ยังยั้งมือไว้ไมตรีอันใด พยัคฆ์ร้ายเอี้ยวตัวหลบกระบี่ แล้วใช้กรงเล็บตะปบใส่จิวหลงเจียน
จิวหลงเจียนยกแขนตั้งรับ เสื้อผ้าฉีกขาดไปแถบหนึ่ง บนแขนมีโลหิตหลั่งไหลเป็นทาง
จิวหลงเจียน บาดเจ็บ1 HP 3/4
ชงต๊ะยังถอยออกมาถึงต้นหลิวข้างทาง ถ้าจะปีน ทอย+ความเร็วดู
จิวหลงเจียนเพลี่ยงพล้ำตั้งแต่กระบี่แรก เขายังพัวพันอยู่กับเสือร้ายอย่างห้าวหาญ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เพลงกระบี่จิวหลงเจียน

Rolled 1d10+2 : 7 + 2, total 9
ชงต๊ะชี้แนะให้ใช้ท่วงท่าเหินโรมรันจากตำแหน่งสูง
เสือมีสัญชาตญาณตะปบเหยื่อที่อยู่ต่ำกว่า จึงมิอาจชำนาญการรับมือยามเมื่อถูกกรุ้มรุมทำร้ายจากตำแหน่งที่สูงกว่า
ส่วนชงต๊ะก็ปีนต้นไม้ในตำแหน่งที่อยู่เหนือเสือ (ถ้าตกมาแล้วเจ็บตัวไม่ปีน เดี๋ยวตายอนาถ)

Rolled 1d10 : 3, total 3
-
จิวหลงเจียนได้รับคำชี้แนะก็กระโดดขึ้นทิ่มแทงกระบี่ใส่เสือร้าย
สามารถทำร้ายมันได้หนึ่งกระบี่ เสือร้ายบาดเจ็บ2 HP 3/5
แต่ก็ถูกเสือร้ายขบกัด จิวหลงเจียน บาดเจ็บ1 HP 2/4
ชงต๊ะปีนไม่สำเร็จ ตกลงมาข้อเท้าเคล็ด ความเร็ว -1 หนึ่งวัน
-
ชงต๊ะมาครุ่นคิด เขากำลังทำอะไรอยู่นะ จริงๆ เขาก็แค่อยากมีคู่ชีวิตสักคน ใช้ชีวิตแต่พอมีพอกิน เท่านั้นเอง :'(
แนะนำให้จิวหลงเจียนใช้กระบวนท่าเดิมเผด็จศึกมันซะ
เพลงกระบี่จิวหลงเจียน

Rolled 1d10+2 : 2 + 2, total 4
ส่วนชงต๊ะก็ยังคงให้คำแนะนำอย่างเข้มแข็ง
อยู่ข้างหลัง
-
จิวหลงเจียนทำตาม ใช้ท่ากระบี่เดิมจู่โจม
แต่เสือร้ายมีสัญชาติญาณสัตว์ป่า กลับไม่หลงกลอีก
พอชายหนุ่มกระโดด มันก็พุ่งเข้าไปงับเท้าของเขา
จิวหลงเจียน บาดเจ็บ1 HP 1/4
จิวหลงเจียนถูกเสือเหวี่ยงล้มลง พยัคฆ์ร้ายกำลังกระโจนเข้าใส่เขาแล้ว
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"น้องจิว แทงเข้าที่คอของมัน!"
จิวหลงเจียนแทงจุดตาย >:(

Rolled 1d10+2 : 1 + 2, total 3
ชงต๊ะให้คำแนะนำแล้ววิ่งหนี เอ้ย วิ่งไปปลุกหลิวจีหลัน
-
จิวหลงเจียนหวาดกลัวถึงขีดสุด เมื่อถูกเสือร้ายกระโจนเข้าใส่
มือถือกระบี่ปัดป่ายเปะปะ แทงกระบี่ถูกเพียงอากาศธาตุ
ยังดีที่เขาใช้กระบี่กวาดไปมาคุ้มครองจุดสำคัญเอาไว้
เสือร้ายจึงขย้ำเขี้ยวของมันที่แขนของเขาก่อน
แขนของจิวหลงเจียนโดนขย้ำ เหวอะหวะ -1 พลังกาย จนกว่าจะรักษาหาย
ชงต๊ะปลุกหลิวจีหลันตื่นขึ้นมาทันเห็นภาพอันน่าสยดสยองนั้นเข้าพอดี
เธอกรีดร้องสุดเสียง ชักกระบี่ออกมาพุ่งเข้าหาเสือร้ายอย่างไม่คิดชีวิต
หลิวจีหลัน พลังกาย+0 เพลงกระบี่+1 ใช้กระบี่ AT=2
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
น้องหลิวอ่อนหัดกว่าน้องจิวจริงๆ ด้วย ตายกันงานนี้
ชงต๊ะรู้สึกผิดที่ปลุกหลิวจีหลันขึ้นมา เขาน่าจะให้พี่เสือลากน้องจิวไปสักคนก็เพียงพอ
วิ่งตามไป อยู่ห่างๆ ปาคบไฟใส่เสือเผื่อมันจะเสียสมาธิ ร้องด่ามันไปด้วย "แกไม่เหนื่อยมั่งเรอะ ไปหาหนูหากระต่ายกินไป" ^-^
กระบี่หลิวจีหลัน

Rolled 1d10+1 : 9 + 1, total 10
-
"พี่เจ็ด! ทำใจดีๆไว้" หลิวจีหลันกล่าวอย่างร้อนรุ่ม
พลางทิ่มแทงกระบี่ใส่กลางหลังของเสือร้ายด้วยพลังยามไฟไหม้
เสือร้ายถูกแทงเข้าที่จุดสำคัญ ต้องร้องอย่างเจ็บปวด เสือร้ายบาดเจ็บ2 HP 1/5
เมื่อมันอ้าปากร้อง แขนของจิวหลงเจียนก็หลุดออกจากคมเขี้ยวของมัน เจ้าเสือร้ายกลิ้งตัวไปข้างๆจนหลุดจากกระบี่
จากนั้นลุกขึ้น เดินซวนเซหนีขึ้นเขา
หลิวจีหลันเห็นศิษย์พี่ของนางบาดเจ็บสาหัส ก็ทิ้งกระบี่ วิ่งเข้าไปประคองจิวหลงเจียนที่สลบไปเพราะพิษบาดแผล
ร่ำร้องเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำตานองหน้า
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะเข้ามาดูอาการ บอกหลิวจีหลันให้ควบคุมสติก่อน เขายังไม่ตาย แล้วก็ฉีกเสื้อมาพันแผลห้ามเลือดก่อน
พิจารณาว่าการรักษาเบื้องต้นพอเพียงไหม จะตายไหม แล้วนี่กี่โมงแล้วนี่
-
ชงต๊ะพันแผลให้จิวหลงเจียนไปพลาง ปลอบโยนหลิวจีหลันไปพลาง
หลิวจีหลันก็หยิบยาสมานแผลมาพอกทาแขนของศิษย์พี่ของนาง
ชงต๊ะตรวจดูพบว่า บาดแผลเช่นนี้หากมิได้รับการรักษาจากแพทย์คงยากที่จะทุเลา
แขนข้างนั้นอาจใช้การไม่ได้อีก แต่นับว่ายังรักษาชีวิตเอาไว้
ทั้งหมดวุ่นวายจนถึงตอนเช้า จิวหลงเจียนมีสติขึ้นมาเป็นบางเวลา
หลิวจีหลันก็ปรนนิบัติให้เขารับประทานน้ำได้บ้าง แต่ไม่นานก็สลบไปอีก
หลิวจีหลันก็มือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"ถึงเมืองแล้วเราจะพาเขาไปโรงหมอ ดาบของน้องจิวเจ้าเก็บไว้ แล้วก็แบกนี่แทนข้า เอานี่ไปด้วย"
ว่าแล้วชงต๊ะที่ขากะเผลกๆ ก็เอาน้องจิวขึ้นหลังเตรียมออกเดินทาง พยายามไม่แสดงอาการวิตกใดๆ เพื่อให้หลิวจีหลันไม่สติแตกไปด้วย
"น้องจิวจะต้องหายดีแน่ ข้าสัญญา เพื่อรอยยิ้มของเจ้า"
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกัน
-
"ท่านยังมีอารมณ์พูดจาล้อเล่นด้วย" หลิวจีหลันต่อว่าไปพลางร้องไห้ไปพลาง
โชคดีที่พวกเขาเดินทางเข้าสู้ถนนสายใหญ่ จึงไม่หลงทิศทาง
ทั้งสองเร่งรุดเดินทางจนถึงตอนสายก็มองเห็นกำแพงเมืองอยู่ข้างหน้า
เมืองโซวจิวเป็นหัวเมืองใหญ่ในแถบนี้ มีผู้คนคับคั่ง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เมืองใหญ่น่าจะมีทหารเฝ้าหน้าเมือง แต่คงไม่มีปัญหาอะไร ว่าแล้วก็เข้าเมืองตรงไปโรงหมอเพื่อขอรักษาอาการให้น้องจิว ถามหมอด้วยว่ามียาสมุนไพรสมานแผลขายไหม (รักษาตัวเอง)
-
ชงต๊ะถามทางจากทหารที่เฝ้าประตูเมือง ได้ความว่าให้ไปรักษาที่สถานพยาบาลหงคุน
หงคุน มีฉายากาวสวรรค์ ลือว่าแม้แต่แขนขาดก็ยังต่อให้ได้ แต่ราคาค่ารักษาแพงยิ่ง
ชงต๊ะแบกจิวหงเจียนไปให้หงคุนตรวจอาการ ได้ความว่า ต้องใช้กาวฟ้าหอมพอกทาไม่เกินห้าวันก็จะหายดี
กาวฟ้าหอมหนึ่งตลับมีราคาหนึ่งตำลึงเงิน (1000เหรียญ) ไม่ทราบว่ามีเงินพอจ่ายหรือไม่
หลิงจีหลันล้วงเงินที่เหลือจากอกเสื้อจิวหลงเจียน หลังจากถูกกองทัพธรรมเรี่ยรายไปเหลืออยู่เพียง 657 เหรียญ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"ข้ามีเงินเหลือเท่านี้ ท่านหมอผู้เก่งกาจได้โปรดเมตตา"
ถึงจะมีโอกาสไม่มาก แต่ชงต๊ะก็หน้าทนพอจะขอลดราคา หรือขอต่อรองด้วยอะไรก็ได้ที่สามารถช่วยได้เพื่อแลกกับส่วนต่าง
-
ลองต่อรองดู ทอย+เสน่ห์ อยากให้ลดราคากี่สิบ% ก็ทอยติดลบเท่านั้น (ขอให้ลด 10% โดน-1)
มีโอกาสต่อราคาครั้งเดียว
-
ลด 40% ก็เหลือ 600 เหรียญสินะ
ชงต๊ะรีดเร้นกำลังภายในมาต่อรอง ::)
เสน่ห์ +1 ต่อราคา -4

Rolled 1d10-3 : 4 - 3, total 1
-
ชงต๊ะอ้อนวอน บอกว่าอยากเห็นยิ้มของสาวงามอันใด หงคุนหาเข้าใจไม่
เขากล่าวว่า วัตถุดิบของกาวฟ้าหอม ทำจากโสมคน ไข่มุก เขากวาง ดีหมี ล้วนแต่เป็นของราคาแพง แม้แต่หุนเดียวก็ลดไม่ได้
หลิวจีหลันได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญ โทษตัวเองว่าหลับไม่ตื่น ทำให้พี่จิวเคราะห์ร้าย
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เหตุใดชีวิตข้าจึงได้รันทดหนักหนาเพียงนี้ ชงต๊ะปลอบประโลมว่าไม่ใช่ความผิดของนาง
บอกลาท่านหมอแล้วออกมา พิจารณาเมืองนี้สิว่ามันน่าจะพอทำมาค้าขายได้ไหม วิชาขายเต้าฮวยก็ต้องใช้รถเสียด้วยซี
จะมีงานอะไรมั่งนะ แบกน้องจิวเดินวนในเมืองดูสักพัก ถามหลิวจีหลันว่ามีวิชาติดตัวกระไรบ้างที่น่าจะใช้ทำมาค้าขายหรือประกอบอาชีพได้
-
ชงต๊ะรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสิ้นหวังนัก ความมุ่งมั่น -3
หลิวจีหลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า"มีทางแล้ว พวกเราขายข้าวของเกะกะพวกนี้ที่ท่านซื้อมา น่าจะมีเงินพอรักษาศิษย์พี่จิว"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
มันจะพอเรอะ ถ้าขายได้เท่าราคาซื้อก็ว่าไปอย่าง
ชงต๊ะตกลงหอบของไปขาย มีทั้ง
เครื่องนอน - 150 เหรียญ ฟูกทำจากหญ้าฟางมีหมอนผ้าห่ม
ถุงหนัง - 50 เหรียญ ใส่น้ำเพียงพอ1-2วัน
ชุดไฟ - 10 เหรียญ ใช้จุดไฟได้
ข้าวสาร x17 ถ้วย - 1 เหรียญ หุงแล้วกินได้
เครื่องครัว - 20 เหรียญ มีหม้อหุงหาอาหาร
เอาไปตีราคา
ส่วนหม่านโถวเน่าๆ โยนทิ้งไป
พลางชำเลืองมองกระบี่ของหลิวจีหลัน $_$
-
ทุกอย่างขายได้ 50% ต่อราคาเพิ่มได้ ทำเหมือนเมื่อครู่ +10% ต่อ -1แต้ม
หลิวจีหลันโยนเครื่องนอนอีกสองชุดที่แบกไว้ บอกให้ขายไปซะด้วย
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะนำข้าวของไปเจรจารายชิ้น
เครื่องนอน 450 ปกติขายได้ 225
ต่อราคาเพิ่มสัก 30%
เสน่ห์ +1

Rolled 1d10-2 : 10 - 2, total 8
-
225 + 67 = 292
ถ้าเจรจาแล้วยังไม่ขายได้ก็ยังไม่ขาย
เหลือ
ถุงหนัง - 50
ชุดไฟ - 10
ข้าวสาร x17 ถ้วย - 17
เครื่องครัว - 20
รวมราคาขาย 97
ชงต๊ะชี้แจงราคากับหลิวจีหลันว่าไม่พอแน่นอน "เจ้าคงต้องเลือกระหว่างกระบี่เล่มนั้น และชีวิตของน้องจิว"
ขอกระบี่มาขาย
-
"กระบี่ของสำนักอาจารย์ไม่อาจขายได้ ขาดอีกเพียงห้าสิบกว่าเหรียญ เท่านั้น "
หลิวจีหลัน ปลดปิ่นเงินออกมาจากผมของนาง ด้วยมือสั่นเทา ยื่นให้เขาพลางกล่าวว่า
"ปิ่นเงินนี้เป็นของดูต่างหน้าที่มารดาข้าพเจ้าซื้อให้ มีราคาประมาณ 100 เหรียญ ท่านนำสิ่งนี้ไปขายเถอะ "
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะพิจารณาปิ่นนั่นด้วยสายตาแล้วก็รับมา
ถามชาวเมืองว่ามีร้านรับจำนำบ้างไหม แล้วเอาปิ่นไปจำนำหวังให้ได้สัก 60 เหรียญก็พอ จำนำแล้วยังไถ่คืนได้
-
ปิ่นเงินสลักรูปดอกกล้วยไม้สีม่วงเอาไว้ ย่อมเป็นความหมายของนามจีหลันนั่นเอง
ชงต๊ะนำปิ่นไปจำนำที่ร้านแลกเงิน เสมียนบอกว่าปิ่นนี้ขายได้ 50เหรียญ ถ้าจะจำนำให้ราคาได้ 40เหรียญ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
100 เหรียญไม่ใช่ราคาขายหรือนี่
ชงต๊ะกุมหัว แก้ผ้าเต้นระบำขอพรต่อฟ้าดิน
กลับไปขายของทั้งหมดก่อน
ถุงหนัง - 50
ชุดไฟ - 10
ข้าวสาร x17 ถ้วย - 17
เครื่องครัว - 20
รวมราคาขาย 48 เหรียญ
ต่อราคาสัก 20% ให้ได้อีก +17 เหรียญ
เสน่ห์ 1

Rolled 1d10-1 : 10 - 1, total 9
-
ขายของทั้งหมดเลย จะได้เงิน 357
ไม่ต้องจำนำปิ่นแล้ว ชงต๊ะบวกเลขผิด
จากนั้นก็เอาเงินไปซื้อยามารักษาน้องจิวได้แล้ว
ส่วนเงินที่พกมา 1800 เหรียญก็จะเหลืออีกตั้ง 14 เหรียญ T--T
-
เสมียนดีดลูกคิดแล้วบอกว่าร้อยละยี่สิบของสี่สิบแปดเหรียญคือ 9เหรียญครึ่ง ดังนั้นขายได้ที่ 58 เหรียญ ต่างหาก
292+58 = 350 เหรียญ
เสมียนดีดลูกคิดให้ชงต๊ะดู
-
ผิดไปนิด
แต่ก็ไม่เป็นไร รวม 657 แล้วก็จะเหลือ 7 เหรียญ เอาไปซื้อยากันเถอะ
-
ทั้งสองขายข้าวของที่มีจนเกือบหมดตัว นำเงินไปจ่ายให้กาวสวรรค์
กาวสวรรค์รับเงินแล้วก็จัดการพอกทาให้กับจิวหลงเจียน ประสิทธิภาพของกาวฟ้าหอมดียิ่ง
เพียงพอกทาบาดแผลภายนอกก็สมานตัว พอความเจ็บปวดบรรเทา จิวหลงเจียนก็เริ่มได้สติขึ้น
กาวสวรรค์ใส่เฝือกอ่อนให้กับจิวหลงเจียน บอกว่าเขาร่างกายแข็งแรงสามวันก็น่าจะทุเลาหายดี
กาวสวรรค์ให้จิวหลงเจียนนอนพักในหอผู้ป่วยได้หนึ่งคืน ชงต๊ะกับหลิวจีหลันก็พลอยได้อยู่ในฐานะญาติที่มาเฝ้าคนป่วย
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
หลิวจีหลันเห็นศิษย์พี่มีสีหน้าดีขึ้นก็แย้มยิ้มได้อีกครั้ง กล่าวให้กำลังใจว่า "ศิษย์พี่จิว ท่านต้องหายดีแน่นอน"
ตอนนี้จิวหลงเจียนมีความหวังหายดี หลิวจีหลันเริ่มมีสติกลับมา จึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทราบเหตุการณ์คืนวันนั้นโดยละเอียด
เมื่อนางถามขึ้น ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะกล่าวว่า "น้องจิวต่อสู้กล้าหาญ ผิดกับข้าช่างน่าอายนักที่ไม่อาจแบ่งเบาภาระน้องจิวได้"
จากนั้นก็เล่าให้ฟังว่าน้องจิวประจันหน้า ตนเองคอยแนะนำ พยายามปีนต้นไม้ขึ้นไปหวังเล่นงานเสือแต่ก็ตกลงมาอีก
-
จิวหลงเจียนก็ยอมรับว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น
หลิวจีหลันได้ฟังก็กล่าวว่า "ที่แท้เป็นท่านขลาดเขลา มัวแต่หลบหนี ทั้งยังไม่ยอมปลุกข้าพเจ้า ท่านช่าง..."
จิวหลงเจียนก็ยกมือห้ามปรามหลิวจีหลัน กล่าวว่า "อย่างน้อยพวกเราก็รอดชีวิตกลับมา หากไม่มีพี่ชง เราอาจจะไม่รอดก็ได้"
ชงต๊ะรู้สึกว่าความหวังของเขายิ่งมายิ่งรางเลือน -5 ความมุ่งมั่น
สาวใช้ยกข้าวต้มมาให้รับประทาน และนำผ้าห่มมาให้ปูนอน
ค่ำแล้ว ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
นอนกันเถอะ ข้าเหนื่อยล้ายิ่งนัก วันนี้อย่างไรเสียข้าก็ต้องนอนให้จงได้
-
ในที่สุดชงต๊ะก็ได้นอนเต็มอิ่ม +1HP
เช้าแล้ว จิวหลงเจียนสีหน้าดีขึ้นมาก สามารถลุกขึ้นมาเดินเหินได้
เขาปรึกษากับชงต๊ะเรื่องแผนการเดินทาง
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
"จากเมืองโซจิวถึงเมืองกว่างหลิน ระยะทาง ห้าสิบกว่าลี้ ไม่มีเมืองใหญ่อีก"
"อย่างมากเป็นเพียงหมู่บ้านชนบทตามรายทาง พี่ชงต๊ะคิดว่าพวกเราควรเตรียมการอย่างไร"
-
"ข้าคิดว่าเราควรต้องหาเงินซื้อสิ่งจำเป็นต่างๆ ที่เราเพิ่งขายไป..."
ถามน้องจิวว่าคิดกระไรบ้างเรื่องการหาเงินทุน
"หรือไม่เราอาจอาศัยร่วมทางกับคาราวานพ่อค้า"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
จิวหลงเจียนบอกว่าเป็นความคิดที่ดี แต่พวกเขาไม่รู้จักวิธีติดต่อกับกองคาราวาน ขอให้พี่ชงต๊ะช่วยออกหน้า
-
ชงต๊ะถามชาวเมืองและทหารว่าตลาดย่านไหนที่คนเยอะที่สุด มีพ่อค้าแม่ขายจากต่างเมืองขนคาราวานผ่านมาทำมาค้าขาย
สอบถามทหารหน้าประตูเมืองว่ารู้จักคาราวานพ่อค้าที่ผ่านมาเร็วๆ นี้บ้างไหม ขนของเข้าเมืองทหารน่าจะตรวจค้น อาจจะพอจำได้บ้าง ถามด้วยว่าปกติพวกคาราวานจะพักที่โรงเตี๊ยมไหน อาจจะมีโรงเตี๊ยมที่บริการพวกพ่อค้าเป็นหลัก
-
ชงต๊ะสอบถามข้อมูลมากมาย สุดท้ายก็ได้พบกับ เถ้าแก่หวง เขามีกองคาราวานกำลังจะเดินทางไปเมืองกว่างหลิง
เถ้าแก่หวงพบกับชงต๊ะที่ร้านน้ำชาในโรงเตี๊ยม ถามว่ามีธุระอะไรกับเขา
-
ชงต๊ะนอบน้อมคารวะเถ้าแก่ แนะนำตัวบอกกล่าวว่าเป็นชาวยุทธ์ ต้องการเดินทางไปกว่างหลิน
ตอนนี้ขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายและเสบียงจึงอยากขออาศัยไปกับคาราวานของเถ้าแก่จะได้หรือไม่
"พวกเราเป็นชาวยุทธ์ หากพบโจร พวกเราพร้อมจะคุ้มกัน ได้ยินว่ามีกองโจรอาละวาด เถ้าแก่ก็คงรู้แล้ว"
เมื่อเสนอข้อดีของตนแล้วก็ดูทีท่าและความต้องการของเถ้าแก่
-
เถ้าแก่บอกว่าคณะของเขาจ้างมือดาบร่วมทางอยู่แล้ว
แต่ถ้าพวกชงต๊ะจะร่วมทางด้วยต้องได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้ามือดาบก่อน
เถ้าแก่หวงแนะนำหัวหน้ามือดาบชื่อหันตงที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้ชงต๊ะรู้จัก
หันตงบอกว่าถ้าจะไปในฐานะผู้คุ้มกัน ต้องให้เขาดูฝีมือก่อน
หันตงถามว่าในกลุ่มของชงต๊ะมีใครบ้าง แต่ละคนมีวิชาฝีมืออย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร
-
ชงต๊ะหันไปซักถามน้องจิวว่าสามารถเปิดเผยฐานะได้หรือไม่
-
จิวหลงเจียนกล่าวว่า เป็นศิษย์สำนักขุนเขากระบี่ ไม่ใช่เรื่องน่าลำบากใจ
แต่ถ้าลงจากเขามาทำงานคุ้มกัน หากเรื่องนี้เล่าลือ ออกไป ท่านอาจารย์จะตำหนิลงมาได้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงชื่อสำนัก
พวกเรามีฝีมือ ใช่แล้วล่ะ พวกเราเก่ง ชงต๊ะสะกดจิตตัวเองด้วย
บอกว่า จอมยุทธ์ทั้งสองเป็นมือกระบี่มีฝีมือไม่เบา คนน้องเล็กปราบเสือจนเผ่นแน่บได้ด้วยกระบี่เดียว แม้มีโชคช่วย แต่มิได้โอ้อวด
ส่วนตนเองแม้ไม่ใช่มือกระบี่ แต่เป็นอดีตผู้บังคับบัญชา มีความสามารถสั่งการ แต่หากฟื้นฟูพลังกายก็พอมีเรี่ยวแรงกวัดแกว่งอาวุธ
-
หันตงเห็นคนกลุ่มนี้ไม่มีสำนักอาจารย์ ทั้งยังมีแต่ราคาคุย ก็ไม่เชื่อถือ
บอกว่าต้องทดสอบฝีมือดูก่อน สู้กันโดยเพียงจี้ถึงก็หยุดมือ ไม่จำเป็นต้องรับบาดเจ็บ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
ถ้าจะสู้ก็ส่งตัวแทนมา สู้สามกระบวนท่า ใครชนะสองกระบวนท่า เป้นฝ่ายชนะไป
-
น้องจิวบาดเจ็บ น้องหลิวแสดงฝีมือแล้วพลาดพลั้งจะเสื่อมเสีย
ชงต๊ะสู้เอง ใช้วิชาหมัด
พลังกาย 1
กระบวนท่าที่ 1

Rolled 1d10+1 : 10 + 1, total 11
กระบวนท่าที่ 2

Rolled 1d10+1 : 6 + 1, total 7
กระบวนท่าที่ 3

Rolled 1d10+1 : 6 + 1, total 7
-
ชงต๊ะหยิบท่อเหล็กออกมา หันตงเห็นเขาใช้อาวุธพิศดารก็ไม่กล้าดูแคลน ฟาดฟันดาบเข้าจู่โจมก่อน
ชงต๊ะร่ายรำท่อเหล็กกลับใช้ออกด้วยกระบวนท่าเสี่ยงชีวิต หันตงได้แต่วกดาบกลับมาป้องกันตัว
แต่ท่อเหล็กเป็นอาวุธนอกสารบ หันตงเคยแต่สุ้กับดาบกระบี่ ไหนเลยปรับเปลี่ยนท่วงท่าได้ทัน
รู้ตัวอีกทีก็ถูกชงต๊ะใช้ท่อเหล้กจ่อจี้ตำแหน่งสำคัญ
+1EXP
หลังจากต่อสู้อีกสองรอบ ก็ไม่อาจเอาชัยชงต๊ะได้ หันตงได้แต่ประสานมือคารวะ กล่าวว่า
"ได้รับการออมมือแล้ว เถ้าแก่หวงรับพวกเขาไว้เถอะ"
เถ้าแก่หวงก็ล้วงสัญญาออกมาให้ทั้งสามพิมพ์ลายนิ้วมือ
ในสัญญาบอกว่า ทั้งสามเป้นผู้คุ้มกันกองคาราวาน มีที่พักอาหารให้สามมื้อ ห้ามมิให้หลบลี้หนีหน้าก่อนถึงเมืองกว่างหลิง หาไม่แล้วจะถูกปรับ
หากเสียชีวิตก็ไม่ต้องการค่าตอบแทน หันตงประลองพ่ายแพ้ ก็ยอมเป็นนายประกันให้กับทั้งสาม
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ถามน้องจิวอีกรอบให้แน่ใจว่าเราจะไปเมืองกว่างหลิงใช่ไหม (ทำไมน้องจิวบอกว่ากว่านหลินล่ะ)
ถ้าน้องจิวไม่จำชื่อเมืองผิดเหมือนทะเลสาบ หรือในสัญญาเป็นคนละเมือง ก็ตกลงตามนั้น พิมพ์ลายนิ้วมือลงไป
-
จิวหลงเจียนบอกว่าเขาเพิ่งหายป่วย ลิ้นยังแข็งอยู่ ออกเสียงพลาดผิดต้องขออภัย
เมื่อทั้งสามลงนามในสัญญา หันตงก็บอกว่าเขาเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกัน ต่อไปให้เชื่อฟังคำสั่งของเขา
งานผู้คุ้มกัน ไม่ยากเย็นเท่าใด เพียงคอยเฝ้าระวังการถูกโจมตีก็พอ
กว่าจะจัดการเรื่องต่างๆเสร็จก็บ่าย หันตงบอกว่าวันนี้ยังไม่มีงานให้ทำ
ไปเดินเที่ยวในเมืองก่อนก็ได้ คณะเดินทางพักที่โรงเตี๊ยมสี่สหายแห่งนี้
เถ้าแก่หวงเหมาตึกพักเอาไว้หลังหนึ่ง มีห้องนอนรวมแยกชายหญิง กลับมาเมื่อไหร่ให้ไปขอพบหันตง จะแนะนำให้รู้จักคนอื่นๆ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
บอกให้น้องจิวพักผ่อนเสียมากๆ จะได้หายดีไวๆ ถ้าน้องจิวตกลงพักผ่อนแล้วก็ชวนน้องหลิวไปชมเมืองกัน เราจะไปเดินเที่ยวตลาดเผื่อว่าจะเจอเรื่องน่าสนใจ แต่ของน่าสนใจไม่ต้องสนหรอก เพราะไม่มีเงิน
-
จิวหลงเจียนบอกว่าเขาไม่เคยมากเมืองโซวจิว อยากไปท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน
อาการตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว
ถ้าจะเกลี้ยกล่อยก็ทอย+เสน่ห์ดู
-
นอนเถอะน่า...

Rolled 1d10+1 : 7 + 1, total 8
-
-1SP
ชงต๊ะออกแรงกล่อมจนเหนื่อย กว่าจิวหลงเจียนจะยอมนอน
ชงต๊ะจะพาหลิวจีหลันไปเที่ยวที่ไหนดี
-
ถามพ่อค้าแม่ขายว่าที่เมืองนี้มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง พวกเราเดินทางผ่านมาอย่ากแวะเที่ยวสักประเดี๋ยวให้เปิดหูเปิดตา
ระหว่างทางก็คุยกับหลิวจีหลันว่าในกลุ่มพี่น้องเป็นอย่างไรบ้าง ใครเก่งสุด พี่ใหญ่หรือเปล่า มีใครช่างพูดช่างเจรจาไหม มีใครที่มีคนรักบ้าง
-
จริงๆแล้วหลิวจีหลันอยากอยู่กับศิษย์พี่จิว แต่เห็นชงต๊ะบอกว่าต้องให้ศิษย์พี่จิวนอนพักเงียบๆ ก็เลยยอมตามเขาออกมา
ชงต๊ะพาหลิวจีหลันเข้าตลาด ไปถามแม่ค้าว่าเมืองโซวจิวมีที่ใดน่าไปเที่ยวบ้าง
แม่ค้าบอกว่าให้ลองไปนมัสการศาลเจ้าแม่กวนอิม วัดเล่งเน้ยยี่ ที่นั่นขอสิ่งใดก็สมปรารถนา
หรือไปสวนอสรพิษของตระกูลถัง มีสัตว์พิษต่างๆให้ชมดูมากมาย
ไม่ก็ไปที่หอเทพจิตรกร มีการจัดแสดงภาพเขียนและตัวอักษรของท่านพู่กันเมฆา
หลังจากนั้นไปรับประทานอาหาร ที่เหลาพิสดาร ที่เชี่ยวชาญด้านอาหารป่า
หลิวจีหลันบอกว่าพี่ใหญ่สุขุมลุ่มลึก มีความเป็นผู้นำ พี่รองคล่องแคล่วว่องไว ปัญญาเฉียบแหลม พี่สาม มีพลังมหาศาลมาแต่กำเนิด
ทั้งสามคนมีชื่อเสียงไม่น้อย ส่วนศิษย์คนอื่นๆยังอายุเยาว์ ด้อยประสบการณ์ในยุทธภพ
สำนักขุนเขากระบี่เน้นการฝึกลมปราณ หักห้ามรักโลภโกรธหลง ยังไม่เคยพบใครมีคนรักอย่างเปิดเผย
-
จริงๆ ชงต๊ะอยากไปดูงูนะ แต่งูมันไม่ช่วยให้เขาสมหวังในรักได้หรอก
ไปนมัสการศาลเจ้าแม่กวนอิม วัดเล่งเน้ยยี่ ที่นั่นขอสิ่งใดก็สมปรารถนา
ระหว่างทางก็คุยต่อ "แล้วน้องหลิวมีใจให้กับใครบ้างหรือไม่"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
หลิวจีหลัน ไม่ตอบทันที จากนั้นก็ร่ำร้องว่า "ข้าพเจ้ามีใจให้ผู้ใด เกี่ยวข้องอันใดกับท่าน ที่แน่ๆก็คือข้าพเจ้าหาได้มีใจต่อท่านไม่"
เมื่อเดินทางไปถึงวัดเล่งเน่ยยี่ หลิวจีหลันก็นมัสการเจ้าแม่กวนอิม ขอให้ศิษย์พี่จิวหายวันหายคืน
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"ขอให้ข้าอายุมั่นขวัญยืน สามารถดูแลปกป้องน้องหลิวไปได้นานเท่านาน" ชงต๊ะก็ขอพรกันแบบหน้าด้านๆ ให้หลิวจีหลันได้ยินด้วย
ชำเลืองมองหลิวจีหลัน แล้วขอพรอีกที แต่คราวนี้ขอในใจ ขอพรให้เจ้าแม่กวนอิมช่วยให้ลูกช้างมีโอกาสเป็นคู่ครองกับแม่นางหลิวด้วยเถิด
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
"เพ้ย นานเท่านานอันใด เราท่านอยู่ร่วมกันอีกไม่เกินห้าวันสิบวัน" หลิวจีหลันหันมาต่อว่าชงต๊ะอีก
เย็นแล้ว ชงต๊ะจะไปที่ไหนต่อ
-
"มีเวลาอีกตั้งสิบวันที่ข้าจะทำให้เจ้าตอบรับความรู้สึกของข้า"
ชงต๊ะกล่าวแก้แล้วพาหลิวจีหลันกลับที่พักไปร่วมแนะนำตัวกับสมาชิกคาราวาน
-
ในกองคาราวานไม่มีคนท่าทางน่าสนใจเลย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า
มีมือดาบห้าคน หัวหน้าคนคุ้มกันหันตง
ครอบครัวของเถ้าแก่หวงพักอยู่ชั้นบน ชงต๊ะจะไปเข้าพบไหม
หรือจะทำอย่างอื่น
-
ชงต๊ะขึ้นไปคารวะเพื่อแนะนำตัว
-
ชงต๊ะ ไปขอเข้าพบเถ้าแก่หวง ที่ห้องชั้นบน
กลับพบว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งกำลังพูดคุยกับเขาอยู่
พอเห็นชงต๊ะเดินขึ้นมา เถ้าแก่หวงก็แนะนำให้เขารู้จักกับเด็กสาว
"นี่คือลูกสาวของเรา ชื่ออาเหมย อายุ 15ปี นางเป็นเด็กซุกซน ที่แอบติดตามเราออกมาท่องเที่ยว"
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ท่านนี้หรือที่ชื่อชงต๊ะ ฉายาท่อพิสดาร สามารถต่อสู้เอาชนะท่านอาตง"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"คุณหนูกล่าวหนักไปแล้ว พี่ตงออมมือให้หลายกระบวนท่าข้าจึงได้มีโอกาสร่วมคณะของเถ้าแก่" ชงต๊ะอ่อนน้อมถ่อมตนตามมารยาท
จากนั้นกล่าวต่อว่าเถ้าแก่ช่างโชคดีนักที่มีบุตรธิดาน่ารักเช่นนี้
ลองพิจารณาซิว่าจะโปรยเสน่ห์ด้วยการทอยเต๋าได้ไหม
-
"โชคดีอันใด น่าปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก เด็กคนนี้เป็นลูกสาวพ่อค้าดีๆไม่ชอบกลับคิดออกเดินทางในบู๊ลิ้ม"
ไม่มีทักษะโปรยเสน่ห์อะไรแบบนั้น
-
ได้ยินเช่นนั้นชงต๊ะก็กล่าวต่อว่าบู๊ลิ้มมีอันตรายมากนัก ควรศึกษาวรยุทธ์ให้ถ่องแท้ และเติบโตให้มากกว่านี้เสียก่อน
หากไม่รังเกียจตัวเขาพร้อมจะชี้แนะ จนกว่าจะถึงเมืองกว่างหลิง
"หรือว่าเถ้าแก่จะมีบุตรีเพียงผู้เดียว" ถามเถ้าแก่
-
"บุตรีย่อมมีหลายคน แต่อาเหมยเป็นคนสุดท้อง จึงเอาแต่ใจยิ่งกว่าผู้ใด"
พอชงต๊ะอาสาชี้แนะวิชาฝีมือ อาเหมยก็ให้ความสนใจ แต่เถ้าแก่หวงยังครุ่นคิด
ชงต๊ะมีข้อเสนออะไร ลองเกลี้ยกล่อมเถ้าแก่หวงดู ทอย+เสน่ห์
-
ชงต๊ะบอกว่าเราห้ามนางคงยาก สอนสั่งชี้แนะให้รู้ในสิ่งที่นางใฝ่รู้ ยามมีเพศภัยมาเยือนจริงนางจักป้องกันตัวได้ เราก็คลายความกังวลลงได้บ้าง
เจ้าแม่กวนอิมช่วยด้วย

Rolled 1d10+1 : 6 + 1, total 7
-
ชงต๊ะเกลี้ยกล่อมจนเหนื่อย -1SP
เถ้าแก่หวงก็เห็นดีด้วย ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้ชงต๊ะเป็นผู้คอยดูแลสอนสั่งและคุ้มครองอาเหมย
ดึกแล้ว ชงต๊ะจะทำอะไรต่อไป
-
ดึกแล้วก็ต้องนอนล่ะนะ วันนี้ต้องนอนหลับให้เต็มอิ่ม ก่อนนอนไปเยี่ยมน้องจิวด้วย
-
ชงต๊ะเดินลงมาตอนดึกดื่น ด้านล่างดับคบไฟนอนกันเกือบหมด
เขาคลำทางไปยังที่นอนของจิวหลงเจียนแต่กลับไม่พบเขานอนอยู่ที่นั่น
ชงต๊ะจะทำอะไรต่อไป
-
อาจจะไปรับลมข้างนอกกระมัง เราก็นอนดีกว่า
-
ชงต๊ะไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องไร้สาระก็เลยไปเข้านอน +1HP +1SP
...
เช้าแล้ว ชงต๊ะตื่นขึ้นมาอย่างเปียกปอนและเหน็บหนาวเพราะถูกน้ำเย็นสาดใส่ C}
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ตื่นได้แล้ว ท่านอาจารย์นอนขี้เซานัก ผู้อื่นล้วนเก็บข้าวของเสร็จหมดแล้ว"
ถังน้ำอยู่ในมือของอาเหมยนั่นเอง นางยังกล่าวว่า "ไม่ทราบว่าวันนี้มีวิชาฝีมือใดมาสอนข้าพเจ้า ใช่วิชาท่อพิสดารหรือไม่"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะสะบัดน้ำออกจากไรผม ปาดน้ำออกจากใบหน้า มันน่านักยัยเด็กนี่
"ขอเวลาข้าเก็บของเตรียมตัวสักประเดี๋ยวเถิด เราค่อยร่ำเรียนกันยามเดินทาง" ชงต๊ะเก็บข้าวของก่อน จากนั้นไปเรียกศิษย์น้องจิวและหลิว
-
ชงต๊ะไม่มีอะไรให้เก็บ ก็เลยเดินออกจากห้องพัก อาเหมยก็ติดตามชงต๊ะมาด้วย
ที่ห้องโถงเขาพบว่า จิวหลงเจียนกับหลิวจีหลันล้วนตื่นมาได้พักหนึ่งแล้ว
กำลังพูดคุยรับประทานอาหารกัน
จิวหลงเจียนเห็นชงต๊ะก็โบกมือบอกให้มานั่งด้วยกัน
"เพราะความคิดของพี่ชงแท้ๆพวกเราถึงสะดวกสบายมากขึ้น"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะชวนอาเหมยมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ตัวเองนั่งข้างน้องจิว
บอกว่านี่คืออาเหมย ลูกสาวเถ้าแก่ ส่วนนี่น้องจิว และน้องหลิว
"เห็นทั้งสองสบายดีข้าก็ดีใจ น้องหลิวล่ะ หลับสบายหรือไม่"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
"ข้าพเจ้าหลับสบายดี" หลิวจีหลันตอบพลางมองจิวหลงจีด้วยท่าทีเอียงอาย
จากนั้นถามว่า "พี่ชงรับอาเหมยเป็นศิษย์แล้วรึ น่ายินดียิ่ง"
อาเหมยบอกว่า "ท่านอาจารย์ยังหาได้สอนวิชาอะไรให้กับข้าไม่"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะยิ้มให้กับความสุขของน้องหลิว น้องจิวก็เป็นคนดี ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่งแล้ว เพียงเท่านี้ก็คงหมดห่วง
แต่ตอนนี้มีห่วงใหม่ก็คือ ข้ากลายเป็นอาจารย์ของแม่หนูคนนี้ไปแล้วหรือนี่ แล้วจะสอนไหวรึเรา :(
ชงต๊ะยังแอบกระซิบบอกน้องจิวว่า ถ้าเจ้าดูแลน้องหลิวไม่ดีข้าจะลงโทษเจ้าด้วยวิชาท่อเหล็กมหากาฬ และฟ้องพี่ใหญ่ของเจ้า
-
จิวหลงเจียนอ้อมแอ้มตอบว่า"พี่ชงกล่าวกระไร ข้าพเจ้าย่อมต้องดูแลศิษย์น้องหลิวเป็นอย่างดี พี่ชงมิต้องเป็นห่วง"
กองคาราวานออกเดินทางแล้ว
หันตงเรียกทุกคนมามอบหมายหน้าที่
"ผู้คุ้มกันทุกท่าน วันนี้พวกเราจะเดินทางออกจากเมืองโซวจิว"
"ทุกคนทราบแล้วว่าจากที่นี่ถึงเมืองกว่างหลิง ไม่มีเมืองใหญ่"
"คืนนี้พวกเราจะพักกันที่หมู่บ้านชนบทระหว่างทาง คาดว่าไม่มีอันตรายใด"
"วันนี้มีงานดังนี้ ใครจะอาสาทำอะไรบ้าง"
- หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
ชงต๊ะจะรับงานอะไรและแบ่งงานอะไรให้ใคร หรือเสนออะไรไหม
-
ชงต๊ะเสนอให้จัดกำลังคนดังนี้
หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- ชงต๊ะ
- อาตง
หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หลิวจีหลัน
- นักดาบ 9 คน
หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- จิวหลงเจียน
- นักดาบ
หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
- อาเหมย
-
ชงต๊ะยกมือเสนอไปตามนั้น แต่....
หลิวจีหลันบอกว่า "ศิษย์พี่จิวยังไม่หายดี ควรจัดอยู่หน่วยพยาบาล ข้าพเจ้าจะดูแลเขาเอง"
หันตงบอกว่า "ข้าเป็นหัวหน้า สมควรมีหน้าที่คุ้มกันตรงกลาง เหตุใดต้องไปเป็นคนสอดแนม"
อาเหมยบอกว่า "ท่านพ่อให้ท่านคอยดูแลผู้อื่น กลับผลักไสผู้อื่นให้อยู่คนเดียว หมายความว่าอย่างไร"
ชงต๊ะ จะทำอย่างไร จะเกลี้ยกล่อมใครไหม
-
ชงต๊ะกุมหัว
เสนอให้จัดกำลังคนดังนี้
หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- ชงต๊ะ
- อาเหมย
หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- อาตง
- นักดาบ 8 คน
หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- นักดาบ
- นักดาบ
หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
- จิวหลงเจียน
- หลิวจีหลัน
-
ทุกคนตกลงตามนั้น
ชงต๊ะกับอาเหมยรับหน้าที่สอดแนม
หันตงบอกเส้นทางให้ชงต๊ะทราบ ให้ทั้งคู่เดินทางล่วงหน้าไปก่อน
กองคาราวานจะติดตามในระยะห่างหนึ่งลี้ หากพบสิ่งผิดปกติให้ทำเครื่องหมายบอกไว้ตามทาง
ถ้าต้องการความช่วยเหลือให้จุดพลุสัญญาณ
จากนั้นก็มอบพลุสัญญาณให้ชงต๊ะ
เส้นทางที่ต้องไป
ระยะแรกเป็นทางเดินนอกเมือง ผู้คนพลุ่กพล่าน
ระยะที่สองเป็นทางราบชายป่า
ระยะที่สามเป็นเนินสูงขั้นเขา
ระยะที่สี่เป้นเนินลงจากเขา
ถ้าจะเดินไปตามทางเฉยๆ ทอย+รับรู้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ระหว่างทางชงต๊ะเสวนากับอาเหมยไปด้วย ถามว่าอาเหมยมีทักษะใดพิเศษบ้าง รู้เกี่ยวกับการฝึกวรยุทธ์แค่ไหน
เดินไปตามทาง

Rolled 1d10 : 6, total 6
-
ชงต๊ะพาอาเหมยเดินไปตามทางที่ผู้คนพลุ่กพล่าน
อาเหมยบอกว่าเรียนรู้เรื่องราวของบู๊ลิ้มจากนิยายกำลังภายในเล่มละสิบหยวนที่มีขายในเมืองหยางโจว
"ท่านอาตงกับพวกมือดาบเคยสอนวิชาฝีมือให้ แต่วิชาเหล่านั้นน่าเบื่อนักยากจะฝึกฝน"
ชงต๊ะทราบดีว่า อาเหมยยังขาดประสบการณ์ จึงฝึกวิชาไม่สำเร็จ
แม้เดินพลางคุยพลางชงต๊ะยังสังเกตเห็นชายในชุดทหารกำลังวิ่งสวนทางมา
ท่าทางเหน็ดเหนื่อย เสื้อผ้าขาดวิ่น มีบาดแผลและรอยกิ่งไม้บาดตามร่างกาย
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
โบกมือให้หยุดเพื่อซักถาม "พี่ชายมีเรื่องอันใดให้เราช่วยเหลือหรือไม่"
-
ชายคนนั้นกล่าวว่า "เจ้าอย่าได้ขัดขวาง ข้าเป็นทหารสื่อสารกำลังเดินทางไปรายงานท่านเจ้าเมืองว่ากองทหารที่ส่งไปปราบโจรเสียทีแล้ว"
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยบอกว่า "อาจารย์ข้าผู้นี้มีฉายา ท่อพิสดาร ฝีมือสูงเยี่ยม ท่านสมควรขอร้องให้เขานำทหารไปปราบโจร"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ห๊ะ!! ^-^
ยัยเด็กบ้านี่ เจ้าคิดว่าข้าเป็นเทพเจ้ากวนอูหรือไร ข้าทำงานเป็นคนคุ้มกันของพ่อเจ้านะ อยากให้ความมุ่งมั่นของข้าเหลือ 0 รึไง
ชงต๊ะมายืนขวางระหว่างอาเหมยและทหาร ถามว่าโจรมีเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน จะบุกเมืองเหรอ
หันไปบอกน้องเหมยว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งย่อมชนะทั้งร้อยครั้ง นี่เป็นหลักพิชัยยุทธ์อมตะที่จอมยุทธ์ก็ต้องเรียนรู้
-
ทหารสื่อสารบอกว่า พวกโจรมีหลายร้อยคน มีที่มั่นอยู่ที่บนเขาปาซาน
พวกมันอาละวาดจนคนแถบนี้เดือดร้อน ท่านเจ้าเมืองจึงส่งทหารหนึ่งพันคนไปปราบ
แต่ผู้นำทัพหลงกล ถูกกองโจรวางเพลิงเผาค่าย ทหารเสียชีวิตไปสองร้อยกว่าคน
บาดเจ็บนับไม่ถ้วน หากไม่มีธุระอะไรแล้วต้องขอตัว ข้ากำลังรีบ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ปล่อยให้องครักษ์ไป แล้วพิจารณาว่า เขาปาซานมันเขาที่เรากำลังจะขึ้นไปใช่หรือไม่
ถ้าใช่ก็พิจารณาหาเส้นทางใหม่ว่ามีไหม
-
ชงต๊ะไม่แน่ใจ ถามอาเหมยนางก็ไม่รู้
ถ้าจะลองใช้ความรู้ดู ก็ทอย+ปัญญา
-
ข้าคิดว่า....

Rolled 1d10+1 : 6 + 1, total 7
-
ชงต๊ะคิดจนเหนื่อย(-1SP)ก็นึกออกว่าตอนหันตงบอกเส้นทางมิได้กล่าวถึงชื่อเขา
อีกทั้งที่ต้องผ่านยังเป็นแค่เนินเขา คงมิใช่ซ่องโจร
จากนั้นถามชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาก็ทราบว่า เขาปาซานอยู่ระหว่างทางจากที่นี่ไปด่านเพ็กง้วนกวน ต้องเดินทางสองวันจึงจะถึง
ดังนั้นเนินเขาที่จะไปจึงไม่ใช่เขาปาซาน
เส้นทางที่ต้องไป
ระยะแรกเป็นทางเดินนอกเมือง ผู้คนพลุ่กพล่าน
ระยะที่สองเป็นทางราบชายป่า
ระยะที่สามเป็นเนินสูงขึ้นเขา
ระยะที่สี่เป้นเนินลงจากเขา
ถ้าจะเดินไปตามทางเฉยๆ ทอย+รับรู้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เดินทางไปตามทาง
ระยะที่สองเป็นทางราบชายป่า

Rolled 1d10 : 2, total 2
-
ทั้งคู่เดินทางต่อมาจนถึงชายป่า
ชงต๊ะเดินไม่มองทางจึงชนเข้ากับชายคนหนึ่งเข้าเต็มๆ
ชายคนนั้นแต่งกายแบบชาวป่า พกขวานสั้นเป็นอาวุธ
ท่าทางกำลังเดินทางอย่างเร่งรีบ หลังจากชนแล้วก็มิได้เอ่ยปากขอโทษ
รีบรุดเดินทางต่อ
อาเหมยหันไปทำท่าจะหาเรื่อง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ห้ามอาเหมยไว้แล้วร้องเรียก "พี่ชาย ท่านรีบหนักหนาจนลืมขอโทษข้าแล้ว"
ถ้าดูไม่สนใจก็วิ่งตามไป ให้อาเหมยตามมา สำรวจข้าวของไปด้วยว่าเจอล้วงไหม
-
ไม่มีสิ่งของหาย
ชายคนนั้นเร่งรีบยิ่ง หันมายกมือมาคารวะบอกว่า"ขออภัย" แต่หาได้หยุดฝีเท้าไม่
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะสะดุ้งขึ้นมา จริงสินะ เขากำลังนำทางให้คาราวานที่มีอีกหลายชีวิต
ว่าแล้วก็รีบกลับไปนำทางต่อ
-
เขารีบเดินทางต่อ
เส้นทางที่ต้องไป
ระยะแรกเป็นทางเดินนอกเมือง ผู้คนพลุ่กพล่าน
ระยะที่สองเป็นทางราบชายป่า
ระยะที่สามเป็นเนินสูงขึ้นเขา
ระยะที่สี่เป้นเนินลงจากเขา
ถ้าจะเดินไปตามทางเฉยๆ ทอย+รับรู้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เดินไปตามทางเฉยๆ

Rolled 1d10 : 5, total 5
-
ชงต๊ะมัวแต่มองข้างทาง ปรากฏว่าอาเหมยเดินสะดุดขอนไม้จนเกือบจะล้ม
ถ้าจะพยายามจับไว้ไม่ให้ล้ม ทอย+ความเร็ว
-
ชงต๊ะโผไปโอบแล้วล้มแบบพระเอกหนังไทย ตาประสานกัน

Rolled 1d10+1 : 10 + 1, total 11
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
o/// "ขะ...ขอบคุณท่านอาจารย์ ปล่อยข้าได้แล้ว" อาเหมยยิ้มอย่างขวยเขิน
+1EXP
เขาจะรีบเดินทางต่อเลยไหม
เส้นทางที่ต้องไป
ระยะแรกเป็นทางเดินนอกเมือง ผู้คนพลุ่กพล่าน
ระยะที่สองเป็นทางราบชายป่า
ระยะที่สามเป็นเนินสูงขึ้นเขา
ระยะที่สี่เป้นเนินลงจากเขา
ถ้าจะเดินไปตามทางเฉยๆ ทอย+รับรู้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าก่อนข้าจะมีวรยุทธ์เก่งกล้ามาได้ต้องทำอย่างไรก่อน"
ชงต๊ะจับจ้องมองอาเหมย ใบหน้าก็เลื่อนใกล้เข้าไปช้าๆ หากนางไม่ผละหนีก็ประกบจูบอย่างอ่อนโยนและดูดดื่ม
-
ชงต๊ะพยายามจะจูบอาเหมย
ลองทอย+เสน่ห์ดู ได้โบนัส+1 จากสถานการณ์เป็นใจ

Rolled 1d10+2 : 8 + 2, total 10
-
อาเหมยเป็นหญิงสาวแรกรุ่น ไม่รู้จักเล่ห์กล พอถูกสอนบทเรียนรักก็เลยเผลอใจ
ถูกชงต๊ะประกบจูบอย่างอ่อนโยนและดูดดื่ม
เขาจะรีบเดินทางต่อเลยไหม
เส้นทางที่ต้องไป
ระยะแรกเป็นทางเดินนอกเมือง ผู้คนพลุ่กพล่าน
ระยะที่สองเป็นทางราบชายป่า
ระยะที่สามเป็นเนินสูงขึ้นเขา
ระยะที่สี่เป้นเนินลงจากเขา
ถ้าจะเดินไปตามทางเฉยๆ ทอย+รับรู้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เดินตามทางเฉยๆ เดี๋ยวถึงเมืองก็หมดสัญญาว่าจ้างแล้วน่ะสิ
ส่วนคาราวานก็คงปลอดภัยกันแล้ว มาถึงที่นี่ ถึงแม้คนนำจะไม่ได้รอหน้าเมืองแต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าหายไปตอนไหน เพราะไม่มีเครื่องหมายบอกไว้ และไม่จุดพลุ
ชงต๊ะนำอาเหมยเดินออกนอกเส้นทางทำทีหลงป่า...
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"อาจารย์ จะไปไหน นั่นมันทางเข้าป่านะ"
ทางเดินเช่นนี้ ต่อให้หลับตายังไม่หลง
ถ้าจะเกลี้ยกล่อม ทอย+เสน่ห์ดู
-
"ข้ามึนงงไปชั่วขณะ คงเพราะแรงจูบของเจ้า" ชงต๊ะไม่ฝืนชะาฟ้าดิน
"เคยมีใครชมเจ้าว่าน่ารักเหมือนเทพธิดาตัวน้อยบ้างไหม"
เดินทางตามปกติดีกว่า

Rolled 1d10 : 6, total 6
-
พอเดินลงจากเนินมาก็พบหมู่บ้านชนบทที่เป็นจุดหมาย
ตอนนี้เป็นเวลาเย็น จุดนัดพบคือ หน้าทางเข้าหมู่บ้าน
อีกสักชั่วยามกองคาราวานน่าจะตามมาถึง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"เราเข้าไปในหมู่บ้านกันก่อนดีกว่า ข้ามีเรื่องต้องสอนเจ้าอีกเยอะเชียว"
ว่าแล้วก็พาอาเหมยเข้าหมู่บ้าน ถามไถ่สารทุข์สุขดิบชาวบ้านว่าเป็นไงบ้าง มีโจรปล้นไหม แถวนี้มีที่ไหนน่าเที่ยวน่าสนใจบ้าง
-
เย็นแล้ว ชาวบ้านกลับมาจากไร่นา บอกว่าที่นี่ห่างไกลสงครามสุขสบายดี
มีแค่ขุนนางมารีดไถ กับกองทัพธรรมมาเรี่ยไรบ้าง แต่ที่นี่จน เลยอยุ่ได้ตามอัตภาพ
ไม่มีที่เที่ยวมีแต่ทุ่งนา
-
งั้นมานั่งรอกองคาราวานกัน ถ้าถึง 1 ชั่วยามแล้วยังไม่มาก็คงต้องรีบไปตามล่ะ
ระหว่างนั่งรอก็อย่าลืมมองฟ้าเป็นระยะ
โม้เรื่องที่เคยรบทัพจับศึกในฐานะแม่ทัพให้อาเหมยฟังไปด้วย
-
อาเหมยฟังชงต๊ะโม้ตาแป๋ว ไม่ทราบว่าเข้าใจแค่ไหน
ทั้งคู่นั่งรอสักพัก กองคาราวานก็ติดตามมาถึง เถ้าแก่หวงเรียกชงต๊ะและอาเหมยไปพบ ถามไถ่เหตุการณ์ในวันนี้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
วันนี้สะดวกปลอดภัยดี ได้สอนให้อาเหมยรู้จักการเดินทางเหน็ดเหนื่อยโดยไม่มีผู้คุ้มกันห้อมล้อม
-
ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้ อาเหมยก็มีท่าทีเอียงอายปล่อยให้ชงต๊ะกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เถ้าแก่หวงก็มีทีท่าสงสัย
จากนั้นเล่าว่า "บุตรสาวเราสร้างความลำบากให้ ชงซิงแซหรือไม่ ไฉนนางจึงไม่กล่าววาจา"
-
"นางคงเหนื่อยล้าใช่น้อย การฝึกระหว่างทางทั้งวิ่งไปกลับหลายรอบจึงเหนื่อยอ่อนกว่าเดินทางไกลปกติ" ชงต๊ะกล่าวแทน
"ข้าเกรงว่าบางทีพรุ่งนี้นางอาจจะไม่อยากฝึกกับข้าอีกแล้วกระมัง" แล้วพูดต่อเชิงถามอาเหมย แค่นี้นางน่าจะตอบได้ว่าอยากฝึกต่อ แล้วก็จะได้เบนประเด็นไปเลย
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"อะ..อาจารย์ชงสอนสิ่งต่างๆให้กับข้าพเจ้าไม่น้อย ยังมีเคล็ดวิชาอีกมากที่ยังไม่ได้เรียนรู้"
อาเหมยรีบตอบ
เถ้าแก่หวงก็ไม่ว่ากระไร บอกให้ชงต๊ะไปพักผ่อนได้
อาเหมยรั้งอยู่ที่กระโจมเถ้าแก่
ชงต๊ะเดินกลับมาที่กระโจมใหญ่ฝ่ายชาย
ดึกแล้ว เขาจะทำอย่างไร
-
ไปพบน้องจิว ซักถามว่าวันนี้มีเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีเรื่องอะไรพิเศษก็กลับเข้านอนเสียให้หายเมื่อยล้า
-
ไม่พบน้องจิวในค่ายอีกแล้ว
เขาจะทำอย่างไร
-
วันนี้ไร้สาระสักนิดดีกว่า ชงต๊ะลองไปเดินดูรอบๆ ค่าย
-
ชงต๊ะเดินสำรวจรอบค่ายก็พบจิวหลงเจียนกับหลิวจีหลันกำลังแอบไปพลอดรักกันข้างกองฟาง
เขาจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะคิดว่าว่างๆ ตนเองก็น่าจะพาอาเหมยมาบ้าง
ว่าแล้วก็นั่งพิงกองฟางอีกด้านแอบฟังทั้งสองว่ากล่าวถึงสิ่งใดบ้างสักครู่ ก่อนกลับไปนอนหลับฝันดี
-
ชงต๊ะแอบฟังไปเรื่อยๆ สักพักหนึ่งก็มีหัวข้อเรื่องของเขา
จิวหลงจีกล่าวว่า "ข้ารู้ดีว่าพี่ชงแอบหลงรักเจ้าตั้งแต่วันแรก"
หลิวจีหลันก็ตอบว่า "พี่ก็รู้ว่าข้าหาชมชอบเขาไม่"
จิวหลงจีก็ตอบว่า "ตอนแรกข้านึกว่าวันนั้นพี่ชงตั้งใจส่งข้าเข้าปากเสือ แต่ภายหลังวิ่งเต้นช่วยเหลือจึงรู้ว่าเข้าใจเขาผิดไป"
หลิวจีหลันบอกว่า "คนผู้นั้นคงเพียงแค่มีจิตใจขลาดเขลา หาได้มีจิตชั่วร้าย ตอนนี้เขาติดพันอาเหมย ไม่มายุ่งกับข้าอีก พวกเราน่าจะส่งเสริมพวกเขา"
ทั้งคู่แอบหลับบนเกวียนตอนกลางวัน จึงพลอดพร่ำกันได้ทั้งคืน
ใกล้เช้า ไม่มีเวลาจะนอนแล้ว ชงต๊ะจะทำอะไรอีกไหม
-
เจ้าสองคนนี่ทำให้ข้าอดนอน O+
ไปพบอาตง คุยกับอาตงเรื่องเมื่อวานที่พบทหารส่งสาร์น เพื่อแจ้งให้ระวัง บางทีกองโจรคุณธรรมที่กำลังร่ำลือก็คือกองโจรที่ทางการกำลังต่อสู้ด้วย หากพบเจอควรต้องระวังให้มาก
ซักถามด้วยว่าอาตงรู้ไหมว่าใครเป็นหัวหน้ากองโจรนี้ เพราะดูแล้วมีสติปัญญาเฉียบคมนัก
-
ตอนเช้า ชงต๊ะสอบถามเรื่องกองทัพธรรมเขาปาซานจากหันตง
หันตงบอกว่าหัวหน้าใหญ่ของพวกมันชื่อฉีซีหมิง ฉายาทวนทะยานฟ้า เชี่ยวชาญพิชัยสงคราม
วันนี้เราต้องเดินทางผ่านพื้นที่เขาปาซาน ต้องระมัดระวังให้มาก
พวกเราตระเตรียมจ่ายค่าผ่านทาง คิดว่าไม่น่ามีปัญหา
หันตงพาเขากลับมาที่ลานกลางเพื่อเข้าประชุมตอนเช้า
"ผู้คุ้มกันทุกท่าน วันนี้พวกเราจะเดินทางผ่านเลียบเขาปาซาน"
"ทุกคนทราบแล้วว่าพื้นที่กองทัพธรรม มีอันตรายทุกฝีก้าว "
"คืนนี้พวกเราต้องพักกันกลางป่าเขา ขอให้ทุกคนอย่าได้ประมาท"
"วันนี้มีงานดังนี้ ใครจะอาสาทำอะไรบ้าง"
- หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน * ต้องติดต่อกับคนของเขาปาซานให้เบิกทาง
- หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
ชงต๊ะจะรับงานอะไรและแบ่งงานอะไรให้ใคร หรือเสนออะไรไหม
-
งานนี้ลำบากใช่ย่อย
เสนอให้จัดกำลังคนดังนี้
หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- ชงต๊ะ
- จิวหลงเจียน
หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- อาตง
- นักดาบ 8 คน
หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- นักดาบ
- นักดาบ
หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
- อาเหมย
- หลิวจีหลัน
ชงต๊ะขอร้องให้หลิวจีหลันดูแลอาเหมยแทนตัวเอง "น้องหลิวช่วยข้าได้หรือไม่"
"น้องจิวคงไม่ต้องการให้มีอันตรายเกิดกับน้องหลิว เช่นนั้นแล้วจะช่วยข้าเจรจากับโจรได้ไหม" บอกน้องจิว
"คืนนี้ข้าจะสอนบทเรียนใหม่ให้เจ้า แต่เจ้าต้องทำให้ว่าง่าย เข้าใจหรือเปล่า" บอกอาเหมย
งานนี้ถ้าโจรเห็นหญิงสาวมันอาจจะกระหยิ่มยิ้มย่องเล่นงานพวกเราเพื่อฉุดคร่าผู้หญิง
ชงต๊ะเสนอให้ผู้หญิงหลบในเกวียน ทำหน้าให้เปื้อนดิน แต่งตัวดุจชาย
-
ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย หลิวจีหลันก็สัญญาว่าจะเล่าเรื่องวีรกรรมของชงต๊ะให้ฟัง อาเหมยจึงยอมไปนั่งเกวียนพยาบาล
จิวหลงเจียนอาการดีขึ้นมาก แต่ยังไม่หายสนิท เขากล่าวว่า
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
จิวหลงเจียนก็กล่าวชี่นชมชงต๊ะต่อหน้าอาเหมยว่า "พี่ชงยังรอบคอบเช่นเดิม น้องแซ่จิวมิอาจไม่ยอมรับนับถือ"
เถ้าแก่หวงมอบห่อผ้าให้กับชงต๊ะ ภายในเป็นเงินขาวสุกปลั่งสิบแท่ง
กำชับว่า เป็นค่าผ่านทาง เก็บรักษาให้ดี
เส้นทางเดินวันนี้
- ทางเดินชายป่าเชิงเขา
- ทางเดินเลียบเขา *ด่านกองทัพธรรม
- ทางเดินเลียบเขา
- ที่ราบชายป่าเชิงเขา
-
ชงต๊ะขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือ แล้วเดินทาง
- ทางเดินชายป่าเชิงเขา

Rolled 1d10 : 7, total 7
-
ชงต๊ะสังเกตเห็นโจรสองคน ปรากฏตัวขึ้นขวางทาง
โจรคนนึงกล่าวว่า "พี่ชายสองคนเดินทางผ่านเขตของไต๊อ๋องเรา ไม่ทราบมีค่าผ่านทางหรือไม่"
-
"ไต๊อ๋องของพวกท่านมีนามว่ากระไรหรือ" ชงต๊ะเอ่ยถามก่อนกันพวกโจรต่างกลุ่มมาเนียน
-
ไต้อ๋องเรา ฉีซีหมิง ฉายาทวนทะยานฟ้า แม้แต่ภูติเทพยังครั่นคร้าม
-
ทางเดินเลียบเขา *ด่านกองทัพธรรม << ยังไม่ถึงใช่หรือไม่
หากยังไม่ถึง...
"พวกเจ้ากล่าวรหัสลับไม่ถูกต้อง ย่อมไม่ใช่กองทัพธรรมตัวจริง จะหลีกทางให้ข้า หรือจะยอมเจ็บตัว" ชงต๊ะให้สัญญาณน้องจิวเตรียมพร้อม
-
"มิเห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา โจรน้อยโอหังบังอาจนัก คงไม่คิดมีชีวิตสืบไป"
โจรทั้งสองคนชักมีด พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"บังอาจนัก คณะข้ามีนักดาบติดตามมาหลายสิบคน พวกเจ้ากล้าหรือ"
ชงต๊ะให้น้องจิวชักกระบี่ขัดขวาง ตนเองถอยไปหลบข้างหลัง ชูพลุสัญญาณ ถ้าโจรไม่หยุดก็จุดพลุเลย
-
โจรร้ายทั้งสองแยกย้ายกันเข้าจู่โจม พวกมันคงคิดว่าชงต๊ะขู่เฉยๆ
จิวหลงจีชักกระบี่ออกท่าเพลงเดียวก็สยบโจรร้ายคนแรกได้ โจรคนนั้นถูกกระบี่พาดขวางลำคอก็ยกมือยอมแพ้
โจรอีกคนเห็นชงต๊ะวิ่งหนีไปพลางจุดพลุสัญญาณไปพลาง
ก็วิ่งตามจ้วงมีดแทงใส่กลางหลังเขาแผลหนึ่ง บาดเจ็บ1
พลุสัญญาณถูกจุดขึ้นแล้ว สักพักกองหนุนคงติดตามมา
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะโดนแทงบาดเจ็บเหลือกำลัง เขาจึงเอาท่อนเหล็กตีเจ้าคนที่ยอมแพ้ให้สลบ
แล้วสลับให้น้องจิวที่เก่งกาจไปจัดการอีกคน...
-
ทำไม่ได้ ชงต๊ะที่ถอยหลังไปกับโจรวิ่งตามนั้นห่างมาจาก น้องจิวที่วิ่งเข้าไปสยบโจร ระยะหนึ่ง ไม่สามารถสลับตัวกันเช่นนั้นได้
โจรปาดมีดเข้าหาคอของเขา คาดว่าคิดสยบชงต๊ะเช่นกัน
-
ชงต๊ะจำต้องแสดงฝีมือจนได้สินะ
"ท่อนเหล็กเมตตา"
ตีโจร

Rolled 1d10+1 : 4 + 1, total 5
-
ชงต๊ะวาดท่อนเหล็กไปมา แต่ปวดแผลที่หลังไม่อาจใช้กระบวนท่าออกได้
โจรจ่อมีดที่ลำคอของเขา บอกให้ทั้งคู่รีบทิ้งอาวุธเสีย
หากมีของมีค่าก็ล้วงออกมาให้หมดสิ้น
กองหนุนมารึยัง
1-4 ยัง 5-7 กำลังมา 8-10 ถึงแล้ว

Rolled 1d10 : 8, total 8
-
มือดาบห้าคนที่หันตงสั่งให้รีบวิ่งมาช่วยเหลือ มาถึงทันเห็นเหตุการณ์นี้พอดี
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เจ้าโจรน่าจะหันไปมองมือปราบทั้ง 5 ชงต๊ะไม่รอให้มันจนตรอกแทงตัวเองฟรี ดังนั้นต้องซัดซะตอนนี้แหละ
เตะตัดขาแล้วตีหัว
-
"เจ้าคิดใคร่ตาย ยังไม่ทิ้งอาวุธอีก" พอชงต๊ะทำท่าจะเคลื่อนไหว โจรก็กดมีดกับคอเขาจนมีเลือดไหลซิบๆ ชงต๊ะจึงยังไม่กล้าขยับต่อ
"พวกเจ้าก็ถอยไปอย่าได้เข้ามา ทิ้งอาวุธซะ" โจรพูดกับมือดาบ จากนั้นบอกจิวหลงเจียนให้ปล่อยเพื่อนของตน แล้วทิ้งอาวุธ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร ถ้าจะยืนยันเช่นเดิม ต้องทอย+พละกำลัง มา
-
"เจ้าคิดว่าชายชาตินักรบเช่นข้ากลัวตายหรือ"
ชงต๊ะใช้ปลายนิ้วหมุนท่อนเหล็กฟาดด้วยความเร็วที่เหนือกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ

Rolled 1d10+1 : 3 + 1, total 4
-
โจรนั่นเตะท่อนเหล็กกระเด็นจากมือของชงต๊ะ
มีดกดกับลำคอเขาแรงขึ้น เลือดไหลรินจนทรวงอกของชงต๊ะเปียกชุ่ม บาดเจ็บ1
โจรยังคงข่มขู่เช่นเดิม
ทุกคนเห็นชงต๊ะบาดเจ็บสาหัสก็ตกตะลึง ไม่อาจตัดสินใจ
จิวหลงเจียนก็มิกล้าปลดปล่อยโจรเกรงจะทำให้ชงต๊ะเสียชีวิต
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"เจ้าโจรอ่อนหัด ถึงฆ่าข้าเสียที่นี่เจ้าก็ต้องตายเพราะมือดาบเหล่านั้น" ชงต๊ะเห็นว่าโจรยังปราณี ถือว่ามีความเมตตา ตนจึงเมตตาโจรบ้าง
เปลี่ยนมาเกลี้ยกล่อมโจร บอกว่าถ้ายอมถอยไปแต่โดยดีก็จะปล่อย สู้รักษาชีวิตเอาไว้ดีกว่าน้องชาย
ถ้าโจรยอมถอยก็บอกให้น้องจิวปล่อยโจรอีกคนไป

Rolled 1d10+1 : 5 + 1, total 6
-
โจรบอกว่าให้ปล่อยตัวพวกของตนก่อน จากนั้นพวกมันจะหนีเข้าป่าไปแล้วค่อยปลดปล่อยชงต๊ะ
ตกลงหรือไม่
-
ชงต๊ะมีเงินทองอยู่กับตัว เจ้าโจรหัวหมอนี่คิดจะชิงทรัพย์ให้ได้ หวังให้ข้าเจ็บตัวเปล่าหรือไร
ด้วยความหวงเงินยิ่งชีพ ชงต๊ะจึงฉวยโอกาสเล่นงานเจ้าโจรร้ายทีเผลอด้วยวิชาท่อเหล็ก
ข้ายังมีโชค ^-^

Rolled 1d10+1 : 7 + 1, total 8
-
ท่อเหล็กหลุดมือไปแล้ว ชงต๊ะได้แต่ดิ้นพรวดพราด
จนมีดของโจรแทงเข้าไปที่....

Rolled 1d6 : 4, total 4
1. คอ ตาย
2. แขน -1 กำลัง
3. ตา บอด -1 รับรู้
4. ขา เป๋ -1 รวดเร็ว
5. ศีรษะ สมองกระทบกระเทือน -1 ปัญญา
6. ใบหน้า เสียโฉม -1 เสน่ห์
ปล. เนื่องจากคาดว่าคงอ่านข้ามท่อเหล็กหลุด แต่ทอยมาแล้วก็ต้องรับผล
เนื่องจากโจรไม่คิดจะฆ่าชงต๊ะ (ตัวประกัน ถ้าตายมันก็ไม่รอด)
จึงตัดสินเหตุการณ์ตามบัญชาเจ้าพ่อแทน
-
ชงต๊ะดิ้นพรวดพราดจนทั้งคู่ล้มลง มีดของโจรปักเข้าที่เข่า จนเส้นเอ็นบาดเจ็บ (ความเร็ว-1)
โจรรีบถอนมีดมาจี้คอเขาเช่นเดิม
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"อ๊ากกก เข่าข้าา" ^-^
"เจ้าโจรน้อย แกคิดว่าชงต๊ะผู้นี้คือใครกัน ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จงรีบไปซะ แล้วข้าจะไม่เอาความ"
รอการตัดสินใจของโจร
ถ้าโจรยังดื้อด้านไม่ยอมอีกก็สั่งนักดาบให้เข้ามาจัดการมันได้เลย ชงต๊ะผู้นี้จะใช้วิชาสะกดกลั้นลมปราณต้านมีดเอง
-
โจรบอกว่าให้ปล่อยตัวพวกของตนก่อน จากนั้นพวกมันจะหนีเข้าป่าไปแล้วค่อยปลดปล่อยชงต๊ะ
ตกลงหรือไม่
-
ชงต๊ะยังคงไม่ตกลง ฝ่ายเขาได้เปรียบ หากโจรไม่รับข้อเสนอเขาก็พร้อมจะตายไม่ให้อายบรรพชนม์
"เจ้านั่นแหละยอมแพ้ซะ"
ใช้เสน่ห์ข่มขู่

Rolled 1d10+1 : 9 + 1, total 10
-
ชีวิตของชงต๊ะอยู่ในมือโจร ถ้าบอกว่าข่มขู่เฉยๆยังไงก็ไม่มีทางข่มขู่ให้โจรยอมแพ้ได้ ยกเว้นจะระบุมาว่าขู่ยังไง
สิ่งที่ทอยเต๋าได้ คือสิ่งที่มีโอกาสสำเร็จเท่านั้น นี่ไม่ใช่เกมทอยเต๋า
โจรบอกว่าชงต๊ะอยากรอดชีวิตพวกมันก็ต้องการรอดชีวิต หากไม่ทำตามที่บอกอย่าหวังรอดชีวิต
เงื่อนไขของโจรแค่ต้องการให้ปล่อยตัวพวกมันไป ถ้าหากพวกมันผิดสัญญาไม่ปล่อยตัวชงต๊ะย่อมถูกคนของชงต๊ะตามฆ่าเช่นกัน
แต่ถ้าปล่อยตัวชงต๊ะทันที มันก็ไม่มีอะไรต่อรองเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องให้พวกมันหนีไปก่อนจึงปล่อยตัวชงต๊ะ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะไม่ได้อยากรอดชีวิต ที่ทอยเต๋าคือขู่ให้โจรตัดสินใจว่าจะฆ่าเขา หรือจะปล่อยเขา (ไม่ได้หวังว่าจะ win-lose แต่หวังว่า ถ้าไม่ win-win ก็ lose-lose)
เห็นเจ้าโจรอดทนนี่ไม่ฆ่าเขาสักทีชงต๊ะก็ตกลง จะพาเขาไปในป่าก้ได้ แต่ต้องให้เขาเอาห่อใส่เงินโยนให้กลุ่มนักดาบรับไปก่อน
ถ้านักดาบได้ห่อใส่เงินแล้วก็ให้โจรพาตัวไป และให้น้องจิวปล่อยตัวได้
-
โจรก็ยินยอมตามนั้น โจรสองคนหนีไปได้
หันตงและกองคาราวานเดินทางติดตามมา
ทั้งคู่ก็ถูกต่อว่า ว่าเหตุใดเจอโจรแค่สองคนก็วุ่นวายถึงเพียงนี้
ถึงกับต้องจุพลุสัญญาณ
ชงต๊ะรู้สึกว่าชีวิตในบู๊ลิ้มช่างลำบากนัก เมื่อไหร่จะได้พบความสุขสมหวัง ความมุ่งมั่น-3
ชงต๊ะบาดเจ็บหนักเลยถูกหามมานอนเกวียนพยาบาล
หลิวจีหลันและอาเหมยก็มาดูอาการของเขา
หันตงบอกว่าวันนี้ชงต๊ะคงไม่ไหวแล้ว
ชงต๊ะจึงตัดสินใจว่า....
ให้มือดาบสักคนไปคู่กับจิวแทน
ให้จีหลันไปคู่กับจิว
ให้อาเหมยไปคู่กับจิว
ทายาแล้วไปคู่กับจิวเอง
อื่นๆ
-
ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว ชงต๊ะไว้ใจน้องจิว ส่งมือดาบไปช่วยคนนึง ส่วนตัวเองพอกยาแล้วนอนบนเกวียน
-
หลิวจีหลันสอนวิธีการพอกยาสมานแผลและพันแผลให้กับอาเหมยโดยใช้ชงต๊ะเป็นหุ่น +1HP
อาเหมยถามชงต๊ะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมได้รับบาดเจ็บ
ที่แท้เกวียนพยาบาลอยู่ด้านหลัง หารู้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ คนอื่นๆก็ไม่ได้บอกเพราะกลัวชงต๊ะอับอาย
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะคาดว่าต้องไปเลี้ยงสุราให้พวกพี่น้องทั้งหลายตอบแทนสักหน่อยที่ไม่บอกว่าเขาแพ้โจรที่มาดักปล้น
"มีกองโจรบุกจู่โจมลอบเล่นงานพวกเราทีเผลอ พวกมันมีจำนวนมาก เจ้าหัวหน้าโจรก็ฝีมือร้ายกาจ กว่าจะขับไล่ไปได้ก็แทบแย่" ชงต๊ะเล่าให้ฟังอย่างหน้าทน
"แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป น้องจิวไม่ได้รับอันตรายอันใด" บอกหลิวจีหลันด้วยว่าไม่ต้องห่วง ถ้านางอ้าปากจะถามต่อก็กระซิบบอกว่า ช่วยรักษาหน้าข้าทีเถิด
-
หลิวจีหลันก็รับคำแล้วกล่าวว่า "คาดว่าพี่ชงบุกตลุยแต่ผู้เดียว คนอื่นๆจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ"
อาเหมยก็มีท่าทีชื่นชมเขามากขึ้น
บ่ายแล้ว ในเกวียนพยาบาลมีแค่พวกเขาสามคน
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
คุยกับอาเหมย ถามว่าเถ้าแก่ใช้เส้นทางเดิมค้าขายตลอดหรือไม่ มีศัตรูที่เถ้าแก่พูดถึงบ้างไหม พี่สาวของนางมีครอบครัวกันหมดหรือยัง คนที่มีครอบครัวเพราะเถ้าแก่เลือกคู่ครองให้หรือว่านางเลือกเอง ถามต่ออีกด้วยว่าเถ้าชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดบ้างไหม เขาจะได้พึงระวัง
แล้วหันไปถามหลิวจีหลันด้วยว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ยังต้องการร่ำเรียนวิชากระบี่ไปพร้อมจิวหลงเจียน หรือคิดจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
-
อาเหมยบอกว่าไม่ทราบ เพิ่งเคยแอบติดตามมา แต่บิดามักไปกลับระหว่างเมืองเดิม คาดว่าใช้เส้นทางเดิม
อาเหมยไม่ทราบเรื่องศัตรู พี่สาวล้วนมีครอบครัวแล้ว บิดาเป็นผู้เลือกให้ แต่กับพ่อค้าหรือกงจื๊อรุ่มรวย
บิดาชื่นชอบ อำนาจ เงินทอง เกลียด ความยากจน
หลิวจีหลันกล่าวว่า "ข้าพเจ้าย่อมต้องตอบแทนพระคุณอาจารย์ก่อน ผู้อื่นกำพร้าบิดา หากไม่ได้รับอนุญาติจากซือแป๋ มิกล้าแต่งงาน"
-
ชงต๊ะเลือดอาบ มีลูกศรมายาปักหัวถึงสามดอก เขียนว่า ไม่รวย ยากจน ขายเต้าฮวย
กะว่าจะพาอาเหมยหนีตามกัน พอได้ยินน้องหลิวกล่าวแล้วชงต๊ะก็หยุดคิด
จริงซีนะ อาเหมยก็ย่อมต้องคิดเช่นเดียวกัน หรือหากนางมิคิดชงต๊ะที่อายุอานามรุ่นพ่อก็ต้องคิดอ่านเฉกเช่นเถ้าแก่
เช่นนั้นแล้วชงต๊ะคงต้องหาทางสร้างฐานะจนร่ำรวยให้ได้หากหมายปองอาเหมยด้วยความบริสุทธิ์ใจ
เนื่องจากร่วมเกวียนเดียวกับสองสาวที่คิดต่าง ชงต๊ะจึงลำบากจะกระทำสิ่งใด เขาใช้เวลานี้บอกให้ทั้งสองพักผ่อน เผื่อว่าคืนนี้อาจจะอดนอนได้
ส่วนตัวเองก็พักผ่อนด้วย
-
ทั้งหมดนอนพักจนถึงตอนเย็น ปรากฏว่าไม่มีเหตุร้ายใดๆ
+1HP +1SP
จิวหลงเจียนแวะมาเยี่ยมอาการและเล่าให้ชงต๊ะฟังว่าหลังจากจ่ายค่าผ่านทาง ทางกองทัพธรรมก็บอกว่าไม่รู้จักโจรสองคนนั้น
คาดว่าคงเป็นพวกที่แอบอ้างคอยหลอกลวงคนผ่านทาง กองทัพธรรมสัญญาว่าจะเข้มงวดกวดขันมากขึ้น
อีกไม่นานจะถึงลานชายป่าที่กองทัพธรรมจัดไว้ให้คณะเดินทางพัก
ชงต๊ะจะทำอะไรหรือไม่
-
ขอบคุณน้องจิวที่ทำให้การเดินทางราบรื่น ถึงอย่างไรก็บอกน้องจิวว่าอย่าประมาท เราอยู่ในถิ่นกองโจรที่ปล้นชิงผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางพวกนี้
ชงต๊ะรอจนถึงลานแล้วจึงเดินวนรอบๆ พิจารณาว่ามีกองทัพธรรมรายล้อมหรือไม่ ถ้ามีแล้วแลดูมากสักเท่าใด ลานนี้มียุทธศาสตร์เช่นไร ด่านของกองทัพธรรมมีความเข้มแข็งเพียงใด บริเวณลานนี้มีโอกาสโดนลูกหลงจากทหารที่ยกมาตีกับกองทัพธรรมไหม
-
จิวหลงเจียนบอกว่า กองทัพธรรมส่งคนมาอำนวยความสะดวก เป็นกองทหารสิบคนหมู่หนึ่ง ทำหน้าที่เบิกทาง
เขาจึงมีเวลามาเยี่ยมชงต๊ะ แต่ความคิดระมัดระวังคนมิอาจไม่มี เขาจะรีบกลับไปทำงานต่อ
เดินทางจนถึงลานกว้างตอนค่ำ ไม่มีเหตุร้ายใดเกิดขึ้น
ทหารของกองทัพธรรมหมู่นั้นก็ช่วยทำหน้าที่เฝ้ายามให้กองคาราวาน
ลานกว้างอยู่ทางเหนือ หากกองทหารยกมาจากทางใต้ คงถึงด่านก่อนไม่น่าโดนลูกหลง
ชงต๊ะจะทำอย่างไรต่อ
-
ชงต๊ะใช้เวลานี้เดินวนดูรอบๆ ถ้ามีกองทัพธรรมก็ซักถามพูดคุยเกี่ยวกับกองทัพว่าเป็นอย่างไรบ้าง ช่วงนี้มีโจรชุกชุมนัก "พวกเราถูกมันดักเล่นงานย่ำแย่"
คุยไปเรื่อย ถามทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป้าหมาย หัวหน้าเป็นชายหรือหญิง เรื่องราวของหัวหน้าเป็นมาอย่างไร เมตตาลูกน้องไหม ได้ข่าวว่ารบกับกองทหารครั้งก่อนมิทราบว่าเป็นกระไรบ้าง
-
ชงต๊ะคุยกับหัวหน้าหมู่ของกองทัพธรรม ได้ความว่า แม้แต่ในหมู่ของกองทัพธรรมก็ไม่ได้กลมเกลียวกัน
ยังมีคนอีกมากที่คิดเป็นโจร ไม่ได้คิดชูธงธรรมอย่างแท้จริง หัวหน้าใหญ่ ท่านฉีซีหมิง กำลังพยายามปราบปราม
หัวหน้าใหญ่ฉีซีหมิงฉายาทวนทะยานฟ้า เชี่ยวชาญบุ๋นบู๊ ย่อมเป็นชาย เขามีอุดมการณ์เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
หัวหน้ารอง ฉางซานฉายามีดอสรพิษ เป็นกุนซือของกองทัพธรรม มีปัญญาเฉียบแหลม
หัวหน้าสาม ค้อนพสุธาหม่าหลุน มีพลังมหาศาล
ทหารทางการที่รบแพ้เมื่อวันก่อนส่วนใหญ่ถูกจับไว้ที่ค่ายบนเขา บ้างก็ยอมจำนน บางส่วนแตกพ่ายหนีไป
-
ชงต๊ะรู้สึกเลื่อมใสนัก ถามต่อว่าหากประสงค์เข้าร่วมกองทัพธรรมข้าต้องทำเช่นไรบ้าง
ซักถามจบแล้วก็ดูเวลาว่าดึกหรือยัง
เดินกลับไปที่แค้ม พิจารณาว่าอาเหมยหลับนอนหรือยัง
-
ชาวบ้านทั่วไปที่ต้องการเข้าร่วมในฐานะพลทหาร เพียงทำพิธีสาบานตนก็เพียงพอ ทางกองทัพธรรมจะจัดสรรสังกัดให้
แต่ถ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้มีความสามารถ ต้องผ่านการทดสอบ จะมีสิทธิเข้าพบคนระดับหัวหน้า และแต่งตั้งตำแหน่งที่เหมาะสม
เวลาเป็นยามดึกแต่แรก อาเหมยน่าจะเข้านอนแล้ว ใกล้จะเช้าแล้ว
-
รีบไปนอน...
-
ไม่ทันแล้ว เดินมาถึงเตียง พระอาทิตย์ก็ขึ้น
ตอนเช้า หันตงเรียกประชุมเหล่าผู้คุ้มกัน
"ผู้คุ้มกันทุกท่าน วันนี้พวกเราจะเดินทางไปที่ด่านเพ็กง้วนกวน"
"ที่นั่นเคยเป็นด่านกั้นระหว่างแคว้นเว่ยและแคว้นฉีในยุครณรัฐ"
"ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่สามารถใช้เป็นที่พักได้"
"วันนี้มีงานดังนี้ ใครจะอาสาทำอะไรบ้าง"
- หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
ชงต๊ะจะรับงานอะไรและแบ่งงานอะไรให้ใคร หรือเสนออะไรไหม
-
เสนอให้จัดกำลังคนดังนี้
หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หลิวจีหลัน
- จิวหลงเจียน
หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- อาตง
- นักดาบ 9 คน
หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- อาเหมย
- ชงต๊ะ
หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
- นักดาบ
คราวนี้ชงต๊ะให้น้องจิวกับน้องหลิวได้เดินทางด้วยกันเพื่อจะได้ใช้เวลาร่วมกัน โดยบอกหันตงว่าทั้งสองเก่งกาจฉลาดเฉลียวยามที่อยู่ด้วยกัน
ส่วนตนเองจะรั้งท้ายชี้แนะบทเรียนต่างๆ กับอาเหมยเอง
-
ชงต๊ะเดินร่วมกับอาเหมยที่แนวหลัง ทหารของกองทัพธรรมสิบนายก็ติดตามมาส่งด้วย
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยกล่าวอย่างแง่งอนว่า "สองวันแล้วแต่ท่านยังไม่สอนวิชายุทธให้กับข้าแม้แต่ท่าเดียว ผู้อื่นไม่ชมชอบท่านแล้ว"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ตามมาทำม้ายย ^-^
"แล้วเจ้าล่ะ ยังชมชอบข้าอยู่หรือไม่ หรือเจ้าหลงลืมรสจูบครั้งนั้นเสียแล้ว" กล่าวพลางจับจ้องอาเหมย
-
หัวหน้าหมู่บอกว่าจะตามอารักขาถึงสุดเขตกองทัพธรรม สายๆก็ถึง
อาเหมยบอกว่าท่านอาจารย์รุ่มร่ามนัก หากท่านพ่อทราบเข้าจะต่อว่าได้
ปลในสำนวนนิยายจีน ผู้อื่นเปนคำแทนตนเองได้ ประมาณเค้าหรือตะเอง
-
"เอาอย่างนี้ คืนนี้เจ้ามาพบข้า ข้าจะฝึกวรยุทธ์ขั้นพื้นฐานให้เจ้า"
"แต่อย่าบอกใครล่ะ ข้าเกรงว่าจะมีคนมาแอบดูและลักจำวิชาของข้าไปสร้างความชั่วช้าได้"
พูดไปก็พิจารณาไปว่าเขาจะสอนยังไงให้เธอฝึกได้ อย่างน้อยก็ฝึกเพิ่มพละกำลัง
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยท่าทางดีอกดีใจ พูดว่า"เกี่ยวก้อยสัญญา หากผิดคำพูดต้องกลืนเข็มพิษพันเล่ม"
แล้วจับนิ้วก้อยชงต๊ะไปเกี่ยวนิ้วก้อยของเธอ
ชงต๊ะคิดว่าถ้าให้วิดพื้นพันครั้ง ใครๆก็ร่างกายแข็งแรงได้ (+1HPmax)
สายแล้ว ทหารของกองทัพธรรมร่ำลาจากไป
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
มองดูสองฟากทางเดินไปเรื่อยๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง พลางคุยไปเรื่อยๆ
ถามอาเหมยว่าเถ้าแก่มีเลือกใครเตรียมไว้เป็นคู่ครองอาเหมยหรือยัง
-
เนื่องจากอยู่ท้ายขบวน คนที่นำไปก่อนจึงจัดการกับพวก โจร งูพิษ หินถล่ม ที่โผล่มาไปจนหมดแล้ว
ชงต๊ะสามารถพูดคุยได้อย่างสบายใจ
พอพูดถึงคู่ครอง อาเหมยก็บอกว่านางยังเด็กนัก มิคิดมีคู่ครอง บิดาก็ยังมิได้จัดหาผู้ใด
อาเหมยบอกว่าอยากมีคู่ครองเป็นจอมยุทธ์ที่องอาจหาญกล้า
-
ต้องเก่ง และเชี่ยวชาญชำนาญสินะ ชงต๊ะทบทวนคำในใจ
แถมตอนนี้ก็ไม่รวยอีกต่างหาก เท่ากับว่าถ้าเขาไม่เก่งคงหมดหวังแน่ ดังนั้นต้องเก่งก่อน
ถ้าสองข้างทางปลอดภัยดีก็เดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย คืนนี้จะได้ฝึกซ้อมกัน
-
บ่ายแล้ว ได้ยินเสียงระส่ำระสายดังมาจากด้านหน้าขบวนคาราวาน
มีมือดาบเดินมาบอกชงต๊ะว่า หลิวจีหลันกับจิวหลงเจียน ที่ล่วงหน้าไปพบว่าด่านเพ็กง้วนกวน
ถูกยึดครองโดยกองโจรไม่ทราบฝ่าย ตอนนี้ที่กลางขบวนกำลังถกปัญหาเรื่องนี้อยู่
หันตงให้มาเชิญชงต๊ะไปให้ความเห็น
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ให้มือดาบที่มาตามเฝ้าตำแหน่งนี้แทนตัวเองกับอาเหมย จากนั้นกลับไปพบหันตง แล้วให้มือดาบลงไปช่วยระวังหลังอีกคน
-
ชงต๊ะจัดการตามนั้น
จิวหลงเจียนกับหลิวจีหลันรายงานว่าพบพวกกองโจรมีกำลังราวสิบกว่าคน
ตั้งค่ายอยู่ที่ซากด่านเพ็กง้วนกวน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง
หันตงบอกว่าโจรสิบกว่าคนพวกเราน่าจะพอจัดการได้
แต่เถ้าแก่หวงคิดว่าให้ไปเจรจาก่อน ยอมจ่ายค่าผ่านทางน่าจะดีกว่า
แต่ถ้าต้องเสียเงินเพิ่ม ต้องขอลดค่าแรงเหล่ามือดาบ
ชงต๊ะจะเสนออย่างไร
-
ชงต๊ะทำงานฟรีอยู่แล้วนี่นะ จริงๆ แล้วถ้าลุยกันเลยมีคนตายค่าแรงก็จะเยอะขึ้นรึเปล่า... แต่ช่างเถอะ เงินแค่นี้ไม่ทำให้เรามีภรรยาได้แน่
"ข้าเห็นควรว่าเราไม่ควรจ่ายเงินให้กับโจรง่ายๆ มิเช่นนั้นโจรมิเต็มบ้านเต็มเมืองหรือ"
เสนอว่าตนเองจะขอไปเจรจาพาทีดูก่อนว่าสมควรจ่ายเงินให้พวกโจรหรือไม่
-
ชงต๊ะอาสาไปเจรจากับโจร จะพาใครไปด้วยไหม
-
ไปกับน้องจิว ไปถึงแล้วพิจารณาการแต่งตัวของโจร อาวุธ และยุทธศาสตร์ก่อน ไม่ใช่วิ่งไปแล้วเจอหินทับแบนหมดนี่ไม่ไหวแน่
-
จิวหลงเจียนตอนนี้แกะเฝือกอ่อนออกแล้ว มีฝีมือดังเดิม
เขาพาชงต๊ะลอบเข้าไปใกล้กับกำแพงด่าน
ภายในเป็นค่ายของพวกโจร พวกมันแต่งตัวแบบชาวนา ส่วนใหญ่ใช้อาวุธเป็นจอบเสียม
มีเพียงคนที่ท่าทางเป็นหัวหน้าคนเดียวที่มีดาบ เท่าที่เห็นมีโจรอยู่สิบหกคน พวกมันอยู่ในระหว่างพักผ่อน
ไม่มีทีท่าเตรียมพร้อมรบ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
คงไม่ใช่ว่าเป็นกองทัพธรรมมาตั้งค่ายที่นี่หรือ ชงต๊ะชั่งใจไปพลางคิดถึงสิ่งที่ผู้หมู่เล่าให้ฟังว่ามีสมาชิกหลายคนริทำตัวเป็นโจร หรือจะเป็นพวกนี้
ถ้าไปเจรจา พวกนี้รู้ตัว แล้วเป็นโจรจริง พวกเราคงแย่
แต่ถ้าจู่โจมเลย ยังไงก็ได้เปรียบ ต่อให้เล่นงานผิดก็ไว้ขอโทษทีหลังเอา
ถามจิวหลงเจียนว่าคนถือดาบนั่น น้องจิวรับมือคนเดียวไหวหรือไม่
พลางมองดูทางเดินที่ทอดยาวตรงเข้าไปในด่านว่ามีกอหญ้าบนพื้นไหม สองฟากมีที่ให้ซุ่มไหม บนกำแพงมีใครอยู่หรือเปล่า
-
จิวหลงเจียนบอกว่าถ้าเป็นตัวต่อตัวมั่นใจว่าเอาชนะได้ แต่ถ้าถูกกลุ้มรุมก็ไม่อาจระบุมั่น
ทางเดินเข้าด้านมีหญ้าขึ้นแต่ไม่ถึงกับใช้ซ่อนตัวได้ มีเศษหินพอทีจะไปหลบข้างหลัง ไม่พบใครบนกำแพง
-
ชงต๊ะตัดสินใจแล้ว เราจะบุกเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว ถึงอีกฝ่ายจะมีมากกว่า แต่มีเพียงจอบเสียมหรือจะสู้นักดาบและจอมยุทธ์ได้
ถึงจะเป็นห่วงว่าหญ้าที่พื้นจะเป็นหลุมก็เถอะ แต่ถ้าไม่ไปเหยียบก็พอ
ให้จิวหลงเจียนเฝ้าดูไว้ จากชั้นชงต๊ะกลับไปแจ้งกล่าวว่าพวกโจรมีจำนวนสิบกว่าคน ทั้งยังพักผ่อนไม่ระวังตัว เราควรรีบจู่โจมทีเผลอ
-
ทุกคนก็เห็นดีด้วย หันตงบอกว่าเขากับมือดาบสามคนจะอยู่เฝ้ากองคาราวาน
คนที่เหลือให้ชงต๊ะคัดเลือกไปบุกจู่โจมได้
อาเหมยก็งอแงขอไปดูเหตุการณ์ด้วย
ชงต๊ะจะจัดกำลังจู่โจมอย่างไร พาอาเหมยไปไหม ให้ใครสู้กับใครบ้าง
ฝ่ายศัตรูประกอบด้วย
หัวหน้าถือดาบ x1
รองหัวหน้าถือมีด x3
สมุนถือจอบเสียม x12
-
หันตงไม่ไปไม่พอยังเอามือดาบไว้กับตัวอีก 3 คนเชียว...
ชงต๊ะจำต้องจัดกำลังอย่างตั้งอกตั้งใจที่สุด
พิจารณาว่าอาเหมยมีความสามารถเช่นไร hp 3 หรือไม่
มือดาบทั้งหลายล่ะ hp เท่าไหร่
-
เป็นการต่อสู้แบบตะลุมบอน ไม่ต้องใช้ข้อมูลเหล่านั้น
อาเหมย หญิงสาวที่ฝึกวิชาเสริมความแข็งแรงขั้นพื้นฐาน HP=2 ไม่มีอาวุธ
มือดาบ ตัวประกอบไร้หน้าระดับลูกจ๊อก HP=1 ใช้ดาบ
-
ถือว่าฝึกประการณ์จริงให้อาเหมย ตกลง แต่ให้ไปดูเฉยๆ จากวงนอก
หัวหน้าถือดาบ x1
ชงต๊ะ หลิวจีหลัน สองรุมหนึ่งสไตล์ชงต๊ะ
รองหัวหน้าถือมีด x3
จิวหลงเจียน รับมือ 2
และนักดาบ 1 คน รับมืออีกหนึ่ง
สมุนถือจอบเสียม x12
นักดาบ 6 คน
-
ชงต๊ะจัดวางกำลังให้โอบล้อมพวกโจรเอาไว้ จากนั้นให้สัญญาณจู่โจมพร้อมๆกัน
นักดาบหกคนจัดการตัดศีรษะโจรหกนายที่ไม่รู้ตัวจนเสียชีวิต
โจรอีกหกนายถือจอบเสียมวิ่งเข้ามาต่อสู้กัน
มือดาบ
Rolled 6d2 : 1, 2, 1, 2, 2, 2, total 10
ถ้าทอยได้2จะชนะ ทอยได้1จะแลกชีวิตกัน
จิวหลงเจียนกับมือดาบก็จัดการโจรระดับรองหัวหน้าที่ไม่รู้ตัวไปสองคน
ก่อนจะเข้าไปต่อสู้กับคนที่เหลือ
ในเวลาเดียวกัน
ชงต๊ะกับหลิวจีหลันก็พุ่งเข้าหาหัวหน้าโจร
หัวหน้าโจรนั่งอยู่กลางวง พอเห็นลูกน้องถูกสังหารก็รู้ตัว รีบชักดาบออกมาถือไว้
กล่าวว่า"ผู้ใดกัน กล้ากระตุกหนวดเสือ วันนี้บิดาขอสู้ตาย"
ชงต๊ะวิ่งเคียงข้างกับหลิวจีหลัน เห็นหัวหน้าโจรหันมาเผชิญหน้า เขาจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะถอยไปยืนข้างหลังหลิวจีหลันก่อนแล้วจึงประกาศนาม "ข้าคือชงต๊ะหัวหมู่ปราบกบฎแห่งกองทัพธรรม นำกำลังมาปราบโจรโฉดเช่นเจ้า จงยอมแพ้เสียแล้วข้าจะไว้ชีวิต"
พิจารณาดูซิว่าโจรชั่วร้ายท่าทางลังเลบ้างไหม
-
หัวหน้าโจรเห็นพวกพ้องถูกสังหาร ทั้งตกอยู่ในวงล้อม คิดว่ายากจะมีชีวิตรอดได้
ชงต๊ะประกาศนามกองทัพธรรม หากคิดไว้ชีวิตพวกมันจริงก็ไม่สมควรบุกเข้ามาเช่นนี้
มันกล่าวว่า "ผายลม แน่จริงก็เข้ามาต่อสู้กันซึ่งหน้า วันนี้บิดายอมเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์"
กล่าวจบก็ตวัดดาบฟันใส่หลิวจีหลัน
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เมื่อครั้งประหัตประหารกับเสือ ชงต๊ะพลาดพลั้งไป ครานี้ล่ะ เขาจะไม่เอาแต่วิ่งอีกแล้ว
ใช้ทักษะบัญชาการ ให้หลิวจีหลันสู้กับเจ้าหัวหน้าโจร 1 SP
หลิวจีหลันแทงโจร

Rolled 1d10 : 7, total 7
-
หลิวจีหลันชักกระบี่เข้าต่อสู้ โดยมีชงต๊ะคอยชี้แนะอยู่ด้านหลัง
เธอร่ายรำกระบี่กรีดเป็นวงทิ่มแทงถูกท้องน้อยของหัวหน้าโจรโลหิตมากมายทะลักออกมา มันบาดเจ็บ2 HP1/3
โจรร้ายกัดฟันทนรับความเจ็บปวด ควงดาบตวัดใส่หลิวจีหลันเข้าที่ต้นแขนซ้ายของหญิงสาวจนเป็นแผลเปิดกว้าง หลิวจีหลันบาดเจ็บ2 HP1/3
หลิวจีหลันกล่าวว่า"หัวหน้าโจรร้ายกาจนัก พี่ชงช่วยคอยคุ้มครองข้าพเจ้าที"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"วางใจเถิดน้องหลิว" ชงต๊ะเอาท่อเหล็กออกมาร่ายรำคุ้มกันไปพลางร้องเรียกให้คนที่ว่างมือมาช่วยทางนี้
หลิวจีหลันแทง
เพลงกระบี่+1, บัญชาการ +1

Rolled 1d10+2 : 6 + 2, total 8
-
ชงต๊ะร่ายรำท่อเหล็กเข้าไปรับดาบที่หัวหน้าโจรฟันมา ปล.ไม่อาจบัญชาการและป้องกันไปพร้อมๆกันได้
แต่ท่อเหล็กอย่างไรก็ไม่สามารถต้านทานดาบที่หนักกว่าได้
ชงต๊ะถูกดาบฟันเข้าที่หน้าอกเป็นบาดแผลยาวสายหนึ่ง บาดเจ็บ2
หลิวจีหลันก็อาศัยจังหวะนั้น ทิ่มแทงกระบี่ใส่ขั้วหัวใจของหัวหน้าโจร ปลิดชีวิตของมัน
ทางด้านคนอื่นๆก็สามารถสังหารพวกโจรได้จนหมดสิ้นพอดี
มีมือดาบสองคนที่เสียชีวิตไป
+2EXP
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยวิ่งเข้ามาดูอาการของชงต๊ะ
"ท่านอาจารย์ เป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดอยู่ดีๆก็เอาตัวเข้าไปรับดาบ นั่นเป็นวิชาฝีมืออันใดกัน"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"ข้าเกรงว่าน้องหลิวจะเป็นอันตรายจึงมิอาจอยู่เฉย"
กระซิบบอกอาเหมยว่าเขาเลือกให้น้องหลิวมาสู้กับเจ้ามือดาบที่ฝีมือร้ายกาจนี่เพื่อให้นางมั่นใจในตัวเอง ว่าตัวเองเก่งกาจมากแค่ไหน
ถ้าขืนตัวเองแสดงฝีมือปราบโจรเสียเองแล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่า
แล้วก็เก็บดาบโจรมาด้วยถ้าเก็บได้
-
ชงต๊ะได้รับ ดาบเหล็ก AT+2 หนัก:-1เมื่อทอยโจมตี คม:ตัดของเล็กๆได้
มือดาบจัดการนำศพของพวกตนไปกลบฝัง และเอาศพของโจรไปโยนทิ้งไกลๆ
ชงต๊ะส่งคนไปแจ้งข่าวให้กองคาราวานติดตามมา
พวกเขาจึงตั้งค่ายพักแรมในบริเวณด่านแห่งนี้
ค่ำแล้ว ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ตามสัญญา ถึงจะบาดเจ็บแต่ก็ต้องสอนวิทยายุทธ์ล่ะนะ
ไปพบอาเหมยเพื่อชวนมาฝึกวิทยายุทธ์
-
อาเหมยแอบออกจากกระโจมมาพบชงต๊ะที่กำแพงด้านหลังด่าน
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์ ข้ามาแล้ว
-
"เจ้าแอบออกมาเช่นนี้ถ้าเถ้าแก่รู้เข้าเจ้าจะถูกดุได้" ชงต๊ะเป็นห่วงอาเหมยจึงเตือนเธอ
พิจารณาว่าบริเวณนี้เป็นอย่างไร ที่โล่งไหม ช่องทางที่คนจะเดินออกมาอยู่บริเวณไหนบ้าง แล้วติดป่าหรือไม่ (กลัวเสือ)
-
พวกเขาอยู่ที่ข้างกำแพงฝั่งด้านนอกของด่าน ไม่ใช่ที่ที่จะมีคนทั่วไปผ่านมา
อยู่ห่างจากป่าพอสมควร มีเพียงแสงไฟจากโคมเจ้าพายุที่อาเหมยนำมา
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์เป็นคนบอกเองมิใช่รึ ว่าอย่าได้บอกใคร เพราะกลัวจะถูกแอบดูการฝึก
ท่านอาจารย์จะสอนวิชากำลังภายในพื้นฐานให้ข้าใช่หรือไม่
-
"เช่นนั้นก็เริ่มกัน"
ชงต๊ะเดินหาท่อนไม้สักท่อนที่ใหญ่พอกระบี่และคนที่มีแรงมากกว่าปกติจะฟันหัก
เอากระบี่ออกมาฟันฉับจนมันหักสะบั้น เพื่อแสดงให้อาเหมยเห็นว่าผลการฝึกพลังกายจะแสดงผลได้เช่นไร
(ชงต๊ะมีทักษะพลังกาย น่าจะทำให้อาเหมยตื่นตะลึงได้มากกว่าทำอย่างอื่นที่ไม่มีโบนัส)
"ถ้าเจ้าฝึกสำเร็จเจ้าก็จะทำได้เช่นกัน"
จากนั้นก็ให้อาเหมยวิดพื้น 1000 รอบ ฝึกพลังกาย นั่งดูไปด้วยว่านางทำได้ครบ หรือหยุดที่ครั้งที่เท่าไหร่ แต่จากที่รู้มาเดี๋ยวนางก็คงเลิกล้ม
-
ชงต๊ะชักดาบออกมาฟันต้นไม้เล็กๆจนขาดกลางในดาบเดียว
จากนั้นบอกว่าพื้นฐานของวิชาฝีมือคือการฝึกพลังกาย
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ถ้าวิดพื้นพันรอบข้าก็จะทำแบบนั้นได้สินะ" อาเหมยหัวเราะชอบใช้
.... ครึ่งชั่วยามผ่านไป
"อาจารย์ข้าวิดพื้นครบพันรอบแล้วใช่ไหม ไม่งั้นก็ขาดไม่เยอะหรอก" อาเหมยกล่าวไปหอบไป
ชงต๊ะคิดว่านับยังไงก็ไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ
"ข้าปวดแขนเหลือเกิน" อาเหมยลุกขึ้นมานั่ง นวดไหล่ตนเองไปมา เหงื่อพราวผุดขึ้นเต็มใบหน้าของนาง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
จะบอกว่าไม่ถึงก็กระไรอยู่ :(
ชงต๊ะลองพิจารณาดูว่าถ้าหมั่นวิดพื้นวันละ 50 รอบ ซิทอัพอีก 50 รอบ วิ่งอีก 50 รอบ ฯลฯ สั่งสมกันจนครบพันครั้งจะสำเร็จได้เช่นกันไหม
"นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นเจ้าก็บ่นเสียแล้ว" ชงต๊ะไปนั่งข้างๆ แล้วช่วยนวดไหล่ นวดไปนวดมาใบหน้าก็ขยับมาใกล้กัน
-
ชงต๊ะคิดว่าอาเหมยยังขาดประสบการณ์ จึงยังฝึกไม่สำเร็จ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ทะ..ท่านอาจารย์ ใบหน้าข้ามีอะไรติดอยู่ เหตุใดขยับเข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้"
อาเหมยใบหน้าแดงดั่งผลท้อ แต่ยังยื่นมือมาผลักไสหน้าอกชงต๊ะเบาๆ
เขาจะทำอย่างไร
-
จริงสินะ ไม่มี exp จะฝึกได้อย่างไร ชงต๊ะคิดว่าน่าจะต้องพาอาเหมยไปหาประสบการณ์เสียก่อน
"ข้าคิดว่าเจ้ายังขาดประสบการณ์ หากไร้ประสบการณ์ก็ยากจะสำเร็จ" จับไหล่อาเหมย จ้องมองในดวงตา
"เจ้าอยากได้ประสบการณ์ไหม"
ไม่รอคำตอบ จูบให้ดูดดื่มกว่าเดิม
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ทะ.." อาเหมยดิ้นรนขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็โอนอ่อนผ่อนตาม
เมื่อชงต๊ะถอนจูบ อาเหมยก็ถามว่า "นะ นี่เป็นวิชาดูดลมปราณใช่หรือไม่ ท่านทำเช่นนี้คราใดข้ารู้สึกแขนขาอ่อนแรงทุกครั้ง"
-
"มิได้ วิชาดูดลมปราณเป็นวิชามาร หาใช่หนทางของยอดยุทธ์ฝ่ายธรรมะ ที่เจ้าอ่อนแรงอาจเพราะเจ้ายังไร้ประสบการณ์"
ชงต๊ะบอกอาเหมยต่อว่าวิชานี้จะสำเร็จได้ชายหญิงต้องเปลื้องผ้าทั้งสองฝ่าย สวมกอดกัน เปิดเผยหัวใจแก่กันและกัน
ว่าแล้วก็จูบให้อ่อนแรงคลายการต่อต้าน ก่อนจะปลดชุดของอาเหมยออกช้าๆ เพื่อไม่ให้นางตื่นตกใจ ถ้าไม่ขัดขืนต่อต้านก็ทำให้อาเหมยตกเป็นของตัวเองเสียเลย
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ชะ..ช่างอนาจารนัก ข้าไม่ขอฝึกฝนวิชาเช่นนี้" อาเหมยไม่ยอมให้จูบอีก ลุกขึ้นยืน ถอยห่างออกจากชงต๊ะ
"ท่านอาจารย์หลอกลวงข้าหรือไม่ ข้าต้องขอไปสอบถามพี่จิวพี่หลิวดูก่อน"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"ทั้งสองก็คงกำลังฝึกวิชาเดียวกันนี้ เจ้าอยากเห็นด้วยตาตนเองก็ย่อมได้"
ชงต๊ะถามก่อน ถ้าอยากเห็นจริงๆ ก็ค่อยพาอาเหมยแอบๆ วนดูตามที่ลับตา...
-
ทั้งคู่ลอบเดินดูตามที่ลับตาก็พบจิวหลงจีกับหลิวจีหลันกำลังเปลือยกายพลอดรักกันจริงๆ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ที่แท้พี่ทั้งสองมีวิชาฝีมือสูงส่งเพราะฝึกวิชาเช่นนี้เอง"
-
"แล้วเจ้าล่ะ ต้องการฝึกหรือไม่" ชงต๊ะเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากปลีกตัวมาห่างไกลจากทั้งสอง
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ข้ากลัวยิ่งนัก มีวิชาอื่นให้ฝึกฝนแทนได้หรือไม่
-
"ไม่ได้ เจ้าต้องฝึกวิชานี้วิชาเดียวเท่านั้น" ^-^
ชงต๊ะจับคางครุ่นคิด
ถ้าทำให้อาเหมยตกเป็นของเขา นางจะหลงไหลในตัวของเขาหรือไม่
ใช้ความคิด

Rolled 1d10+1 : 6 + 1, total 7
-
-1SP
ชงต๊ะวิเคราะห์ว่า อาเหมยหลงใหลในเรื่องราวของจอมยุทธ์ผู้กล้า
หากนางทราบภายหลังว่าชงต๊ะใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงความสาวของนางไปคงโกรธแค้นเป็นแน่
-
ชงต๊ะบอกอาเหมยว่า "หากเจ้าไม่ประสงค์ข้าก็มิขัดใจ แต่เรื่องในวันนี้เจ้าจะต้องเก็บไว้เป็นความลับแค่เรา เพราะมันเป็นวิชาลับ"
จากนั้นบอกอาเหมยว่านางยังขาดประสบการณ์จึงฝึกฝนได้ยากนัก เมื่อมีประสบการณ์ก็จะฝึกสำเร็จโดยง่าย และเขาจะชี้แนะเอง วันนี้เราพักกันก่อนเถอะ
(ว่าแต่อาเหมยจะเพิ่ม EXP ได้มั้ยอะ)
-
ถ้าพาอาเหมยติดตามจะได้EXPไปพร้อมๆชงต๊ะ (ตอนนี้มี 3EXPแล้ว)
ใกล้เช้าแล้ว อาเหมยรีบกลับไปที่กระโจมของตนเอง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ไหนๆ ก็อดนอนแล้วนี่นะ ไปหาน้องจิวดีกว่า
ถามเรื่องการฝึกสอนวิชาต่างๆ ขอให้น้องจิวแนะนำและชี้แนะกระบวนท่าสักกระบวนท่าได้หรือไม่
-
ชงต๊ะรอจนหลิวจีหลันจากไปก็เข้าไปคุยกับจิวหลงเจียน
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
"วิชาของสำนักอาจารย์ไม่อาจถ่ายทอดได้ แต่ถ้าเป็นวิชาอื่นๆก็สามารถชี้แนะ ไม่ทราบพี่ชงต้องการเรียนรู้เรื่องใด"
-
วิชาที่ชงต๊ะอยากเรียนรู้คือวิชาประเภทหยุดยั้ง คุ้มกัน หรือทำให้อีกฝ่ายไม่ต้องการต่อสู้ อาทิ
- เพิ่มพลังป้องกันคมอาวุธ
- ปัดป้องการจู่โจม
- ปลดอาวุธ
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
วิชาเพิ่มพลังป้องกัน ก็เช่นระฆังทองคุ้มกาย คงต้องไปฝึกที่เสียวลิ้มยี่
วิชาปัดป้องการจู่โจมไม่ทราบหมายถึงหลบหลีกการจู่โจมหรือไม่ หรือเป็นการร่ายรำดาบกระบี่ป้องกันการถูกจู่โจม
หากพี่ชงไม่ต้องการทำร้ายฝ่ายตรงข้ามในขณะต่อสู้สามารถเลือกที่จะร่ายรำอาวุธป้องกันตัวได้
หากไม่ผิดพลาด(Fail)จะสามารถต้านทานการโจมตีอีกฝ่ายได้ แต่การทำเช่นนี้ไม่อาจทำร้ายศัตรู
การปัดอาวุธของฝ่ายตรงข้ามนั้นหากอีกฝ่ายไม่อ่อนแอกว่าจริงๆหรือพลาดพลั้งเสียทีก็ยากจะกระทำได้
ในเวลาต่อสู้นั้นพี่ชงสามารถเลือกปลดอาวุธฝ่ายตรงข้ามได้ถึงแม้จะไม่มีวิชาอะไร แต่โอกาสสำเร็จนั้นน้อยนัก (-2)
ถ้าพี่ชงฝึกปรือวิชาอาวุธและพละกำลัง โอกาสสำเร็จก็จะสูงขึ้น
-
เช่นนี้เอง ชงต๊ะขอบคุณที่ชี้แนะ
จากนั้นไปเตรียมตัวออกเดินทางได้
-
ตอนเช้า หันตงเรียกประชุมเหล่าผู้คุ้มกัน
"ผู้คุ้มกันทุกท่าน วันนี้พวกเราจะเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบทใกล้เมืองกว่างหลิง"
"ที่นี่ใกล้กับเมืองไม่น่ามีอันตรายระหว่างทาง"
"วันนี้มีงานดังนี้ ใครจะอาสาทำอะไรบ้าง"
- หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
ชงต๊ะจะรับงานอะไรและแบ่งงานอะไรให้ใคร หรือเสนออะไรไหม
-
ชงต๊ะขอพักสักช่วงเวลาหนึ่ง แล้วจะขอสลับไปเป็นหน่วยสอดแนม
โดยจัดคนดังนี้
ช่วงเช้า
- หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- จิวหลงเจียน
- มือดาบ
- หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หันตง
- มือดาบ 6 คน
- หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- อาเหมย (ฝึกความอดทน)
- มือดาบ
- หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
- หลิวจีหลัน (พักฟื้น)
- ชงต๊ะ (พักฟื้น)
ช่วงบ่าย
- หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- อาเหมย (ฝึกประสบการณ์)
- ชงต๊ะ
- หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หันตง
- มือดาบ 7 คน
- หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- มือดาบ
- หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
- หลิวจีหลัน (พักฟื้น)
- จิวหลงเจียน (เป็นเพื่อนหลิวจีหลัน)
-
ตอนเช้า ชงต๊ะกับหลิวจีหลันอยู่บนเกวียนพยาบาล
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
"พี่จิวบอกว่าเมื่อคืนหลังจากข้ากลับไปท่านก็มาคุยกับเขา ไม่ทราบว่าท่านไปรอที่นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่"
หลิวจีหลันสอบถาม เมื่อเห็นว่าปลอดคน หน้าของนางแดงดั่งลูกตำลึงสุก
-
"ข้าตื่นเช้าจึงไปรอก่อนน้องจิวจะกลับมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น" ชงต๊ะตอบหลิวจีหลันทำทีไม่รู้เรื่องไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้หลิวจีหลันอับอาย
"น้องหลิวมีอะไรขัดข้องใจหรือไม่" แล้วก็ถามไปตามเรื่อง
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2270.jpg)
ไม่มีใด กล่าวจบหลิวจีหลันก็หลับไปอย่างอ่อนเพลีย
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะก็หลับบ้าง...
-
นอนจนถึงตอนสาย +1HP +2SP
อาเหมยก็เดินมาที่เกวียนพยาบาล บอกว่าเดินระวังหลังน่าเบื่อนัก
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
งั้นก็ได้เวลาเปลี่ยนเวรแล้ว
สลับเวรกัน
- หน่วยสอดแนม เดินทางล่วงหน้ากองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- อาเหมย (ฝึกประสบการณ์)
- ชงต๊ะ
- หน่วยคุ้มกัน เดินเคียงข้างกองคาราวาน คอยป้องกันความปลอดภัยของคณะ 5-10คน
- หันตง
- มือดาบ 7 คน
- หน่วยระวังหลัง เดินตามหลังกองคาราวาน คอยระวังอันตราย 1-2คน
- มือดาบ
- หน่วยพยาบาล คนที่บาดเจ็บและคนที่คอยดูแลคนเจ็บ 1-2คน+คนที่บาดเจ็บ
- หลิวจีหลัน (พักฟื้น)
- จิวหลงเจียน (เป็นเพื่อนหลิวจีหลัน)
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
เมื่ออยู่กันสองคนอาเหมยก็ถามชงต๊ะว่า "ท่านอาจารย์ วิชาฝีมือที่พี่จิวกับพี่หลิวฝึกเรียกว่าอะไรหรือ"
"ข้าว่าจะลองถามพี่หลิวดูว่าฝึกแล้วดีหรือไม่"
-
ดีที่ไม่ให้ไปเดินด้วยกัน
"ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าต้องปิดเป็นความลับ หากเจ้าไม่ฟังข้าจะไม่สอนวิชาให้เจ้าอีก" ชงต๊ะบอกเชิงขู่
แล้วบอกต่อว่ายังมีวิชาอีกมากมายที่มิต้องปิดบังซ่อนเร้น อย่าได้สนใจเคล็ดวิชานั้นอีกเลย...
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ข้าเข้าใจแล้ว" อาเหมยพยักหน้างึกหงัก จากนั้นร้องว่า "ท่านอาจารย์ดูนั่น"
ด้านหน้ามีค่ายทหารแห่งหนึ่งตั้งอยู่ มีลักษณะเป็นค่ายชั่วคราว ล้อมรั้วไม้
ภายในตั้งกระโจมใหญ่หนึ่งหลังและกระโจมเล็กสิบกว่าหลัง ที่ประตูค่ายมีทหารสองนายยืนเฝ้าอยู่
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"ข้าคิดว่าน่าจะเป็นทหารของเมืองกว่างหลิง"
พิจารณาการแต่งกายของทหารว่าสวมชุดอย่างไร ถือหอก ดาบ หรืออาวุธใด
มีหอสังเกตการณ์หรือไม่
-
ทหารที่เฝ้าประตูถือหอก ใส่ชุดทหารราบและเกราะขาดๆ
ไม่มีหอสังเกตการณ์
-
ให้อาเหมยยืนรอตรงนี้ เดินเข้าไปหาและซักถามว่าเป็นกองทัพใด จะขอผ่านทางได้หรือไม่
"พวกเราเป็นคณะของพ่อค้า"
-
ทหารมีท่าทีระมัดระวังตัว กล่าวว่า "พวกเจ้าไม่ใช่สายของพวกโจรแน่รึ? พวกเราเป็นกองทหารเมืองโซวจิว"
"พวกโจรกองทัพธรรมปิดทางกลับเมืองของพวกเรา ทำให้จะถอยก็ใช่ที่จะรุกก็ใช่ที่ จึงมาตั้งค่ายชั่วคราวที่นี่"
"หากกองคาราวานต้องการผ่านทาง เราต้องแจ้งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปตรวจสอบก่อน"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"เชิญพวกท่านเถิด" ชงต๊ะกล่าวและยินยอมให้ตรวจสอบ (คงไม่ได้ค้าของเถื่อนกันหรอกนะเถ้าแก่)
ทั้งชงต๊ะและอาเหมยนำทางทหารไปยังคาราวาน
-
ทหารไปรายงานรองแม่ทัพ รองแม่ทัพก็ออกมาแนะนำตัวว่าชื่อซีเบ๊คง
ซีเบ๊คงนำทหารกองหนึ่งติดตามไป ให้ชงต๊ะนำทาง
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
ระหว่างทางซีเบ๊คงก็เล่าให้ชงต๊ะฟังว่า "พวกเราถูกอุบายของกองทัพธรรม ท่านแม่ทัพถูกฆ่า พวกเราก็เดินทางกลับเมืองไม่ได้ ต้องตั้งค่ายอยู่ที่นี่"
"พวกเราส่งคนนำจดหมายไปขอเข้าร่วมกับกองทัพเมืองกว่างหลิง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบกลับมา คาดว่าขุนนางเมืองกว่างหลิงมีปัญหา"
"พวกเราคิดปลอมตัวเป็นพ่อค้าเข้าร่วมคณะเดินทางของท่านเพื่อไปสืบข่าวในเมืองกว่างหลิง ไม่ทราบว่าท่านจะช่วยพูดจากับเถ้าแก่ได้หรือไม่"
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวในเมือง ช่างน่าเล่นยิ่งนัก ท่านอาจารย์มีวิชาแปลงโฉมหรือไม่"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
เท่าที่ข้ารู้ วิชาแปลงโฉมต้องการเครื่องประทินโฉม แม้ตัวข้าก็มิอาจหาอัฐมาซื้อได้แม้แป้งปะหน้าเพียงหนึ่งตบ
"วิชาแปลงโฉมไม่เหมาะกับข้า แต่หากเจ้าต้องการข้าจะชี้แนะให้" ชงต๊ะพูดไปงั้นแหละ กว่าประสบการณ์จะถึงอาเหมยก็แก่พอดี
ชงต๊ะตกลงจะช่วยคุยกับเถ้าแก่ให้
"นี่ก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่ง ยามพบเจอคนตกทุกข์ เราจอมยุทธ์ย่อมต้องช่วยเหลือเท่าที่ทำได้" บอกและขอให้อาเหมยช่วยพูดด้วยอีกเสียง ถ้าเถ้าแก่อนุญาตเราก็จะได้สนุกกัน
-
ซีเบ๊คงไปตรวจกองคาราวาน ระหว่างนั้นชงต๊ะก็บอกเรื่องราวให้เถ้าแก่หวงฟัง
เถ้าแก่หวงกล่าวว่า "นี่อันตรายยิ่งนัก ไม่แน่ว่ากองทัพนี้อาจถูกทางการละทิ้งแล้ว หากถูกจับได้ว่าลอบช่วยเหลือเราอาจจะถูกยัดเยียดข้อหากบฏไปด้วย"
หันตงกล่าวว่า "หากเราไม่ช่วยเหลือก็อาจถูกกองทหารขัดขวางมิให้เดินทางต่อ"
อาเหมยก็บอกว่า "แต่ชาวยุทธเมื่อพบผู้มีภัยต้องช่วยเหลือ"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะเห็นว่าหันตงกล่าวมีเหตุผลจึงกระซิบบอกเถ้าแก่ สนับสนุนเพื่อให้เถ้าแก่เห็นว่าเราไม่มีทางเลือก ครั้นจะรบกับทหารก็คงตายเปล่า จ่ายเงินให้ทหารก็คงไม่รับ
การช่วยเหลือคนไม่จำเป็นต้องเลือกเวลา ยิ่งโอกาสนี้เราไม่มีทางเลือก ควรกระทำการเอาหน้าเข้าไว้เป็นบุญคุณกัน
แต่ถ้ายังไงเถ้าแก่ก็ไม่ยอมค่อยถามซีเบ๊คง โดยอ้างอิงความเห็นเถ้าแก่ กล่าวว่า "พวกเราจะได้รับผลตอบแทนอันใดกับการเสี่ยงช่วยเหลือท่าน"
-
เถ้าแก่หวงเห็นทุกคนสนับสนุนก็ยินยอม
เมื่อซีเบ๊คงกลับมาจากการตรวจก็บอกว่า เขากับทหารสิบนายจะเปลี่ยนเป็นชุดชาวบ้าน
แล้วปลอมตัวเป็นมือดาบร่วมเดินทางไปกับขบวนคาราวาน
กว่าจะเสร็จเรื่องก็เป็นเวลาเย็น คณะเดินทางก็ตั้งกระโจมพักที่หมู่บ้านชนบทใกล้เมืองกว่างหลิง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ไปซักถามพูดคุยกับชาวบ้านถึงเมืองกว่างหลิงว่าช่วงนี้เป็นอย่างไร รู้ข่าวคราวในเมืองหรือไม่ มีข่าวอะไรที่เกี่ยวกับเมืองบ้างไหม เก็บภาษีโหดมั้ย ชาวบ้านในหมู่บ้านพบเจอปัญหา หรือเรื่องราวแปลกๆ ผิดปกติหรือไม่
-
ชาวบ้านบอกว่าหมู่บ้านนี้พอมีพอกิน ถึงภาษีจะโหดไปหน่อยแต่อย่างน้อยก็ไม่ถูกโจรปล้น
เพราะเจ้าเมืองกว่างหลิงยอมเอาภาษีไปจ่ายส่วยให้กองทัพธรรม
เร็วๆนี้มีทหารจากไหนไม่รู้มาขอเรี่ยไรเสบียง แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายชาวบ้าน
-
ลองไปคุยกับซีเบ๊คุงเกี่ยวกับเรื่องนี้
เป็นไปได้ว่าเมืองกว่างหลิงเป็นพันธมิตรกับกองทัพธรรม จึงไม่คิดช่วยเหลือกองทัพของโซวจิวที่ยกไปปราบกองทัพธรรม
ถึงเราจะยังไม่รู้ว่าเป็นพันธมิตรถ้อยทีถ้อยอาศัย หรือว่าจำยอม แต่ก็เป็นข้อมูลที่ทางฝ่ายทหารโซวจิวควรรู้
สอบถามต่อว่าเมืองกว่างหลิงและโซวจิวอยู่ประชิดกัน ฝ่ายใดมีกำลังอำนาจมากกว่ากัน เจ้าเมืองไหนใหญ่กว่า กำลังทหารฝ่ายไหนมากกว่า
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
ท่าทางเมืองกว่างหลิงจะมีปัญหาจริงๆ พวกเราต้องไปสืบดูให้รู้แน่
สำหรับเรื่องกำลังทหารเมืองกว่างหลิงนั้นเป็นเรื่องภายใน จึงไม่ทราบว่ากำลังทหารเมืองใดแข็งแกร่งกว่า
นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปสืบเสาะเช่นกัน
ขณะที่ชงต๊ะกำลังจะขอตัว ซีเบ๊คุ้งก็เรียกเขาไว้ กล่าวว่า
"ได้ยินมาว่าท่านชงต๊ะเคยเป็นกุนซือมาก่อน หากเจ้าเมืองกว่างหลิงมีใจออกห่างจริง พวกเราคิดจะกำจัดเสี้ยนหนามแผ่นดิน"
"อยากขอร้องให้ท่านชงเข้าร่วมกับเราได้หรือไม่"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"หากเป็นการทำเพื่อบ้านเมืองข้าย่อมต้องยินดีน้อมรับคำเชิญชวน"
ชงต๊ะมีใจรักชาติมากกว่าที่ใครจะคิดถึง เขาย่อมตอบรับคำขอนี้
-
ค่ำแล้ว วันนี้ไม่ได้นัดหมายอาเหมยเอาไว้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ฝึกฝนเพิ่มพลังชีวิต และกำลังภายใน จากนั้นก็นอนพักผ่อน
-
ชงต๊ะวิดพื้นพันครั้ง จากนั้นนั่งสมาธิเดินกำลังภายในจนถึงเช้า
+1HP +1SP +1HPmax +1SPmax
เช้านี้หันตงบอกว่าระยะทางห่างจากเมืองกว่านหลิงอีกไม่ไกล
ไม่จำเป็นต้องแบ่งกำลังอีก ตอนบ่ายก็น่าจะไปถึง
ชงต๊ะจะเสนออะไรหรือไม่
-
ชงต๊ะขอเป็นกลุ่มนำเดินไปกับน้องจิวเช่นเดิม ระวังไว้ดีกว่า
จริงๆ แล้วอยากจะคุยกับจิวหลงเจียนว่าจะเอายังไงต่อไปเมื่อไปถึงเมือง เพราะตนเองเพิ่งตกปากรับคำว่าจะช่วยรองแม่ทัพซีเบ๊คุ้งกำจัดเสี้ยนหนามแผ่นดิน
ไม่มีทุนและเสบียงจะเดินทางต่อก็ลำบาก หรือจะมาร่วมกันกำจัดเสี้ยนหนามแผ่นดินด้วยกันดีล่ะ
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2273.jpg)
จิวหลงเจียนกล่าวว่า "พวกเรามีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากสำนักอาจารย์ ไม่มีเวลายุ่งเกี่ยวกับเรื่องบ้านเมือง"
"ต้องขอบคุณพี่ชงที่เปิดโอกาสให้เราสองคนแสดงฝีมือหลายครั้ง เถ้าแก่หวงและลุงตงก็มอบเงินส่วนแบ่งเพิ่มมาเล็กน้อยพอเป็นค่าเดินทาง"
"หากพี่ชงไม่สะดวกพวกเราก็แยกทางกันชั่วคราว หากมีวาสนาค่อยพบกันใหม่"
-
"เช่นนั้นแล้วขอให้น้องจิวเดินทางโดยสวัสดี" ชงต๊ะแม้หัวใจจะยังลบเลือนความรักที่มีให้หลิวจีหลันมิได้ทั้งหมด แต่ถ้ามีน้องจิวดูแลเขาก็วางใจและหมดห่วง
ช่วงที่เดินทางไปจนถึงบ่ายก็พูดคุยกันให้อิ่มเอม เมื่อยามจากกันจะได้ไม่ค้างคา
-
เมื่อการเดินทางใกล้สิ้นสุดลง ชงต๊ะอาเหมยกับจิวหลงเจียนและหลิวจี้หลัน จึงเดินคุยกันอย่างสนุกสนาน
ทั้งจิวหลงเจียนและหลิวจี้หลันต่างก็รู้สึกขอบคุณชงต๊ะที่ช่วยสอนให้พวกเขาพบความยากลำบาก
และเล่ห์เหลี่ยมต่างๆในยุทธจักรและยังได้ฝึกฝนประสบการณ์ต่อสู้มากมาย
+2EXP
อาเหมยเสนอว่าคืนนี้พวกเขาน่าจะไปหาเหลาสักแห่งเพื่อเลี้ยงฉลองอำลากัน
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
มื้อนี้ข้าพเจ้าขอเป็นเจ้ามือเอง พวกท่านจะว่าอย่างไร
-
ชงต๊ะพยักหน้าช้าๆ แล้วแต่น้องหลิวและน้องจิว
แต่ก็ไม่ลืมซีเบ๊คุ้ง ยังอยู่ไหม จะทำสิ่งใดไป ถ้ายังไงมาร่วมฉลองด้วยกันดีไหม อาจจะรู้อะไรจากแขกเหรื่อที่มาดื่มกินกัน
-
ชงต๊ะไปสอบถามซีเบ๊คุ้ง
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
เขาบอกว่า "เวลาไม่คอยท่า คืนนี้พวกเราจะแยกย้ายกันไปสืบข่าว ฝากท่านชงสืบเรื่องในเหลาก็แล้วกัน"
พอเดินกลับไปที่สามคนนั้นก็ได้ความว่าหันตงแนะนำให้กินเลี้ยงที่เหลาตะวันรอนซึ่งเป็นเหลาของโรงเตี๊ยมที่จะเข้าพัก
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะตกลง อาตงน่าจะเลือกเหลาที่ใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่ก็ไม่ลืมเช่นกันว่าสัญญาว่าจ้างสิ้นสุดลงในวันนี้ เขาจึงไปพบอาเหมย
"ข้ายังมีเรื่องราวที่อยากสอนเจ้าอีกมากมายเชียว แต่สัญญาที่ข้าทำกับเถ้าแก่ได้จบลงที่นี่ ได้แต่เกรงว่าเจ้าอาจจะเบื่อการเรียนการสอนของข้าเสียแล้ว"
พูดอ้อมค้อมไปอย่างนั้น จริงๆ แค่จะมาถามว่ายังอยากได้รับการชี้แนะต่อไปหรือไม่
(ชงต๊ะได้มา +2 exp อาเหมยได้ด้วยรึเปล่าครับ)
-
อาเหมยก็ได้EXPด้วย
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์ ข้าเรียนรู้สิ่งต่างๆจากท่านมากมาย ข้ายังต้องการออกท่องยุทธภพ แต่ท่านพ่อคงไม่ยินยอม
กองคาราวานจะพักอยู่ที่นี่เพียงสองวัน หลังจากนั้น...หลังจากนั้น....
อาเหมยสะอึกสะอื้น เธอใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่
จิวหลงเจียนกับหลิวจีหลันก็แสร้งทำเป็นเดินเชื่องช้าลง ปล่อยให้ทั้งคู่เดินนำหน้ากองคาราวานไป
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"หลังจากนั้นเจ้ากับข้าจะออกท่องยุทธภพเคียงข้างกัน" ชงต๊ะชวนหนีตามกันอย่างหน้าด้านๆ เลย ดูสิว่าอาเหมยจะว่าอย่างไร
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
แต่ว่าท่านพ่อต้องไม่ยินยอมเป็นแน่...อาจารย์จะไปขอร้องท่านพ่อให้งั้นหรือ
-
"เราคงต้องหนีไปด้วยกัน โดยไม่บอกเถ้าแก่" ลองบอกอาเหมยแบบนี้ดูว่านางท่าทางมีท่าทางลังเลบ้างไหม หรือเป็นเด็กดีจริงๆ
-
อาเหมยมีท่าทางลังเล ไม่อาจตัดสินใจได้
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ข้าอยากออกเดินทางท่องยุทธภพ แต่ท่านพ่อต้องไม่ยินยอมแน่ๆ จะทำอย่างไรดี"
-
ชงต๊ะก็ไม่อยากหลอกลวงเสียด้วย ครั้นจะไปขอกับท่านพ่อตาก็คงไม่ได้ จะเอาอย่างไรดีนะ
ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกตั้ง 2 วัน บางทีถึงเวลานั้นสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไป
บอกอาเหมยว่าจะลองหาทางขอกับเถ้าแก่ดูในช่วงที่พักอยู่ที่เมือง ตอนนี้เราก็เตรียมตัวรื่นเริงในงานเลี้ยงส่งดีกว่า
-
บ่ายแล้ว คณะเดินทางมาถึงเมืองกว่างหลิงโดยสวัสดิภาพ
ทุกคนแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของในโรงเตี๊ยม
เวลานัดหมายของงานเลี้ยงคือตอนเย็น
ชงต๊ะจะทำอะไร
-
ด้วยฐานะกุนซือสายลับขายเต้าฮวยที่มีเป้าหมายหลักคือหาคู่ใจ ชงต๊ะมิลืมเลือนที่จะไปพบเถ้าแก่เพื่อว่ากล่าว
"สัญญาที่กระทำไว้กับเถ้าแก่ก็หมดลงแล้ว อาเหมยได้รับประสบการณ์เบื้องต้น แค่ชี้แนะอีกนิดหน่อยนางก็จะพอมีวิชาฝีมือมากกว่าคนทั่วไปได้บ้าง แต่ดูเหมือนนางจะยังไม่คลายความอยากที่จะฝึกปรือฝีมือลงเลยแม้สักนิด" เกริ่นนำก่อนเพื่อดูว่าเถ้าแก่จะว่ากระไรบ้าง
-
เถ้าแก่หวงกล่าวว่า "หากท่านอาจารย์ชงต้องการเดินทางไปด้วยกันต่อ พวกเราก็ไม่ปฏิเสธ"
"อาเหมย อ่านนิยายกำลังภายในเล่มละสิบอีแปะพวกนั้นมากเกินไป จนสมองเลอะเลือน"
"ขอให้อาจารย์ช่วยอบรมกล่อมเกลานางให้เลิกเพ้อฝันวุ่นวาย"
"เราเองก็คงต้องรีบหากงจื๊อรุ่มรวยสักคนมาแต่งให้กับนาง"
-
ชงต๊ะน้อมรับ เท่ากับว่าเขายังจะเดินทางไปด้วยได้ดังเดิมหากต้องการ (แต่เดินทางไปด้วยก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้รวยได้)
จากนั้นถามเถ้าแก่ว่าจะพัอยู่อีกสักกี่วัน แล้วเราจะไปเมืองไหนกันต่อ ยังต้องไปอีกหลายเมืองเลยหรือไม่
-
เถ้าแก่หวงบอกว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่สองวันจากนั้นไปต่อถึงเมืองหลินหลาง ใกล้ชายแดนเหนือ
ที่นั่นม้ามีราคาถูกผ้าไหมมีราคาแพง ไปกลับจะได้กำไรมหาศาล
-
เมืองหลินหลาง นี่เรามาถึงภาคเหนือแล้วหรือนี่ ว่ากันว่าชาวภาคเหนือชำนาญการควบม้ายิงเกาทัณฑ์ยิ่งนัก ชงต๊ะยิ่งอยากเห็นเป็นบุญตา
ได้ความดังนั้นก็ขอตัวลา ถ้ายังมีเวลาก็เดินชมเมืองว่ามีสถานที่ใดบ้าง มีหอคณิกาชื่อหอลมวสันต์หรือไม่
-
เถ้าแก่หวงบอกว่าที่นี่เมืองกว่างหลิงยังอยู่ในแดนภาคกลาง
ยังห่างจากหลิงหลางสองร้อยกว่าลี้
ชงต๊ะเดินหาหอคณิกาไม่พบหอลมวสันต์ พบเพียงหอคนึงหา
ชงต๊ะไม่รู้เส้นทางภายในเมือง ถ้าจะลองเดินสุ่มดูก็ทอย 1d10
-
ไปชวนอาเหมยก่อนถ้างั้น มาตื่นเต้นด้วยกัน
ว่าแล้วก็เที่ยวเมืองด้วยความตื่นเต้น

Rolled 1d10 : 8, total 8
-
ชงต๊ะพาอาเหมยหลงเข้าไปในซอยตันแห่งหนึ่ง
พวกเขามองดูข้างทางไปพลางคุยกันไปพลาง
จนมาถึงที่นี่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ จะเดินออกไปก็จำเส้นทางไม่ได้
หันดูรอบข้างก็ไม่พบผู้คน
เขาจะทำอย่างไร
-
ซอยตันที่ไม่มีผู้คนและไม่รู้ทางออกมันเป็นอย่างไรกัน ชงต๊ะผู้งี้งุนงงยิ่งนัก
เอาเถิด ยุทธจักรมีปริศนาลี้ลับอีกมาก :(
ลองพิจารณาตึกรามบ้านช่องรอบข้างว่าเป็นเช่นไร มีซอยย่อมต้องมีอาคารบ้านเรือนแน่แล้ว บ้านใหญ่หรือเล็ก มีหน้าต่างแลประตูหรือไม่
-
เป็นซอยตันที่อยู่ในตรอกเปลี่ยวแห่งหนึ่ง มีกำแพงสูงล้อมอยู่ทั้งสามด้าน
ทางที่เดินเข้ามาค่อนข้างวกวนและรกร้าง ที่พวกเขาหยุดเดินก็เพราะเจอซอยตันนี้
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยบอกว่า "ที่นี้เร้นลับยิ่งนัก ท่านอาจารย์มาติดต่อกับคนในยุทธจักรใช่หรือไม่"
-
ความจริงแล้วข้าเป็นนินจาน่ะ วันนี้มีนัดพบกับฮัตโตริ ฮันโซ
"ระวังตัวให้ดี นี่เป็นค่ายกลแปดอสูรกำแพงนิรันดร์" ชงต๊ะบอกอาเหมยว่าพวกเราติดอยู่ในค่ายกลพิศดารเป็นแน่แล้ว ต้องเร่งหาทางออก
หันหลังกลับ เดินตรงไปเรื่อยๆ ถ้าเจอทางตันก็เลี้ยวซ้ายสลับขวา ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นแนวกำแพง
-
เดินตรงออกมาถึงปากซอยตันก็พ้นจากกำแพงสูงแล้ว เป็นซอยที่มีสี่แยกแห่งหนึ่ง
กำแพงสูงนั้นยังมีต่อไปทางซ้ายและขวา
แต่ตรงข้ามกับซอยตันเป็นซอยยาว ที่มีทางแยกหลายทาง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ลองเดินไปทางซอยที่เป็นกำแพงสูงทางซ้ายก่อน ถ้าตันอีกค่อยเดินไปทางขวาว่าตันเหมือนกันไหม
-
ทั้งสองด้านดูเหมือนจะเป็นกำแพงบ้าน
ทางซ้ายชงต๊ะพบประตูบ้านพังๆ ท่าทางร้างผู้คน มองเข้าไปเห็นสวนหินที่มีหญ้าขึ้นรก
ทางขวาก็พบประตูบ้านพังๆ ท่าทางร้างผู้คนเช่นกัน มองเข้าไปเห็นบ่อน้ำและภูเขาจำลองที่มีหญ้าขึ้นรก
-
ไปทางซ้ายก่อน ประตูบ้านพังๆ ใช้ดาบฟันน่าจะหักพังและเข้าไปได้
"พวกเรากำลังสำรวจร่องรอยที่ลัทธิมารทิ้งเอาไว้" แนะนำอาเหมยไปด้วย
-
ประตูบ้านพังๆ แค่ผลักก็เปิดออก
ภายในเป็นสวนหินที่มีหญ้าขึ้นรกร้าง
ตัวตึกขนาดใหญ่มีสองชั้น สภาพทรุดโทรมหลังคาพังลงมาแล้วครึ่งนึ่ง
ด้านข้างมีทางเดินอ้อมไปทางหลังบ้าน
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ท่านอาจารย์พบเห็นร่องรอยพวกมันตั้งแต่มื่อใด"
-
"คงจะเป็นตั้งแต่ข้าย่างเท้าเข้ามาในเมืองนี้" ชงต๊ะกล่าวเบาๆ ทำนิ้วจุ๊ปาก แล้วนำไปสำรวจ โดยเดินอ้อมไปยังหลังบ้าน
-
ชงต๊ะรู้สึกว่าทางเดินจากหน้าบ้านไปหลังบ้านนั้นสั้นกว่าซอยที่เดินออกมาเยอะพอควร
หลังบ้านมีบ่อน้ำและลานซักล้าง และส่วนของเตาไฟที่น่าจะเคยเป็นครัว
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ทำไมท่านอาจารย์ถึงถูกคนพวกนั้นไล่ล่า ท่านครอบครองแผนที่ขุมทรัพย์ หรือสุดยอดคัมภีร์หรือไม่"
-
ไปถึงนั่นได้ยังไงกันนะ คนขายเต้าฮวยจะไปมีใครอยากไล่ล่ากันเล่า
"พวกมันคงเข้าใจผิด บางทีอาจจะมีใครปรักปรำข้า"
มองดูในบ่อน้ำซิว่ามีน้ำไหม ลองเอาถัง หรือหิน หรืออะไรก็ได้โยนลงไป
แถวเตาไฟกับลานซักล้างล่ะ มีอะไรเหลือบ้างไหมนะ ก้มๆ เงยๆ ดู ลองคุ้ยๆ ดู
-
ในบ่อแห้งสนิท แต่กลับมีถังและเชือกสำหรับตักน้ำ โยนหินลงไปได้ยินเสียงตุ๊บไกลๆ มองลงไปมืดสนิท
เตาไฟเป็นเตาใหญ่ มีขี้เถ้าเก่าๆอยู่ในเตา ลานซักล้างมีเศษผ้าเก่าๆขึ้นราตกอยู่
-
ลองดูหน่อยซิว่าเชือกยังใช้ได้ไหม เปื่อยหรือยัง จากนั้นหย่อนลงไปจนถึงก้นบ่อได้หรือไม่ เพื่อประเมินความลึก
ถ้าเชือกยังไม่เปื่อยพิจารณาดูว่าหากไต่เชือกลงไปจะลำบากเพียงใด
-
เชือกดูแข็งแรงดี ถ้าจะปีนลงก็ไม่น่ายาก จะยากตอนปีนขึ้น
แต่ถ้ามีคนคอยหมุนกว้านชักรอกจะขึ้นลงได้ไม่ยาก
-
ถ้างั้นก็ ชงต๊ะรับหน้าที่อันตรายนี้เอง ให้อาเหมยหมุนกว้านเพื่อลงไปในบ่อ
-
ชงต๊ะลงไปในบ่อน้ำ แต่มันมืดมาก มองอะไรไม่เห็น
เขาคลำดูรอบๆพบว่ามีรูกว้างขนาดคนลอดได้อยู่ที่ขอบบ่อแห่งหนึ่ง
ถ้าทางจะเป็นอุโมงค์ลึกไม่น้อย
อาเหมยที่อยู่ข้างบนตะโกนถามว่าเจอร่องรอยพวกมารหรือไม่ นางก็อยากลงไปด้วย
-
"ข้าเจอแล้ว พวกมันมุดรูหนีไป" ชงต๊ะอนุญาตให้อาเหมยลงมาได้ เอ้ย ไม่ได้!
บอกอาเหมยให้รอก่อน ถ้าลงมาสองคนจะขึ้นไปคงลำบากลำบนแย่
จากนั้นมุดรูไปเรื่อยๆ
-
ชงต๊ะคลานเข้าไปตามทางในอุโมงค์สักพักก็พบแสงส่องลงมาจากข้างบน
ที่แท้เป็นบ่อน้ำอีกแห่งหนึ่ง
บ่อน้ำแห่งนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับบ่อน้ำที่เขาลงมา แต่เชือกและถังน้ำอยู่ข้างบน
ถ้าจะไต่กำแพงอิฐขึ้นไปก็ลำบากยิ่ง (ทอย+ความเร็ว -1 ไม่มีที่ยึดเกาะ)
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ต้องลองหน่อยล่ะ

Rolled 1d10-2 : 6 - 2, total 4
-
ชงต๊ะพยายามปีนไปตามกำแพง แต่พอไปได้กลางทางก็จับถูกตระไคร่น้ำลื่นตกลงมา
บาดเจ็บ1
-
"ฝากไว้ก่อนเถอะ" ชงต๊ะกลับมาหาอาเหมย ขอให้อาเหมยชักรอกเอาตัวเองขึ้นไป
"เราลองไปดูอีกทางนึงก่อนดีกว่า"
จากนั้นไปอีกตรอกที่ตรงข้ามกัน เข้าประตูไป
-
ทางฝั่งขวานั้น หน้าบ้านจัดเป็นสระน้ำและภูเขาจำลอง
สระน้ำมีใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาเน่าเปื่อยลอยอยู่ ภูเขาจำลองก็สีซีดบางส่วนกระเทาะออกเห็นเนื้อในที่ทำจากปูน
ตัวบ้านนั้นทรุดโทรมยิ่งกว่า เป็นบ้านชั้นเดียวที่หลังคาถล่มลงมาทั้งหมด
หลังบ้านมีเตาไฟและบ่อน้ำเช่นกัน แต่บ่อน้ำนั้นถูกอิฐและหลังคาไม้พังลงมาทับจนไม่เห็นปากบ่อ
-
เอาท่อนเหล็กไปแกว่งๆ ไกวๆ ในสระว่าน่าจะมีอะไรในสระไหม ลึกไหม ถ้าไม่ลึกก็ลงไปงมเอง
ถ้าไม่มีอะไรลองไปดูเขาจำลอง เอาท่อเหล็กๆ เคาะๆ ตีๆ รอบๆ ดันๆ เลื่อนๆ ดู มีอะไรเขียนสลักไว้หรือไม่ รูปร่างมันมีจุดน่าสังเกตอะไรอีกไหม
ถ้าไม่มีอะไรอีกงั้นไปที่บ่อ พิจารณาว่าน่าจะรื้อเอาอิฐและหลังคาไม้ออกได้มั้ย มีเชือกหรืออะไรไหม
แล้วระยะทางจากหน้าบ้านไปถึงหลังบ้านเทียบกับอีกฝั่งยาวเท่ากันหรือไม่
-
ระยะทางจากหน้าบ้านไปถึงหลังบ้านเทียบกับอีกฝั่งยาวเท่ากันหรือไม่ เท่ากับบ้านหลังซ้าย แต่สั้นกว่าซอยตัน
สระลึกแค่หน้าแข้ง
เมื่อลงไปเดินงูตัวหนึ่งที่ขดตัวอยู่ในกองใบไม้ก็กระโจนเข้าแยกเขี้ยวใส่ชงต๊ะ
(http://www.africapoint.net/wp-content/uploads/2012/10/green-mamba.jpg)
เขาจะทำอย่างไร
-
^-^ ม่ายยยยย
เอาท่อเหล็กแกว่งไกวป้องกันแล้วถอยห่างออกมาไกลๆ เลย ต่างคนต่างอยู่เถอะนะเจ้าเขียว
พลังกาย +1

Rolled 1d10+1 : 4 + 1, total 5
จะสำเร็จหรือไม่ก็ถอยมาห่างๆ อยู่ดี งูเขียวไม่เลื้อยตามไล่ฉกแน่ๆ
-
ชงต๊ะโดนงูที่ตกใจฉกกัด บาดเจ็บ1
จากนั้นมันก็เลื้อยหนีไป
ชงต๊ะพบห่วงเหล็กคล้องโซ่ติดอยู่ที่ก้นสระ น่าจะดึงได้
ชงต๊ะเคาะภูเขาจำลองดู รู้สึกว่ามันกลวง
ลองเลื่อนดูแต่ไม่ขยับ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
นึกว่าจะต้องมาตายหน้าสระน้ำเสียแล้ว
ลองดึงโซ่ก่อน หวังว่าคงไม่ถูกดูดผลุบลงไปนะ ถ้าบ่อมีน้ำมากและคะเนว่าน่าจะเกิดน้ำวนดูดคนลงไปได้ก็ลากโซ่มาดึงบนปากบ่อ
แต่บ่อน้ำในบ้านเรือนมันก็คงไม่ใหญ่อะไร
-
พอดึงห่วงโซ่ก็มีเสียงกลไกทำงาน จากนั้นภูเขาจำลองก็เลื่อนเปิดออก
เผยให้เห็นทางเดินลงไป มองจากข้างนอกคล้ายเป็นห้องลับแห่งหนึ่งอยู่ใต้สระน้ำ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์ นี่คืออะไรกัน ช่างน่าเล่นยิ่งนัก พวกเราลงไปชมดูดีหรือไม่
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"ที่แท้กลไกระบายน้ำนั่นคือประตูลับ"
"นี่คือกลไกทางลับ อาจจะมีพรรคมารมาสร้างเอาไว้เนิ่นนานแล้ว พวกเราลงไปดูกัน" ชงต๊ะว่าแล้วก็เดินนำลงไป ค่อยๆ ย่างก้าวหยั่งเท้าทีละขั้นบันได เผื่อมันเปราะผุพังตกไปเจ็บตัว
-
ทั้งสองเดินลงไปตามทาง อาเหมยก็หยิบชุดไฟออกมาจุดให้แสงสว่าง
ภายในเป็นห้องสี่หลี่ยมแห่งหนึ่ง มีเตียงใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง มีโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ด้านข้าง
ปลายเตียงมีหีบใบหนึ่ง บนผนังแขวนภาพวาดใบหนึ่ง
สิ่งของในห้องล้วนมีฝุ่นจับหนา ราวกับไม่ได้ใช้งานมานาน
-
การจัดวางตำแหน่งแปลกตานัก เตียงทำไมอยู่กลางห้องล่ะ เป็นสถานที่จองจำหรืออย่างไรกัน
ตรวจดูว่าทางที่เราลงมามีกลไกเปิดจากภายในหรือไม่
จากนั้นเดินระวังพื้นทรุดไปดูที่รูปภาพ
เอาท่อเหล็กเคาะๆ พื้นโดยรอบไปด้วยว่าพื้นกลวงไหม
-
ภาพบนผนังวาดโดยใช้ผู้กันบนผืนผ้าขาว เป็นรูปเกาะน้อยกลางทะเลแห่งนี้ มีมังกรตัวหนึ่งขดตัวล้อมรอบเกาะ
มังกรอีกสี่ตัวอยู่ตามทิศทั้งสี่ล้วนก้มกายคารวะ
ชงต๊ะพบห่วงโซ่บนเพดานกลางห้อง ถ้าดึงห่วงโซ่นี้จะสามารถเปิดปิดทางจากด้านในได้
เขาไม่พบทางลับอื่นๆ
-
เป็นไปได้ว่าจะเป็นที่อยู่ของยอดยุทธ์สักคน
สี่ทิศนี่หมายถึงตรอกทั้งสี่ที่มาบรรจบกันหรือเปล่านะ หรือจะหมายถึงห้องนี้
ว่าแล้วก็เดินดูตามผนังทั้งสี่ว่ามีอะไรผิดสังเกตไหม มีอะไรเขียนไว้ไหม ถ้าไม่มีก็มาดูที่โต๊ะหนังสือ มีลิ้นชักมั้ยนะ มีอะไรในโต๊ะบ้าง
-
ไม่พบอะไรบนโต๊ะ ในลิ้นชักมีกระดาษพู่กันและชุดเครื่องเขียนต่างๆ
มีเศษเหรียญ

Rolled 1d20 : 5, total 5
-
เก็บเงินมา จากนั้นไปดูที่เตียง
ทั้งใต้เตียง เอาไฟส่องแล้วดูห่างๆ ก่อน กลัวงูฉกหน้า ถ้าไม่มีงูค่อยมุดไปดู
-
ปลายเตียงมีหีบใบหนึ่ง ไม่พบอะไรอยู่ใต้เตียง
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยลองเปิดหีบดู "ท่านอาจารย์ ข้างในมีเงินด้วยล่ะ"
ในหีบมีเศษเหรียญ

Rolled 1d100 : 37, total 37
-
"ดูเหมือนจะเป็นเงินจากสวรรค์" ชงต๊ะก็เก็บมาอีก ขายเต้าฮวยทั้งวันยังได้ไม่ถึงเลย
ท่าทางคงจะเป็นห้องธรรมดาๆ สินะ งั้นก็
- แกะกรอบรูปออกมา แบกได้หรือไม่ ถ้าได้ก็เอา
- เลื่อนหีบดู เผื่อเจออะไรใต้หีบ
- ลองดูว่ามีอะไรใต้หมอน ใต้ผ้าปูเตียงมั้ย
- ลองนอนบนเตียงดูด้วย
ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปยังตรอกที่มีบ่อ คราวนี้ลงไปทั้งคู่เลย
-
ชงต๊ะได้รับ ภาพเขียนห้ามังกร(ตั้งเอง) รูปอยู่ในกรอบกระดาษที่นิยมสมัยนั้น สามารถม้วนเก็บมาได้เลย
ชงต๊ะพาอาเหมยไปที่บ่อน้ำ คราวนี้เขาหย่อนมาเหมยลงไปก่อน
แล้วค่อยปีนเชือกตาม
ทั้งคู่มุดมาถึงบ่ออีกฟากนึง แต่ก็ไปต่อไม่ได้เหมือนเดิม
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
คราวนี้ให้อาเหมยปีนบ้างส่วนตัวเองช่วยดัน หรือให้เหยียบไหล่
-
อาเหมยลองปีนดู
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
นี่ก็เป็นการฝึกใช่ไหม ท่านอาจารย์

Rolled 1d10-1 : 8 - 1, total 7
-
อาเหมยลื่นไถลหลายครั้ง แต่ชงต๊ะคอยช่วยไม่ให้หล่น
ครึ่งชั่วยามผ่านไปอาเหมยก็ปีนขึ้นไปได้อย่างเหน็ดเหนื่อย -1SP
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ท่านอาจารย์ รีบตามมา" อาเหมยยื่นเชือกกับถึงน้ำลงมาให้
ชงต๊ะปีนขึ้น ทอย+ความเร็ว+1มีเชือกเกาะ หรือจะให้อาเหมยชักรอกขึ้นไป อาเหมยจะ-1SP (เหลือ 0/2)
-
"อาเหมยเร่งดึงข้าขึ้นไป"
ให้อาเหมยชักรอก
-
อาเหมยหมุนรอกดึงชงต๊ะขึ้นไป กว่าจะสำเร็จก็ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม
อาเหมยนั่งหอบเหนื่อย ในขณะที่ชงต๊ะมองไปรอบๆ
ที่นี่เป็นหมู่ตึกแห่งหนึ่ง มีกำแพงสูงล้อมรอบทุกด้าน ไม่มีประตู
ชงต๊ะเห็นจุดหนึ่งบนกำแพงที่มีบันไดเชือกแขวนเอาไว้ น่าจะตรงกับสุดซอยตัน
หมู่ตึกนั้นมีสามหลังล้อมรอบลานฝึกซ้อมฝีมืออยู่ตรงกลาง หญ้าบนลานฝึกมีร่องรอยถูกตัดจนเรียบ
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ก่อนจะย่ำรุ่ง ชงต๊ะจำต้องเร่ง
ปีนบันไดเชือกขึ้นไป
-
ชงต๊ะปีนขึ้นไปจนถึงขอบกำแพง พบว่าอีกด้านคือซอยตันที่เขาหลงเข้าไปจริงๆ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์ ข้างบนนั้นมีอะไรน่าเล่นหรือไม่ ที่นี่เป็นที่ไหนกัน
อาเหมยที่นั่งหอบข้างบ่อถามเขา
-
^-^ ม่ายยยยยยย
สีหน้าของชงต๊ะแม้จะนิ่งสงบสุขุมนุ่มลึก แต่หัวใจกำลังกรีดร้อง
ลองพิจารณา
แผนผังมันเป็นแบบนี้หรือเปล่า
ซอยตันแรกสุด
l l
l l
l l
l l
l l
l l
l l
บ้านมีงู _________________l l______________________ บ้านพัง
______________________ ______________________
l l
l l
l l
l l
ออกไปยังตรอกที่วกวน
-
ดูจากด้านบนก็คล้ายๆแบบนั้นแหล่ะ แต่อาจจะไม่ได้เปนเส้นตรง
-
ชงต๊ะปีนกลับลงมาแล้วบอกอาเหมยว่าที่นี่แหละที่ซ่อนของพรรคมาร
หญ้าถูกตัด ทั้งที่มีทางเข้าแสนลึกลับ ใครหนอที่เข้ามาตัด ไม่ใช่สิ หรือว่าจะเดินมาบนกำแพง
- พิจารณาว่าเมื่อปีนไปบนกำแพงแล้วยังเดินไปต่อได้ไหม น่าจะเข้าไปในตึกหลังใดหลังหนึ่งได้หรือไม่
- ตึกที่ล้อมไม่มีทั้งประตูและหน้าต่างเลยใช่หรือไม่
- ลองเดินวนดูตามพื้น เอาท่อเหล็กกดๆ ดูว่าพื้นมีร่องรอยอะไรไหม ดินร่วนน่าจะขุดได้ไหม เริ่มจากใจกลางของลานก่อน
-
ตึกทั้งสามมีประตูเหมือนตึกทั่วไป ที่ไม่มีประตูคือกำแพงที่ล้อมพื้นที่นี้
ตึกกลางเป็นตึกใหญ่ มีทางเข้าเดียว ลักษณะเปนโรงฝึก
ตึกซ้ายขวามีหลายห้อง เรียงเป็นแถวเหมือนห้องพัก
กำแพงกว้างครึ่งคืบ ถ้ามีวิชาตัวเบาก็เดินได้
สูงจากพื้นสี่เมตร
พื้นดินดูปกติดี
-
เข้าใจล่ะ ตึกอยู่ในกำแพง แสดงว่าที่นี่เป็นโรงฝึกนี่เอง
ลองไปดูตึกใหญ่ก่อน เข้าได้หรือไม่ ถ้าล็อคก็ไปดุอีกสองตึก จะได้เข้าไปข้างใน
-
ตึกมิได้ล็อค คงไม่คิดว่าจะมีคนลอบเข้ามา
ภายในเป็นโรงฝึก มีอาวุธแขวนอยู่หลายชนิด
เช้าแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ตายล่ะ ทำไงดี....
หยิบหอกมา 2 เล่ม หรือถ้าไม่มีก็เอาอะไรก็ได้ แล้วรีบปีนขึ้นไปบนกำแพง เตรียมลงจากที่นี่
-
หอกถือได้เล่มเดียว อีกเล่มชงต๊ะก็ให้อาเหมยถือมา
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ที่แท้ท่านอาจารย์มาชิงอาวุธของพวกมาร เพื่อลิดรอนกำลังของพวกมัน
ทั้งคู่มาที่กำแพงเตรียมจะปีนออกไป
โอกาสที่จะมีคนเดินทางกลับมา 50%
1-5 มา 6-10 ยังไม่

Rolled 1d10 : 4, total 4
-
ได้ยินเสียงวิ่งเบาๆจากฝั่งตรงข้ามของกำแพง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ใช่แล้ว เรามาชิงอาวุธของพวกมาร เอาล่ะ หนีกันเถอะ...
รีบวิ่งออกไปแล้วโดดลงบ่อ
ไม่เอาแล้ว ไม่คุ้มเสีย
เอาหอกไปคืนที่แล้วรีบออกมา ไปหลบหลังบ่อ ทั้งคู่เลย
-
ชงต๊ะพาอาเหมยเอาหอกไปคืนในโรงฝึก
ได้ยินเสียงร่างนั้นกระโดดขึ้นกำแพงแล้วปีนบันไดลงมา
เดินมาที่ลานกว้าง
โอกาสที่จะมาดูโรงฝึก 50%
1-5 มา 6-10 ไม่มา

Rolled 1d10 : 7, total 7
-
ร่างนั้นเข้าไปในห้องพักที่ตึกข้าง
ชงต๊ะอยู่ในโรงฝึก จะทำอย่างไรต่อไป
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์ นั่นใช่มารชั่วหรือไม่
-
"เรื่องนั้นยังตัดสินมิได้"
ให้อาเหมยลงบ่อไปก่อน ส่วนตัวเองเกาะปากบ่อเตรียมหนีลงเมื่อมีคนออกมา
-
ชงต๊ะพาอาเหมยเอาหอกไปคืนในโรงฝึก
ทั้งคู่จึงยังอยู่ในนั้น
ถ้าจะเดินไปที่บ่อตอนนี้ ต้องทอย+ความเร็ว ดู
อาเหมยไม่กล้าไปคนเดียว
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์ไยให้ข้าวิ่งออกไปผู้เดียว หากมารนั่นรู้ตัวเล่าจะทำอย่างไร
-
"เช่านั้นก็ไม่มีทางเลือก เราออกไปทั้งสองคนเถิด"
ชงต๊ะวิ่งฉิว

Rolled 1d10-1 : 4 - 1, total 3
อาเหมยวิ่งตาม

Rolled 1d10 : 9, total 9
-
ชงต๊ะเดินสะดุดชั้นวางอาวุธจนล้ม เสียงดังโครมคราม
คนที่เข้าไปในห้องเมื่อครู่คงต้องรุดมาตรวจสอบ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
สมเป็นท่านอาจารย์จริงๆ แกล้งล้มเพื่อใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ ช่างลึกล้ำสุดหยั่งคาด
อาเหมยที่วิ่งออกไปแล้ว ย้อนกลับมาดูอาการชงต๊ะ
เขาจะทำอย่างไร
-
ย้อนมาทำไมกัน :o
วิ่งไปเข้าอาคารพักอาศัยอีกด้านแทนได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็แอบข้างประตู ใครเปิดเข้ามาตีหัวเลย
ถ้าไม่ได้ก็ดึงอาเหมยมากอด ทำทีว่าแอบเข้ามาพรอดรักกัน กระซิบบอกอาเหมยว่านี่เป็นแผนลวงให้อีกฝ่ายตายใจ
-
ทั้งคู่ยังอยู่ในห้องฝึกอาวุธ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ท่านอาจารย์..." อาเหมยดิ้นรนกุกกักในอ้อมกอดของชงต๊ะ
ชงต๊ะก็ฉวยโอกาสร้องเพลงสิบแปดลูบคลำ
ประตูเปิดออก คนชุดดำยังยืนอยู่ไม่เข้ามา เพราะเกรงจะถูกทำร้าย
คนชุดดำใช้ผ้าดำปิดคลุมศีรษะ มือขวาจับด้ามมีดสั้นในซองข้างหลัง
กล่าวว่า "พวกเจ้าเป็นใคร?"
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
แสร้งทำเป็นตกใจสะดุ้งแล้วคลานถอยหลังไปชิดที่เก็บอาวุธ
"ค ค ใครน่ะ พวกข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ" :o
พยายามทำตัวให้ลนลานไร้พิษภัยและถอยห่างออกมาให้เห็นว่าไม่มีเจตนาสู้หรือจะทำร้าย
ดูปฏิกริยาชายชุดดำก่อน
-
"เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง..."
ชายชุดดำถาม พลางชักมีดออกมาถือไว้
จากนั้นสาวเท้าก้าวเข้ามาหาพวกเขา
อาเหมยทำท่าจะตอบแต่ชงต๊ะปิดปากนางเอาไว้
-
ไม่ได้การละ เจ้านี่ต้องกำลังคิดปิดปากเราแน่ๆ
"หยุดตรงนั้นแหละ ถ้าเจ้าเข้ามาอีกก้าวเดียวล่ะก็" ชงต๊ะคว้าหอกใกล้มือมา แต่ถ้ามันดูแล้วจะเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายก็ชักดาบออกมาเลย
"พวกเราจะเข้ามาได้อย่างไรถ้าไม่ได้โดดข้ามกำแพงมา ก็แค่จอมยุทธ์เร่ร่อนหาที่หลับนอนเท่านั้นเอง"
เจตนาคือจะบอกเป็นนัยว่า ถ้าเข้ามาเราได้ประมือกันแน่ แล้วพวกเราก็มีวิชามากขนาดจะโดดข้ามกำแพงมาได้เช่นเดียวกับเจ้านั่นแหละ
ตอนนี้ชงต๊ะยืนขึ้นแล้วชี้อาวุธไปยังชายชุดดำ ส่วนอาเหมยก็หยิบหอกมาถือด้วย
-
ชงต๊ะชักดาบออกมาพลางสั่งให้อาเหมยเก็บหอก
คนชุดดำก็ไม่กล่าวอันใด ถือมีดพุ่งเข้าใส่ชงต๊ะอย่างรวดเร็ว
มีดนั้นเพียงแทงตรงๆ แต่ก็แฝงความพลิกแพลงนานัปการ
ไม่อาจดูแคลยได้
อาเหมยถือหอกยืนตัวสั่นงันงก ท่าทางจะกลัวมาก
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
อาเหมยตัวสั่นคงช่วยไม่ได้สินะ แต่ถ้าช่วยทำตัวเกะกะได้ก็เอา (+1 bonus ให้ชงต๊ะยามมีคนช่วย)

Rolled 1d10 : 4, total 4
วิชาดาบปักษาถลาลม

Rolled 1d10 : 2, total 2
-
อาเหมยพยายามกวัดแกว่งหอก แต่เธอยกมันไม่ไหว
ชงต๊ะก็ฟันดาบถูกอากาศธาตุ
ชายชุดดำฉวยโอกาสแทงมีดใส่ ชงต๊ะเบี่ยงตัวหลบโดนมีดแทงที่ไหล่ เจ็บ1 HP 1/4
ชายชุดดำลากใบมีดที่ฝังในไหล่ไปตามหน้าอกของคิดแทงเข้าหัวใจ
ชงต๊ะ จะทำอย่างไร
-
"เจ้านี่ฝีมือเก่งกล้านัก หนีไปอาเหมย" ชงต๊ะบอกให้อาเหมยหนีไปขณะที่เขายังมีลมหายใจ
วิชาดาบปักษาเหินหาว

Rolled 1d10 : 9, total 9
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
ท่านอาจารย์ คนในยุทธจักรถือคุณธรรมเป็นใหญ่ ข้าไม่อาจทิ้งท่านหนีรอดไปคนเดียว
ชงต๊ะใช้แรงฮึดทั้งหมดฟาดฟันดาบใส่ชายชุดดำ ชายชุดดำถูกฟันเข้าที่หน้าอกโลหิตหลังไลด่จากปากแผล เจ็บ2 HP 1/3
ชายชุดดำใช้มีดแทงสวน แต่อาเหมยเข้ามาบังเขาไว้ เจ็บ1 HP1/2
ชายชุดดำแม้บาดเจ็บสาหัส แต่ยังคงฟาดฟันมีดสั้นใส่พวกเขา
ราวกับคนคุ้มคลั่ง
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"เจ้าทำอะไรกันยัยเด็กโง่" ชงต๊ะแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
แต่เดี๋ยวนะ
คลุ้มคลั่งเหรอ หรือว่าเราควรจะถ่วงเวลาให้สิ้นเรี่ยวแรงไปเอง แต่ถ้าหากไม่เป็นอย่างที่คิดล่ะ
ชงต๊ะประเมินแล้ว เขาไม่ควรจะเสี่ยงกับสิ่งที่ยังไม่รู้แน่ชัด
หากนี่เป็นหมากรุกมันก็คือเรือชนเรือ ม้าชนม้า แลกกับรุกฆาต
ชงต๊ะเอาท่อเหล็กที่คล่องมือกว่ามาแกว่งไกวเล่นงานศัตรู

Rolled 1d10+1 : 5 + 1, total 6
-
ชายชุดดำฟันมีดอย่างคลุ้มคลั่ง ล้วนถูกร่างของอาเหมยที่หมดสติล้มอยู่ในอ้อมอกชงต๊ะ อาเหมย เจ็บ1 HP0/2
ชงต๊ะก็ทุ่มเทพลังทั้งหมดสะบัดดาบตัดศีรษะของคนชุดดำ
ดวงตาของคนชุดดำเบิกโพลง จวบจนสิ้นชีวิตมันยังมิเชื่อว่าตนเองจะพ่ายแพ้
อาเหมยในอ้อมอกของเขาเหลือเพียงลมหายใจรวยริน
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ม่ายยยยย ^-^
ชงต๊ะร้องเรียกอาเหมยสุดเสียง "แข็งใจไว้ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไปแน่" T--T
วางอาเหมยลงแนบพื้น ฉีกเสื้อออกมาปิดปากแผลห้ามเลือดก่อน
ไปค้นตัวเจ้าชุดดำ บางทีสวรรค์อาจจะทิ้งยาอะไรเอาไว้
พิจารณาว่าจะถ่ายทอดกำลังภายในช่วยชีวิตแบบในหนังจีนได้มั้ย
-
ชงต๊ะฉีกเสื้อผ้าอาเหมยมาพันแผลให้เธอ เขาพบว่า
อาเหมยยังไม่ตาย เธอเสียเลือดมากจนสลบไปเท่านั้น
ชงต๊ะล้วงอกเสื้อชายชุดดำพบ ยาสมานแผลx1
และเงิน

Rolled 1d100 : 23, total 23
-
แกไปฉีกเสื้อผ้าเขาทำมาย ชงต๊ะชกหัวตัวเองตั้บๆ
ค่อยยังชั่ว
เอายาสมานแผลไปเยียวยาให้อาเหมยก่อน เงินก็เก็บมาให้หมด ค้นตัวเจ้าชุดดำนี่อีกว่ามีอะไรที่จะบ่งบอกฐานะได้มั้ย
ชุดที่ใส่เป็นชุดแบบไหน (เหมือนที่หัวหน้าของเวย์หลินสวมหรือไม่)
แล้วหน้าตาล่ะ เป็นยังไง
ดูอาวุธว่ามีไม้เท้าเหล็กกับธนู+ลูกธนูไหม ถ้ามีก็เอา
-
ชงต๊ะทายาสมานแผลห้ามเลือดให้อาเหมย
แต่เขาพบว่าหากเสียเลือดมากจนสลบไปเช่นนี้ ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
มิเช่นนั้นอาจจะทุพพลภาพไปชั่วชีวิต
หากต้องการตามหาหมอ เขามีเวลาพอทีจะหยิบของได้ชิ้นเดียว เขาจะหยิบอะไร (มีอาวุธธรรมดาทุกชนิด)
แล้วจะทำอะไรต่อ
-
งั้นเอากระบี่ เผื่อต้องใช้เงิน
ถ้ากระบี่ไม่ใช่ของธรรมดาเอาดาบ
จากนั้นวิ่งออกไปดูอาคารทั้งสองฝั่งก่อนว่าน่าจะมีคนอาศัยหรือไม่ หรือจริงๆ ไม่มีคนอยู่แต่แรก
แล้วจะออกไปหาหมอทางไหนกันล่ะนี่ วิ่งดูว่ามีทางออกทางอื่นอีกหรือไม่
-
ชงต๊ะหยิบฉวยกระบี่มาเล่มหนึ่ง
จากนั้นวิ่งวุ่นหาทางออกราวคนคลุ้มคลั่ง
แต่สถานที่นี้มีกำแพงล้อมรอบ ยังมีทางออกใด
ลมหายใจของอาเหมยยิ่งมายิ่งขาดห้วง ชีพจรของนางยิ่งมายิ่งแผ่วล้า
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ด้วยนิมิตรเทวา ชงต๊ะปีนขึ้นกำแพง แล้วเอาบันไดลิงพาดลงไปอีกด้านเพื่อปีนลงไป
ถ้าเอาอาเหมยไปด้วยได้ก็แบกไปด้วยเลย แล้ววิ่งตรงไปยังตรอกตรงหน้า
-
ชงต๊ะแบกอาเหมยปีนบันไดลิง จากนั้นวิ่งออกจากซอยลึกลับอย่างไม่คิดชีวิต
จนกระทั่งเขามาถึงเขตชุมชนอีกครั้ง
สายแล้ว ชงต๊ะถามจนรู้ทางไปบ้านของแพทย์ฝังเข็ม จูซิงแซ
เมื่อไปถึง จูซิงแซกล่าวว่า "ชีพจรของนางแผ่วล้ายิ่ง ต้องใช้เข็มทองกรุยชีพ ราคาเล่มล่ะ 300เหรียญ ฝังเข้าไปรักษา
หาไม่แล้วจะมีความพิการเกิดขึ้นได้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ข้ามีเงิน มีดาบ มีภาพเขียน มีรถขายเต้าฮวย เอาไปเลย อาเหมยต้องรอด
เอาภาพเขียนให้หมอดูว่าหมออยากได้มั้ย หายากนะเนี่ย กว่าจะได้มาแทบตาย
ถ้าหมอไม่สนใจก็บอกว่ารักษาได้เลย เดี๋ยวไปขายของก่อน ถามทางแล้วไปร้าน เอาภาพไปถามราคาด้วย
-
จูซิงแซไม่รับภาพเขียน บอกว่าไม่รู้จักภาพเช่นนี้
จูซิงแซรับปากรักษาให้ชงต๊ะรีบไปหาเงินมา
ที่โรงจำนำ เถ้าแก่บอกเขาว่าภาพนี้วาดโดยคนไร้นาม อย่างมากขายได้ 50 เหรียญ
-
ราคาน่ารันทดนัก ชงต๊ะจักเก็บไว้เสียก่อนยามมีผู้สนใจมันจริงๆ
ขายกระบี่
ต่อรองด้วย ขอเพิ่มสัก 20%

Rolled 1d10-1 : 7 - 1, total 6
จากนั้นเอาเงินไปจ่ายค่าพยาบาล
-
ขายได้ 350 เหรียญ จ่ายไป 300 เหลือ 50 เหรียญ
หลังผ่านการฝังเข็มทองกรุยชีพ อาเหมยก็มีอาการดีขึ้น
ลมปราณของนางเริ่มรวมตัวอีกครั้ง จูซิงแซบอกว่านอนพักฟื้นที่นี่อีกสักวันก็จะดีขึ้น
อาเหมยลืมตาตืนขึ้นมามองเห็นชงต๊ะยืนอยู่ข้างกาย ก็สอบถามเขาว่า "อาจารย์....ท่านเป็นอะไรหรือไม่.."
-
"เด็กโง่เอ๋ย เจ้าห่วงตัวเองเสียก่อนเถิด"
ชงต๊ะโล่งใจที่อาเหมยปลอดภัย เขาตำหนิที่อาเหมยไม่เชื่อฟังแล้วหนีไปแต่ทีแรก แต่ก็ตบท้ายขอบคุณและชื่นชมในความกล้าหาญของเธอ
เล่าให้ฟังว่าที่แท้เจ้าคนชุดดำนั้นเป็นยอดฝีมือของพรรคมาร ที่นั่นคงเป็นที่พักของมัน เสียดายที่เร่งรีบมากไปจึงไม่ทันได้สืบต่อไปถึงประมุขของมัน
บอกอาเหมยต่อว่าให้นอนพักผ่อนให้สบาย ส่วนตนเองจะไปแจ้งเรื่องกับเถ้าแก่
ว่าแล้วก็ซื้อยาสมานแผล 2 ชุด มาทาแผลให้ตัวเองก่อน
-
จูซิงแซบอกว่าแผลแค่นี้เขารักษาให้ได้ คิดแค่ยี่สิบเหรียญ
จากนั้นก็ฝังเข็มห้ามเลือดและพอกยาพันแผลให้ชงต๊ะ
+2HP -20Coin
-
จบเรื่องแล้ว คราวนี้ก็มาคิด ถ้าไปบอกเถ้าแก่...
ลื้อทัมลูกสาวอั๊วะบากเจบปางตาย อั๊วะไล่ลื้อออก
...แหงเลย
งั้นเดี๋ยวค่อยไปบอกละกัน :(
คิดซิว่าจะติดต่อรองแม่ทัพเบ๊คุ๊งได้ยังไง

Rolled 1d10+1 : 4 + 1, total 5
-
คิดไม่ออกใครกันเบ๊คุ้ง รองแม่ทัพนั่นชื่อซีเบ๊คุ้งต่างหาก -1SP ปล.ข้อมูลนี้รู้อยู่แล้ว ไม่ต้องคิดก็ได้
เขาบอกรหัสติดต่อเอาไว้ ถ้าต้องการพบให้ทำสัญลักษณ์ที่ประตูเมืองแล้วไปรอพบกันที่ตรอกหลังเหลาตะวันรอนตอนค่ำ
-
พอดีมันผ่านมาแล้วเลยกลัวว่าจะหากันไม่เจอน่ะ (เผื่อพลาดจนโดนจับไปหมดแล้ว)
งั้นถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ไปแอบๆ ส่องดูที่โรงเตี๊ยมของเถ้าแก่ก่อน น้องจิวกับน้องหลิวยังอยู่ไหมนะ แล้วคาราวานล่ะ ออกไปตามหากันรึเปล่า
-
ไม่พบจิวกับหลิว คงเดินทางต่อไปแล้ว ทั้งคู่คิดว่าชงต๊ะพาอาเหมยหนีตามไป
เถ้าแก่หวงก็เช่นกัน พวกเขาส่งคนออกไปทั้งวันทั้งคืน ดูท่ายังไม่ได้ผลรับอันใด
-
ปล่อยให้สวรรค์ตัดสินเถิด ชงต๊ะกลับไปนั่งเฝ้าอาเหมย เล่านิทานให้ฟังจนถึงเวลาเย็นค่อยไปรอพบซีเบ๊คุ้ง
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
ซีเบ๊คุ้งมาตามเวลานัดหมาย เขาเดินออกมาจากตรอกแห่งหนึ่ง
เมื่อพบหน้าก็กล่าวว่า "ท่านหายไปไหนมา ใช่พาลูกสาวของเถ้าแก่หวังหนีตามไปเหมือนที่ลือกันหรือไม่
-
"ข้าสืบเสาะจนพบสถานที่แห่งหนึ่ง เกิดสัประยุทธ์กับคนร้ายติดพันอยู่นาน"
บอกว่าสืบหาข้อมูลเลยไปเจอสิ่งที่พบเห็น ไม่ว่าจะตรอกแปลกๆ บ้านพัง แล้วก็โรงฝึก เล่าสิ่งที่เจอมาทั้งหมด
ซ้ำร้ายยังเจอยอดฝีมือที่คาดว่าจะเป็นคนของพรรคมังกรอะไรสักอย่าง ตอนนี้มันตายแล้วเลยไม่รู้ว่าใคร ให้ดูภาพเขียนด้วย
"เกรงว่าเจ้าคนที่หนีรอดไปได้จะย้อนกลับมาทำร้ายอาเหมย ข้าจึงให้นางซ่อนตัวอยู่ก่อน" อันนี้โม้ไปตามเรื่อง
ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เมืองนี้หรือไม่ แล้วทางซีเบ๊คุ้งได้ความว่ากระไรบ้าง
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
คนที่พบคงเป็นคนของนิกายมังกรเทวะ ภาพเขียนนี้เป็นเครื่องหมายของนิกาย มังกรเทวะที่กึ่งกลางคือประมุขนิกาย
รายล้อมด้วยเทวทูตทั้งสี่คือ มังกรดิน/น้ำ/ลม/ไฟ
ทางเราส่งคนเข้าไปสืบเสาะ ทราบว่าเจ้าเมืองกว่างหลิงลอบติดต่อกับกองทัพธรรมจริง
โดยกองทัพธรรมสัญญาว่าจะไม่บุกกว่างหลิง แต่กองทัพจะไปบุกเมืองโซวจิวแทน
เมืองกว่างหลิงต้องส่งเสบียงให้กองทัพธรรมและห้ามช่วยเหลือเมืองโซวจิว
"ช่วยเหลือกบฏเท่ากับเป็นกบฏเสียเอง บุคคลเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดพบก็สามารถประหารฆ่าทิ้ง
-
ชงต๊ะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วถามต่อว่าทหารที่มีก็น้อยนิด เราจะบุกซึ่งหน้าคงไม่ได้ หรือเราจะลอบเข้าประชิดตัวเจ้าเมืองเพื่อจับกุมมาประหารเสีย
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
พวกเราเป็นทหาร ถนัดแต่การรับคำสั่ง มีความลำบากอยู่บ้างในการคิดแผนการ
ท่านชงเคยรับราชการเป็นกุนซือ ไม่ทราบมีแผนในใจแล้วหรือไม่
-
แผนปกติในการจัดการทรราชก็น่าจะเป็นการจับเจ้าเมือง และกำจัดเจ้าเมืองต่อหน้าสาธารณะชน แต่เราไม่รู้ข้อมูลอะไร ไม่ว่าจะตัวเจ้าเมืองนั้นกำจัดง่ายเพียงใด มียอดฝีมือคุ้มกันแค่ไหน ทหารในเมืองรวมทั้งประชาชนจะต่อต้านเราหรือไม่
ดังนั้นแผนของชงต๊ะก็คือ เราจะหาทางเข้าควบคุม/เกลี้ยกล่อมเจ้าเมือง หรือผู้มีอำนาจสั่งการทหาร และนำทัพของกว่างหลิงโจมตีกองทัพธรรมด้วยวิธีตลบหลังในขณะที่กองทัพธรรมยกทัพไปประชิดโซวจิว
กองทัพธรรมอาจจะทิ้งคนไว้เฝ้าป้อมปราการหรือไม่นั่นอาจจะไม่สำคัญ เพราะถ้าโซวจิวแตก ก็เท่ากับกองทัพธรรมจะได้ฐานที่มั่นแห่งใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าค่ายสร้างด้วยมือ ดังนั้นเราจะให้โซวจิวแตกไม่ได้ ในทางกลับกัน กำลังรบที่เรามีก็อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ควรจะทำลายมัน แต่ควรนำกลับมาใช้ให้เกิดผลมากที่สุด
ดังนั้นข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้ชงต๊ะต้องการรู้ข้อมูลของเจ้าเมือง แม่ทัพ และคนที่มีอำนาจในเมือง เพื่อเตรียมการขั้นต่อไปว่าจะเข้าประชิดเพื่อเกลี้ยกล่อมเช่นไร
ขอให้ซีเบ๊คุ้งและทหารคนอื่นสืบเรื่องเหล่านี้ก่อน
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
เรื่องนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งวัน คืนพรุ่งนี้ท่านชงมาคอยรับฟังข่าวดีที่นี่เถอะ
กล่าวจบซีเบ๊คุ้งก็หันกายจากไป
ใกล้รุ่งสาง ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ไปดูอาการอาเหมยเสียก่อน
-
อาเหมยยังหลับอยู่ในสถานพยาบาล สีหน้าของเธอดีขึ้นมาก
-
นี่มันกี่โมงแล้วนะ ชงต๊ะนอนหลับฟื้นฟูกำลังบ้างละกัน นอนบนพื้น หรือม้านั่งข้างๆ อาเหมยนี่แหละ
-
ชงต๊ะนั่งหลับข้างๆเตียงอาเหมยจนถึงเวลาสาย +1HP +1SP
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยตื่นแล้ว มองเห็นชงต๊ะนั่งหลับอยู่ข้างกายก็กล่าวว่า
"ท่านอาจารย์ ข้าสลบไปนานเท่าไหร่ บิดาข้ารู้เรื่องหรือไม่"
-
"สักวันหนึ่งได้กระมัง ข้าห่วงแต่เจ้าจนลืมไปเสียสนิทเลยหรือนี่" ชงต๊ะก็พูดไป
ระหว่างนี้ใช้ความคิด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพาอาเหมยกลับไปพบเถ้าแก่

Rolled 1d10+1 : 8 + 1, total 9
-
คิดจนปวดหัว -1SP
ชงต๊ะคิดว่าถ้ากลับไปพบเฉยๆเถ้าแก่หวงต้องโกรธแน่ที่พวกเขาหายไปโดยไม่บอกกล่าว
แถมอาเหมยยังได้รับบาดเจ็บอีก หากไม่หาวิธีแก้ไขชงต๊ะคงต้องถูกขับไล่ไสส่งเป็นแน่
ดีไม่ดีอาจจะโดนเถ้าแก่หวงใช้คนมาสั่งสอนเขาด้วย
-
ชงต๊ะคิดแล้วก็กลุ้มใจยิ่งนัก
เขาจึงบอกอาเหมยว่าเราหายไปพร้อมกันทั้งสองคนเป็นคืน เถ้าแก่ต้องโกรธมากแน่ อาจจะเข้าใจได้ว่าเราไปทำเรื่องไม่ดีไม่งามกัน
ขั้นเบาๆ ก็น่าจะขับไล่ไสส่งเขาจนไม่อาจได้สอนสั่งอาเหมยอีก
พูดเปรยดูว่าอาเหมยจะกล่าวเช่นไร
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"การบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้ข้าได้คิดเรื่องราวมากหลาย"
"ยุทธภพอันตรายถึงเพียงนี้ ข้ากลับคล้ายเพ้อฝันไปเองว่าสามารถท่องเที่ยวไปได้ดังใจ"
"ท่านอาจารย์ ตั้งแต่รู้จักท่านมา ท่านยังไม่เคยแสดงฝีมือที่แท้จริงหรือท่านมิใช่จอมยุทธกันแน่"
"หากข้าติดตามท่านไป ท่านมั่นใจว่าจะปกป้องข้าพเจ้าได้?"
-
มาถึงขั้นนี้แล้วชงต๊ะคงมิอาจปิดบังได้
เขาจึงบอกอาเหมยว่าแท้จริงแล้วเขามีความรักต่ออาเหมย
เมื่อรู้ว่าอาเหมยสนใจเรื่องในยุทธภพเขาจึงเสนอตัวชี้แนะเพื่อจะได้ใกล้ชิดแลได้ดูแลสอนสั่งอาเหมยให้ได้รู้ว่าโลกภายนอกมันเป็นอย่างไร
"แม้ตัวข้าไร้วาสนาแลฐานันดรต่ำต้อย แต่ความรักที่ข้ามีต่อเจ้านั้นมากกว่าชายใดจะมีให้"
"เราหนีไปด้วยกันเถิด ไปผจญภัยในโลกกว้างด้วยกัน ข้าสาบานต่อฟ้าดินว่าจะปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้า"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
"ที่แท้เป็นเช่นนี้ ท่านหลองลวงผู้อื่นสาหัสนัก แต่ก็พิสูจน์ว่าความรักของท่านเป็นเรื่องจริง"
"ผู้อื่นหายตัวไปพร้อมกับท่านสองวัน ต่อให้โดดลงแม่น้ำแยงซีเกียงยังมิอาจชะล้างมลทินได้"
"แม้กลับไปหาบิดาก็ไม่พ้นคำครหา พี่ชง ข้ายินดีรับความรักของท่านเอาไว้และออกติดตามท่านไป"
"แต่หากต้องการให้ข้าแต่งงานกับท่าน พี่ชงต้องจัดงานแต่งงานทำการสู่ขอให้ถูกต้องตามประเพณี"
"ตอนนี้ความสัมพันธ์เราทั้งคู่ถือเป็นเพียงพี่น้องกันเท่านั้น พี่ชงตกลงหรือไม่"
-
ชงต๊ะยิ้มรับ
"ข้าตกลง น้องเหมย เมื่อถึงเวลาข้าจะสู่ขอเจ้าอย่างสมเกียรติ"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยยิ้ม กอดชงต๊ะแล้วจุมพิตที่แก้มของเขาเบาๆ กล่าวว่า
"พวกเราสมควรรีบไปจากที่นี่ อีกไม่นานคงมีผู้คนนึกได้สืบเสาะมาถึงสถานพยาบาล พี่ชงต้องรีบคิดหาหนทาง"
ชงต๊ะได้อาเหมยเป็นเพื่อนร่วมทาง
+3EXP
ชงต๊ะสามารถสั่งการอาเหมยได้
แต่เธอไม่มีสเตตัสจึงไม่สามารถทำเรื่องที่ต้องทอยเต๋าเองได้
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมย-เด็กสาวผู้รักการผจญภัย
HP 2/2
SP 2/2
ทักษะ
- ประสบการณ์ยุทธภพ : มีประสบการณ์พอที่จะฝึกทักษะได้ 1ชนิด ถ้ามีคนสอน
-
"ข้าคิดว่าเราควรต้องหาสถานที่ร้างผู้คน... จริงสิ"
พิจารณาว่ายังกลับไปที่ลานฝึกถูกหรือไม่
ระหว่างนี้พาอาเหมยหลบไปให้ห่างรพ.ก่อน เล่าให้อาเหมยฟังถึงแผนการที่จะช่วยเหลือรองแม่ทัพซีเบ๊คุ้ง
-
กลับไปไม่ถูกแล้ว ตอนแรกก็หลงไป ตอนหลังก็รีบวิ่งออกมา ชงต๊ะไม่ได้จดจำทิศทางเอาไว้
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยฟังแล้วก็กล่าวว่า "พี่ชง พวกเราไม่มีวิทยายุทธ์ จะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้แน่หรือ เกรงว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งอีก"
-
"ที่เจ้ากล่าวมาก็ถูก แต่บ้านเมืองกำลังเดือดร้อน พวกเราควรช่วยเหลือ แลนี่อาจจะเป็นโอกาสให้ข้าได้ยกฐานะตนเองขึ้น" ชงต๊ะกล่าวแล้วก็สบตาอาเหมย
"เพื่อที่ข้าจะได้ยืดอกสู่ขอเจ้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ"
ในเมื่อกลับไปไม่ได้แล้วเช่นนั้นก็ต้อง
ถามชาวบ้านว่าเมืองนี้มีสถานที่ใดบ้าง
ถามแบบกว้างๆ เพื่อให้ชาวบ้านบอกมาหลายๆ ที่ แต่สถานที่ๆ ต้องการก็คือวัดร้าง หรือสถานที่ๆ ร้างผู้คน ห่างไกลจากความสนใจ
ที่ต้องถามแบบนี้เพื่อที่เวลามีคนของเถ้าแก่ที่มาสืบหามาถามชาวบ้านว่ารู้จักทั้งสองไหม ชาวบ้านจะได้ไม่บอกไปว่า อ๋อ เห็นมาถามว่า.....อยู่ที่ไหน
-
ชงต๊ะถามข้อมูลทั่วๆไปเรื่องสถานที่ในเมืองจากชาวบ้าน
เขาพบว่าคนส่วนใหญ่พูดถึงตรอกอสรพิษซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าที่รกร้าง อาคารส่วนใหญ่พังทลายจากภัยสงคราม
แต่ไม่มีคนบูรณะ บริเวณรอบนอกเป็นชุมชนแออัดที่คนยากจนอาศัย แต่ในตรอกนั้นทางเดินวกวนบางครั้งกำแพงก็พังลงขวางทาง
ส่วนใหญ่คนที่เข้าไปก็ไม่ได้กลับออกมา จึงไม่ค่อยมีใครไปที่นั่น
คนเฒ่าคนแก่กลับพูดถึงเขาภูตพรายที่นอกเมืองเป็นที่ตั้งสุสานร้างและศาลเจ้าพระยม ที่นั่นมีข่าวพบภูติผีไม่มีใครไปมานาน
จนคนหนุ่มสาวก็ไม่รู้จักแล้ว
คนหนุ่มสาวกลับกล่าวถึง สวนตระกูลซุน ตระกูลซุนน้้นเคยครองความเป็นใหญ่ แต่ปัจจุบันล่มสลายไปแล้ว
สวนนั้นรกร้างแต่กว้างขวางยิ่ง มีมุมลับตามากหลาย หนุ่มสาวมักแอบไปพรอดรักกันที่นั่น
-
ตัดตรอกนั้นทิ้งไปได้เลยถ้างั้น...
สวนนั่นก็น่าจะเป็นจุดที่ถูกค้นหาเป็นที่แรกๆ
ดังนั้น
"ผีไม่มีจริงหรอก จริงไหม" บอกอาเหมย แล้วก็ชวนกันไปที่นั่น
ศาลเจ้าพระยม
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
อาเหมยกล่าวสัพยอกเขาว่า "มีพี่ชงอยู่ยังน่าหวาดกลัวกว่าภูติผีอีก ข้าหากลัวไม่ ยังกลัวหิวมากกว่า หรือพวกเราสามารถรับประทานศพ"
-
"ข้าคิดว่าบางทีสวรรค์อาจจะเมตตามอบผลไม้ป่าให้พวกเรา"
จริงสินะ ถ้างั้นก็ไปซื้อเสบียงก่อน
ไปซื้อหม้อ ชุดไฟ (ถ้าอาเหมยยังมีอยู่ก็ไม่ต้องซื้อ) และข้าวสาร 20 เหรียญ
-
ชงต๊ะไปซื้อของเป็นเงินห้าสิบเหรียญ
จากนั้นออกจากเมืองมุ่งหน้าไปทางตะวันตกสี่ห้าลี้ก็บรรลุถึงเชิงเขาภูติพราย
แม้เป็นเวลาบ่ายคล้อยแต่แล้วเขาภูติพรายกลับปกคลุมด้วยหมอกบางๆชั้นหนึ่ง
ดูไปคล้ายดินแดนลี้ลับ พวกเขาพบบันไดทางเดินขึ้นเขาที่มีหญ้ารกปกคลุม
และหินบอกทางที่สลักว่า ตำหนักเงี่ยมล้ออ๋อง (พระยายม)
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
จับมืออาเหมยแล้วย่างเท้าขึ้นไปช้าๆ ใช้ท่อเหล็กตวัดเปิดหญ้าไปเรื่อยๆ เผื่องูซ่อนอยู่
-
ทั้งสองเดินไปตามบันไดขึ้นเขาจนถึงตอนเย็น
ระหว่างทางพวกเขาพบว่า
เสี่ยงดวง 1-3 เกิดเรื่องไม่น่ายินดี 4-7 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 8-10 เกิดเรื่องน่ายินดี
(http://baron.wudthipan.com/forum/Themes/default/images/dice_warn.gif) This dice roll has been tampered with!
Rolled 1d10 : 7, total 7
-
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง
เมื่อถึงยอดเขาพวกเขาก็พบกับวิหารร้างแห่งหนึ่ง ป้ายที่ประตูทางเข้าตกลงมาบนพื้นแตกหัก
แต่ยังพออ่านได้ว่าตำหนักพระยม บานพับของประตูทางเข้าก็เสียหายจนประตูเอียงราวกับจะหลุดออกได้ทุกเมื่อ
หน้าต่างแต่ละบานก็มีสภาพไม่สมประกอบ มีใยแมงมุมและหยากไย่ติดอยู่ทั่วไป
ตัวอาคารมีชั้นเดียว ผนังภายนอกแตกร้าว ราวกับใบหน้าของหญิงชรา
รอบๆวิหารร้างมีหญ้าขึ้นรกทึบ มองไปด้านหลังเห็นเนินดินเล็กๆคล้ายฮวงซุ้ยเรียงราย
เงาหมอกยามเย็นยิ่งขับให้บรรยากาศวังเวงกว่าเดิมสิบส่วน
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ให้อาเหมยรอด้านนอกก่อน ส่วนตัวเองเดินไปทางอาคารดูสิว่าทางเข้าอยู่ดีหรือไม่
แต่ก่อนจะเข้าไปใกล้มองผ่านหน้าต่างเข้าไปด้านในเสียด้วยว่ามิมีสิ่งใดอันตรายแปลกปลอม
-
ชงต๊ะมองผ่านใยแมงมุมบนหน้าต่าง พบว่าภายในวิหารตกแต่งราวขุมนรก
มีรูปปั้นพระยมนั่งอยู่กลางวิหาร ปีศาจหัววัว หัวม้า หัวสุกร ยืนรายล้อม ถืออาวุธต่างๆเงื้อง่าแฝงรังสีฆ่าฟันหลายส่วน
พอชงต๊ะเอื้อมมือผลักประตูก็หลุดออกล้มบนพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้น แต่มองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ
เขาจะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะจับคางครุ่นคิดแล้วร้องเรียกอาเหมยให้มาดูพร้อมถามความเห็นเกี่ยวกับปีศาจหัววัว หัวม้า หัวสุกรว่ามีความหมายอะไร
ส่วนตัวเขาเดินเข้าไปช้าๆ แต่ไม่เข้าไปใกล้ เดี๋ยวมันแสดงอิทธิฤทธิ์ฟันหัวแบะ
รูปปั้นทำจากอะไร ตัวใหญ่แค่ไหน ถืออาวุธอะไรบ้าง แล้วที่พื้นมีอะไรน่าสงสัยไหม ฐานของรูปปั้นทับหญ้าหรือสิ่งของไหม
-
รูปปั้นพระยมใหญ่กว่าคนธรรมดาสามเท่า รูปปั้นปีศาจใหญ่ากว่าคนธรรมดาเท่าครึ่ง
รูปปั้นปีศาจมีสิบกว่าตัว แต่มีปีศาจแค่สามชนิดเท่านั้น ปีศาจที่มีหัวเหมือนกันจะถืออาวุธเดียวกัน แต่ท่วงท่าต่างกัน
ปีศาจหัววัวถือดาบ ปีศาจหัวม้าถือหอก ปีศาจหัวสุกรถือไม้กระบอง
รูปปั้นหล่อด้วยโลหะสำริด บนพื้นเป็นพื้นปูนสีแดง ไม่พบสิ่งใดที่ฐานรูปปั้น
อาเหมยส่ายหัว ไม่ทราบว่ามีความหมายอะไร
"ปีศาจเหล่านี้เป็นนายนิรบาลในยมโลก คงสร้างขึ้นมาเพื่อขู่ขวัญผู้คน"
-
"ข้ามีความเชื่ออย่างหนึ่งคือ หากมีควันย่อมมีไฟ จะต้องมีความลับบางอย่างที่นี่" ชงต๊ะ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเราแค่จะมาพักผ่อนหลบเลี่ยงเถ้าแก่
ลองเก็บหิน หรืออะไรสักอย่างปาใส่รูปปั้นพระยมและรูปปั้นอื่นๆ
ถ้าไม่มีอะไรก็ลองไปดันรูปปั้นหมูให้ล้ม จะดันล้มได้ไหมนะ ถ้าล้มไม่ได้เอาแค่เขยื้อนก็พอ หรือหมุนดู
ปีศาจที่มีหัวเหมือนกันจะถืออาวุธเดียวกัน แต่ท่วงท่าต่างกัน
เอ... ลองดูซิว่าหมูมันมีท่าไหนบ้าง จำนวนท่าเท่ากับอีกสองแบบไหม
-
ชงต๊ะปาหินใส่ แต่ไม่เกิอะไรขึ้น
ชงต๊ะผลักรูปปั้นให้ล้ม มันหนักพอควรแต่ถ้าออกแรงดันกันสองคนก็ล้มได้
มีรูปปั้น สิบเก้าตัว เป็นวัวเจ็ดตัว ม้าเจ็ดตัว สุกรห้าตัว
ปีศาจหัวสุกรแต่ละตัวล้วนมีสีหน้าดุร้าย ฟาดกระบองด้วยท่วงท่าแตกต่างกัน
-
งั้นก็ชวนอาเหมยมาล้มรูปปั้นให้หมดเลย เผื่อจะมีอะไรใต้ฐาน หรือถ้าพื้นแตกอาจจะมีสมบัติซ่อนไว้ก็เป็นได้
-
ไม่พบอะไรใต้ฐานรูปปั้นเลย พื้นก็ไม่แตกด้วย
พระอาทิตย์ตกดิน ค่ำแล้ว ความมืดมิดขับให้รูปปั้นพระยมดูน่าหวาดกลัวกว่าเดิม
คล้ายกับเคียดแค้นที่เหล่าสมุนถูกผลักล้มลง
-
"........"
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ คืนนี้เราพักที่นี่ก่อน ถ้าไม่มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาซีเบ๊คุ้ง
หุงหาข้าวปลา เอาฟืนมาก่อไฟ
-
ชงต๊ะและอาเหมยช่วยกันเก็บกิ่งไม้แห้งมาก่อกองไฟขึ้น ต้มข้าวเตรียมรับประทาน
เปลวไฟวูบวาบสะท้อนให้เห็นเงาของปีศาจหัววัวบนกำแพง
แต่พวกเขาล้มรูปปั้นลงหมดแล้วมิใช่หรือ
เมื่อหันไปดู ชงต๊ะก็พบกับเงาร่างคล้ายปีศาจหัววัวยืนจังก้าอยู่ ในมือของมันถือดาบเป็นประกายวาววับ
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2343.jpg)
...
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
ขยับมายืนบังอาเหมยไว้แล้วยกมือทั้งสองให้ดูว่าไม่มีเจตนามาร้าย ยินนิ่งๆ
"ข้าพเจ้าแค่มาหาที่พักอาศัยเท่านั้น ท่านเทพโปรดเมตตา"
-
เงาร่างนั้นไม่ตอบคำ ชูดาบขึ้นทำท่าาเหมือนจะฟันลงมาได้ทุกเมื่อ
จากนั้นค่อยๆก้าวเข้าหาพวกเขาอย่างช้าๆ
-
"เจ้าเป็นใคร ถ้าหิวล่ะก็ข้ามีอาหารให้ แต่ถ้ามาร้ายล่ะก็"
บอกอาเหมยเก็บข้าวของ ส่วนตัวเองชักดาบออกมาชี้ไปที่อีกฝ่าย ดูว่าอีกฝ่ายมีทีท่าตัดสินใจหรือไม่สะทกสะท้านเลย จะได้ตั้งรับขับสู้ถูกทาง
-
เงาร่างนั้นไม่ตอบคำ ยังคงก้าวเข้าหาพวกเขามากขึ้น
มันเริ่มกวัดแกว่งดาบไปมาช้าๆ
-
ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้านี่คืออะไร ผีไม่มีจริง ปิศาจหรือ ไม่น่าใช่ จะบอกว่าเป็นโจรที่มาไล่คนจนไม่มีใครกล้ามาที่นี่ก็ไม่น่าใช่อีก เพราะมันตั้งแต่สมัยคนเฒ่าคนแก่
เดี๋ยวสิ หรือว่ามันจะเป็นคนแก่ อาจจะเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ตอนนั้น แสดงว่าต้องแก่แล้ว เรี่ยวแรงย่อมถดถอย
ชงต๊ะคิดดังนั้นแล้วก็ให้อาเหมยถอยลงบันไดไปก่อน ตัวเองถอยตาม ถอยห่างไปเรื่อยๆ อย่าให้มันเข้าใกล้
-
เงาร่างตามมาจนพวกเขาถอยออกจากศาลก็มิได้ตามออกมาอีก
แต่กลับยืนขวางประตูเอาไว้
ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
"แกจะนอนคนเดียวเรอะ เจ้าบ้า เจ้าคนไร้น้ำใจ ที่ตั้งกว้างแบ่งกันนอนไม่ได้หรือไรเล่า"
ตะโกนด่าดูว่าจะโกรธไหม...
ถ้าไม่ตอบโต้ก็ถอยมาห่างๆ ปาหินใส่ยั่วโมโห
-
เงาร่างนั้นยังคงยืนอย่างเฉยเมย
แต่เมื่อชงต๊ะปาหินใส่ เงาร่างนั้นกลับขยับดาบวูบ ใช้ใบดาบรับก้อนหินไว้
ก่อนจะสะบัดครั้งหนึ่งหินนั้นกลับพุ่งสะท้อนเข้าหาชงต๊ะดุจดาวตก
หินนั้นพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเขา ชงต๊ะจะทำอย่างไร
-
:o
เอาท่อเหล็กมาปัดให้พ้นตัว

Rolled 1d10+1 : 1 + 1, total 2
-
ก้อนหินพุ่งมาเร็วกว่าที่คิด
ชงต๊ะขยับท่อเหล็กเข้าปัดป้อง แต่กลับพบว่าก้อนหินแฝงกำลังภายในเปี่ยมล้น
แม้เบี่ยงเบนวิถีไปได้ ยังคงทำให้ทรวงอกเขาอึดอัดขัดข้อง ต้องกระอักโลหิตออกมาคราหนึ่ง บาดเจ็บ 1
ร่างนั้นยังยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูศาลเจ้า ชงต๊จะทำอย่างไร
-
ชงต๊ะโกรธแค้นยิ่งนัก เจ้านั่นคือตัวอะไรกันนะ
พิจารณาว่าถ้ากลับที่จุดนัดพบยังทันพบกับซีเบ๊คุ้งไหม ถ้าทันก็กลับ
แต่ถ้าไม่ทันแล้วก็ลองดูว่าตรงบันไดนี้น่าจะพักผ่อนได้ไหม
-
ตอนนี้เป็นยามค่ำ ประตูเมืองปิดแต่แรก
บริเวณภายนอกศาลเจ้าสามารถพักผ่อนได้
แต่ถ้าไม่มีคนเฝ้ายามก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
-
งั้นชงต๊ะเฝ้ายามเอง พรุ่งนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้านั่นคือตัวอะไร
"พักผ่อนกันเถอะ ข้าจะเฝ้ายามให้เอง"
-
ชงต๊ะนั่งจ้องหน้าตัวประหลาด ครึ่งชั่วยามผ่านไป ระหว่างที่เขากระพริบตา
เงาร่างนั้นกลับหายไปจากประตูศาล
จากนั้นได้ยินเสียงครืน ตำหนักพระยมกลับพังทลายลงมา
กลายเป็นกองซากปรักหักพังกองหนึ่ง
-
ปลุกอาเหมยเข้าไปดูที่เกิดเหตุด้วยกัน มันเกิดอะไรขึ้นนะ...
-
ตำหนักพระยมเหลือเพียงกองอิฐและเศษปูนกองพะเนิน ที่มีหลังคาศาลทับเอาไว้
เสาทั้งแปดต้นล้วนหักโค่นลงมา
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
พี่ชง เกิดอะไรขึ้น ตัวประหลาดนั่นใช่ปีศาจหัววัวหรือไม่
ชงต๊ะจะตรวจสอบยังไง ถ้าไม่รู้จะทำยังไงก็ลองทอย+รับรู้ หรือ +ปัญญา ดู
-
"ข้าไม่คิดว่าเจ้านั่นจะเป็นปิศาจ บางทีมันอาจจะเป็นจอมยุทธ์ที่คอยรักษาความลับของที่นี่"
ชงต๊ะพูดไปเดินวนรอบๆ ดู ระวังอย่าเข้าไปใกล้แนวพงหญ้ามากนัก แล้วดูด้วยว่าสุสานยังมีทางเดินไปได้ไหม
-
ชงต๊ะเดินวนดูแต่ไม่พบอะไรเพิ่มเติม
สุสานทั้งหลายล้วนอยู่ด้านหลังภายนอกตำหนัก จึงไม่เสียหาย
ป้ายฮวงซุ้ยแต่ละหลุมบ้างทำด้วยหินแกะสลัก บ้างทำด้วยไม้
-
ลองหาอะไรเพิ่มเติมดูก่อน มันน่าจะมีร่องรอยอะไรที่เรามองข้ามไป
การรับรู้

Rolled 1d10 : 3, total 3
-
ชงต๊ะพยายามแงะซากตึกออกมาตรวจดู แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2285.jpg)
พี่ชง สถานที่ปีศาจนี้ไม่น่าเล่น พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ
-
"ขอข้าไขความจริงอีกครู่เถิดน้องเหมย"
ชงต๊ะมิแล้วใจใช้ความคิด เจ้าปิศาจวัวแท้จริงคืออะไรกัน

Rolled 1d10+1 : 7 + 1, total 8
-
ชงต๊ะคิดจนสมองอ่อนล้า (-1SP) ได้ข้อสรุปว่า
- ปีศาจหัววัวหากมีจริงสมควรต้องทำงานในนรก หากมาบนโลกก็เพื่อนำพาวิญญาณผู้ตายไปนรก
- "ปีศาจวัว" ที่เขาพบไม่มีเจตนาฆ่าคน แต่ต้องการข่มขู่พวกเขา เมื่อไม่สำเร็จก็ทำลายอาคารปกปิดร่องรอยของตน
- "ปีศาจวัว" ที่เขาพบน่าจะมีเหตุผลที่มิอาจพบพานผู้คน เมื่อถูกเห็นร่องรอยคงหลบลี้หนีหน้าไป
- "ปีศาจวัว" ที่เขาพบน่าจะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง
-
ก็เคยมีเรื่องเล่าของผู้เฝ้าสุสานอะไรทำนองนี้เหมือนกัน บางทีปิศาจวัวนั่นอาจจะเป็นจอมยุทธ์ที่คอยสวดส่งวิญญาณก็เป็นได้
ที่พังหลังคาคงเพื่ออำพรางรอยเท้าสินะ
ชงต๊ะสรุปเอง
เป็นไปได้ว่าคงไม่อยู่ที่นี่แล้ว ว่าแต่ตอนนี้มันกี่โมงกันแล้วนะ
ระหว่างเช็คเวลาก็เดินดูป้ายสุสานหาร่องรอย เผื่อบางทีจะมีทางลงหลังป้ายสุสาน แต่ถ้าหญ้ารกน่าจะมีงูก็ไม่เข้า
-
เช้าแล้ว ชงต๊ะเดินดูผ่านๆไม่พบทางลับใด ป้ายหลุมศพก็มีชื่อมากมายแต่ไม่มีชื่อที่เขาสนใจ
-
เช่นนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการออกทะเล
หุงข้าวปลาอาหารรับประทาน
นอนหลับสักตื่น ให้อาเหมยเฝ้าให้ในช่วงนี้
เมื่อตื่นแล้วก็สอนอาเหมยฝึกทักษะการรับรู้
แล้วรอจนบ่ายค่อยกลับเข้าเมือง
-
ชงต๊ะนอนจนถึงเวลาสาย
จากนั้นแนะนำอาเหมยถึงวิธีการลับประสาทสัมผัสทั้งห้าให้แหลมคม
แต่อาเหมยไม่ยอมเรียน บอกว่าถึงเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด (ปกติ อาเหมยจะไม่สามารถทอยเต๋าได้)
พวกเขากลับมาถึงเมืองตอนเย็น พอไปสืบข่าวก็พบว่ากองคาราวานออกเดินทางต่อไปแล้ว
+1EXP
ชงต๊ะจะทำอย่างไรต่อไป
-
คราวนี้เราก็มิต้องหลบซ่อนแล้ว ก่อนจะค่ำทำอะไรดีนะ
ไม่ๆๆ เราจะไม่ซุกซน ไปรอจนถึงเวลา
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
เมื่อถึงตอนค่ำ ซีเบ๊คุ้งก็ปรากฏตัว เขามีสีหน้าเคลือบแคลง ถามชงต๊ะว่า
"เมื่อวานท่านหายไปที่ใด? เหตุใดอาเหมยไม่ติดตามกองคาราวานของบิดานาง?"
-
"เมื่อได้ฟังความจากข้านางก็มีจิตใจคิดต่อสู้เพื่อบ้านเมืองมากกว่าจะติดตามบิดาไปแต่งงานคู่ครองที่มิได้รักไคร่ ข้าตั้งใจไว้ว่าจะพานางกลับบ้านภายหลัง ท่านมิต้องกังวล"
"เวลาไม่คอยท่า เรื่องส่วนตัวไว้ภายหลัง เรื่องส่วนรวมควรมาก่อน เรามาคุยเรื่องงานกันเถิด"
-
(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2309.jpg)
ซีเบ๊คุ้งนำข้อมูลที่สืบมาได้มอบให้ชงต๊ะ
เจ้าเมืองกว่างหลิง มีชื่อว่า ฉีตงปิน เป็นขุนนางบุ๋น ไต่เต้าจากตำแหน่งนายอำเภอด้วยการใช้เงินทองติดสินบน มีนิสัยสุขุมรอบคอบ
ที่ปรึกษาเจ้าเมือง หยุนจง ฉายาเรียกลมฝน เพิ่งมารับตำแหน่งเพียงสามเดือน เชี่ยวชาญการวางแผน
แม่ทัพ เกาต้าโฮ้ว ฉายาค้อนมหึมา ใช้ค้อนใหญ่เป็นอาวุธ เชี่ยวชาญวิชากำลังภายนอก
หัวหน้ามือปราบ หานซื่อซิน มือปราบจอมโฉด มักรีดไถชาวเมือง เป็นมือเท้าฉีตงปิน
เถ้าแก่เหลียง เป็นเจ้าของโรงสีและมียุ้งฉางหลายแห่ง
เถ้าแก่เหมา เป็นเจ้าของตลาดและร้านค้าส่ง
-
ชงต๊ะครุ่นคิด
เจ้าเมืองกว่างหลิง มีชื่อว่า ฉีตงปิน เป็นขุนนางบุ๋น ไต่เต้าจากตำแหน่งนายอำเภอด้วยการใช้เงินทองติดสินบน มีนิสัยสุขุมรอบคอบ
- เป็นคนฉลาด และมากเล่ห์ คนแบบนี้หลอกล่อไม่ง่าย
- อุปนิสัยเท่าที่ดูไม่ใช่คนเถรตรง อาจจะเห็นแก่ตัวมากพอที่จะกระทำการอันเป็นประโยชน์ต่อตนเอง
- เป็นขุนนางบุ๋น นั่นหมายความว่าเราอาจจะจับตัวมาบังคับขู่เข็ญได้ แต่ด้วยนิสัยที่รอบคอบจึงไม่ง่าย
ที่ปรึกษาเจ้าเมือง หยุนจง ฉายาเรียกลมฝน เพิ่งมารับตำแหน่งเพียงสามเดือน เชี่ยวชาญการวางแผน
- เป็นคนฉลาดเฉลียวเช่นกัน คงหลอกล่อไม่ง่าย
- การมารับตำแหน่งแค่ 3 เดือนมีเหตุอะไรพิเศษไหมนะ แต่นั่นก็เป็นเครื่องชี้บ่งว่าความผูกพันธ์และความสัมพันธ์คงไม่แน่นแฟ้น
แม่ทัพ เกาต้าโฮ้ว ฉายาค้อนมหึมา ใช้ค้อนใหญ่เป็นอาวุธ เชี่ยวชาญวิชากำลังภายนอก
- ดูแล้วน่าจะเก่งกาจในการรบ แต่คนใช้ค้อนมักจะไม่ฉลาด
- แม่ทัพไม่น่าจะตามติดเจ้าเมือง เราน่าจะหาทางพบเขาเพื่อดูนิสัยใจคอ บางทีเขาอาจจะเป็นคนกลางที่ช่วยเราได้
หัวหน้ามือปราบ หานซื่อซิน มือปราบจอมโฉด มักรีดไถชาวเมือง เป็นมือเท้าฉีตงปิน
- มือปราบคงเกาะติดเจ้าเมืองเป็นแน่แท้ ฝีมือมิต้องคุยถึง แต่คนปกติคงยากที่จะเข้าถึงเจ้าเมืองหากเจ้านี่ยังอยู่
- นิสัยชอบรีดไถอาจจะมีประโยชน์กับเราก็ได้
เถ้าแก่เหลียง เป็นเจ้าของโรงสีและมียุ้งฉางหลายแห่ง
เถ้าแก่เหมา เป็นเจ้าของตลาดและร้านค้าส่ง
- ทั้งสองคนนี้ถ้ามีเส้นสายก็น่าจะประจบเจ้าเมือง แต่ถ้าไม่มีก็คงถูกรีดไถ เราควรสนใจพวกเขา
- อย่างน้อยที่สุดก็เป็นคนมั่งมี เงินทุนของเขาอาจจะช่วยเราได้
ชงต๊ะถามซีเบ๊คุ้งว่ายังสืบให้ระเอียดกว่านี้แบบเฉพาะบุคคลได้ไหม ในระหว่างที่เขาจะสืบเรื่องของเถ้าแก่ทั้งสอง
คนที่อยากรู้รายละเอียดด้านพื้นฐานนิสัย ปัญหาที่ประสบ และสถานะในตอนนี้ คือแม่ทัพ เกาต้าโฮ้ว
-
ซีเบ๊คุ้งบอกว่าพรุ่งนี้จะนำข่าวที่ได้มาบอก
-
งั้นวันนี้ชงต๊ะไปสืบข่าวของพ่อค้าก่อน ถามสถานที่อยู่ของทั้งสองแล้วไปเลย
ไปดูเถ้าแก่เหลียงก่อนว่าทำงานยังไง มีปัญหาอะไรมั้ย (ยังไม่เข้าไปหา แค่สังเกตห่างๆ ก่อน)
-
เมืองกว่างหลิงอยู่ติดริมแม่น้ำเฝยสุ่ย เป็นต้นทางการส่งเสบียงขึ้นไปภาคเหนือ
ธุรกิจของเถ้าแก่เหลียงจึงรุ่งเรืองยิ่ง เขามียุ้งฉางสิบกว่าหลังใกล้กับท่าเรือ
ร้านค้าข้าวสารห้าแห่งในเมือง มีกองคาราวานสามกองคอยพลัดเปลี่ยนขนส่งสินค้าจากเมืองโซวจิว
เถ้าแก่เหลียงไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน เขามีลูกชายสามคนเป็นผู้ช่วยดูแลธุรกิจแต่ละอย่าง
ส่วนตัวเขาเองเพียงควบคุมตัวเลขบัญชีและการเจรจาค้าขายรายใหญ่ๆเท่านั้น
-
สวมบทบาทเป็นคนของทางการโซวจิว ลองเข้าไปแนะนำตัวและซักถามลูกชายของเถ้าแก่ถึงการค้าขายข้าว
แจ้งว่าทางโซวจิวต้องการสั่งข้าวเพิ่ม อยากคุยรายละเอียด คุยไปก็ถามโน่นนี่ไปว่าค้าขายเป็นไงบ้าง มีปัญหาอะไรไหม รู้ไหมว่าโซวจิวกำลังรบกับกองทัพธรรม
-
"พวกเราซื้อข้าวสารจากโซวจิวลำเลียงมาที่กว่างหลิงเพื่อส่งขึ้นเหนือ"
"แต่ท่านกลับเดินทางมาซื้อข้าวที่นี่ขนกลับไป ไม่ทราบเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?"
ลูกชายคนโตของเถ้าแก่เหลียงสอบถามเขา
"โซวจิวส่งกองทหารไปรบกับกองทัพธรรม นั่นเป็นเรื่องเมื่อครึ่งเดือนมาแล้ว ได้ข่าวว่าทหารโซวจิวพ่ายแพ้ยับเยิน"
-
.........
"ความจริงแล้วข้ามาที่นี่เพื่อเจรจาเป็นการลับเกี่ยวกับการขอยืมทุนเพื่อต่อสู้กับกองทัพธรรม"
"ตอนนี้โซวจิวเกิดวิกฤติ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือพวกท่านอาจจะไม่มีข้าวส่งขึ้นเหนืออีกก็เป็นได้"
-
"จากโซวจิวมาที่นี่ต้องฝ่าด่านกองทัพธรรม"
"พวกท่านไม่ขอยืมทุนพ่อค้าในโซวจิว กลับดั้นด้นมาถึงที่นี่ คงได้รับความลำบากมากแล้ว"
ลูกชายคนโตของเถ้าแก่เหลียง เริ่มมีท่าทีไม่เชื่อถือคำพูดของชงต๊ะ
-
.....ปลีกตัวออกมา
เปลี่ยนแผนเป็นการแอบซักถามพูดคุยกับคนงานเกี่ยวกับธุรกิจของเถ้าแก่เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับงานของเถ้าแก่
ถ้าเจอก็ชวนคุยไปเรื่อย เนียนถามปัญหาต่างๆ เส้นสาย เถ้าแก่ไม่ชอบใคร มีคนสนิทเป็นใคร เคยถูกมือปราบรีดไถบ้างไหม
-
ชงต๊ะลองไปเลียบเคียงถามพวกกุลี ได้ความว่าผู้ช่วยของเถ้าแก่เหลียงนอกจากลูกชายสามคนก็มีที่ปรึกษาชื่อจางซิ่วทำงานบัญชี
ครูมวยโจวกวงเป็นผู้ดูแลความปลอดภัย และหัวหน้าคนงานชื่อหลิวตัน
พวกกุลีไม่รู้ข้อมูลเชิงลึก เถ้าแก่เหลียงทำธุรกิจจึงผูกมิตรไปทั่ว เมื่อของขวัญส่งทั่วถึงมือปราบก็ไม่มารังควาน
-
ชงต๊ะลองใช้ความคิดว่าถ้าจะสืบข้อมูลเชิงลึกกว่านี้ควรจะทำอย่างไรดี
ไฮ่ย่า

Rolled 1d10+1 : 1 + 1, total 2
-
-1SP
นึกอะไรไม่ออกเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลเชิงลึกคืออะไร
-
งั้นถามกุลีว่าเคยเจอเถ้าแก่มั้ย รู้มั้ยว่าเถ้าแก่เป็นคนยังไง ใจบุญ รักความถูกต้อง อารี หรือว่าขี้เหนียว
-
กุลีบอกว่าเถ้าแก่เหลียงเป็นนักธุรกิจที่ใจบุญสุนทาน บางครั้งมอบข้าวสารให้กับกุลีไปรับประทาน
ทั้งยังทำนุบำรุงวัดวาอาราม แต่เนื่องจากต้องการฝึกฝนบุตรชาย หลายปีมานี่จึงมอบธุรกิจให้พวกเขาดูแล
ปกติใช้เวลาที่เหลือเล่นกับหลาน อย่างมากเพียงได้พบเถ้าแก่ในงานการกุศลเท่านั้น
-
ถามต่อว่าแล้วลูกทั้งสามเป็นเช่นไร เหมือนเถ้าแก่มิผิดเพี้ยนเลยหรือไม่
-
กุลีบอกว่าคุณชายทั้งสามก็เป็นคนดียิ่ง
คุณชายใหญ่ดูแลกิจการในกว่างหลิง สุขุมรอบคอบ
คุณชายรองดูแลการซื้อสินค้าจากโซวจิว มีปัญญาล้ำเลิศ
คุณชายน้อยดูแลการขายสินค้าทางเหนือ เชี่ยวชาญวิชาต่อสู์
-
ถ้างั้นเราก็สามารถขอความช่วยเหลือจากเถ้าแก่ผ่านลูกชายได้
ชงต๊ะเข้าใจแล้วก็ไปหาเถ้าแก่เหมา ลองไปด้อมๆ มองๆ ที่ตลาดค้าส่ง ถ้าเจอคนงานก็ถามคนงานว่าเป็นไงมั่งทำงานกับเถ้าแก่ ถามไปเรื่อยทั้งเรื่องของเถ้าแก่แล้วก็ถามถึงมือปราบหานซื่อซินว่าเขามารีดไถบ้างไหม
-
หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย แต่สุดท้ายชงต๊ะก็พบว่าชื่อเสียงในบู๊ลิ้มไม่จีรังยั่งยืน
มีแต่ความรักจึงมั่นคงไม่แปรผัน เขาแต่งงานกับอาเหมยและกลับไปขายเต้าฮวยเลี้ยงชีพ
ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข
GOOD END
รับ 28 Bonus EXP