Baron's Bloody Library

Now Playing => Luca Legacy => Luca's Realm => Another Dimension => Topic started by: Johan on July 18, 2015, 10:56:46 AM

Title: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 18, 2015, 10:56:46 AM
(http://i.imgur.com/mtoDqcc.jpg)

เมื่อสมัยเด็ก ฉันมองไปที่ฟากฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นแสงระยิบระยับหลายต่อหลายกระจุก ฉันมองเห็นสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น พวกเขาบอกว่านั่นคือดวงดาว
ฉันได้รู้ว่าผืนดินที่ฉันยืนอยู่นี้คือดาวดวงเล็ก ๆ ดวงหนึ่งในวันที่ฉันได้ถือมัน วัตถุที่ยิงออกไปเป็นแสงที่คล้ายกับดวงดาว แม้ว่ามันจะไม่ได้ส่องประกายระยิบระยับ
เพื่อนของฉัน พี่น้องของฉันล้มตายจนหมดสิ้นด้วยแสงที่พวยพุ่งออกมาเป็นสายคล้ายกับฝนที่พุ่งในแนวระนาบกับผืนดิน

จากเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ที่พวกเขาเรียกมันว่าอะไรสักอย่าง


ฉันเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ บนก้อนหินก้อนหนึ่งในอวกาศ ก้อนหินที่เรียกว่าดาวเคราะห์
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 18, 2015, 11:55:27 PM
เรารู้ว่าดาวเคราะห์แต่ละดวงนั้นอยู่ห่างไกลกันมากเกินกว่าช่วงชีวิตของมนุษย์จะเดินเท้าไปถึงดาวเคราะห์อีกดวงได้
ดาวเคราะห์นั้นอยู่ในอวกาศ และไม่ใช่ศูนย์กลางของเอกภพ มันเป็นเพียงเศษธุลีของวัตถุ เราจะเรียกมันว่าอย่างนั้นก็ได้ และมันจะโคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลาง
ดาวฤกษ์จะเปล่งแสงและส่องสว่าง มีดาวเคราะห์โคจรโดยรอบตัวมัน หรือไม่มันก็โคจรรอบดาวฤกษ์ด้วยกันเอง และอยู่เป็นกระจุก ซึ่งเราเรียกว่าระบบดาว
กาแล็คซี่เป็นกลุ่มของระบบดาว มีดาวฤกษ์นับล้าน ๆ กับสสารระหว่างดาวอันประกอบด้วยก๊าซ ฝุ่น และสสารมืด
และในอวกาศยังมีกาแล็คซี่อีกมากมายนอกเหนือจาก Rexus เท่าที่เราสำรวจอย่างละเอียดก็มีมากกว่า 788 กาแลคซี่ จากทั้งหมดที่มีมากกว่าแสนล้านกาแลคซี่

ปัจจุบันยังคงมีการก่อเกิดดาวฤกษ์ใหม่ในดาราจักรขนาดเล็กที่ก๊าซเย็นยังไม่สลายไปจนหมด
ดาราจักรชนิดก้นหอยสามารถสร้างดาวฤกษ์ใหม่นานตราบเท่าที่มันยังมีเมฆโมเลกุลหนาแน่นของไฮโดรเจนระหว่างดาวอยู่ภายในแขนก้นหอย
แต่ดาราจักรรีไม่มีก๊าซเหล่านั้นจึงไม่สามารถสร้างดาวฤกษ์ใหม่ ๆ ได้อีก เพราะแหล่งกำเนิดสสารที่จำเป็นต่อการกำเนิดดาวฤกษ์นั้นมีจำกัด
เมื่อดาวฤกษ์ได้แปลงไฮโดรเจนเหล่านั้นไปเป็นธาตุหนักแล้ว การกำเนิดดาวใหม่ก็เป็นอันสิ้นสุด



(http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg)

"..........." ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำนั่งอยู่ในคลาสเรียน และเขาเริ่มที่จะฟังอาจารย์ผู้สอนไม่ทัน เขาไม่ได้คิดว่าเขาควรจะถามอะไร เพราะเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาควรจะสงสัยเรื่องใดด้วยซ้ำ
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของคลาสเรียนมีใครบางคนถูกอาจารย์ยิงคำถาม และมันก็ทำให้เขาชำเลืองมองว่าใครกันที่โชคร้าย แต่ดูเธอจะไม่ได้หัวทึบเหมือนกับเขา คงจะบอกว่าเธอโชคร้ายไม่ได้
เธอตอบคำถามของอาจารย์ได้ ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าอาจารย์ถามอะไร แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าเธอนี่เจ๋งเป็นบ้า


(http://upic.me/i/hz/belphegor.png)

"ฉันเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยหยุดการสู้รบกันเองโดยเปล่าประโยชน์ และเป็นตัวสมานฉันท์ให้กับพวกเราเผ่า Rex ด้วยกันเอง"
"เพื่อพัฒนาวิทยาการให้ก้าวไกลมากขึ้น และช่วยเพิ่มอาณานิคมบวกกับทรัพยากรของเผ่าเราให้มีขีดจำกัดมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสที่เจอกับเผ่าอื่นที่มีความก้าวหน้ามากกว่าพวกเรา"
"และจุดนั้นจะทำให้เผ่าของเราเข้าใกล้คำว่าพัฒนามากขึ้นไปอีกขั้น ..."

สถานการณ์ในเวลานี้ไม่สามารถฟื้นฟูอะไรได้ กลับจะเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ และการสำรวจกาแล็คซี่อื่นยังไม่เกิดขึ้นอย่างจริงจังเมื่อทรัพยากรแทบทั้งหมดถูกนำไปใช้ในสงคราม
มันเป็นเพียงแค่แนวคิดของคนโบราณที่หวังจะเดินทางไปสำรวจสถานที่ ๆ ไม่รู้จัก ซึ่งสวนทางกับสงครามกาแล็คซี่ ขั้วอำนาจในกาแล็คซี่นี้ต้องการสร้างเอกภาพโดยมีระบบดาวของตนเป็นศูนย์กลาง
ไม่มีทางใดที่จะหยุดการสร้างกำลังรบได้ พวกเขาจะต่อสู้ และฆ่าฟันกันจนกว่ากาแล็คซี่นี้จะแตกดับ แต่บางที หากมีบางอย่างหันเหความสนใจของพวกเขา
ความคิดของเธอดูจะตรงใจอาจารย์ผู้สอนที่เป็นหนึ่งในผู้มีแนวคิดเช่นนี้

(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg)

"โป้ยย...ย" เด็กหญิงอีกคนส่งเสียงประหลาด ก่อนจะละสายตาไปยังหน้าต่างฝั่งซ้าย
เธอมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย ในทิศทางนั้นไกลออกไปราวสิบกิโลเมตรเป็นตัวเมืองของเขตนี้


(http://wudthipan.com/fucko/_images/d8299157c2212adc4f01fdf6eb9e560a/3760%20-%20Background.jpg)

และด้านหนึ่งของเมืองใหญ่ยังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายหมู่บ้าน ตั้งอยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองราว 6 กิโลเมตรตามป้ายบอกทาง

(http://i.imgur.com/fpk0HGN.png)

หญิงสาวเพนจรนางหนึ่งเดินทางผ่านมาอย่างไร้จุดหมาย เธอเดินผ่านเพิงที่มีครูชนบทมาเปิดสอน แต่เธอไม่คิดจะสนใจมันหรอก มันเป็นเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้วจากการดูโทรทัศน์ตามริมถนน
บ้านก็ไม่มี ครอบครัว เพื่อน ไม่มีสักอย่าง เธอกำเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดไปยังร้านริมทาง ต่อคิวรอซื้อขนมปังจากชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มาก่อน เขาชำเลืองมองมา แต่ไม่ได้พูดอะไร

(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)

ชายหนุ่มได้ขนมปังมาแล้วก็เดินไปยังทิศทางที่หญิงสาวเดินมา ผ่านเพิงที่มีครูชนบทมาเปิดสอน แต่เขาก็ไม่เข้าใจ และไม่คิดจะสนใจมัน
เขาไม่ได้เกลียดการเรียนหรอกนะ แต่เขามีบางอย่างที่เขาต้องทำมากกว่าจะมานั่งฟังครูให้ความรู้ในสิ่งที่เขาอาจจะไม่ต้องการ
งานประจำก็ไม่มี ครอบครัว เพื่อน ไม่มีสักอย่าง เขามีอยู่แค่อย่างเดียวในเวลานี้คือน้องสาวของเขาที่รออยู่ที่บ้าน เขากำลังจะกลับไปพร้อมขนมปังกรอบ อาหารมื้อเย็นของวันนี้
แต่จู่ ๆ ก็มีคนเดินมาชนเขาจนหงายหลังล้มลงไป ขนมปังหลุดจากมือตกบนผืนทรายขาวซีด

"เฮ้ย!" เขาอุทานด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองและหันไปมองหน้าคนที่ทะเล่อทะล่ามาชนด้วยสีหน้าไม่ดี ในใจหวังว่าอีกฝ่ายจะขอโทษตน
ก่อนจะก้มเก็บขนมปังขึ้นมาปัดฝุ่นออก ดีที่เป็นของแห้ง แค่ปัด ๆ ออกก็กินได้แล้ว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกตามตัว
อีกฝ่ายเป็นชนเผ่า Ears รูปร่างใหญ่เหมือนหมี เชื่อเถอะว่ามันตบทีเดียวเขาอาจจะตายคาที่ไปเลย แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้หาเรื่อง เจ้าหมีนั่นจึงหันมาก้มหัวขอโทษ


ไม่ไกลออกไปมากนัก

(http://s30.postimg.org/faqcyrrrx/Labrys_003.jpg)

หุ่น AGN-04 หรือชื่อเล่น Quasar กำลังนั่งฟังอาจารย์ผู้สอนอย่างไม่วางตา เธอนิ่งเงียบ แต่ไม่ได้เบื่อ เธอแค่ไม่เข้าใจมันเลยสักนิดเดียว
ที่นี่เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง บนดาวที่วางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าร่วมสงคราม มีการวางนโยบายการเรียนการสอนในเชิงอนุรักษ์เพื่อสร้างประชากรที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนยุคใหม่

กระทั่งวูบหนึ่ง เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และค่อย ๆ ทวีความรุนแรงคล้ายกับตึกเรียนถูกเขย่า

หน่วยประมวลผลของ Quasar วิเคราะห์สถานการณ์ว่าแค่มุดลงใต้โต๊ะหรือนั่งกุมศีรษะก็เพียงพอ แต่ไม่ใช่ในกรณีอยู่บนชั้นสอง การวิ่งลงไปชั้นหนึ่งไม่มีทางทันเวลา การร้องเตือนคนอื่นไม่ได้ทำให้ปลอดภัยขึ้น
เธอหันไปคว้าเก้าอี้ตัวหนึ่งขึ้นมาฟาดกับกระจกหน้าต่าง พร้อมอาศัยแรงเหวี่ยงกระโจนออกไปทันที ความสูงระดับนี้สร้างความเสียหายไม่หนักหนามากหากเธอไม่อุตริใช้ศีรษะรับน้ำหนักต่างขา
ความสูงในระดับ 3-4 เมตรไม่ใช่ปัญหาหากคุณเป็นนักกายกรรม หรือไม่ก็เป็นนักกีฬาที่ออกกำลังอย่างหนักเป็นประจำ แต่ในเวลาที่ฉุกละหุกแบบนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหุ่นที่ระบบข้อเท้าและข้อต่อหลายส่วนมีปัญหา

AGN-04 เท้าไปเกี่ยวขอบหน้าต่างเอาหัวลงพื้น เธอหันไปยังอาคารเรียนก็พบว่าชั้นสามพังลงมาทับชั้นสอง แต่ชั้นสองไม่ได้พังลงมาด้วย

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบฝุ่นที่ฟุ้งตลบราวกับคลื่นยักษ์บนผืนดินแห้งผากสูงกว่าสิบเมตรอันเกิดจากแรงระเบิดของขีปนาวุธชนิดหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งมันได้ทำลายบริเวณนั้นราบเรียบในพริบตาไปแล้ว
AGN-04 ยกแขนขึ้น ใช้มือป้องชิ้นส่วนบอบบางอย่างดวงตา จมูก และปาก พร้อมทั้งวิ่งและโจนไปยังท่อระบายน้ำ กลิ้งตกลงไปในสภาพที่ฝุ่นทรายเทตามลงมาทับร่างของเธอเบื้องล่างเป็นระลอก

(http://i.imgur.com/TsMJtvo.jpg)

"อ๊าาา ขาผม อึ่ก" เด็กชายเกือบตายเพราะบันไดพังถล่มขณะที่เขาพยายามจะวิ่งหนีลงบันไดรอดชีวิตมาได้ในสภาพที่กระดูกเท้าถูกทับแตกละเอียด
เขาคิดว่าเขาโชคดีที่ไม่กระโดดออกไปจากอาคารในระหว่างที่ลากสังขารกลับมาพิงผนังใต้หน้าต่าง ปล่อยให้ฝุ่นที่ฟุ้งตลบและเศษซากที่ถูกหอบมาปลิวผ่านหัวไปท่วมบริเวณชั้น 1 เกือบทั้งหมด


(http://i.imgur.com/fpk0HGN.png)

"..." แม้จะหลบหลังต้นไม้และอยู่ห่างจากรัศมีออกมาพอสมควร แต่แรงลมก็ดึงเอาเธอหลุดออกไป และกลิ้งไถลไปกับพื้นทรายอีกกว่ายี่สิบเมตร จนเธอถลอกปอกเปิก
เธอเห็นชายคนที่ซื้อขนมปังคนนั้นวิ่งตาลีตาเหลือกผ่านไป เขามุ่งหน้าไปที่เมืองซึ่งเป็นจุดที่เกิดการระเบิด ในขณะที่หญิงสาวแทบจะถูกทับโดยหุ่นรบที่ตกลงมาและครูดไถลมากับพื้น
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 19, 2015, 12:15:53 AM
เสียงอันดังสะเทือนทั้งมวลเมฆและผืนดินเกิดจากฝูงยานและหุ่นรบที่ประจัญบานกันเหนือผิวดิน
หุ่นรบเครื่องหนึ่งเสียการควบคุมบินถลาลงมาและไถลไปกับพื้นเป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร และมาหยุดอยู่หน้าป้ายบอกทาง และข้าง ๆ นั้นเป็นชายคนหนึ่ง
เขามองมันกระทั่งคนขับที่ทุลักทุเลออกมาจากค็อกพิทล้มลงสิ้นใจตรงนั้น หรือบางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตา

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"ในที่สุดเส้นทางก็เปิดออกแล้วสินะ" เขาไม่ได้รีรอที่จะเข้าไปในค็อกพิท และควบคุมมันบินทะยานขึ้นไปบนฟ้ากว้าง

ดนตรีเริ่มบรรเลง


สงครามบนฟากฟ้าที่อลหม่านไม่แพ้บนผืนดินไม่สามารถดึงความสนใจจากชายหนุ่มไปได้
ภาพที่เขาเห็นก็คือ หลุมยักษ์ที่คล้ายกับถูกคว้านเอาพื้นดินไป มันกินบริเวณของเมืองทั้งเมือง และบ้านหลังเล็ก ๆ ของเขาก็เคยอยู่ในเมืองที่ว่างเปล่านี้

(http://www.mx7.com/i/dfe/eiD6N6.jpg) (http://www.mx7.com/view2/ytMBT2dJAvUskOkL)

เขามองภาพนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า ร่างกายนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูก สองขาอ่อนแข็งทรุดนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ก้อนขนมปังหลุดจากมือกลิ้งคลุกกับพื้นดินอย่างไม่ใส่ใจไยดี


(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)

"ไม่นะ...เป็นไปไม่ได้" ชายหนุ่มพึมพำ ริมฝีปากสั่นระริก มือกำหมัดแน่นก่อนที่จะคำรามลั่นสุดเสียง

เสียงนั้นดังสะท้อนไปไกล เป็นเสียงที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกขนลุก มันช่างน่าเวทนาและเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดจะบรรยาย
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 19, 2015, 10:22:27 AM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/b8f05babfcef2cfc2aad1d8c787cd1d9/3761%20-%20Background.jpg)

ภายใต้การดำเนินโครงการ STARLIGHT และสนธิสัญญา STARLIGHT
สงครามกาแล็คซี่ที่ดำเนินมายาวนานได้จบลงเมื่อเหล่าขั้วอำนาจในระบบดาวต่าง ๆ ที่เป็นแกนหลักของสงครามตกลงกันได้
มันเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนและละเอียดอ่อนในระดับกาแล็คซี่ ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าใจได้ง่ายนัก และบางทีมันอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณจะต้องสนใจมันอีก

เพราะคุณอาจจะไม่มีวันได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว ไม่สิ คุณอาจจะไม่ต้องการกลับมาอีกแล้วก็เป็นได้


(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2046.jpg)

"ก็แค่เศษเสี้ยวของพลังอำนาจมันมาฝังอยู่ในตัวของพวกเรา" นายพล Osy แห่งจักรวรรดิ Noun หนึ่งในเผ่าพันธุ์ Rex ที่เคยเรืองอำนาจเอ่ยขึ้น
ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นปราการยักษ์ Innocent Tower และอพยพไปจากกาแล็คซี่ Rexus พร้อมกับประชากรชนเผ่า Noun อีกกว่าสิบล้าน
ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดินีแห่ง Noun ที่ต้องการหนีจากสงครามเพื่อไปสร้างอาณานิคมใหม่ในที่ ๆ ห่างไกลจากผู้ล่าด้วยกันเอง

และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใน Galactica III ที่ John ได้เปิดบทบาทขึ้น พร้อมการแสดงแสนยานุภาพของชนเผ่า Rex ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ในระบบสุริยะหลายเท่า
http://baron.wudthipan.com/forum/index.php?topic=1013.msg85339#msg85339 (http://baron.wudthipan.com/forum/index.php?topic=1013.msg85339#msg85339)
แม้จะไม่รู้ว่าผลลัพท์ท้ายที่สุดจะเป็นเช่นไร แต่เพียงแค่ชนเผ่า Noun หยิบมือหนึ่งก็สั่นคลอนและสร้างความอกสั่นขวัญแขวนได้ทั้งระบบสุริยะ

"ผู้ล่านั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด"


"นี่ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เปิดร้านขายฮอทดอกซะทีล่ะ เฮ้ John นายฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย"

(ซึ่ง Osy ก็มีบทอยู่แค่นี้แหละ ให้หายคิดถึง)
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 19, 2015, 10:55:24 PM
การเดินทางออกจากกาแล็คซี่ไม่เหมือนการเดินทางในกาแล็คซี่ที่มีระบบสนับสนุนมากมาย ทุกอย่างมีความเสถียรอย่างสูง มันมีทั้งระบบ และกลไกเวทมนตร์คอยช่วยเหลือหลายชั้น
อาทิ การเดินทางข้ามระบบดาวนั้นกัปตันยานแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เขาแค่กดปุ่ม ใส่รหัส ตั้งค่าและโปรแกรม จากนั้นก็หย่อนก้นลงนั่ง โทรศัพท์คุยกับคนรักในอีกฟากกาแล็คซี่
ผู้คนที่มีฐานะจะเดินทางข้ามดวงดาวกันได้โดยการใช้เครื่อง Warp Jump มันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยที่คุณจะเดินทางไปมาหาสู่กันในระบบกาแล็คซี่ที่มีดาวนับล้าน

แต่การสำรวจอวกาศนอกกาแล็คซี่เป็นเรื่องใหม่ วิทยาการสำรวจอวกาศของชนเผ่า Rex อยู่ในระดับเด็กหัดเดิน หากเทียบกับวิทยาการด้านการเดินทางระหว่างดาวและสงคราม
พวกเขาไม่อาจนำเอาเทคโนโลยีระดับสูงที่ใช้งานในระบบกาแล็คซี่ Rexus ออกไปใช้นอกกาแล็คซี่ได้โดยไร้การวางเครือข่ายสนับสนุน

(http://wudthipan.com/fucko/_images/8fee9060a9b37d702c4bb22a4ac5dda7/3762%20-%20Event.jpg)

จึงไม่แปลกนักที่ยานลำนี้จะเหมือนยานที่หลุดมาจากสมัย 100 ปีก่อน

Rexus คือชื่อของยานเดินทางขนาดยักษ์ลำนี้ ซึ่งในบรรดาดาวที่ส่งยานออกเดินทางก็มีชื่อนี้กันมากกว่า 90% จนต้องมีการใส่รหัสสุดแสนจะยาวยืดต่อท้าย
คงไม่มีใครอยากมานั่งจดจำรหัสที่เป็นเลขสากล 499 หลัก ทุกคนบนยานจึงรู้จักและจดจำเพียงแค่ Rexus เท่านั้น

มันมีความยาว 600 กิโลเมตร เป็นยานเดินทางติดอาวุธที่นับว่ามีขนาดเล็กหากเทียบกับยานเดินทางในกาแล็คซี่ ระบบต่าง ๆ ก็ไม่ได้ไฮเทคเท่ากับที่มีใช้ในกาแล็คซี่ Rexus
สิ่งที่จำเป็นสำหรับยานเดินทางสำรวจอวกาศคือ ระบบพัฒนาตนเอง และระบบซ่อมแซมอัตโนมัติ ซึ่งมันจะช่วยรักษาชีวิตประชากรในยานได้ดีกว่าการติดตั้งอาวุธและใช้ชิ้นส่วนไฮเทค
การเดินทางที่ไม่อาจคาดเดาระยะเวลาที่แน่นอนและเหตุการณ์ที่เกินคาดนั้นจำเป็นต้องทำให้ตัวยานคือที่อยู่ถาวร

อย่างน้อยที่สุดหากไม่อาจกลับมายังกาแล็คซี่ Rexus ได้ ทุกคนก็จะใช้ชีวิตอยู่ในยานได้อีกเป็นร้อยเป็นพันปี

(http://wudthipan.com/fucko/_images/2f0a20e5cd0883793f48ec051a6870ec/3766%20-%20Event.jpg)

2 ปีนับแต่ยาน Rexus ออกจากกาแล็คซี่ Rexus และต้องลอยลำอยู่ในพื้นที่ว่างระหว่างกาแล็คซี่ ซึ่งกว้างใหญ่กินระยะทางพอ ๆ กับการวนรอบกาแล็คซี่ Rexus
แม้จะใช้ระบบ Warp Jump อย่างต่อเนื่องก็ยังต้องกินเวลาถึง 2 ปีเต็มกว่าจะเข้าใกล้กาแล็คซี่เป้าหมายได้ และน่าจะไปถึงในอีก 1 เดือน ตามข้อมูลที่หาอ่านได้จากอินเตอร์เน็ต
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 19, 2015, 11:20:10 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/625e4e164aadb3068d493a6cba05ebf9/3764%20-%20Background.jpg)

ห้องนอน Level 1 คือที่พักของ Lunette ตลอดช่วงที่ออกเดินทางมา อย่างน้อยที่สุดเธอก็มีห้องนอนเป็นของตัวเองแล้ว จากการทำงานเก็บเงินซื้อมัน
มันไม่ได้กระจอกหรอกนะ ถึงจะแค่ Level 1 ก็ตาม มันวิเศษกว่าการนอนในห้องนอนรวมที่เหมือนช่องใส่ผักในตู้เย็นที่ต้องนอนเรียงกันเป็นพรืดไม่รู้เท่าไหร่

(http://i.imgur.com/fpk0HGN.png)

"..." เธอนอนแหงนมองเพดานอย่างเบื่อหน่าย ถึงจะมีห้องแต่มันก็ไม่มีอะไรเลย ขนาดโทรทัศน์ที่เป็นเครื่องใช้สามัญยังไม่มี
เธอลุกขึ้นไปเปิดไวไฟเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทสักพักก่อนจะปิดแล้วเดินออกจากห้องไป แต่เธอก็ต้องสะดุดเข้ากับอะไรสักอย่าง



อย่างไรก็ตามที ตู้เย็นในห้องของ TL ที่มีแค่ชีสเหลือจากอาทิตย์ที่แล้วครึ่งชิ้นนี่ดูจะสาหัสกว่าห้องของ Lunette อยู่มาก อย่างน้อยในตู้เย็นของเธอก็ยังมีน้ำแร่และนมล่ะนะ

(http://i.imgur.com/TsMJtvo.jpg)

"...." TL หยิบชีสมาใส่ปากแล้วพยายามสะกดกลั้นความจนเอาไว้ เขาตัดสินใจไปเปิดไวไฟเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อเช็คเงินที่น่าจะโอนเข้ามา
เมื่อเห็นตัวเลขของเงินที่พอจะประทังชีวิตได้อีกสักเดือนเขาก็ดูข้อมูลอื่น ๆ ไปเรื่อยจนกระทั่งได้เห็นข้อมูลน่าสนใจที่เป็นข่าวใหญ่ อีก 1 เดือนเราจะไปถึงที่หมายที่แรกแล้ว
TL อ่านรายละเอียดไปพลางกดดูสินค้าที่เขาคิดว่าจะซื้อมันมาแต่งห้องในยามที่เขามีเงิน จากนั้นก็ไปล้มตัวลงนอนอีกรอบ หยิบแมกกาซีนข้างเตียงมาแปะบนหน้าเพื่อบังแสงไฟนีออนแทนที่เขาจะเอื้อมมือไปปิดมัน



(http://www.mx7.com/i/8d4/mJbTQH.jpg) (http://www.mx7.com/view2/ytUG7wmCgBcNCX4G)

"อั๊ยยะ ปัง ปัง ปัง"

Solv เปิดมาเห็นหุ่นเชย ๆ ตัวหนึ่งกำลังหัดตั้งท่ายิงปืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน และมันทำให้เขาต้องสะดุดอึ้งไปพักหนึ่ง
เธอดูไม่ประสีประสาเท่าไรนัก หรือจะบอกว่าดูแล้วสติไม่ค่อยดีก็อาจจะแรงไป ตั้งท่ายิงไปแล้วก็ขำคิกคักคนเดียว

(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)
(http://i.imgur.com/6BVJKNc.png)
Solv คิ้วชนกัน แล้วพยายามไม่สบตา เดินเลี่ยง ๆ หลบไป กระทั่งเขาไปถึงโถงก็ได้ยินคนคุยกันเรื่องอะไรสักอย่าง อืมม ดูเหมือนจะเกี่ยวกับเรื่องล่าอาณานิคมอะไรนี่แหละ
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 19, 2015, 11:39:03 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/3059b4bb0914aadb3c582f04b5732545/3763%20-%20Event.jpg)

พื้นที่กว้างสำหรับซ้อมรบและระบบซิมูเลชั่นจำลองการต่อสู้เปิดให้ทุกระดับชั้นเข้าใช้งานได้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทหาร
บนยานลำนี้มีอิสระในการใช้ชีวิตไม่ผิดไปจากบนดาวที่คนส่วนใหญ่จากมา และน่าจะอิสระยิ่งกว่า เพราะถึงไม่ทำงานก็มีที่อยู่ที่กิน แค่ว่ามันอาจจะอัตคัตไปหน่อย
ไม่มีเงื่อนไขมากนักในการรับสมัครทหาร อันที่จริงแล้วมีการรณรงค์ให้มาสมัครเป็นทหารกันให้มากที่สุดด้วยซ้ำไป

(http://s30.postimg.org/faqcyrrrx/Labrys_003.jpg)

"ขอฝากตัวด้วยค่ะ" Quasar ขอเข้าร่วมทีมกับเหล่าขาจรที่กำลังรอสมาชิกเพื่อเข้าทำภารกิจซ้อมรบ หลายคนที่นี่หวังจะสมัครเป็นทหาร

เสียงการโจมตีแหวกอากาศอย่างสมจริงของปืนใหญ่พิสัยไกลอัดเข้าใส่บังเกอร์ที่ Yuudachi แอบซ่อนอยู่จนเธอลอยไปตามแรงระเบิด ตกแอ้กลงมาคอแทบหัก

(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg)
 <o>

เพื่อน ๆ ร้องเรียกให้รีบตามมา ภารกิจนี้ต้องร่วมมือกัน ถ้าขาดไปสักคนเราไม่ผ่านแน่


(http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg)

"......" Tian He ที่ซ้อมยิงเป้าอยู่อีกด้านหันมาเห็นก็เจ็บแทน เขาคิดว่าค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปดีกว่า
ว่าแล้วก็พยายามยิงเป้าอยู่อีกมุมหนึ่ง แต่ยิงยังไงก็ยิงไม่ถูกสักที



(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/69c8f655-42c6-466e-8a04-4c19cba0478c_zpslyamoj4z.png)

"เลือกระดับต่ำไปหน่อยแฮะ" Kaiser หมอบหลบ ลุกขึ้นมายิงเป้าหมายล้มลง ส่งสัญญาณรุกคืบ แล้วอ้อมไปตลบหลัง

มันง่ายกว่าที่คิด Kaiser เคยออกรบเสี่ยงตายและสอยข้าศึกร่วงเป็นเบือมาแล้ว กับการซ้อมซิมูเลเตอร์ระดับนี้ไม่คณามือ
เขานำทีมปฏิบัติภารกิจจนจบโปรแกรมอย่างไม่ยากเลย ทำเอาสมาชิกขาจรที่ร่วมทีมหลงคิดว่าตนเองเก่งพอจะเป็นทหารอาชีพได้แล้วด้วยซ้ำ แต่คนที่ถูกทาบทามก็มีแค่ Kaiser คนเดียว


(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"โอ้ โห นี่เธอมีสิทธิ์ว่าฉันด้วยเหรอ เธอตายหมดก่อนฉันอีก"
สิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายเผ่าพันธุ์สาย Mecha เดินออกมาจากเกมเซนเตอร์พร้อมกับเพื่อนอีกคนของเธอ

(http://upic.me/i/hz/belphegor.png)

"เอาไว้มาลองใหม่นะ"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 20, 2015, 11:44:11 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/09d2e2c40f7e950610f90a58503de15a/3771%20-%20Background.jpg)

สองปีที่ต้องล่องผ่านอวกาศดำมืดและ Jump Warp นับไม่ถ้วน ในที่สุดก็ถึงวันที่รอคอย วันที่เราจะได้เหยียบย่างลงบน 'ผืนดิน' อีกครั้ง
ภาพถ่ายที่กระจายไปทั่วทั้งยาน Rexus คือภาพของดาว Presia ซึ่งเป็นดาวดวงแรกที่ใกล้ที่สุดที่ระบบค้นหาอารยธรรมยืนยันขึ้น

กาแล็คซี่ Frontier-17, ดาว Presia
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 22, 2015, 10:22:34 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/09d2e2c40f7e950610f90a58503de15a/3771%20-%20Background.jpg)

กลุ่มคนที่พร้อมใจกันลงหลักปักฐานหวังใช้ชีวิตอยู่บนดาวนี้โดยไม่ติดตามยานไปต่ออีกได้เลือกพื้นที่ชุ่มชื่นและอุดมสมบูรณ์ด้านหนึ่งไม่ไกลจากแคมป์มากนักเป็นพื้นที่ตั้งมั่น
แต่บางส่วนก็ออกเดินทางไปไกลกว่านี้เพื่อจับจองที่ดินที่ไร้เจ้าของ... ที่พวกเขาคิดว่ามันไร้เจ้าของ

บ้าน่ะ พวกเขาไม่กลัวอะไรเลยรึไง พวกเขายังไม่รู้จักดาวดวงเลยสักนิดว่ามันคือดาวอะไร

มองไปที่กลางหมู่บ้านที่กำลังตั้งขึ้นเห็น Sphere และเหม่ยซือด้วย อ้าว ไหนบอกไม่ว่างสำรวจ

(http://i.imgur.com/a5nO6Zc.jpg)

"โธ่ ก็ไม่ว่างสำรวจไง นี่ก็กำลังยุ่งนะ มาช่วยกันหน่อยสิ" Sphere บอกว่าเธอกับเหม่ยซือกำลังโน้มน้าวผู้คนที่พยายามจะตั้งหลักปักฐานกัน

(http://i.imgur.com/ED6eQwQ.jpg)

"มันอันตรายมากเกินไปที่จะตัดสินใจแยกตัวออกมาจากแคมป์ เรายังไม่มีข้อมูลยืนยันเลยว่าผู้อาศัยบนดาวดวงนี้หายไปไหนกันหมด"

ที่นี่มีประชากรประมาณสองหมื่นคน และน่าจะมีการอพยพมาเพิ่ม เมื่อมีคนเริ่มก็มีคนตาม
แกนนำที่สองคนนี้มาคุยด้วยบอกว่าสองคนนี้รับเงินราชินีมาเท่าไหร่ล่ะ คงกลัวคนอพยพไปหมดยานแล้วจะไม่มีแรงงานไว้ใช้สอยน่ะสิ

(http://i.imgur.com/a5nO6Zc.jpg)
"ปัดโธ่ เดี๋ยวต่อย ปากเหรอนั่น" ขาดคำ Sphere ก็ถีบชายคนนั้นสลบกลางอากาศ o>

ก็พอดีมีคนวิ่งมาทางนี้แล้วบอกว่าลูกชายของตนเข้าป่าไปแต่ไม่กลับออกมา ได้ยินเสียงคำรามน่ากลัวดังลั่นป่าด้วย
เหม่ยซือจับคางหลังจากมองตา Sphere ที่หันมาขอความเห็น แล้วหันมายัง Tian He

(http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg)

"ข้าไม่มีทั้งสติปัญญาและความเฉียบแหลม แม่นางทั้งสองมีความเห็นว่าอย่างไร" แต่ Tian He ก็ถามกลับ ทำเอาเหม่ยซือหรี่ตามองเขาจนเขาต้องออกความเห็น

"ข้าคิดว่าควรสอบถามผู้รู้เกี่ยวกับป่าก่อนว่าหากเข้าไปจะเจออะไรบ้าง หากมี survival kit อย่างพวกเชือก คบไฟ ยาติดตัวก่อนบุกเข้าป่าคงดี มีไหม หาได้จากไหนดี"
"ทางทีนี้ก็ขอกำลังอาสาบุกป่าไปด้วย ไอดอลทั้งสองน่าจะปลุกระดม เอ้ย ชักชวนไม่ยาก แม่นางช่วยในเรื่องนี้ได้ไหม"

(http://i.imgur.com/mfoHrJm.png) คนที่ร้องขอให้ช่วยแหกปาก
ชายคนที่มาขอความช่วยเหลือบอกว่าลูกชายจะตายอยู่แล้ว และรบเร้าให้รีบไปช่วยสักที ยืนซื่อบื้ออะไรอยู่ได้
เลยเจอไอดอล Sphere ถีบสลบคาเท้าไปอีกคน (http://i.imgur.com/wjGOA99.png)

Sphere มองดูแคมป์ที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อย แต่ทหารจะยอมมาช่วยกันกี่คนล่ะเนี่ย พวกนี้ก็แยกตัวออกจากยานมาแล้ว
เหม่ยซือบอกว่าไม่ต้องเตรียมไฟหรอก เราไม่เข้าไปค้างในป่าแน่ เธอบอกพลางมองไปที่ Adventure Hower หรือยานบินขนาดเล็กสำหรับเดินทาง (เหมือนที่ร็อคแมนขี่)

(http://i.imgur.com/a5nO6Zc.jpg)

"งั้นฉันจะเข้าไปก่อนก็แล้วกันนะ ชีวิตคนสำคัญ" Sphere ไม่ได้ฟังเสียงใคร และบึ่ง Adventure Hower ออกไปทันที ปล่อยให้เหม่ยซือแหกปากไล่หลัง

(http://i.imgur.com/ED6eQwQ.jpg)

"โธ่ ยัยบ้า" เหม่ยซือตัดสินใจไปขอให้ทหารช่วย และฝากที่เหลือกับ Tian He

Tian He ไม่มีทางเลือกเลยต้องกระชับธนูขึ้นไปยังอีกคัน แต่เขาขับมันไม่เป็นนี่สิ

(http://i.imgur.com/TsMJtvo.jpg)

"ผมขับเป็นคับ" เด็กชายคนหนึ่งกระโดดขึ้นมา


(http://wudthipan.com/fucko/_images/99789f2b94ac0fe76d07996224ef9e47/3773%20-%20Background.jpg)

ป่าที่มืดทึมกำลังส่งเสียงร้องเซ็งแซ่คล้ายกับมีบางอย่างรุกล้ำเข้าไปในถิ่นที่อยู่ของผู้อาศัยเดิมที่ดุร้าย

(http://i.imgur.com/TsMJtvo.jpg)

"ธนูนั่นจะไหวเหรอคับ ทำไมไม่เอาปืนมา" TL เด็กหนุ่มที่ขับ Adventure Hower เลี้ยวเลาะหลบแนวไม้อย่างทุลักทุเลก็ยังไม่วายไปสนเรื่องอื่น

(http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg)

"วางใจเถอะ ข้าไม่ใช้มันหรอก ข้ายิงมันไม่เป็นด้วยซ้ำ"

(http://i.imgur.com/2TvOcGQ.png) << TL
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 25, 2015, 09:16:05 AM
Tian He เดินทางไปยังวิหารคนเดียวหลังแยกจากกลุ่ม และสิ่งที่เขาได้พบที่ปลายสายตาก็คือ

(http://wudthipan.com/fucko/_images/e40d5be2ddbcb4f2a4f22ccd64a4d158/3776%20-%20Event.jpg)

มวลหมู่พืชยักษ์ที่รายล้อมวิหารโบราณเอาไว้ พวกมันส่งเสียงเซ็งแซ่จนน่าขนลุกเลยล่ะ
Tian He ยืนมองอยู่ไกล ๆ อย่างสิ้นหวัง จะฝ่าเข้าไปได้ยังไงกัน วินาทีหนึ่งที่เขาคิดจะหันกลับก็พลันมีใครมาแตะบ่าเขา

(http://i.imgur.com/tONy5tZ.jpg)

"คุณมาถึงที่นี่ได้ก็เป็นการยืนยันในระดับหนึ่งว่าคุณมีคุณสมบัติ" ชายประหลาดที่ไม่สวมเสื้อพูดกับเขา

เมื่อได้คุยกันจึงรู้ว่าเขาชื่อ Rome เป็นชายปริศนา เขาบอกว่าเขามีวิธีดี ๆ แต่เขาต้องการคนช่วย ว่าแล้วก็ชี้ไปทางบ่อน้ำเก่า
เขาเกรงว่าในบ่อน้ำนั่นจะมีกลไกกับดักโบราณ จึงขอให้ Tian He ลงไปไถให้หน่อย


(http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg)

"ข้าเกือบตายแล้ว เจ้าทำให้ข้าเกือบมอดม้วย" Tian He ดึงธนูออกจากหัวและหัวเข่าพลางมองไปรอบ ๆ

สิ่งที่ปรากฎแก่สายตาของเขาคือวิหารที่เคยมีผู้คนแวะเวียนเข้ามา และเป็นวิหารที่กว้างใหญ่มากทีเดียว


(http://wudthipan.com/fucko/_images/f9fb2f09e0e5d088e27d53571d1cede9/3778%20-%20Background.jpg)

อากาศในวิหารนั้นอบอุ่น ผิดกับภายนอกที่เริ่มเย็นเยียบหลังแสงสว่างจากดาวฤกษ์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะนี้ได้หายไป
เรารู้ว่าดาวดวงนี้โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่จะทอแสงตลอด 18 ชม. และฟ้าจะมืดลงเป็นเวลาเพียง 6 ชม. หากนับระบบ 24 ชม.
ด้วยแสงที่ส่องมากระทบทั่วทุกซอกมุมของดาวในปริมาณที่เหมาะสม และสภาพอากาศที่หนาวสลับอบอุ่นทำให้พืชพันธุ์บนดาวดวงนี้อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยแหล่งน้ำกับป่าสีเขียว
แต่น้อยคนจะรู้ว่าช่วง 1 ชม. ก่อนอาทิตย์ขึ้น อากาศในป่าจะหนาวเย็นติดลบถึง 90 องศา และลงไปที่ลบ 187 องศาใน 5 นาทีก่อนอาทิตย์ขึ้น
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 27, 2015, 11:43:33 AM
นานมาแล้วที่ดาวดวงนี้มีเพียงพืชสีเขียวปกคลุมและครอบครองผืนแผ่นดินจนกระทั่งกำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับเผ่าพันธุ์ Human
พวกเขามีพลังและอำนาจทางด้านเวทมนตร์ พวกเขาเรียนรู้และเติบโต วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องไปพร้อม ๆ กับการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายบนผืนดินสีเขียว
แต่พวกเขามีความรู้สึกนึกคิด และมีสติปัญญา พวกเขามีอารมณ์โกรธและเกลียด นั่นทำให้พวกเขาก่อกำเนิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่พวกพ้องร่วมสายพันธุ์
หากแต่พวกเขาเองมีพลังอำนาจทัดเทียมกัน ไม่อาจเอาชนะซึ่งกันและกัน นั่นจึงส่งผลให้ความสงบสุขยืนยาวมานับล้านปี

([url]http://i.imgur.com/gjXc352.jpg[/url])

"กายทิพย์ทำให้พวกเขาเองต้านทานต่อเวทมนตร์และศาสตราวุธทั้งปวงที่ก่อกำเนิดบนดาวดวงนี้"
"พวกเขาไม่ต่อสู้ และไม่ขัดแย้ง นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ต้องการจะทำมัน แต่เพราะพวกเขาทำมันไม่ได้"
"พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พลังอำนาจที่ได้รับจากดาวดวงนี้กลับมาทำลายดาวดวงนี้"

กระทั่งวันหนึ่งที่เกิดฟ้าร้องจนแผ่นดินสะเทือน ปรากฎหลุมสีดำที่เปิดกว้างออกเหนือเนินเมฆ และหุ่นยนต์สีทองตัวหนึ่งได้ตกลงมาจากฟากฟ้าในวันนั้น

([url]http://i.imgur.com/tONy5tZ.jpg[/url])

"ข้ามมิติไงล่ะ มันคือ Warp Portal เจ้าหุ่นยนต์นั่นมันมาจากที่ใดที่หนึ่งในอวกาศที่ไพศาล" ชายปริศนาปรากฎตัวขึ้น
"มันอาจจะมาจากสถานที่ซึ่งกำลังก่อกำเนิดสงคราม เพราะมันคือหุ่นรบ วิทยาการของที่นั่นอาจจะก้าวล้ำมากพอจะทำให้อวกาศบิดเบี้ยวจนเปิดมิติได้"

Quote
([url]http://i.imgur.com/3fN1eLIm.jpg[/url])

ข้าศึกอยู่ที่ใด โปรดบอกข้า มนุษย์

ข้าศึกของเราอยู่อีกฟากของขุนเขาโน่น

.......

ยืนยันเป้าหมาย


มันเป็นพลังอำนาจที่ก้าวข้ามตรรกะของดาวดวงนี้ พลังอำนาจที่ส่งผลให้สมดุลหายไป นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม
เผ่าพันธุ์ผู้อาศัยบนดาวดวงนี้ได้ล้มตายไปเป็นอันมากจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว

"วิวัฒนาการจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีสิ่งเร้าที่มีพลังและศักยภาพมากพอจะผลักดันสิ่งมีชีวิตนั้น"

ต่อหน้าหุ่นยนต์ยักษ์ เวทมนตร์แห่งธรรมชาติล้วนไร้ผล อาวุธของพวกเขาไม่มีอำนาจมากพอจะต่อกรกับฝ่ายผู้ใช้หุ่นยนต์รบ พวกเขาต้องพยายามหาทางรอด

"ทิ้งกายหยาบและหลอมรวมกับธรรมชาติ"

เดิมทีพืชพันธุ์บนดาวดวงนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวได้ และไม่ได้ดุร้ายก้าวร้าวอย่างที่เห็น นั่นคือร่างรวมกับมนุษย์ผู้อาศัยบนดาวดวงนี้
พวกเขาทิ้งกายหยาบและแปรสภาพมาเป็นร่างจิตเพื่อหลบหนีการค้นหาของเทพหายนะ และเริ่มต่อสู้ทำลายล้างอีกฝ่าย
ด้วยละอองเกสรพิษ แหล่งน้ำที่กลายเป็นพิษ และความอันตรายของแมกไม้ที่เคลื่อนไหวได้ เพียงเท่านี้ก็ส่งผลให้ไม่มีมนุษย์เหลือบนดาวดวงนี้อีกเลย

พวกเขาไม่ได้ตาย ไม่ได้สูญพันธุ์ พวกเขายังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนสภาพ และรอคอยการวิวัฒนาการขั้นต่อไป ซึ่งก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะดำเนินไปเช่นไร และพวกเขาจะต่อสู้ฆ่าฟันกันอีกหรือไม่
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีความคิดเช่นนี้ พวกเขาจำนวนหนึ่งสิ้นหวัง และกล่าวออกมาว่าดาวดวงนี้ได้บิดเบี้ยวไปแล้ว
ดาวดวงนี้ไม่ต้อนรับผู้มาเยือนหรือเผ่าพันธุ์ใด ๆ อีก มนุษย์บนดาวดวงนี้สูญเสียสติและจิตใจไปหมดสิ้น ทุกอย่างควรจะจบลง

และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาจำนวนหนึ่งได้ขอร้อง "ทำลายดาวดวงนี้และส่งทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่อวกาศ"

Nu ถามทุกคนว่าจะทำยังไง (hide กระทู้ส่วนตัว มีผลกับรางวัล)

- เจรจาให้อยู่ร่วมกันกับผู้อพยพที่ต้องการอาศัยบนดาวดวงนี้ และเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน
- เห็นด้วยเรื่องทำลายดาว แล้วอพยพชาววิญญาณที่ต้องการไปยังดาวดวงใหม่ให้ขึ้นยาน


เสียงส่วนใหญ่เลือกที่จะเจรจาให้อยู่ร่วมกันกับผู้อพยพที่ต้องการอาศัยบนดาวดวงนี้ และเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน สร้างดินแดนของตนเองขึ้น
แม้บางคนจะต้องการให้ทำลายดาวและอพยพผู้ที่ไม่มีปัญหาออกมาขึ้นยาน แต่ก็เป็นเสียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะหลายคนกลัวปัญหาจะมาเกิดบนยาน

การจะอาศัยบนดาวดวงนี้ได้นั้นต้องเข้าใจกัน และยอมรับกัน ซึ่งหากผู้อาศัยเดิมไม่ต้องการ ผู้อาศัยใหม่ก็จะไม่สิทธิ์มาอยู่ที่นี่ได้
ในมุมกลับ ผู้อาศัยเดิมนั้นเรียกได้ว่าด้อยพัฒนายิ่งกว่าหลายขุมในด้านความรู้และศาสตร์ต่าง ๆ พวกเขามีสติปัญญาและพลังที่มาจากเวทมนตร์ซึ่งสถิตย์ในกายของพวกเขา
นั่นทำให้พวกเขาไม่คิดที่จะค้นหาหรือขวนขวาย วิทยาการที่ก้าวล้ำจึงไม่เกิด

หากสองเผ่าพันธุ์ยอมรับและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน พวกเขาคงพัฒนาตนเองขึ้นไปได้ และน่าจะอยู่ร่วมกันได้ภายใต้เงื่อนของอำนาจที่คานกันเอง


มีสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่ ๆ นับจำนวนไม่ถ้วนที่วิวัฒนาการมาอยู่ได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วก็สูญพันธุ์ แม้ว่าหลายสปีชีส์จะมีลักษณะบางอย่างร่วมกัน และหลายสปีชีส์อาจมองดูคล้ายคลึงกัน แต่ละสปีชีส์ก็แตกต่างจากสปีชีส์อื่น ๆ ที่เคยมีชีวิตอยู่
ทุกสปีชีส์มีลักษณะเฉพาะตัว นับจากไดโนเสาร์ Tyrannosauras rex จนถึงผึ้ง ลักษณะที่เราเห็นในสปีชีส์กลุ่มใหม่ ๆ เป็นผลจากการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตต่อการเปลี่ยนแปลงบางประการที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อม


(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"เธอกลัวเรื่องนั้นเหรอ กลัวเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ" Nu ยื่นหน้าเข้ามาแทบจะติดกับ Bel แล้วบอกว่า Rex คือเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งหลากหลายสปีชีส์ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เรียกว่าชนเผ่า Rex

เมื่อเทียบกับชนเผ่า Rex บนยาน ชาววิญญาณบนดาวดวงเล็ก ๆ ดวงนี้ก็เหมือนกับกระต่ายตัวเล็ก ๆ พวกเขาไม่มีทางก่อปัญหาได้ เพราะศักยภาพของพวกเขากับเราต่างกันมากเหลือเกิน
อาทิ สัตว์ประหลาดที่เราเอาชนะได้อย่างง่ายดายนั่นคือชีวอาวุธที่ทรงอานุภาพของชนเผ่าวิญญาณเลยนะ และในชนเผ่า Rex ก็มีสปีชีส์ที่เป็นสายพันธุ์จิตวิญญาณแบบนี้เหมือนกัน (ไม่มีให้เลือกตอนเริ่มเกม)


2 เดือนต่อมาหลังจากที่ Rexus ซ่อมบำรุงและฟื้นพลังงานจนเต็มที่ พวกเขาก็ออกเดินทางค้นหาเป้าหมายต่อไป

จบ Episode 1
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 27, 2015, 12:06:52 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/8fee9060a9b37d702c4bb22a4ac5dda7/3762%20-%20Event.jpg)

Episode 2


ไม่มีนโยบายสำรวจดาวที่ไม่มีอารยธรรมและไม่ปรากฎผู้สร้างอารยธรรมนั้น
หากได้พบกับดาวเหล่านั้นและประเมินได้ว่าเป็นภัยคุกคาม กองทหารแห่ง Rexus จะจู่โจมทำลายดาวดวงนั้น
แต่หากภัยคุกคามอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ปรากฎ Rexus จะลงจอดเพื่อซ่อมบำรุงตัวเองและฟื้นฟูพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือไม่ก็จู่โจมกวาดต้อนเอาทรัพยากรที่มีค่ากลับเข้ายาน

และนี่คือนโยบายของราชินี



Management Turn 2 (ของ MW) ก่อนเข้าสู่ Episode 2 ช่วง Travel
โพสกระทู้ MW ของตนเอง

และสั่งการกระทำในช่วงที่ผ่านมาตลอด 2 เดือน 2 อย่าง ซ้ำได้ (ของ STARLIGHT)
โพสกระทู้ STARLIGHT ของตนเอง
- ฝึกฝน: Training ตัวละคร 3 ครั้ง
- ทำงานหาเงิน: (Class Lv. คูณ 6) หาร 2 = Point
- สร้างความสัมพันธ์อันดี: ระบุตัวละครที่ต้องการ 5c Chr ได้รับ Ally +1
- สำรวจดาว: 3c Status-2 (3 ค่า) M.Atk 1 ได้รับ Item ตกแต่งห้องแบบสุ่ม

*HP/SP จะเต็มแล้ว และเมื่อผ่านช่วงนี้ก็จะฟื้นเต็มอีก, การสิ้นสภาพในช่วงนี้ไม่ส่งผลให้เสีย Point
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 31, 2015, 04:29:35 PM
(http://i.imgur.com/VxFk7I7.jpg)

Black Hole หรือหลุมดำ หมายถึงเทหวัตถุในเอกภพที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก ไม่มีอะไรออกจากบริเวณนี้ได้แม้แต่แสง
หลุมดำจะมีพื้นที่หนึ่งที่เป็นขอบเขตของตัวเองเรียกว่าขอบฟ้าเหตุการณ์ หากวัตถุหลุดเข้าไป วัตถุจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่าความเร็วแสงจึงจะหลุดออกมาได้
แต่เท่าที่วิทยาการของชนเผ่า Rex จะก้าวไปถึง เป็นไปไม่ได้ที่วัตถุใดจะมีความเร็วมากกว่าแสง จึงไม่มีวัตถุใดออกมาจากหลุมดำได้อย่างแน่นอน

Quote
ในทางทฤษฎี เมื่อวัตถุมีมวล = 0 วัตถุจะเร่งความเร็วได้เท่ากับแสง และเวลาจะกลายเป็น 0
หากเมื่อมวลของวัตถุติดลบ เวลาก็จะติดลบ เมื่อนั้นวัตถุจะย้อนเวลาได้


Quasar คือลักษณะทางอานุภาพของหลุมดำ มันเป็นศูนย์กลางของกาแล็คซี่ที่ปั่นป่วนรุนแรงไปด้วยการแผ่พลังงาน
มันสามารถปล่อยพลังงานออกมาจำนวนมากกว่ากาแล็คซี่ทั่วไปเฉลี่ย 1,000 เท่า หรือมากกว่า ในขณะที่ตัวมันเองมีขนาดเล็กกว่ากาแล็คซี่ทั่วไปถึง 1,000,000 เท่า
ภายใน Quasar พบว่ามีหลุมดำขนาดใหญ่ที่หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูง และมีการหมุนวนและถ่ายเทก๊าซและอนุภาคต่าง ๆ ลงสู่หลุมดำอย่างต่อเนื่อง

Quote
([url]http://i.imgur.com/3AVB8uCm.jpg[/url]) ([url]http://imgur.com/3AVB8uC[/url])

ทำให้เกิดพลังงานจากสภาพเช่นนี้ ลำ Jet ทั้งบนและล่างถูกฉีดออกไปไกล 100-10,000 ปีแสง

([url]http://i.imgur.com/nnbwtNsm.png[/url]) ([url]http://imgur.com/nnbwtNs[/url])

Quasar มีความสว่างแท้จริงมากกว่าดวงอาทิตย์นับล้านล้านเท่า และสว่างเท่ากับใจกลางกาแลคซี่ทั้งดวง




"เรามีความจำเป็นต้องเฉียดเข้าไปที่นั่นมากแค่ไหน"
"ดาวดวงนั้นมีอารยธรรม และสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา พวกมันจะมีประโยชน์กับเรามากพอ ๆ กับดาวดวงจิ๋วของมัน"
"พวกเขา"
"ค่ะ พวกเขา ...จำเป็นกับเรา"
"มีเหตุผลที่ดีกว่านี้ไหม ฉันอยากได้เหตุผลและทฤษฎีที่ดีกว่านี้ ยานลำนี้ไม่ได้บรรทุกมาแค่พวกเรา"
"มินิสเตอร์ทุกท่านเห็นพ้องต้องกันค่ะ"
"โอ้ โห ใช้ไม้นี้เลยเหรอ เอาเลย งั้นก็ตามสบาย"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on July 31, 2015, 05:13:12 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/e7ea570eba0ba8ec90e83d55b480c2f3/3790%20-%20Background.jpg)

จากการพยายามอ้อมฝ่าขอบฟ้าเหตุการณ์ของหลุมดำยักษ์ส่งผลให้ Rexus เสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถเข้าสู่วงโคจรของดวงดาวเป้าหมายได้
Rexus ต้องลอยลำอยู่ในอวกาศ ในเวลาเดียวกับที่ทีมสำรวจและกองทหารได้ใช้ยานลำเลียงลงสู่ผิวดาว
แต่แรงโน้มถ่วงประหลาดของดาวดวงนี้ทำให้ยานลำเลียงถึงกับตกและกระแทกพื้นพังยับเยินจนไม่อาจบินขึ้นได้
ทั้งทีมสำรวจและเจ้าหน้าที่ต่างต้องปักหลักรอความช่วยเหลือจาก Rexus ที่น่าจะใช้เวลาซ่อมแซมตัวเองและปรับจูนนานถึง 1 ปี...

อัศวินสาวที่ลงมาจากยานเป็นคนแรก ๆ แหงนมองฟ้า ก้มมองดิน

(http://i.imgur.com/eFdXakw.jpg)
"ไหนมังกรวะ ไม่เห็นมีสักตัว" (http://i.imgur.com/wjGOA99.png)

(http://i.imgur.com/ED6eQwQ.jpg)
"ถ้าแฟนคลับมาได้ยินเข้าเรตติ้งเธอได้ดิ่งเหวแน่" (http://i.imgur.com/6BVJKNc.png)
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 03, 2015, 08:31:59 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/14a18a605878e07aa2a4de9cf57e0b1c/3797%20-%20Background.jpg)

ดาวดวงนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก โคจรรอบดาวฤกษ์ 3 ดวง และมีดวงจันทร์บริวาร 7 ดวง
พื้นที่ของดาวเป็นผืนดินประมาณ 1/2 ของดาว ประกอบไปด้วยพื้นที่อันหลากหลายภูมิประเทศ แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งหญ้าสลับป่าเขา
ผู้บุกเบิกกลุ่มแรกได้ตั้งชื่อให้กับดาวดวงนี้ว่า 'Ballet (บัลเล่ต์)' ตามชื่อของผู้ที่เหยียบลงมาบนดาวเป็นคนแรก ถึงแม้เธอจะพยายามแก้ไขว่าตัวเองชื่อ Bullet แต่ก็ไม่ทันแล้ว

Quote
"ฉันชื่อ White Bullet!! Bullet Bullet Bullet บุลเล็ท!! ไม่ใช่บัลเล่ต์!!"



ภายหลังจากลงมายังดาวดวงนี้ White Trooper ที่น่าจะได้รับคำสั่งจากราชินีก็ดำเนินการโจมตีชนเผ่าพื้นเมืองทันที
ภายใต้การนำของ Biore โดยมีกองทหารโคลน หรือ Clone Trooper เป็นกำลังรบหลัก

(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg) (http://i.imgur.com/E3hRyO1.jpg) (http://i.imgur.com/E3hRyO1.jpg) (http://i.imgur.com/E3hRyO1.jpg) (http://i.imgur.com/E3hRyO1.jpg)

แต่ในเวลาเดียวกัน Black Trooper ที่ไม่ปรารถนาสงครามและต้องการสมานฉันท์กับชนพื้นเมืองก็พยายามที่จะต่อต้านในวิถีทางของตน
กระนั้น พวกเขาเองก็เป็นชนเผ่า Rex เช่นเดียวกับทหาร White Trooper คงประหลาดชะมัดหากพวกเขาจะเข้าข้างชนพื้นเมืองต่างดาว และต่อสู้กับ White Trooper ทั้งที่ร่วมยานกันมา

(http://i.imgur.com/4sZpEzo.png)

"ลองทำแบบนั้นคงไม่ได้กลับเข้ายานอีกแน่"

(http://i.imgur.com/XGHzDvy.jpg)

"ฉันจะไม่ช่วยพวกเธอ เพราะฉันไม่ใช่ทหาร"
"แต่ฉันก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องต่อต้านขัดขวาง"

(http://i.imgur.com/BUbOUf9.jpg)

"ฉันด้วย? คำสั่งราชินี?"

(http://i.imgur.com/urBEZxH.jpg)

"เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของเหม่ยซือและสเฟียร์ งานของเราคือการสนับสนุน ตามวิถีทางของฉัน"
"ฉันไม่คิดว่าการใช้กำลังเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ฉันจะขัดขวางพวกเขา ตามวิถีทางของฉัน"
"สงครามจะไม่เกิดขึ้นบนดาวดวงนี้ พวกเราจะหันหน้าเข้าหากัน พวกเราจะปรองดองกัน และทุกฝ่ายจะมีความสุข ตามวิถีทางของฉัน"
ความคิดสมกับเป็น BB หัวหน้าหน่วย Black Trooper ที่ทำคะแนนภาคสนามได้ไม่ถึง 100

เมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีเป้าหมายและแนวทางต่างกันไป บางทีจุดเริ่มของสงครามมันก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากสองฝ่ายเสมอไปหรอกนะ



(http://i.imgur.com/47dthva.jpg)

"ฉันเป็นนีท ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน"
"เธอก็เริ่มจะอยากเป็นนีทเหมือนฉันแล้วใช่ไหม"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 04, 2015, 11:22:23 AM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/7d80ab881a34c9c6d6ee57f5d66ef136/3798%20-%20Background.jpg)

ประชากรบนดาวดวงนี้มีทั้งชาย หญิง และสองเพศรวมกัน แต่ประชากรหญิงจะมีประมาณ 40% และประชากรสองเพศอีก 50%
ผู้มีสองเพศนั้นแท้จริงก็คือกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง (กะเทย) พวกนี้หากไม่สมสู่กันเองก็จะไปไล่จับชายแท้มาเป็นคู่ครอง ซึ่งชายแท้นั้นมีอยู่ไม่ถึง 10%
ความไม่สมดุลย์นี้ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนพ่อพันธุ์อยู่พอสมควร ครอบครัวหนึ่ง ๆ จึงมักมีภรรยากันมากกว่า 1 คนเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ว่าลูกที่เกิดมาจะกลายเป็นพวกสองเพศอยู่บ่อยครั้งก็ตาม

ชนเผ่าในแถบนี้บูชาเทพเจ้าบนฟ้า พวกเขาจะแกะสลักไม้มาทำเป็นเสาเพื่อแสดงถึงการสักการะ พวกเขาจะชูมือขึ้นฟ้าหนึ่งข้างเพื่อสักการะเทพเจ้า และชูสองเมื่อเมื่อยอมแพ้
พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินตรา พวกเขาแลกเปลี่ยนกันด้วยข้าวของเครื่องใช้และอาหาร พวกเขาไม่มีภาษาเขียน แต่พวกเขาใช้ภาษาเดียวกัน
พวกเขามีความเท่าเทียมกันโดยธรรมชาติ แต่สตรีจะแข็งแกร่งเก่งกาจยิ่งกว่าชายเพื่อปกป้องสามีของตนจากเหล่าผู้มีสองเพศ (กะเทย) ธรรมชาติของดินแดนนี้สร้างพวกเขามาเช่นนั้น
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 13, 2015, 11:40:42 PM
([url]http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg[/url])

"มันดีแล้วเหรอที่เราจะฆ่าฟันกันเอง" Sphere แนะนำว่า หากอยากละมุนละม่อมก็ลองมาขี่ควายกับเธอดีไหม

([url]http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg[/url])

"ข้าไม่เข้าใจสักนิดว่าการขี่ควายจะมีประโยชน์อันใด แม่นางโปรดชี้แนะ"

([url]http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg[/url])

"ฉันจะขี่ควายเพื่อหยุดสงครามไงล่ะ" Sphere บอก แต่เมื่อเห็นว่า Tian He ไม่เข้าใจเธอจึงบอกต่อว่า
นี่ก็ผ่านมา 4 เดือนแล้ว อีกแค่ 8 เดือน ตามกำหนดการยาน Rexus จะซ่อมเสร็จ เธอได้ยินข่าวลือสุดลับมาว่า

Quote
หากเมื่อครบ 12 เดือน Biore ยังทำหน้าที่ไม่ลุล่วง เธอจะสิ้นสุดภารกิจบนดาวดวงนี้
พวกเราจะไปจากที่นี่ ยาน Rexus จะไม่ลงมายังดาวดวงนี้

                                                              - สหายเก่าแลเพื่อนยากของทุกคน


"พวกเราไม่จำเป็นต้องหยุดยั้ง เพียงแค่ถ่วงเวลา ขวางทาง ขัดแข้งขัดขาก็เพียงพอแล้ว"


สงครามบนดาวที่คุกรุ่นยาวนานร่วม 12 เดือนได้จบลงพร้อมกับความผิดหวังของอาคันตุกะผู้มาเยือน ซึ่งชนพื้นเมืองของดาวดวงนี้เรียกพวกเขาว่า 'ผู้มาจากฟ้า'
Biore แม้มีความสามารถสูง กระทั่งเหม่ยซือที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของ Black Trooper ยังไม่อาจเอาชนะนางได้ ทั้งยังมีกองทัพโคลนในบัญชาอีกมากมาย แต่นั่นไม่ได้การันตีว่าเธอจะพิชิตดาวดวงนี้ได้ตามแผน

(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"ฉันยังสบายดี ฉันสบายดี" เธอรู้ดีว่าถ้าเธอไม่สามารถพิชิตดาวดวงนี้ได้ตามกำหนด ยาน Rexus จะทอดทิ้งเธอ และทุกคนบนดาว ก่อนจะเดินทางไปยังเป้าหมายต่อไป
"ยาน Rexus จะไม่ลงมาบนดาวดวงนี้ ทั้งฉัน และพวกเธอจะต้องตายกลายเป็นอินทรียวัตถุหล่อเลี้ยงดาวดวงนี้"

"ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคนจะสบายดี"

เธอทอดสายตามองทหารโคลนนับร้อยที่นอนนิ่งหมดสภาพในสนามรบซึ่งคงเป็นศึกสุดท้ายของเธอบนดาวดวงนี้...
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 14, 2015, 12:52:21 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/222fcfdc27478bf49379c711576338fa/3801%20-%20Background.jpg)

Episode 3


ไม่มีนโยบายสำรวจดาวที่ไม่มีอารยธรรมและไม่ปรากฎผู้สร้างอารยธรรมนั้น
หากได้พบกับดาวเหล่านั้นและประเมินได้ว่าเป็นภัยคุกคาม กองทหารแห่ง Rexus จะจู่โจมทำลายดาวดวงนั้น
แต่หากภัยคุกคามอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ปรากฎ Rexus จะลงจอดเพื่อซ่อมบำรุงตัวเองและฟื้นฟูพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือไม่ก็จู่โจมกวาดต้อนเอาทรัพยากรที่มีค่ากลับเข้ายาน

และนี่คือนโยบายของราชินี

"เรามีความจำเป็นต้องเฉียดเข้าไปที่นั่นมากแค่ไหน"
"ดาวดวงนั้นมีอารยธรรม และสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา พวกมันจะมีประโยชน์กับเรามากพอ ๆ กับดาวดวงจิ๋วของมัน"
"พวกเขา"
"ค่ะ พวกเขา ...จำเป็นกับเรา"
"มีเหตุผลที่ดีกว่านี้ไหม ฉันอยากได้เหตุผลและทฤษฎีที่ดีกว่านี้ ยานลำนี้ไม่ได้บรรทุกมาแค่พวกเรา"
"มินิสเตอร์ทุกท่านเห็นพ้องต้องกันค่ะ"
"โอ้ โห ใช้ไม้นี้เลยเหรอ เอาเลย งั้นก็ตามสบาย"

"แต่ฉันให้เวลาแค่ 5 ปี เรามาเดิมพันกัน"


4 ปีต่อมา หลัง Rexus ได้ทอดทิ้งพวกคุณไว้บนดาวที่ชื่อว่า Ballet ยานลำยักษ์นั้นกลับย้อนมาและลอยลำเหนือน่านฟ้า...



Management Turn 3 (ของ MW) ก่อนเข้าสู่ Episode 3 ช่วง Travel
โพสกระทู้ MW ของตนเอง

และสั่งการกระทำในช่วงที่ผ่านมาตลอด 4 ปี 2 อย่าง ซ้ำได้ (ของ STARLIGHT)
โพสกระทู้ STARLIGHT ของตนเอง
- ฝึกฝน: Training ตัวละคร 3 ครั้ง *ผลจากห้องส่วนตัวทำงาน
- ทำงานหนัก: (Class Lv. คูณ 6) หาร 2 = Point *คนที่เลือกข้อนี้ตรวจเช็คได้ว่าตนเองเลื่อน Class ได้หรือยัง
- สร้างความสัมพันธ์อันดี: ระบุตัวละครที่ต้องการ 5c Chr ได้รับ Ally +1 *ไม่จำกัด จะเลือกใครก็ได้, ตัวละครที่ไม่ถูกเลือก และมี Ally ไม่ถึง 2 จะเสีย Ally ทั้งหมด
- สำรวจดาว: 3c Status-2 (3 ค่า) M.Atk 2 ได้รับ Item ตกแต่งห้องแบบสุ่ม
- มาด้วยกันเถอะ: เลือก 1 ตัวละครที่ไม่ได้เป็นชนเผ่า Rex บนยาน และต้องการให้ขึ้นยานด้วย ตัวละครนั้น Ally +3 และจะมี Status
  *ตัวละครที่ไม่ถูกเลือกจะอยู่บนดาวต่อไป และเปลี่ยน Ally เป็น 3 Point

*HP/SP จะเต็มแล้ว และเมื่อผ่านช่วงนี้ก็จะฟื้นเต็มอีก, การสิ้นสภาพในช่วงนี้ไม่ส่งผลให้เสีย Point
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 15, 2015, 03:25:57 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/7c418878ddeca4fbefb4ca0900f99ef4/3802%20-%20Background.jpg)

พื้นที่รกร้างเดิมที่เคยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพโคลนได้เงียบเชียบมานานกว่า 3 ปีแล้ว นับแต่สงครามครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นบนดาวดวงนี้

(http://www.mx7.com/i/cf8/biWbVi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yxbWUvuxl0rRLrOJ)

"ยูดาจิเก่งกว่าเดิมแล้วนะโป้ย คราวนี้แหละ ยูดาจิไม่แพ้แน่โป้ย" อย่ามามั่ว เธอขึ้นเขาไปฝึกวิชาเพิ่งลงมา เคยไปสู้กันตอนไหน

Yuudachi แม้จะช้าเป็นเต่าป่วยไม่เปลี่ยน แต่เธอก็มีเครื่องเจ็ทที่ Nautilus สร้างให้ชั่วคราวให้ส่งตัวให้พุ่งออกไป
ขีปนาวุธที่อุ้มมากระแทกเข้าไปเต็มหน้าของ Biore ก่อนที่เธอจะฉากหนีด้วยเครื่องมือวาร์ปพอร์ทัลก่อนที่มันจะระเบิด

(http://i.imgur.com/XYruCpd.jpg)

สารพัดอาวุธที่แบกขนออกมาถูกยิงซ้ำเข้าไปในหมู่มวลเมฆเพลิงตรงหน้าจนกระทั่งเธอมั่นใจว่าเป้าหมายนิ่งสนิทจึงลดปืนลง
แต่แขนกับขาของเธอก็ขาดกระเด็นในช่วงวินาทีนั้นด้วยลำแสงอาคมที่ยิงทะลวงออกมาจากเป้าหมายที่น่าจะแน่นิ่งไปแล้ว

(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"ฉันสบายดี แต่เธอคงไม่ค่อยสบายสักเท่าไร" Biore ในสภาพรุ่งริ่งดูไม่จืดพุ่งเข้าใส่ Yuudachi ที่แทบจะสิ้นสภาพในการสู้รบ
ทั้งสองก็ยังปะทะกันที่กลางอากาศ มันเป็นการต่อสู้ของสองเผ่าพันธ์ Artifact หรือ สิ่งประดิษฐ์ที่มีชีวิตและเจตจำนงค์ของตนเอง

หัวของ Yuudachi แทบจะถูกกระชากหลุดถ้าเธอหลบไม่ทัน แต่กำปั้นของเธอก็ซัดจน Biore หมุน 360 องศา
Bel ละสายตาจากการดวลของทั้งสองมาสั่งการต้านรับทหารโคลนแทน Vios ที่นอนนิ่งและกำลังสั่งเสีย

(http://i.imgur.com/0UAtrh5.jpg)

"ฉันอยากมีประโยชน์... ฉันอยาก... มีตัว ตน..." เธอโดนการโจมตีระยะไกลในระหว่างบัญชาการบนกำแพงป้อมปราการ

(http://upic.me/i/hz/belphegor.png)

"เธอมีประโยชน์มาก มากจริง ๆ" Bel ว่าแล้วพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่หลากหลายเมื่อก่อนหน้านี้ Canone ก็เพิ่งถูกทหารโคลนแยกชิ้นส่วนเป็น 4-5 ชิ้น
สงครามนั้นส่งผลให้ทั้งฝ่าย White Trooper และ Black Trooper เสียหายยับเยิน กระทั่ง White Trooper ได้ล่มสลายลงไปในเวลาต่อมาเมื่อผู้นำกองทัพโคลนจบชีวิตลง

หุ่นยนต์สีขาวตัวเล็ก ๆ เดินเข้ามาในสถานที่นี้ซึ่งไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามานานเหลือเกิน สายตาที่มองสอดส่ายไปรอบดูคล้ายจะมีเป้าหมาย
มีร่างที่แห้งตายของทหารโคลนหลายสิบชีวิตอยู่ในพื้นที่นี้ บ้างก็จมอยู่ในกองตะไคร่ บ้างก็ถูกเถาวัลย์ปกคลุมเอาไว้
หุ่นตัวเล็กเดินเหยียบย่างน้ำขังเฉอะแฉะเข้าไป ยื่นมือสัมผัสประตูที่ขึ้นสนิมหมดทั้งบานเพื่อเปิดมันด้วยอาคม เสียงอันดังจากการเสียดสีของตะกรันดังแสบหู และเธอยังทำเหมือนเดิมเพื่อเดินลึกเข้าไป
กระทั่งไปหยุดอยู่ในห้องหนึ่งที่โอ่โถงเป็นพิเศษ รอบด้านมีจอเวอร์เนียที่เคยไฮเทคและแผงคอนโซลมากมายที่เต็มไปด้วยปุ่มยุบยับ สายตาของเธอมองไปยังร่างหนึ่งที่นั่งพิงผนังด้านใน

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"ฉันคิดว่าเธอคงไม่ค่อยสบายสักเท่าไรนะ ฉันว่าอย่างนั้นนะ หรือเธอว่ายังไง" Nu มองดู Biore ที่อยู่ในสภาพเหลือแค่ร่างครึ่งบน ขาข้างหนึ่ง และแขนซ้ายที่ขาดไป
ร่างตรงหน้าของเธอกลายเป็นหินไปส่วนหนึ่งและส่วนหนึ่งที่เป็นโลหะก็กลายเป็นสนิม ร่างนั้นหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ หรือควรจะเรียกว่า เธอตายแล้ว
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 15, 2015, 03:54:04 PM
Nu กางแขนแล้วหมุนตัว เดินวนไปรอบ ๆ อยู่สักพักจึงพูดขึ้นมา

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"บิโอเรมีชีวิตด้วยเจตจำนงค์ของตนเอง ฉันรู้ เพราะฉันเป็นคนสร้างเธอ เธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง"
"เธอมีสมอง มีสติปัญญา แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มันนอกเหนือคำสั่ง นั่นคือตัวตนของเธอ ฉันไม่คิดว่ามันจะสนุก"
"แล้วมันก็ดูไม่สบายอย่างที่เธอว่าเลย ถ้าฉันเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานดูน่ะนะ"

Nu พูดแล้วก็หันกลับไป "ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม สบายสิ เธอต้องสบายดีแน่ ๆ"

(http://upic.me/i/hz/belphegor.png)

"ฉันสบายดี" Bel เดินออกมาจากหลังบานประตู มี Canone และ Vios มากับเธอด้วย

Bel ถามว่า Nu มาทำอะไรที่นี่ แล้วเธอจะบอกได้หรือยังว่า 4 ปีที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น บนยานเป็นอย่างไรบ้าง
Nu เงียบไปพักหนึ่ง แล้วบอกสถานการณ์บนยาน Rexus ตั้งแต่วันแรกที่ทุกคนลงมาบนดาวก็เกิดสงครามขึ้นในยาน White Trooper และ Black Trooper ได้ต่อสู้กัน
Black Trooper ได้ Minister ส่วนหนึ่งที่ต้องการยึดอำนาจบนยานมาเป็นแบ็ค ทำให้พวกเขามีอำนาจที่จะต่อกรกับ White Trooper
กระทั่งสองฝ่ายเสียหายหนัก และ Black Trooper เกือบจะยึดยานได้แล้ว

(http://i.imgur.com/0UAtrh5.jpg)

"ไม่มีทาง แค่ราชินีมีบัญชา ไม่ว่าใครก็ต้องยอมสยบ ณ วินาทีนั้น" Vios แย้ง
เธอรู้ดีว่าราชินีใหญ่ที่สุดในยาน มีอำนาจที่สุด ราชินีชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ ขนาด Biore ที่เก่งกาจคนนั้น ถ้าราชินีชี้นิ้วให้ตาย เธอก็จะตายในทันที

Nu เงียบไป

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"ราชินีไม่ได้อยู่บนยานในเวลานั้น" เธอบอก

(http://upic.me/i/hz/belphegor.png)

"ฉันรู้ ราชินีก็ลงมาบนดาวดวงนี้ด้วย" Bel มอง Nu แล้วพูดต่อ
"เธอไปเล่นอยู่ตรงไหนของดาวกันล่ะ... ตั้ง 4 ปีบนดาวที่ไม่มีอะไรเลย เธอไม่เบื่อเหรอ"

Nu เงียบ แล้วสักพักก็หัวเราะ

"เบื่อสิ ฉันน่ะเบื่อแทบตายเลยนะ ฉันไม่ได้เล่นเกมตั้ง 5 ปี ไม่ใช่ 4 ปี เธอตกเลขนะ"

แล้วหุ่นยนต์สีขาวก็ถอดหมวกออกเพื่อให้อีกฝ่ายดูชัด ๆ ว่าราชินีติดเกมหน้าตาเป็นยังไง
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 15, 2015, 04:23:01 PM
Quote
"โอ้ โห ก็ได้ ลองดูกัน เธอจะทำได้หรือเปล่านะแยร์นู"
"ฉันขอทำนายเลยว่า Rexus จะไม่มีวันออกจากระบบดาวนี้ได้นับแต่วันที่มันได้ทอดทิ้งทุกคน"
"ฉันให้เวลาเธอและเหล่ามินิสเตอร์อีก 4 ปี ฉันรับรองว่า Rexus จะต้องย้อนกลับมาที่ดาวดวงนี้อีก เพื่อดำเนินเจตจำนงค์ของมัน"
"อย่าลืมล่ะ เพราะฉันจะไม่เตือนความจำให้กับเธอหรอกนะ"


Rexus ที่ไม่มีราชินีไม่สามารถเดินทางไปต่อได้อย่างที่ราชินีได้กล่าวเอาไว้
Black Trooper คงมีชัยและครอบครองยาน Rexus ได้สำเร็จ หาก Jeneral Jarnu ผู้นำกองกำลัง White Trooper ไม่ย้อนกลับมายังดาว Ballet
มันเป็นอย่างที่ Vios ว่ามา เพียงแค่ราชินีต้องการ ไม่มีสิ่งใดในยาน Rexus ที่จะเป็นไปไม่ได้...


(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"ฉันสบายดี พระองค์ก็ทรงสบายดีเช่นกันใช่หรือไม่"

เผ่า Rex สามารถสร้างชีวิตได้ และการชุบชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องแปลก



"พูดเป็นเล่น ถ้าพวกเขาไม่กลับมาฉันจะไปทำอะไรได้เล่า ก็กลายเป็นปุ๋ยอยู่บนดาวดวงนี้กันหมดนี่แหละ" Nu ตอบ Bel ที่ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
"มันชื่อว่าอะไรนะ บัลเล่ต์? ใครตั้งเนี่ย เชยชะมัดเลย"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 20, 2015, 12:25:19 AM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/f93d50331ac4fbc80272f1897bd1c92c/3783%20-%20Background.jpg)

White Trooper Headquarters: ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ Rexus
ที่นี่เป็นฐานบัญชาการใหญ่ที่จะเข้ามาได้เพียงแค่ White Trooper เท่านั้น มันถูกสร้างอย่างโอ่อ่าและกว้างขวางทีเดียว

Kaiser ที่เร่งรีบเดินไปชนเข้ากับทหารชุดขาวคนหนึ่งที่เดินสวนมา

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"ระวังหน่อยสิ"

อีกฝ่ายหันมาชักสีหน้า แล้วเธอก็ผลักอกเขา แต่เขาไม่ยอมล้ม

(http://www.mx7.com/i/57e/oYEzqL.jpg)

"ล้มไปสิเฮ้ย ยืนบื้ออะไรอยู่" สายตาที่จ้องมองของทหารโคลนนางนี้มันช่างคล้ายกับเคยเจอมาก่อน เธอคือ CT-797 หรือในชื่อใหม่ Colonel

"นี่เธออีกแล้วเรอะ"

"มีปัญหาอะไรเจ้าเลเวลสอง"

หลังจากได้คุยกันทำให้รู้ว่าทหารโคลน 3 พันคนที่ลงไปยังดาวบัลเล่ต์เกือบทั้งหมดเสียชีิวิต ส่วนทหารโคลนหลายหมื่นบนยานก็ล้มตายในสงครามไปเกือบหมด
CT-797 เป็นทหารโคลน 1 ใน 2 คนที่รอดชีวิตมาได้จากสงครามบนดาวบัลเล่ต์ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่งหรอกถ้าไม่ใช่ว่าระบบการจัดกำลังพลมีการเปลี่ยนแปลง
มีทหารโคลนจำนวนหนึ่งได้รับสถานะเป็นชาว Lanaciel และได้รับสิทธิต่าง ๆ ไม่ต่างจากพลเมือง รวมถึงเธอด้วย

ที่เธออารมณ์เสียก็เพราะ Jeneral Jarnu เธอว่า

Quote
([url]http://i.imgur.com/479yLLh.jpg[/url])

"ไสหัวไปเจ้าเลเวลศูนย์"


Jeneral Jarnu ได้ยืนยันว่าทหารโคลนคือพลเมือง Level 0 เป็นได้เท่านั้น อย่าได้มาเจรจาอะไรกับเธอ (Jarnu ก็ Level 4 ถึงแม้จะเป็นผบ.สูงสุด แต่ก็ไม่ใช่ Minister)
Minister ทั้ง 5 อนุมัติให้เลื่อนขั้นทหารโคลนเป็นพลเมืองตามบัญชาของราชินี โดยต้องทำตามเงื่อนไขอะไรสักอย่าง ซึ่ง Minister ไม่ต้องการจะทำ แต่ก็ต้องทำ
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 20, 2015, 12:32:34 AM
(http://i.imgur.com/oZAAETr.jpg)

"ความจริงแล้วฉันก็แค่อยากชวนเขาไป ฉันไม่ได้อยากดูมันจริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ฉันก็เกือบจะขยี้ขยำตั๋ววีไอพีที่อุตส่าห์ต่อคิวนานเป็นวัน ๆ กว่าจะได้มันมา"
นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นครั้งสุดท้ายที่เธอพูดถึง แฟนที่ไม่ได้เรื่องของเธอที่เพิ่งเลิกรากันไป

(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)

"ขอบคุณที่เธอไม่ทำอย่างนั้น เพราะตั๋วนั่นจะทำให้เราไม่พลาดการแข่งนั้น"



(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"ไปไหม อาทิตย์หน้านี้เอง" Nu ให้ดูตั๋ว 4 ใบ การแข่งรอบชิง จะชวนใครไปบ้าง

(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg)

"มันคืออะไรเหรอโป้ย"


(http://www.mx7.com/i/d1f/i0vAuI.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yxU0upxTLT3KUK79)

'Jumping Force League' หรือ JFL หรือ เจลีก
Sphere เป็นดาวเด่นของกีฬาชนิดนี้ และกีฬาชนิดนี้ก็เป็นกีฬายอดฮิตด้วย
ผู้เข้าแข่งจะต้องขับยานที่มีระบบจัมปิ้ง (กระโดดข้ามช่องว่างมิติ) แข่งกัน ทั้งเร่งความเร็ว เบียดชน และใช้แทคติกสารพัดในการแข่ง
เป็นกีฬาที่อันตราย มีคนตายทุกเดือน แต่ก็ยังนิยมไม่เปลี่ยนแปลง

คนที่จบเรื่องราวแล้ว เลือก Hide ที่กระทู้ตัวเอง

ส่วนที่ 1
- คนที่มีตั๋ว หรือถูกชวนโดย NPC จะไม่ต้องจ่ายเงินซื้อตั๋ว แต่ก็จะชวนใครมาเพิ่มไม่ได้
- คนที่ไม่มีตั๋วจะต้องซื้อตั๋วเองหากจะเข้าชม ในราคาใบละ 2 Point/1 ที่ (ของตัวเองด้วย)
  - ชวนมาได้ไม่เกิน 3 คน คนที่ถูกชวน Ally +1 (บางคนก็ไม่มา เช่น Sphere เหม่ยซือ)
  - หากไม่ได้ชวนใครมา Ally -1 ยกเว้นแต่ชวนครบ 3 คน คนอื่นจะไม่โดนลบ
- คนที่มาด้วยจะถือว่าเป็นตัวละครที่ใช้งานใน Event นี้ได้
- คนที่ไม่เข้า Event เพราะถูกบังคับไม่ให้เข้าจะไม่โดนลบ และข้ามส่วนนี้ไปเลย

ส่วนที่ 2 - ในส่วนนี้ส่งผลต่อทิศทางเนื้อหาในยาน
- นั่งชม (ชมที่บ้านก็ได้)
- พัวพันกับเรื่องวุ่นวาย: 5c Int Agi Acc Eft R.Atk 3 HP 3 / Ally Jarnu เหม่ยซือ Nu +1, Sphere -1 Point +5 (หมดสภาพไม่ได้รางวัล)
- ลงแข่ง: 5c Int Agi Acc Fth R.Atk 3 HP 3 (หากไม่มี Skill Riding เต๋ากลายเป็น 7c) / Ally Sphere +1 Point +5 (หมดสภาพไม่ได้รางวัล)

ข้อมูลปกปิด
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 21, 2015, 05:26:22 PM
(http://www.mx7.com/i/72c/dKkovD.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yy7DWibt9PTe9hdX)

ใบปลิวและโปสเตอร์การแข่งถูกปิดอยู่ทั่วบริเวณเมืองหลวงจนแทบจะไม่มีที่เหลือให้พวกมือบอนพ่นเปรย์เล่นให้เลอะเทอะ
แน่นอนว่าอันดับ 1 หรือตัวเต็งที่ 1 คือ Sphere ที่เป็นทั้งไอดอลและนักกีฬา เธอปรับลุคใหม่มาในมาดสาวน้อยนักรบ
ส่วนอันดับสอง... (ขออภัย ไม่มีบทให้ตัวประกอบฉาก แต่แถมพื้นที่โฆษณาให้ Biore นิดหน่อย และเดี๋ยว Olay จะตามมา)

(http://i.imgur.com/Aj6e20L.jpg)
"ทุกคนดูนี่! แต่นแต๊น" (http://i.imgur.com/WbXjUku.png)

Sphere หมุนตัวอยู่บนฟลอร์แล้วเปิดตัวยานแข่งลำใหม่ล่าสุดที่หน้าตารูปร่างเหมือนรถไถนาคูโบต้า
แต่ด้วยแรงอวยและติ่งที่พร้อมจะหลับหูหลับตาอวย ยังไงก็ต้องเท่และหล่อเริ่ดสมสง่าราศีของไอดอลสาวอันดับหนึ่งแน่นอน

อย่างไรก็ตาม Sphere ที่เมินคำถามของนักข่าวที่ถามถึงเหม่ยซืออย่างเจตนาก็ทำให้หลายคนเข้าใจว่าพวกเธอมีปัญหากัน
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 21, 2015, 09:28:53 PM
การแข่งได้เปิดฉากขึ้นพร้อมเสียงผู้ชมที่ร้องเชียร์ Sphere ดังกว่าใครและดังขึ้นไปอีก สนามแข่งในจุดออกตัวจะกระหนาบด้วยสองฟากที่เป็นอัฒจรรย์คนดู
จากนั้นเมื่อยานออกตัวไปแล้วทุกคนจะเกาะติดขอบสนามด้วยกล้องติดตามที่จะเป็นจักรกลจิ๋วระดับนาโนบินตามไปถ่ายทุกเหลี่ยมมุมของสนาม
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าการแข่งนี้อันตราย แต่อาจจะเพราะสัญชาตญาณการต่อสู้ของชนเผ่า Rex ที่ทำให้พวกเขาชื่นชอบเจ้ากีฬานี้

เสียงระเบิดดังขึ้นเพียงวูบเดียวก่อนที่ยานลำหนึ่งจะมุดเข้าช่องว่างมิติ แต่ทันทีที่โผล่ออกมาก็ถูกทำลายในพริบตานั้น เพียงแค่ช่วงออกตัวก็มียานที่รีไทร์ไปถึงสองลำ

(http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg)

"ถ้าลองคำนวณเป๊ะขนาดนี้" Sphere บังคับยานเบี่ยงหลบลำแสงที่ยิงมาจากด้านหลังอย่างรู้ทันราวกับมีตาหลัง
แล้วเทิร์นยานกลับคล้ายจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องอ่านตำแหน่งออกแน่ถ้าเธอมุดเข้าช่องว่างมิติ "ให้ฉันตามก้นนายบ้างดีไหมสมหมาย"

แล้วก็เป็นสมหมาย ตัวเต็งอันดับสองที่แทบจะต้องออกจากสนามเพราะถูก Sphere เอาคืน

การแข่ง JFL มีเวลาจำกัด และจะแข่งแค่ 1 รอบสนามเท่านั้น ซึ่งผู้ชมแทบจะไม่ต้องนั่งหาวหรือเอาข้าวโพดคั่วมานั่งเคี้ยวเลย
15 นาทีผ่านไป และเข้าสู่ 5 นาทีสุดท้ายกับทางตรงที่คดเคี้ยวหมุนเป็นเกลียวมียานสองลำขับคู่กันมา


"นายไม่ใช่อาร์ค" Sphere ใช้ระบบโทรจิตสื่อสารกับอีกฝ่าย

"คับ ผมแค่ขอยืมยานของเขามา" คู่แข่งของเธอตอบกลับ
"อ่า แล้วก็ชุดกับหมวกของเขาด้วยคับ"


"นายเป็นคนตลกนะ"


แล้วยานที่ตีคู่กับไอดอลสาวมาก็โดนเบียดกระแทกจนหมุนคว้างถูกอีกลำแซงไป ซึ่งเหมือนจะเป็นยานของสมหมายที่เยินพอดูจากการตะลุมบอนในช่วงแรก
Sphere รู้สึกทึ่งที่เจ้าสมหมายยังตามเธอมาถึงนี่ได้อีก แต่พอดูไลน์การขับแล้วเธอก็มั่นใจ

(http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg)
"เฮ้ย แกก็อีกคนเรอะ" (http://i.imgur.com/6BVJKNc.png)
"ถอดหมวกมาคุยกันดิ๊"

(http://i.imgur.com/F9M3XjW.png)

"ขืนถอดก็โดนจับไปโยนห้องขังกันพอดี ข้อหาแอบอ้างโทษเบาที่ไหน" ชายปริศนาในยานที่น่าจะเป็นของสมหมายตอบกลับไป
เขาคิดว่าเขาน่าจะเร่งสปีดและกระโดดข้ามมิติขึ้นไปเทียบข้างได้ แม้ว่ายานของเขาจะโทรมไปหน่อย แต่สเปคมันก็สูงล้ำกว่า

เขาเชื่อว่าเขามีทางชนะจนกระทั่งความเชื่อนั้นหายไปเมื่อยานอีกลำที่ไล่ตามมาชนท้ายเขาและท้าตี

"พูดเป็นเล่นไป ถึงจะไม่ได้แชมป์แต่รองแชมป์ก็รางวัลเยอะนะคับ"

"รองแชมป์เรอะ มันก็แค่ตำแหน่งของผู้แพ้ เชิญเอาไปเถอะ"


แต่การแข่งก็ไม่อาจจบลงในเวลาเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ด้านนอกของสนามแข่งที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่

(http://i.imgur.com/XYruCpd.jpg)
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 21, 2015, 11:00:01 PM
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลา 1 ชั่วโมงก่อนการแข่งจะเริ่ม

Quote
([url]http://www.mx7.com/i/d04/praMO4.jpg[/url]) ([url]http://www.mx7.com/view2/yy9uDPIVITDhoEWm[/url])

จักรกลร่างใหญ่สูงร่วม ๆ 5 เมตร ที่รายล้อมด้วยทหารองครักษ์นับสิบ ๆ ผู้นี้ก็คือ Bright หนึ่งใน Minister ที่มาชมการแข่งครั้งนี้

([url]http://i.imgur.com/479yLLh.jpg[/url]) ([url]http://i.imgur.com/zWaGnSi.jpg[/url]) ([url]http://i.imgur.com/8Br8xZe.jpg[/url]) ([url]http://i.imgur.com/8Br8xZe.jpg[/url]) ([url]http://i.imgur.com/8Br8xZe.jpg[/url])

จักรกลคนซ้ายสุดนั่นคือ Jeneral Jarnu ผู้บัญชาการสูงสุดของยาน Rexus และยังเป็นหัวหน้าองครักษ์ด้วย
ส่วนอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ คือเหม่ยซือ ไอดอลสาวที่ผันตัวไปทำงานเป็นทหาร แล้วก็เจ้าหุ่นพวกนั้นที่เป็นองครักษ์



(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg) (http://i.imgur.com/gjXc352.jpg) (http://i.imgur.com/NaVjXjB.jpg)

"ดูเหมือนพวกกี้ ๆ ตัวประกอบฉากนะโป้ย"
"เห็นอย่างนั้นมันแข็งแกร่งมากเลยนะ เก่งกว่าทหารโคลนอีก ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อ"
Nu บอก Yuudachi และว่านที่มาชมการแข่งด้วย เธอยังบอกอีกว่านี่เป็นข้อมูลลับนะ เจ้าหุ่นองครักษ์พวกนั้นน่ะมันอัพเกรดมาแล้วอย่างลับ ๆ ข่าวกรองที่เกินกว่า 48 ชม. น่ะใช้ไม่ได้หรอกนะ
แล้วอีกอย่าง... ฉอด ๆ ๆ พล่าม ๆ พ่น ๆ ฉอด ๆ ๆ ๆ ว่าแต่หล่อนนี่รู้ไปหมดทุกอย่างเลยรึไงนะ


"ยูดาจิเห็นคนท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ โป้ย"
"อย่าไปสนเลยน่า มาดูการแข่งดีกว่า เฮ้ จะไปไหนนั่น"


(http://i.imgur.com/mHM61W2.jpg)

ลำแสงที่เข้มข้นจากปากกระบอกไรเฟิลอาคมพุ่งเข้าหาเป้าหมายคือ Minister ร่างยักษ์
แต่พลันลำแสงนั้นก็แตกเป็นสายคล้ายน้ำที่พุ่งเข้าใส่กพแพงที่มองไม่เห็นเมื่อ Jarnu หมุนตัวเข้ามาแล้วยกมือขึ้นบังมันเอาไว้

(http://i.imgur.com/479yLLh.jpg)

"ไปจับมันให้ได้เหม่ยซือ" ผบ.หญิงออกคำสั่งก่อนจะย้ำอีกทีว่า "จับเป็นเท่านั้น"
แต่ยังไม่ทันที่เหม่ยซือจะออกไปทหารองครักษ์ที่ Nu เพิ่งคุยนักหนาก่อนหน้านี้ก็โดนบางอย่างเล่นงานจนหยุดทำงาน

เสี้ยววินาทีที่ Jarnu ถูกสนามพลังควินตัมสะกดเอาไว้นั้นกินเวลานานพอจะทำให้เธอถูกกระสุนอาคมอีกหลายนัดยิงอัดจนหลุดออกไปจากกลุ่ม แม้ว่าอาคมจะทำอะไรเธอไม่ได้ แต่ก็ผลักให้เธอออกห่างจาก Bright ไปไกลทีเดียว
เสียงประดาบดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งเหม่ยซือก็ปลิวออกไปอีกทิศทางหนึ่งเมื่อมีทหารโคลนจำนวน 3-4 คนเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในนั้นก็พุ่งเข้าหา Jarnu ที่กำลังจะลุกขึ้น

Quote
"Jarnu จะไปที่นั่นเพื่ออารักขา Bright หนึ่งใน Minister ที่คลั่งไคล้การแข่งนี้"

วันนั้นคือวันพิพากษา กองกำลังโคลนส่วนหนึ่งจะจู่โจมสังหาร Bright และ Jarnu ด้วย
แต่ไม่ต้องห่วง จะไม่ใช่สงคราม ทุกอย่างจะเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ไม่กระทบการแข่งแน่ "หากงานนั้นสำเร็จ"

"ฉัน และสมาชิกที่เก่งกล้าที่สุดอีก 5 คน" Colonel บอกว่าเธอเอาชนะเหม่ยซือได้ แต่กับ Jarnu ออกจะตึงมือ ซึ่งเรื่องนี้สมาชิกอีก 5 คนจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับเธอ
Bright เป็น Minister ที่ไม่เก่งด้านต่อสู้ จึงไม่ต้องห่วง ถ้าเก็บองครักษ์ได้ทุกอย่างจะจบ ตามการคาดคำนวณและวางแผนของทีมยุทธวิธี
ถ้าไม่มีใครเข้ามาสอดงานนี้มีโอกาสสำเร็จถึง 90% แต่ถ้ามีเหตุสุดวิสัยก็ต้องพยายามให้สำเร็จ งานนี้ไม่มีแผนสอง เพราะเราไม่มีโอกาสวางแผนได้ดีกว่านี้แล้ว



(http://i.imgur.com/SLmreQW.jpg)

"แด่องค์ราชินี และลาก่อนท่านผู้บัญชาการผู้งามสง่ายิ่ง" เธอเงื้อไม้เท้าขึ้นหวังกระทุ้งเสียบเข้าไปที่หัวใจของ Jarnu ซึ่งเธอย่อมต้องศึกษามาแล้วว่ามันอยู่ตรงส่วนใดของร่างกาย
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 22, 2015, 12:47:55 AM
Order 797 คือชื่อของยุทธวิธีที่กองทัพโคลนใช้ โดยมีเป้าหมายประการสำคัญคือ "ปลดปล่อยราชินีให้เป็นอิสระ"
หลังจากเหตุการณ์นี้กองทัพโคลนได้ประกาศต่อต้านส่วนกลางและหมายสังหารกองกำลังส่วนกลาง รวมถึง Minister ทั้ง 5 ที่ยังคงกุมอำนาจ


(http://i.imgur.com/TsMJtvo.jpg)

"ทำไมราชินีถึงไม่ใช้พลังวิเศษหยุดการต่อสู้ล่ะคับ เหมือนที่หยุดสงครามก่อนหน้านี้ไงคับ" TL รำพึงระหว่างช่วยขนย้ายคนเจ็บ

(http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg)

"ราชินีจะใช้พลังได้ก็ต่อเมื่อมีการอนุมัติโดย Minister ทั้ง 8 คน อย่างพร้อมเพรียงกัน" Sphere เข้ามาช่วยยกเปล

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"กลไกนี้มันถูกทำลายลงไปแล้ว ราชินีไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ไม่จำเป็น และไม่จำเป็น" Nu ที่นั่งพยาบาลคนเจ็บอยู่แถวนั้นพูดขึ้นมา
"เฮ้ เธอจะเอายาล้างแผลไปราดบนแผลไม่ได้นะ!" แล้วก็หันไปดุ Yuudachi

จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ขั้วอำนาจทั้งสองอันได้แก่ส่วนกลาง และกองทัพโคลนเสียหายหนัก
ทั้งสองขั้วอำนาจจะไม่อาจมีบทบาทใดได้มากกว่านี้ และอาจจะต้องลดบทบาทลงไป
อันจะส่งผลให้ผู้เล่นที่ต้องการสร้างกลุ่มก้อน ดินแดน หรือครอบครัวของตนเองได้รับความสะดวกมากขึ้น

- คนที่นั่งชมจะได้สิทธิ์เลือกว่าจะช่วยใคร 1. ทหารชุดขาว 2. ทหารโคลน มีคนสั่งช่วยทหารโคลน ส่งผลให้ ทหารชุดขาว +1 ความเสียหาย
- หากไม่มีคนเลือก พัวพันกับเรื่องวุ่นวาย ฝ่ายทหารชุดขาว +1 ความเสียหาย
- หากมีคนเลือก พัวพันกับเรื่องวุ่นวาย ฝ่ายทหารโคลน +1 ความเสียหาย มีคนเลือก ทหารโคลน +1 ความเสียหาย
- ความเสียหายครบ 2 ฝ่ายนั้นวิกฤติ/อยู่ในภาวะพร้อมล่มสลาย/ไม่ใช่ขั้วอำนาจที่ทรงพลังอีกต่อไป

สรุปผล
- ทั้งสองฝ่ายเสียหายหนักพอกัน แต่ยังไม่สิ้นอำนาจ
- Bright ไม่ตาย (TL เลือกมาช่วย)
- Colonel ไม่ตาย (Kaiser เลือกมาช่วย)

*กดโพสเพื่อดูเฉลยที่ hide ได้
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 22, 2015, 01:08:31 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/ed524614faf3d025a05b8678eabb6d66/3804%20-%20Background.jpg)

ดาวสีน้ำเงินดวงนั้นคือหนึ่งในเป้าหมายของเราในกลุ่มดาวนี้ จากการวิเคราะห์ด้วย King Engine อย่างละเอียด
มันมีกระแสลมพัดแรง ความเร็วลม 300 เมตร/วินาที หรือ 1,080 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวงแหวน 4 วง แต่ละวงมีความสว่างไม่มากนัก เพราะประกอบด้วยอนุภาคที่เป็นผงฝุ่นขนาดเล็ก
บนดาวทุกดวงในกลุ่มดาวนี้ประกอบไปด้วยฝุ่นและก๊าซจนมีสภาพคล้ายกับเป็นดาวสมุทร

"มันไม่ใช่ดาวสมุทร"
"แต่มันเป็นน้ำกว่า 70%"
"ไม่ นั่นไม่ใช่น้ำ แต่เป็นก๊าซ และละอองมาน่า"
"เรามีความจำเป็นมากแค่ไหนที่จะต้องลงไปสำรวจมัน"
"ไม่มากนัก แต่ King Engine จะไม่ขับเคลื่อนยานจนกว่าเราจะได้ตัวอย่างแร่บนดาวนั่นมากพอ"
"ไม่มีราชินี แต่ก็มีราชา มันช่างวิเศษไปเลย ข้าไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ไบรท์ถอนตัวออกไป หะ หะ หะ"

หลังการประชุมจบลง เหม่ยซือที่ยืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่เวิ้งว้างไร้ทิศทางได้ครุ่นคิด
เธอหันไปยังกรอบรูปหนึ่งที่ยังคงติดเอาไว้และพูดอะไรสักอย่าง

Quote
([url]http://www.mx7.com/i/768/c5GEzd.jpg[/url]) ([url]http://www.mx7.com/view2/yyeelzJxO3iuWiXF[/url])

องค์ราชินีแห่ง Rexus


(http://i.imgur.com/zWaGnSi.jpg)

"ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอมัวไปอยู่ที่ไหน ...ในเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะถูกรีเซ็ท"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 25, 2015, 10:18:13 AM
Kaiser เป็นแค่ลูกเรือจึงเข้าไปได้แค่ตัวเองกับคนที่พักด้วยอีก 1 คน

การเดินทางไปยังที่หมายกินเวลา 1 คืน

(http://wudthipan.com/fucko/_images/6d631eca4fb590e2dc7307d1cf3decf0/3788%20-%20Background.jpg)

ในยานนั้นหรูมีระดับและไฮเทคที่สุดเท่าที่จะทำได้ Nakolulu ที่จูงเคียร่ามาด้วยแสนจะตื่นเต้นที่ได้ออกอวกาศ เพราะปกติอยู่ใน Rexus นั้นไม่มีใครรู้สึกว่าตัวเองออกอวกาศหรอก
Kaiser เมื่อมีโอกาสเขาก็จะหลบไปคุยกับสาวที่ผ่านมาและพบเจอทุกครั้งไป ไม่สิ เขาเอาเคียร่าขี่คอแล้วเดินจูง Nakolulu ไม่ห่าง มันเป็นภาพนี้ต่างหาก
ด้วยสถานะของเขาในเวลานี้กลับเป็นสาว ๆ ที่ผ่านมาต่างหากที่อยากจะเข้าหาและรู้จักเขา

ที่ด้านหนึ่ง บริเวณระเบียงกระจกที่มองออกไปนอกยานได้ Kaiser สังเกตเห็นสาวในชุดสีขาวที่ยืนหันหลัง ทอดสายตามองออกไปในอวกาศเวิ้งอีกฟากของกระจก
เขามีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด วูบหนึ่งเขาเกือบเข้าใจผิดว่าเธอคือ Colonel จนกระทั่งร่างนั้นหมุนกลับมาคล้ายจะรู้ตัว


(http://www.mx7.com/i/eda/FvsuDE.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yymclF33p3qDlyKr)

"กลิ่นของท่านพี่" เธอพูดขึ้นแล้วลอยเข้ามาดมตามตัวเขา วนไปรอบ ๆ
"ท่านมาทำอะไรที่นี่ ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง"

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"ถ้าหมายถึงColonelล่ะก็ สบายดี"
"แล้วเธอเป็นใคร"

(http://i.imgur.com/SvYOeWS.jpg)

"Destroyer Hime หรือ DH-79" เธอบอก ก่อนเลื่อนลอยเข้ามาอย่างรวดเร็ว และผลักเขาหงายหลังล้ม

"ข้าเกลียดท่าน ท่านแย่งชิงเอากลิ่นกายของท่านพี่ไป" เธอว่า แต่ Kaiser รู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้ต้องการแอบอิงไออุ่นอะไรหรอก
เขาไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการคิดของเธอสักเท่าไร ซึ่งมันไม่แปลกนัก เพราะเธอไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับใคร เขาได้แค่มองเธอลอยผ่านไป

ขาก็ไม่จำเป็นสินะรุ่นนี้? นั่นคือสิ่งที่เขาคิด ดูจากสรีระศาสตร์แล้วเหมือนสร้างมาให้พร้อมสู้รบทุกพื้นที่ ที่เธอมาอยู่ที่นี่อาจจะเพราะส่งมาทดสอบใช้งานในสภาพพื้นที่และสภาวะภัยพิบัติ
แต่ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ อยู่ ๆ ก็เกิดการกระแทกอย่างรุนแรง สัญญาณเตือนภัยดังระงมแทบจะไร้ทิศทาง เห็นเจ้าหน้าที่วิ่งผ่านไปในสภาพที่ยานโล้เอียงไปมา

ยานลำนี้เป็นยานแม่ขนาดใหญ่กว่า 1 กิโลเมตร สิ่งที่ทำให้มันสะเทือนได้ขนาดนี้ต้องไม่ใช่แค่หินอวกาศธรรมดาแน่
และเป็นครั้งแรกที่เขานึกเกลียดระบบแรงโน้มถ่วงเทียมที่มีใช้ในยานเพื่อความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตประจำวัน
เขาพยายามลุก แต่ก็ลื่นไปอีกด้าน และไหลไปตามทางวิ่งกว่า 20 เมตรจนกระทั่งทุกอย่างปกติเมื่อระบบควบคุมแรงโน้มถ่วงเรียนรู้สภาวะในปัจจุบันและทำงานอีกครั้ง

ได้ยินเสียงคนในยานร้องออกมาว่า "สัตว์อวกาศ"
Kaiser วิ่งไปยังโถงเพื่อดูภาพในมอนิเตอร์ทันที


(http://wudthipan.com/fucko/_images/8a0f03df4b6482d86100c63f8145e0d9/3805%20-%20Event.jpg)

มันเป็นสัตว์ยักษ์ที่มีชีวิตอยู่ในอวกาศเวิ้งว้างนี้ได้ ขนาดของมันมหึมาพอสมควร คะเนได้ว่าประมาณ 7000 เมตร

แต่น้ำเสียงของผู้คนบนยานที่ร้องออกมานั้นไม่ใช่ความตื่นตระหนก หากแต่เป็นเสียงของความตื่นเต้นปะปนไปกับความระทึกใจที่ได้พบในสิ่งที่ไม่เคยได้เจอเลยในกาแลคซี่ Rexus
สัตว์อวกาศไม่ใช่สิ่งแปลก เพราะชาว Rex สร้าง Artifact ขนาดยักษ์มาเป็นอาวุธสงครามที่ลอยล่องในอวกาศเป็นกองทัพได้ แต่ที่แปลกคือ สัตว์ต่างดาวตัวนี้มันไม่น่าจะถูกสร้างขึ้น

พวกเขาไม่ได้กลัว แต่เฝ้ารอดูว่าระบบป้องกันของยานจะสังหารมันลงได้ไหม และวูบหนึ่งที่แสงสว่างวาบปรากฎขึ้น ร่างของสัตว์ยักษ์ก็แหว่งไหม้เป็นรูกว้างกว่า 60% ของตัวมัน
ดูเหมือนว่ามันจะออกมาจากดาวที่เรากำลังจะไปสำรวจนี่แหละ นั่นเป็นข้อยืนยันได้ว่าดาวเป้าหมายของเรามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ และมันน่าสนใจมากทีเดียว

(http://www.mx7.com/i/90a/8cAme2.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yypdUxH9pN89xlFM)

Oceana-09 คือชื่อของดาวดวงนี้ที่เป็นหนึ่งในดาวสมุทรทั้ง 19 ดวงในระบบดาวนี้ที่ตรวจสอบแล้วว่าเหมาะสมจะเข้าสำรวจ

อย่างที่รู้ว่าบนดาว Oceana ทุกดวงไม่มีอากาศสำหรับใช้หายใจ ไม่มีชั้นบรรยากาศ บนผิวดาวมีกระแสลมแรงมากพอจะฉีกกายเนื้อของมนุษย์ได้ (ในที่นี้คือ Human)
และใต้กระแสลมยังเป็นเวิ้งสมุทรที่เกิดจากก๊าซซึ่งอัดแน่นจนคล้ายผืนน้ำทั้งดวงดาวที่พัดเชี่ยวและหนาวเย็นมากถึง -220 องศา ไม่เพียงแค่มนุษย์ แต่สิ่งมีชีวิตที่มีกายเนื้อทั่วไปไม่น่าจะลงไปสำรวจได้โดยไร้ซึ่งพาหนะ

ดาวดวงนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เราจะลงไปสำรวจโดยตรง แต่ต้องใช้ยานหรือจักรกลช่วยเหลือในการสำรวจ ทั้งพื้นที่ของดาวที่เป็นก๊าซอัดแน่นจนเหลวคล้ายน้ำ
และกระแสลมที่แรงมากยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั่วไปทนไม่ไหว (กล่าวถึง Human เป็นหลัก)

การใช้หุ่นยนต์แม้จะไม่สามารถใช้งานได้ทุกที่แต่ก็จำเป็น เพราะเราตรวจพบว่าแกนกลางของดาวเป็นแก่นหินที่แข็งเหมือนกับดาวเคราะห์ทั่วไป

หากเทียบกับดาวที่เราอยู่อาศัย ตัวดาวที่แท้จริงเป็นแก่นหินที่อยู่ใจกลางของดาว ลึกเข้าไปจากผิวดาวมาก ก๊าซที่อยู่ในผิวดาวมีทั้งไฮโดรเจน มีเทน ฮีเลียม และก๊าซอื่น ๆ อีกมาก
การทำให้ไฮโดรเจนเป็นของเหลวต้องใช้อุณหภูมิต่ำกว่า -220 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิต่ำสุดของดาวดวงนี้
ดังนั้นบนพื้นผิวดาวจึงไม่ใช่ไฮโดรเจนในสถานะของเหลว แต่ยังคงเป็นเพียงก๊าซที่อัดแน่น ยิ่งเมื่อลึกลงไปก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นจนคล้ายจะเป็นมหาสมุทร
ซึ่งจากการสำรวจผิวดาวเบื้องต้นพบว่าไม่มีน้ำ เพียงแต่มันมีลักษณะคล้ายกับน้ำเพราะอะตอมของไฮโดรเจนได้รวมกับละอองมาน่า
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 25, 2015, 09:31:23 PM
การสำรวจดาวดำเนินไปได้เพียง 1 อาทิตย์ก็ได้ข้อสรุปว่าดาวดวงนี้มีการแผ่มาน่าออกมาจากใจกลางของดาว หรือบริเวณแกนกลางที่ร้อนระอุกว่า 7000 องศา
เพราะการแผ่มาน่านั้นทำให้เกิดชีวิตขึ้นบนผิวดาวที่มีเพียงแค่ก๊าซ สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดนั้นไม่ได้ต้องการอากาศหายใจ และกินก๊าซไฮโดรเจนเป็นอาหาร
พวกมันมีวิวัฒนาการมานานกว่าหมื่นล้านปี แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถวิวัฒนาการไปได้ไกลกว่าที่มันเป็นอยู่ พวกมันมีสภาพคล้ายหนอน หรือแมลงขนาดยักษ์
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดและควรต้องย้ำเตือนเหล่านักสำรวจโดยด่วนก็คือ

Quote
([url]http://www.mx7.com/i/407/ymOued.jpg[/url]) ([url]http://www.mx7.com/view2/yyEQj9dCgDY5JV63[/url])

"เราตรวจพบเชื้อโรคร้ายบนผิวดาว หรือเชื้อไวรัสอวกาศที่ร้ายกาจ" Green Heart อยู่ในชุดรบแตกต่างจากที่หลายคนเคยเห็น
"มันอาจจะสายเกินไป แต่ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง"



ด้วยความที่ขี้เกียจพูด Green Heart หัวหน้านักวิจัยด้านธรณีวิทยาจึงอัดเทปมาเปิด
ความจริงก็ไม่ใช่หน้าที่กงการอะไรของเธอ เธอไม่ใช่นักชีววิทยา ไม่ใช่หน่วยแพทย์ งานนี้เกี่ยวข้องกับเธอน้อยมาก ก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบอะไร แต่เธอก็จะทำมัน
แล้ว Green Heart ก็จัดทีมกู้ภัยด้วยตนเองเพื่อบุกเข้าไปในยานสำรวจที่เกิดปรากฎการ 'กลายพันธุ์'

(http://www.mx7.com/i/eaf/sGcmKz.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yyETAD1526KGgnOF)

โผละ!! หัวของซอมบี้ตนหนึ่งโดนค้อนไฟฟ้าติดเลื่อยยนต์ฟาดจนแหลกทั้งยืน

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"ซอมบี้บุกเมือง? พูดเป็นเล่น" Nu คุยโทรศัพท์ไปพลางโยกคันบังคับฟาดซอมบี้เละไปอีก 2 ตัว
"บอสออกมาแล้ว เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ"

ปิ๊บ
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 25, 2015, 10:06:21 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/6e11cffeda06e6985c996829f551c92e/3806%20-%20Event.jpg)

Episode 4


มีรายงานถึงวิกฤติที่เกิดขึ้นจากการระบาดติดเชื้ออย่างรวดเร็ว ยานอวกาศ 87 ลำขาดการติดต่อ
7 ลำเป็นยานแม่ขนาดใหญ่ และ 1 ลำเป็นยานรบป้อมปราการที่ออกมาจาก Rexus เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการสำรวจดาว
ผู้มีอำนาจในยาน Rexus ไม่คิดส่งหน่วยกู้ภัยออกมาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย Capital หรือแม้แต่กองกำลังต่อต้านก็ก่อเกิดความสามัคคีสมานฉันท์เห็นพ้องต้องกัน
แม้ว่ายานรบป้อมปราการจะเป็นยานของฝ่าย Capital แต่พวกเขาก็ยอมที่จะทิ้งมันไปพร้อมกับ Minister คนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกกว่าร้อยชีวิตในยานลำนั้น

"กรีนฮาร์ทเข้าไปที่ยานนั่น"
"ถ้าเธอไม่กลับมาก็ดันแบล็คฮาร์ทมารับตำแหน่งแทน"



Management Turn 4 (ของ MW) ก่อนเข้าสู่ Episode 4 ช่วง Travel
โพสกระทู้ MW ของตนเอง

และสั่งการกระทำ 2 อย่าง ซ้ำได้ (ของ STARLIGHT)
โพสกระทู้ STARLIGHT ของตนเอง
- ฝึกฝน: Training ตัวละคร 3 ครั้ง *ผลจากที่พักทำงาน
- ฝึกฝน 2: Training ตัวละคร Main Character ที่พักอยู่ด้วย 2 คน 2 ครั้ง *ผลจากที่พักทำงาน
- ฝึกฝน 3: ตัวละคร Key Character ที่พักอยู่ด้วย 2 คน Status +1 *เลือกอัพเองหรือให้ระบบอัพให้ก็ได้
- ทำงานหนัก: (Class Lv. คูณ 6) หาร 2 = Point *คนที่เลือกข้อนี้ตรวจเช็คได้ว่าตนเองเลื่อน Class ได้หรือยัง
- สร้างความสัมพันธ์: ระบุ 1 ตัวละครที่อยู่ด้วยก่อนจบ Episode 3 ได้รับ Ally +2
- นี่เบอร์ใครน่ะ ลบทิ้งละกัน: เลือกตัวละครกี่ตัวละครก็ได้ เปลี่ยน Ally 1 เป็น 3 Point

*HP/SP จะเต็มแล้ว และเมื่อผ่านช่วงนี้ก็จะฟื้นเต็มอีก, การสิ้นสภาพในช่วงนี้ไม่ส่งผลให้เสีย Point
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 28, 2015, 10:21:35 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/4cc661af109df9b484f665aa91eff5be/3807%20-%20Background.jpg)

ที่นี่คือ Baroness หรือสถานีอวกาศเคลื่อนที่ ซึ่งมันได้ออกมาจาก Rexus เพื่อมาสนับสนุนและเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงกองยานสำรวจนับร้อย ๆ
Baroness มีสถานะเป็นเหมือนยานป้อมปราการขนาดยักษ์ที่มีเมืองและศูนย์วิจัยในตัวยาน เปรียบได้กับ Rexus ที่ย่อขนาดลงมา
ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 100 กิโลเมตร ส่งผลให้มันมีสาธารณูปโภคทุกอย่างพร้อมสรรพพอจะเป็นเมืองใหญ่ที่ไฮเทคเมืองหนึ่งได้ จนกระทั่ง...


อ๊ากกกกก

ภาพที่คุณเห็นก็คือผีดิบที่ดูคล้ายกับในหนังกำลังกัดกินชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ก่อนที่อีกตัวหนึ่งจะโจนเข้าหาคนชราใกล้ ๆ แล้วก็กรุ้มรุมทึ้ง ฉีกแขนขาคนชราออกมากัดกิน
เพียงอึดใจพวกมันก็วิ่งกึ่งเดินกึ่งกระโดดมาจากที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้ พวกมันเล่นงานผู้คน หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง พวกมันน่าขยะแขยง และดุร้าย
เจ้าหน้าที่ในแถบนั้นพยายามที่จะยิงต่อสู้ แต่พวกมันที่มีมากมายและคล้ายจะเพิ่มจำนวนได้ก็ฉีกทึ้งเจ้าหน้าที่เป็นชิ้น

(http://www.mx7.com/i/e37/e6ePhR.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yyNW4N8NTTYqyUcs)

(http://www.mx7.com/i/12c/bLvT3u.jpg) (http://s5.postimg.org/6l56g4fhv/ooo.jpg)

หนุ่มสาวสองคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรได้แค่เบิกตากว้าง



(http://www.mx7.com/i/77b/9UnqXf.jpg)

Meringue Almond เป็นดารานักร้องที่ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ เธอมีความพยายาม แต่เธอไม่มีพรสวรรค์เลย ลำพังพรแสวงนั้นคงยากที่จะโด่งดังได้
หรือบางทีเธออาจจะยังไม่พบมัน แต่อย่างไรก็เถอะ เธอเป็นแค่คนธรรมดาที่แสนจะธรรมดา เธอจะรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้ยังไงกันนะ
"แง เจลาโต้ ทีรามิสุ พวกเธออยู่ไหนแล้ว ฉันจะทำยังไงดี" T--T

Meringue ร้องไห้สติแตก มองไปทางไหนก็มีแต่ผีดิบกับฉากสยดสยอง เธอหนี หนีและหนีจนถึงทางตัน

(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)

"ขอโทษ แต่เธอไม่เป็นอะไรนะ" ชายหนุ่มเผ่า Ears จับต้นแขนของเธอแล้วดันออก เขาพบว่าอีกฝ่ายสั่นระริก
เขาพยายามกวาดสายตามองอย่างพินิจว่าเธอไม่ถูกกัดโดยซอมบี้ เขาคงทรมานใจมากถ้าเธอถูกกัดเข้าเสียแล้ว เพราะนั่นหมายความว่า...

ก็พอดีได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านหลัง

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"มันใช่เวลามาจีบกันหรือไง" สาวสวยหุ่นดีเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง เธออยู่ในชุด Battle Suit (ไม่ใช่ผู้หญิงในตัวเลือก)
เธอมองดูแล้วกวาดสายตาสำรวจไปทั่วเหมือนชายหนุ่มไม่ผิดเพี้ยนก่อนจะเปิดกระเป๋าเอายาออกมาแล้วฉีดเข้าที่แขนของ Meringue โดยไม่ถามอะไรสักคำ

"วัคซีนนี้จะทำให้เธอไม่ติดเชื้อ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เธอรอดชีวิตจากการถูกพวกมันรุมทึ้ง" เธอบอกอย่างรวดเร็วแล้วก็หันกลับเดินไป

ชายหนุ่มแนะนำตัวกับ Meringue แล้วบอกว่าเธอควรไปกับเรา จากนั้นทั้งสองก็ตามสาวสวยคนนั้นไป



บัลเล่ต์มาที่นี่เพื่อติดต่อขายแร่ที่เก็บมาได้กับศูนย์วิจัย เธอจึงไม่ได้พกอาวุธและอุปกรณ์ใด ๆ มาด้วย
แต่ระหว่างที่เธอกำลังแวะซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปฝาก TL และภรรยาคนอื่น ๆ ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พลันก็เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เธอจะเคยพบเจอ
บัลเล่ต์ได้สลบไปขณะกำลังส่องกระจกในสุขา และนานเท่าไรกันนะที่เธอสลบไปจนกระทั่งฟื้นขึ้นมา

ภาพที่เห็นคือ ฝ้าเพดานของสุขาพังถล่มลงมา เว้นตรงบริเวณที่เธออยู่อย่างบังเอิญ (พลังตัวเอก) คนที่อยู่ในสุขามี 3-4 คน ทุกคนนอนแน่นิ่ง
ประตูสุขาที่เป็นประตูไฟฟ้าปิดสนิท และดูเหมือนมันจะไม่ทำงานแล้ว

(http://i.imgur.com/hZuJ6Pg.jpg)

"เกิดอะไรขึ้น" บัลเล่ต์ตั้งคำถามขึ้นในลำคอ เธอสำรวจร่างกายว่าไม่มีการบาดเจ็บอะไรและยังปกติดี ก่อนจะไปเช็คดูคนที่นอนอยู่
คนแรกคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนที่สองเป็นนักพนักงานขายของเล่น อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายใส่แว่นตัวล่ำ ๆ มีสิวเต็มหน้า สวมวิกผู้หญิง ที่น่าจะมาแอบถ้ำมองหรือทำอะไรวิตถาร
หลังจากค้นตัวดูแล้วก็ไม่พบอะไร บัลเล่ต์จำต้องผละไปยังหน้าต่างเมื่อเสียงไม่พึงประสงค์ดังขึ้นที่นอกสุขา


(http://www.mx7.com/i/ca4/y8BJSj.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yyUGzpbUL14gjLI5)

ทิวทัศนี้ที่เห็นนี้ยิ่งสร้างความหดหู่ให้กับบัลเล่ต์ สภาพของสถานีอวกาศในเวลานี้มองไปทางใดก็มีเพียงเสียงครวญที่น่าขนลุก มันเหมือนกับหนังซอมบี้ไม่ผิดเพี้ยน
แต่หากมองให้ดีจะเห็นใครบางคนเดินลัดเลาะมาตามหลืบมุมของอาคารที่มีผีดิบเบาบาง

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"เอาล่ะ งานของเราคือ..." Kaiser สวม Kavlar Battle Suit พร้อมรบ

(http://www.mx7.com/i/e0f/8gkJzo.jpg)

มันคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้นับพันนับหมื่นในพื้นที่ Lower Town ก่อนจะลงไปยัง Under Town
พวกมันมีสัมผัสทางกลิ่นที่ดีกว่าสุนัขมากมายนัก และมันรู้ตัวทันทีที่ Kaiser ลงมาถึง


ชนเผ่า Rex แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักรบ แม้มือเปล่าก็ต่อกรกับผีดิบได้

Kaiser ยกเก้าอี้เหล็กแบบม้านั่งยาวขึ้นเหวี่ยงฟาดทีเดียวผีดิบกระเด็นกระดอนตัวงอคอหักไป 6-7 ตัว แล้วซัดตัวที่เหลือรอบ ๆ ด้วยหมัดเท้าเข่าศอกเข้าจุดตาย ส่งให้มันนอนนิ่ง
แต่เขาไม่ได้หยุดแค่นี้ "อีกสักร้อยตัวน่าจะพอเปิดทางได้" ขาดคำเขาก็กระชากสายพานบันไดเลื่อนขาดแล้วเอามาเหวี่ยงฟาดผีดิบประดุจแส้


สภาพของสถานีอวกาศในเวลานี้มองไปทางใดก็มีเพียงเสียงครวญที่น่าขนลุก มันเหมือนกับหนังซอมบี้ไม่ผิดเพี้ยน
สิ่งที่ต่างกันก็คงจะเป็นการที่เราไม่ใช่ผู้ที่จะต้องเอาตัวรอด เพราะอาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทาง Savior ตระเตรียมมานั้นไฮเทคมากเกินกว่าจะพ่ายให้กับศัตรูที่ไร้อาวุธ
ยานช่วยเหลือขนาดย่อมที่เข้ามายังพื้นที่ชานเมืองเป็นจุดตั้งมั่นรอให้การช่วยเหลือ ส่วนกำลังรบและคอมมานโดทั้งหลายจะบุกเข้าไปในตัวเมือง

(http://i.imgur.com/7Sd1FIE.jpg) (http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg) (http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg)

"จากจุดนี้ถ้าตรงไปยังเมืองด้วยถนนเส้น G-41 จะสะดวกที่สุดเพราะเป็นถนนใหญ่ที่โล่งพอจะไม่บดบังทัศนวิสัย" Vios มองดูแผนที่แล้วเรียก BB มาช่วยคอยบัญชาการ
"ฉันจะนำทีมไปเอง" เธอสั่ง BB แล้วก็หยิบระเบิดกับปืนลำแสงมาแล้วออกนำ โดยมี Yuudachi และ Tian He ตามไปด้วย


แต่อีกด้าน ทางหน่วยอาสากู้ภัยนั้นไม่ได้สะดวกง่ายดายเช่นนี้

(http://www.mx7.com/i/1e2/u57k3m.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yyZIRg70qjxipbHG)

Lunette ไม่อาจช่วยใครได้ กองกำลังอาสานั้นด้อยประสบการณ์เกินกว่าที่เธอคิด พวกเขามีอาวุธที่ไฮเทค แต่ไม่มีประสบการณ์รับมืออมนุษย์
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องวิ่งหนีออกมาเพียงคนเดียวจนกระทั่งมาเจอกับผีดิบอีกฝูงดักอยู่

(http://i.imgur.com/fpk0HGN.png)

"คราวนี้ฉันไม่ต้องแบกพิลิก้าแล้ว พวกแกโดนดีแน่" Lunette ว่า แล้วเธอก็หยิบกระถางต้นไม้ใกล้มือมาเหวี่ยงฟาดผีดิบตนหนึ่งที่เข้ามาจนสมองกระจาย
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 28, 2015, 10:30:02 PM
Green Heart นั้นขี้เกียจ และแทบไม่ขยับตัวทำอะไร ถ้ามันเป็นงานเหมือนที่เธอนั่งทำมันตลอดล่ะก็เธอคงไม่ดั้นด้นมาที่นี่
การที่เธอถ่อมาถึงที่นี่ต้องมีอะไรที่ไม่ใช่งานของเธอ

Quote
([url]http://www.mx7.com/i/407/ymOued.jpg[/url]) ([url]http://www.mx7.com/view2/yyEQj9dCgDY5JV63[/url])

"เราตรวจพบเชื้อโรคร้ายบนผิวดาว หรือเชื้อไวรัสอวกาศที่ร้ายกาจ" Green Heart อยู่ในชุดรบแตกต่างจากที่หลายคนเคยเห็น
"มันอาจจะสายเกินไป แต่ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง"



ด้วยความที่ขี้เกียจพูด Green Heart หัวหน้านักวิจัยด้านธรณีวิทยาจึงอัดเทปมาเปิด
ความจริงก็ไม่ใช่หน้าที่กงการอะไรของเธอ เธอไม่ใช่นักชีววิทยา ไม่ใช่หน่วยแพทย์ งานนี้เกี่ยวข้องกับเธอน้อยมาก ก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบอะไร แต่เธอก็จะทำมัน
แล้ว Green Heart ก็จัดทีมกู้ภัยด้วยตนเองเพื่อบุกเข้าไปในยานสำรวจที่เกิดปรากฎการ 'กลายพันธุ์'
เธอมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคนที่ยังเหลือรอดกลับไปให้มากที่สุด คล้ายกับเธออยากจะแก้ไขเรื่องราวในอดีตที่เธอเคยทำพลาดไป

(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)

"อาวุธของเราน่าจะพอเปิดทางบุกไปยังหอกลางได้ แต่ถ้ามันไม่อยู่ที่นั่นล่ะ"

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"ก็มาพนันกัน พวกเรา หรือเจ้าหัวขโมย ใครจะไวกว่ากัน"

Meringue ฟังทั้งสองคุยกัน เธอไม่เข้าใจ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เธอกลัว และอยากจะรีบหนีไปจากที่นี่
ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านี้เสียงกระจกด้านหนึ่งก็แตกพร้อม ๆ กับที่ผีดิบหลายตัวปีนขึ้นมา

(http://www.mx7.com/i/77b/9UnqXf.jpg)
"แหงะ" (http://i.imgur.com/IiCxzUW.png)

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"เอานี่ไป มันจะช่วยปกป้องชีวิตของเธอได้" Green Heart ส่งบางอย่างให้แล้วก็สะบัดหอกลำแสงเหวี่ยงไปมา

Quote
([url]http://www.mx7.com/i/82a/xPJrNs.jpg[/url]) ([url]http://www.mx7.com/view2/yyYVIINXtV9rBo3C[/url])

Minigun: ปืนกล 6 ลำกล้อง


โชคดีนักที่เธอเคยเล่นเกมมา ถ้าเธอเอาระเบิดเพลิงมาขว้างในอาคารทุกคนคงเจอเผากันหมด
ไอดอลสาวยกปืนกลขึ้นกระหน่ำยิงผีดิบเกือบสิบตัวด่าวดิ้นชิ้นเนื้อกระจาย พร้อมกับที่ Solv วิ่งไปอีกด้านแล้วสะบัดดาบลำแสงฟาดฟันผีดิบขาดเป็นชิ้น ๆ ดุจอัศวินเจได
เสียงดาบหึ่ง ๆ ดังระงมคอยป้องกันด้านข้างของอาคารดุจเทพพิทักษ์ควายอารักษ์เมื่อ Solv ชักดาบออกมาอีกเล่มและสะบัดมันทั้งสองมือ
 แต่ที่ไม่อยากจะเชื่อก็คือ Green Heart ที่กระชับหอกเหวี่ยงตัวออกไปจากหน้าต่างอาคาร เธอจะบ้าเรอะ ข้างนอกมีผีดิบเป็นพันเป็นหมื่น :o

Solv โจนตามไปด้วยความเป็นห่วงหลังจากเขาบอกให้ไอดอลสาวหลบอยู่ที่นี่ก่อน อย่าออกไปจากที่นี่เด็ดขาด

(http://www.mx7.com/i/77b/9UnqXf.jpg)
"ห๊า!" :o
เมอแรงร้องเสียงหลง ตกใจเกินกว่าจะกระโดดตามไป เมื่อนึกได้ก็อยากจะร้องไห้
ปกติถ้าดูตามโทรทัศน์ คนที่ถูกทิ้งไว้ไม่เคยอยู่อย่างสงบ ไอดอลสาวมองหาอาวุธที่กองอยู่ในห้อง เธอหยิบชิ้นหนึ่งมากอดไว้แน่นเพื่อให้อุ่นใจ
Meringue เลือกเอาปืนมากอดไว้แน่นแนบอกพลางนั่งสั่นซุกมุมห้อง แต่เธอก็ไม่มีเวลามากขนาดจะมาคิดอะไร

เพราะเพียงอึดใจต่อมาเจ้าผีดิบตนหนึ่งมันก็ปีนขึ้นมาจากทิศทางเดิมที่มันขึ้นมาก่อนหน้านี้

(http://www.mx7.com/i/751/CQb1cO.jpg)

โฮ่ววว โอ่ว

Meringue ได้แต่แหกปากลั่นก่อนจะลั่นไกยิง แต่ ขุ่นพระ! เธอไม่ร้ว่าปืนมันยังไม่ได้ปลดเซฟ เธอยิงไม่ได้!



กร๊วม!


(http://i.imgur.com/hZuJ6Pg.jpg)

"...?" บัลเล่ต์เหลียวมองไปยังอาคารหนึ่งที่หน้าต่างแตกละเอียดคล้ายจะได้ยินเสียงโหยหวนของใครในนั้น
แต่แล้วเจ้าผีดิบที่นอนกองก็ดึงขาเธอ ส่งผลให้มันสมองเละแหลกกระจายตรงนั้น หลับอย่างสบายไปพร้อมกับพวกมันอีกกว่าร้อยตัวที่โดนบัลเล่ต์ซัดเละเป็นชิ้นเนื้อเกลื่อนแถบนี้
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 30, 2015, 10:22:01 PM
(http://www.mx7.com/i/437/Eq9bwj.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzj3pnVJykHMLTUz)

Kaiser ไปขึ้นรถแล้วสตาร์ท ขับพุ่งทะลวงชนและทับฝูงผีดิบดังกรอบแกรบอย่างสะใจ รถยังมีแรงพุ่งไปต่อได้เกือบ 50 เมตรจนกระทั่งมันขยับไปต่อไม่ไหว
และขณะที่ Kaiser เร่งรีบออกมาจากรถก่อนที่จะถูกฝูงผีดิบล้อมกรอบ บางสิ่งบางอย่างก็ทิ้งตัวลงมาทับหลังคารถแบนยู่

(http://www.mx7.com/i/d74/ozl9GE.jpg)

สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ตนหนึ่งมาอยู่ต่อหน้าของ Kaiser มันมีขนาดประมาณ 2 เมตร เดาว่าน่าจะเคยเป็นมนุษย์
ดวงตาของมันกลิ้งกรอกแต่ไม่เลื่อนลอย กล้ามเนื้อของมันกระตุกระริกเป็นระยะ กรงเล็บคลี่กรีดกรายช้า ๆ
แต่ที่น่าสยดสยองที่สุดคงจะเป็นลูกตาขนาดใหญ่ที่หัวไหล่ของมันที่เหลือกมองมายัง Kaiser ไม่วาง

Kaiser วิ่งแล้วสไลด์ไปหลบหลังเสาคอนกรีตทันทีเมื่อเขาเห็นว่าในเสี้ยววินาทีนั้นมือของมันขยับก่อนขาของมัน และมือยักษ์ของมันก็ยืดยาวไล่หลังเกือบจะขย้ำหัวของเขาได้ในอึดใจแล้วเชียว
มือของมันฟาดและไปเกาะที่เสาต้นที่ Kaiser ไปหลบอยู่ และมันก็ลอยเหินพุ่งตัวเข้าหาด้วยการหดแขนคล้ายสลิงจนมาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามเสาที่ Kaiser เข้าไปแอบอยู่

สายตาของเขาพลันเหลือบมองไปเห็นสายน้อยสติแตกนางหนึ่งเข้าอย่างบังเอิญ เขาพุ่งไปคว้าเธอให้หลบจากกรงเล็บ และในช่วงวินาทีเป็นตายนั้นพื้นก็ถล่มและยุบตัวลงไป


(http://s5.postimg.org/6l56g4fhv/ooo.jpg)

"............." เราไม่ควรจะมาที่นี่ นั่นน่าจะเป็นคำพูดที่ Dull อยากบอกสหายที่มาด้วยกันซึ่งยืนนิ่งงันอยู่ข้าง ๆ เขากลืนน้ำลายหลังจากตัดสินใจบางอย่าง

(http://www.mx7.com/i/12c/bLvT3u.jpg)

"ผมจะเป็นคนล่อมันเอาไว้ให้เอง ช่วยหาจังหวะใช้ดาบโจมตีไปที่ดวงตาตรงหัวไหลมันที" Ven พูดขึ้น
แต่ช้าไปแล้ว ภาพที่เขาเห็นคือ Dull ที่สติแตกพุ่งเข้าไปหาเจ้าตัวกลายพันธุ์ และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางสร้างบาดแผลให้มันได้แม้เพียงปลายเล็บ

(http://i.imgur.com/n3JNMYRm.jpg)

เธอโดนกรงเล็บตบกระเด็น แต่ด้วยพลังนางเอกทำให้เธอไม่ถึงกับตายคาที่

Ven ที่มีสติปัญญาสูงเป็นพิเศษ และตาไวกว่าคนทั่วไป เขามองไปโดยรอบและคำนวณสิ่งต่าง ๆ ในชั่วอึดใจ
เขาคิดว่าลำพังพวกเขาสองคนไม่มีทางทำอะไรมันได้ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย มนุษย์ธรรมดาสู้มันไม่ได้หรอก มันก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
แต่ก็ใช่ว่าจะหาทางต่อกรมันไม่ได้ เพียงแต่ต้องหาอาวุธหนัก หรือเครื่องทุ่นแรงที่ดีพอ คิดได้ดังนั้น Ven จึงร้องบอกให้ Dull ถอยหนี



ถึงบัลเล่ต์จะไวมาก แต่เจ้านี่ก็ไวยิ่งกว่า มือยักษ์ของมันยืดยาวไล่หลังเกือบจะขย้ำบัลเล่ต์ได้ในอึดใจแล้วเชียวหากไม่ใช่ว่าเธอวิ่งหนีเข้าอาคารไป
ผนังขอบประตูแหลกสะบั้น พร้อมกับที่เจ้ายักษ์ลอยเหินพุ่งตัวเข้าหา และพริบตานั้นที่ปากประตูระเบิดถล่มด้วยกำลังของมัน

บัลเล่ต์หนีขึ้นบันได แต่มันก็ใช้มือที่ยืดยาวไล่จ้วงคว้าและดึงตัวตามไป มืออีกข้างแปรสภาพเป็นกรงเล็บฟาดบันไดหักพังถล่ม กระทั่งบัลเล่ต์หนีขึ้นไปถึงชั้น 3 และพบบางอย่างที่ทำให้เธอหยุดปาดเหงื่อและคลี่ยิ้ม


(http://i.imgur.com/o4E10FW.jpg)

มันโดนเผาและย่างสดด้วยระเบิดเพลิงนาปาล์มก่อนจะทันขึ้นมาถึงชั้นสาม ถึงแม้ว่ามันจะแผดเสียงร้องโหยหวนแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา
บัลเล่ต์พิจารณาดูร่างของมันที่กำลังลุกไหม้ แต่เธอไม่มีเวลามากไปกว่านั้นเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนคล้ายบางอย่างกำลังย่ำบนพื้นด้วยน้ำหนักประมาณ 1 ตัน

(http://i.imgur.com/hZuJ6Pg.jpg)

".........." เธอไม่คิดจะรอดูหน้าตาของต้นเสียง และหนีออกจากอาคารทันที แม้ว่านอกอาคารจะมีผีดิบเป็นพันรายล้อมอยู่



(http://wudthipan.com/fucko/_images/c8404dd1e3d2e056e1b3aacd5dbf9de6/3810%20-%20Background.jpg)

Kaiser ตกลงมาในศูนย์วิจัยใต้ดิน บริเวณฟลอร์ด้านนอกตัวอาคาร และเจ็บเข่าเพราะลงผิดท่า
เขาบอกให้ยัยตัวถ่วงปล่อยก่อน ทั้งผลัก ทั้งเอามือยันหัว แต่เธอก็ได้แต่แหกปาก "ไม่เอา ไม่ปล่อย! ฉันกลัว!!" (http://i.imgur.com/mfoHrJm.png)


(http://www.mx7.com/i/e50/yUU4gb.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yz8BoXcKbcvIVhHG)

ก็เลยลำบากต้องแบกไป

แต่พอวิ่งไปได้จนถึงหน้าสำนักงานก็เห็นใครบางคนอยู่ที่นี่

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"วันนี้ศูนย์วิจัยปิด เชิญมาใหม่วันหลัง" เธอคือ Green Heart หัวหน้านักวิจัย ในมือของเธอมีหอกลำแสง

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/69c8f655-42c6-466e-8a04-4c19cba0478c_zpslyamoj4z.png)

"ถ้ากลับไปง่ายๆ จะถ่อมาทำไม บ้าหรือเปล่า"
"หลีกทางซะ"

"..........." Green Heart ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบเขา
"ฉันขี้เกียจขยับตัว เธอคงต้องออกแรง"

"ฉันก็ขี้เกียจออกแรง"
"เธอมาที่นี่ทำไม? ทำไมเราสองคนถึงไม่ไปทางใครทางมันล่ะ หรือจะให้ฉันช่วยงานของเธอก็ได้ แล้วเธอก็ปล่อยฉันไปตามเป้าหมายของตัวเอง"

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"ฉันจะใช้ STARLIGHT ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตให้มากที่สุด"

STARLIGHT หรือระบบ 'แสงดาว' เป็นระบบที่จำลองดวงตาของราชินีและอำนาจของราชา ถูกติดตั้งในยาน Rexus หลายจุด และติดตั้งที่นี่ด้วย
มันจะควบคุมทุกอย่างที่เป็นเทคโนโลยีในสถานีวิจัยนี้ และด้วยระบบนี้จะทำการกวาดล้างผีดิบได้กว่า 50% รวมไปถึงยังเสาะหาตำแหน่งผู้รอดชีวิตทั้งหมดได้จากกล้องนาโน

ซึ่งนั่นแหละคือปัญหาของทั้งคู่ เพราะถ้าถอดคอร์ออกจาก Baroness เมื่อใด ระบบทุกอย่างจะตายลงทันที ไม่มีสิ่งใดทดแทนคอร์ได้
การดำเนินการจะต้องทำทันที และเมื่อใช้ STARLIGHT เสร็จสิ้นจะมีโอกาสที่คอร์พังเสียหายถึง 90% ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีทางที่ทั้งสองฝ่ายจะสมหวังในความต้องการของตนเองแน่
แล้วใครล่ะที่จะต้องถอย

ครู่หนึ่งก็มีใครบางคนวิ่งออกมา

(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)

"ขอแสดงความเสียใจด้วย" Solv เก็บดาบแล้วบอกต่อว่า "มันหนีไปแล้ว"

ฟังไม่ผิดหรอก คอร์มันวิ่งหนีไปแล้ว Green Heart ได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลง

"เราไม่รู้ว่ามันจะไปไหน" Solv บอก คล้ายจะบอกว่าเรามาถึงทางตันแล้วล่ะ สถานีตั้งกว้างจะไปหาคอร์ตัวเล็ก ๆ ที่พยายามแอบซ่อนเจอได้ยังไง

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"ก็คงอย่างนั้น" Green Heart ว่า แล้วก็บอกว่าเธอไม่มีธุระกับ Kaiser แล้ว ก่อนจะหาที่นั่ง แล้วเอาโทรศัพท์ออกมา

"ฉันยังมีเกมที่ยังเล่นไม่จบอีกเกมหนึ่ง" ปิ๊บ ๆ ๆ ๆ
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on August 30, 2015, 11:42:10 PM
(http://www.mx7.com/i/77b/9UnqXf.jpg)
"กรี๊ดดดด" :o
นี่เป็นครั้งที่ 14 แล้ว หากพยายามที่จะนับเสียงกรีดร้องของ Meringue Almond ไอดอลสาวที่กำลังหนีตายพร้อมกับทหารหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง

(http://i.imgur.com/tbAVL1j.jpg)

"วิ่ง" นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาพูดคำนี้ และเขาแทบไม่พูดคำอื่นเลย

ทั้งสองพยายามมุ่งหน้าไปยังชานเมือง ทหารหนุ่มจูงมือไอดอลสาวและวิ่งนำเป็นระยะ เขาจะปล่อยมือเมื่อประทับปืนสอดส่องหาเป้าหมายเท่านั้น
แต่ขณะที่กำลังวิ่งลัดเลาะไปบนถนน Meringue ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างทางด้านหลัง เธอตกใจกรีดร้องอีกครั้งพร้อมฟุบลงกุมหัวปล่อยตัวประหลาดพุ่งผ่านไปอย่างหวุดหวิด

(http://www.mx7.com/i/96c/ZCzbea.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzjaADejI9l52qHn)

แต่มันก็บินย้อนกลับมา



(http://www.mx7.com/i/d69/nBR6vL.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yyZqINxIXJiESnZj)

ชานเมืองเป็นพื้นที่เกษตรและใช้ทดลองสิ่งวิจัยต่าง ๆ ของสถานีอวกาศ ที่นี่มีคนอาศัยเบาบางการแพร่ระบาดและกลายพันธุ์จึงเกิดขึ้นหลังสุด
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอันตราย เพียงแค่มันกว้างจนง่ายต่อการปฏิบัติการ

เสียงดังฝุบพร้อม ๆ กับที่จรวดบินผ่านหัวของ Yuudachi ไปจนเธอถึงกับหูอื้อเสียงดังวิ้ง

(http://i.imgur.com/7Sd1FIE.jpg)

"...."
"ขอโทษที"

ผีดิบมีประสาทการดมกลิ่นและรับเสียงที่ดีมาก และมันจะล่าเหยื่อที่ไม่มีกลิ่นเดียวกับมัน นี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่รายงาน
จรวดของ Vios ยิงไปตกที่ไหนก็ไม่รู้ การมีอยู่ของเธอมันชักจะเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเสียงยิงจรวดทำให้พวกผีดิบหันเหความสนใจมาทางนี้
สมาชิกคนหนึ่งขอคำสั่งจาก Vios ว่าจะกวาดล้างระดับไหน ซึ่งระดับ 5 คือสูงสุด แต่ Vios ก็บอกให้ใช้แค่ระดับ 2 เพราะเกรงการโจมตีที่รุนแรงจะไปโดนผู้รอดชีวิต

กระทั่งเคลียร์พื้นที่ได้ และขณะที่กำลังขนย้ายอุปกรณ์มายังชานเมืองเพื่อใช้เป็นจุดตั้งแคมป์ก็มีรายงานแจ้งมาว่าเราถูกจู่โจมโดยสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ร้ายกาจมาก
ได้ยินเสียงตามสายมาเป็นเสียงวิ้ง ๆ แกร่ก ๆ คล้ายการกระแทกโฉบเฉี่ยวไปมา

(http://i.imgur.com/JtR5Ygl.jpg)

"เราต้องรีบไปช่วยพวกเขา" Tian He บอกก่อนจะขอนำทหารกลุ่มหนึ่ง ก็พอดี Momo ตามมาสมทบในสภาพที่ไม่น่าจะสู้ได้
ทุกคนจัดกลุ่มแล้วเร่งรุดไปยังที่เกิดเหตุ Vios หยิบปืนที่ไม่มีแมกกาซีนกับแมกกาซีนของดาบลำแสงติดตัวไปโดยที่ไม่ได้พกดาบไปด้วย


(http://www.mx7.com/i/6e4/d5HTFZ.jpg)(http://www.mx7.com/i/6e4/d5HTFZ.jpg)(http://www.mx7.com/i/6e4/d5HTFZ.jpg)

ไม่ผิด มันมี 3 ตัว และกำลังเล่นงานทหารช่างกลุ่มเล็ก ๆ ที่สังกัดกองทหาร Savior

Yuudachi ที่นำทหารราบดาบมาไม่อาจทำอะไรมันได้ ทหารก็ไม่อยากเข้าไปสู้ประชิดสักเท่าไร เพราะเหมือนเข้าไปตาย
ในเวลาต่อมา Tian He และ Momo ที่นำทหารปืนกลมาถึงก็สั่งตั้งแถวโจมตีพวกมันจนเกิดการปะทะขึ้น ทหารคนหนึ่งโดนตบกระเด็นและกำลังจะโดนมือที่ยืดยาวขย้ำ

แต่มือนั่นก็พลาดเป้าไปเมื่อใครบางคนเข้ามาดึงเขาให้หลบ

(http://www.mx7.com/i/12c/bLvT3u.jpg)

"ผมจะช่วยพวกคุณ" Ven เด็กหนุ่มผู้เชื่อว่าตนเองคือพระเอกที่มาจากต่างโลก
เขามีหุ่นยนต์ขายของจอมพลังที่พบเจอมาระหว่างทางเป็นคู่หูแทน Dull ที่จากไป



(http://s5.postimg.org/6l56g4fhv/ooo.jpg)

"ออกป๊ายยย" อีกแล้วเหรอ ม่าย แงงง

Dull วิ่งหนีหลงทิศไปเจอฝูงผีดิบเข้าอย่างบังเอิญ ณ มุมหนึ่ง ย่านใจกลางเมือง
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 01, 2015, 04:36:32 PM
(http://www.mx7.com/i/4ef/vUDOSU.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzwXgFyCLuoJVkra)

ธนูของ Tian He ไม่มีวันพลาดเป้า มันพุ่งเลี้ยววนแล้วเสียบเข้าที่เบ้าตายักษ์ของมนุษย์กลายพันธุ์จนอีกฝ่ายร้องอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่มันจะถูกทหารรุมยิงสิ้นสภาพ
ในเวลาไม่ห่างกันมากนัก Yuudachi ก็สั่งทหารจัดการได้อีกตัวหนึ่งโดยที่เธอไม่ต้องออกแรงอะไรนัก ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคงจะเป็นตัวที่สามที่ถูกจัดการโดยพลเรือนที่หนีตายผ่านมา

แต่ก็ไม่มีเวลาให้ดีใจ ทันทีที่ Tyrant ทั้งสามสิ้นสภาพลงไปก็ราวกับเป็นสัญญาณเรียกให้บางสิ่งบางอย่างปรากฎตัวขึ้น
พื้นถนนที่ทุกคนยืนอยู่ถึงกับสั่นไหวโล้เอียงไปมาเมื่อบางสิ่งบางอย่างปรากฎตัวขึ้น


(http://www.mx7.com/i/577/BjtkKK.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzjqQOLUak9m3O84)

มันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน ขนาดตัวของมันใหญ่เท่ากับบ้านสองชั้น ดูดกลืนลำแสง และกระสุนปืนกลยิงไม่เข้า

(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg)

"ตัวมันใหญ่และร้ายกาจขนาดนี้เอายังไงดีล่ะโป้ย ยูดิจิจะจัดการให้นะโป้ย แต่ขอคำสั่งด้วยโป้ย"
Yuudachi เขย่า Vios ที่ยืนตาค้างไปชั่วขณะ แต่เธอเองก็คงตื่นตกใจไม่แพ้กัน

เทียนเฮ่อประกาศกับกองกำลังว่าตนจะจัดการกับผีดิบตัวนี้ ขอการสนับสนุนทั้งหลายทั้งมวลด้วย เพราะเขาไม่มีเวลาจะแจกแจงแผนอะไรแล้ว
ด้วยสติปัญญาเฉียบแหลมและสายตาเฉียบคมดุจเหยียว เขาปีนป่ายหามุมเหมาะในการเล็งในระหว่างที่ Yuudachi นำทีมออกไปสกัดเจ้าผีดิบยักษ์

(http://www.mx7.com/i/12c/bLvT3u.jpg)

"ขอยืมปืนของคุณหน่อยแล้วกัน" Ven ชายหนุ่มลึกลับคนหนึ่งว่าก่อนที่จะยืมปืนทหารแล้วประทับเล็ง


ทหารราบที่ออกไปล่อโดนคลื่นเสียงสลบกลางอากาศ บางคนแก้วหูฉีก แต่ไม่ใช่กับ Yuudachi และหุ่นกลตัวหนึ่งที่ฉีกออกไปคนละด้าน

(http://i.imgur.com/uERY7iA.jpg)
"ต้องการชุดที่ถูกใจ ชุดที่พิเศษไม่เหมือนใคร นึกถึง Alice" ;)
"ชุดของ Alice ไม่เหมือนใครคะ คุณลูกค้าจะได้รับความประทับใจเหนือระดับเลยคะ"
หุ่นยนต์ขายของตกรุ่นถือระเบิดเพลิงวิ่งออกมาแล้วขว้างดึงความสนใจ แต่หุ่นขายของก็มีขีดจำกัด

ก่อนที่เธอจะถูกเหยียบจมดินในอึดใจนั้นลำแสงเส้นหนึ่งก็ยิงเข้าใส่ถังน้ำมันของรถที่อยู่ใกล้ ๆ จนระเบิดเพลิงนั้นคลอกขาขวาของเจ้าผีดิบยักษ์และลุกไหม้
Ven ขยับปืนไปยังตำแหน่งของถังน้ำมันลึกลับที่ไม่รู้มาตั้งอยู่ในฉากได้อย่างไร แล้วยิงซ้ำอีกหลายถังเกิดเป็นทะเลเพลิงล้อมเป้าหมายยักษ์

(http://bnetus-a.akamaihd.net/overwatch/static/media/thumbnail/hanzo-screenshot-002.4Xldr.jpg)
O0
และ Tian He ที่พร้อมอยู่แล้วเมื่อเจ้าผีดิบยักษ์เดินถอยมายังตำแหน่งที่เขารอคอย ธนูติดระเบิดของเขาก็ยิงเข้าใส่ฐานของอนุสาวรีย์ราชินีที่ยืนองอาจชูดาบยาวเหยียด
ฐานของอนุสาวรีย์ที่แตกกระจายส่งผลให้รูปปั้นโลหะขนาดหลายตันโล้เอียงตกลงมาจากยอดของฐานคอนกรีต
ดาบยาวในมือของราชินีที่ชูขึ้นเสียบลงกลางกระหม่อมของมนุษย์กลายพันธุ์และทะลุจมลงไปถึงพื้นตรึงมันเอาไว้

Yuudachi ได้โอกาสก็ใช้เกราะประกอบร่างทันที เธอพุ่งขึ้นฟ้า ต่อปืนใหญ่ และเล็งลงมา


(http://www.mx7.com/i/84b/h2XSvI.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzx1PyAR3i6R07r5)

ผ่าง


(http://i.imgur.com/XYruCpd.jpg)
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 01, 2015, 07:56:00 PM
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Baroness แทบไม่ได้รับความสนใจจากผู้คน พวกเขาแทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ก็แค่โรคระบาดจนทำให้ต้องทิ้ง Baroness ไป ไม่มีอะไรมากกว่านี้ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาและอุดมคติดั้งเดิมของพวกเขาเปลี่ยนไป
พวกเขาชนเผ่า Rex แทบทั้งหมดยังคงเชื่อว่าจักรวาลนี้ถูกกำหนดโดย Ruler ที่ต้องการให้ชนเผ่า Rex แข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
พวกเขามีภาษาเป็นสื่อกลาง มีกฎเกณฑ์พื้นฐานและวัฒนธรรม พวกเขาสร้างอารยธรรม พวกเขามีสติปัญญา พวกเขามีพลังอำนาจ...
พวกเขาเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ขาดสิ่งเหล่านี้ไป ย่อมเป็นได้เพียงอนารยะหรือเหยื่อของพวกเขา


4 เดือนต่อมาหลังวิกฤติกลายพันธุ์ที่ Baroness ในร้านขายเทปเพลงแห่งหนึ่งใน Capital
ชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมแจ๊คเก็ตคอกลม สองมือล้วงกระเป๋า สะพายย่ามเชย ๆ เดินตรงไปยังแผงวางขายเทปเพลง
สายตาของเขากวาดไปตามชั้นวางอย่างละเมียด เห็นเทปเพลงที่เบียดเสียดกัน ชั้นล่างจะเป็นเทปมือสอง ชั้นถัดขึ้นมาเป็นเทปเพลงทั่วไป และชั้นบนสุด...

(http://i.imgur.com/FfJ323Mm.jpg) (http://imgur.com/FfJ323M)

Sphere ไอดอลสาวออกอัลบั้มที่สิบห้าและขายดีถล่มทลายหลังจากเธอเปลี่ยนธีมมาเป็นชุดว่ายน้ำ

(http://i.imgur.com/zyhF00cm.jpg) (http://imgur.com/zyhF00c)

ถัดมาเป็นอัลบั้มขายดีถล่มทลายอันดับสองเบียดกันมา 'เงือกแห่งจันทราในเดือนที่หมองหม่น' กับชื่ออัลบั้มที่ไม่รู้ใครคิดให้
ว่ากันว่ากว่าจะถ่ายปกนี้ออกมาได้ก็เป็นอาทิตย์เลยล่ะ เธอแอคติ้งไม่เก่ง และจะยิ้มหน้าบานตลอดเวลา ปกนี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอหรอก

กระทั่งสายตาของชายหนุ่มมองไปยังอัลบั้มขายดีอันดับสาม ที่แม้จะถูกที่ 1 กับ 2 ทิ้งห่าง แต่นี่ถือเป็นอัลบั้มแรกของเธอเลยนะ

(http://i.imgur.com/CT2j1tym.jpg) (http://imgur.com/CT2j1ty)

ชายหนุ่มเลือกที่จะพิจารณาเทปม้วนนี้ไม่นานนักก่อนจะเอามือขวาออกมาจากกระเป๋า เผยให้เห็นรอยแผลเป็นน่ากลัวที่ข้อมือ
เขาหยิบมันมาแล้วเดินไปที่เคาเตอร์คิดเงินโดยไม่ได้ทดลองฟังแม้สักเพลง และตอบพนักงานที่เคาเตอร์ว่าทำไมถึงได้แผลนี้มา

ราวกับเวลาหยุดลงให้ไอดอลสาวสบถด่าอย่างหมดราคา

ทำ ไม

มา ทำ ไม

ทำ ไม มา


และเสียงหนึ่งก็ดังอยู่ในหัวของเธอ ราวกับมันเป็นช่วงเวลาแค่เสี้ยวหนึ่งในวินาทีให้เธอคิดและตอบมัน

([url]http://www.mx7.com/i/77b/9UnqXf.jpg[/url])

"ฉัน ฉ ฉัน ไม่รู้ ฉันไม่รู้... ช ช่วยด้วย" Meringue ตกใจและหวาดกลัวมากเกินกว่าจะคิดหาคำตอบได้
และวูบหนึ่งนั้นเองที่ปากของเจ้าผีดิบตรงหน้านั้นอ้าออกกว้างที่สุดเท่าที่ปากของมันจะกว้างได้

กร๊วบ!

เลือดไหลทะลักออกมาจากเกราะที่แขนของทหารหนุ่ม เขาเข้ามาขวางและยกแขนขึ้นป้องเอาไว้
และก่อนที่เขาจะหมดแรงยื้อยุด นอกจากเสียงกรีดร้องของไอดอลสาวแล้วก็เห็นจะเป็นเสียงลำแสงที่มีใครบางคนยิงโจมตีเจ้าผีดิบตนนี้จนมันสิ้นสภาพไป
หลังจากนั้นไม่นานนักหัวของเขาก็อื้ออึง อาจจะเพราะเขากำลังจะกลายเป็นผีดิบเหมือนเพื่อน ๆ ของเขาหรือเปล่านะ...

เขาได้ยินเสียงร้องไห้สั่นเครือของไอดอลที่เขาปกป้องก่อนจะหมดสติไป และนั่นเป็นความทรงจำสุดท้ายของเขาก่อนที่เขาจะฟื้นขึ้นมาในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า


"แค่แผลเล็ก ๆ มันเทียบไม่ได้กับความฝันของเธอ" เขาตอบให้พนักงานขายงงเล่นก่อนจะรับของแล้วเดินออกไป
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 01, 2015, 08:55:21 PM
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 เดือนก่อนที่ Baroness


(http://wudthipan.com/fucko/_images/c8404dd1e3d2e056e1b3aacd5dbf9de6/3810%20-%20Background.jpg)

ศูนย์วิจัยพฤษศาสตร์ ไม่มีอะไรที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการควบคุมสถานีอวกาศเลย แต่ที่มุมด้านหนึ่งของห้องวิจัยย่อยที่ 7 กลับพบประตูลับ
ไม่รู้ว่าทำไม Green Heart ถึงรู้ช่องทางเหล่านี้ แต่เขามั่นใจว่าคอร์ที่เคยอยู่ในห้องลับนั้นถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีเพื่อให้คนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าถึงมันได้
ระบบ STARLIGHT คือระบบปิด น้อยคนจะรู้ถึงความลับของมัน และคนที่รู้ความลับก็จะรู้ที่ตั้งคอร์ในเวลาเดียวกัน

จุดที่ตั้งคอร์เป็นห้องเล็ก ๆ ที่กลางห้องมีแคปซูลขนาดเท่าที่คนจะเข้าไปได้ มันแตก และมีของเหลวเจิ่งนอง

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"ฉันดีใจที่ได้เห็นหน้าเธอ" Green Heart บอก และถามว่ารู้ไหมว่าเธอเรียก Lunette มาที่นี่ทำไม

(http://i.imgur.com/fpk0HGN.png)

"เธอเรียกฉันมาใช้งาน" Lunette บอกต่อว่า
"เพราะเธอขี้เกียจ เธอถึงเรียกฉันมาทำงานแทน"

"ฉันกำลังเศร้าเสียใจและหดหู่ต่างหาก" Green Heart พูดหน้าตาย

"อยากร้องไห้หรือเปล่า" Lunette พูดหน้าตาย

"ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ฉันขี้เกียจ" Green Heart พูดหน้าตาย

Green Heart เล่าให้ฟังว่าเธอมาที่นี่เพื่อจะแก้ไขอดีตที่เธอเคยทำพลาดไป แต่เธอก็เกือบจะพลาดอีกหากไม่ใช่เพราะเกิดความผิดพลาดขึ้น
คอร์ที่หนีหายไปได้บอกกับเธออย่างนั้น คอร์นั่นได้บอกว่า ทุกคนย่อมหวงแหนชีวิตและมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต ทุกชีวิตเท่าเทียมกัน
การที่ Green Heart คิดจะให้คอร์นั่นสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้คนในสถานีนี้นับว่าไม่ถูกต้อง และขัดแย้งกับอุดมการณ์ของเธอเอง นี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่คิดจะไล่ตามหาคอร์นั่น

"ฉันกำลังเสียใจ ปลอบใจฉันสิ" Green Heart พูดหน้าตาย

"ฉันเป็นพี่เลี้ยงเธอตั้งแต่เมื่อไร ?" Lunette พูดหน้าตาย

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"ขอบใจ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว" Green Heart บอก แล้วเธอก็ชวน Lunette ไปตีผี 10000 ตัว

โลกมันก็เพี้ยน ๆ อย่างนี้แหละ ใครจะไปรู้ว่านักวิจัยระดับท็อป 2 คนกำลังไล่ทุบผีดิบเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตให้ได้มากที่สุดในอีกมุมหนึ่งที่ไม่มีใครรู้


"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะใจบุญสุนทาน"
"ฉันรู้ เธอมาที่นี่เพื่อแก้ไขอดีตที่ทำผิดพลาด"
"อดีตไม่มีวันถูกแก้ไข แต่ฉันมาที่นี่เพื่อแก้ไขมัน"
"เธอควรจะแก้ไขมัน"
"ฉันคิดว่ามันถูกแก้ไขแล้ว"
"เธอไม่ได้แก้ไขมัน"
"ถูกของเธอ แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ"

แล้ว Green Heart ก็ส่งมือไปให้เด็กคนหนึ่งที่ไปแอบหลบอยู่ในท่อน้ำทิ้ง
มันไม่สำคัญแล้วล่ะว่าเธอจะมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร การกระทำต่างหากที่จะตอบทุกอย่าง
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 01, 2015, 10:24:07 PM
ที่ด้านหนึ่งของชานเมือง บัลเล่ต์ได้พบกับสิ่งที่คล้ายดงของดอกไม้ยักษ์

(http://www.mx7.com/i/552/1oeHXk.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzwPXYHIEPX6SgnW)

เธอแหงนมองมัน มันมีขนาดประมาณ 1 ใน 10 ของสถานีอวกาศได้เลยล่ะมั้ง และมันก็เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วเสียด้วยสิ
จากข้อมูลที่เธอได้รู้มา มันคือหนอนอวกาศ ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนดอกไม้ แต่ก็เป็นหนอน และไม่ใช่หนอนแมลง แต่เป็นลักษณะของหนอนปรสิต
มันขยับอย่างช้า ๆ ไม่มีทีท่าคุกคาม แต่ก็ไม่น่าจะปลอดภัย เพราะละอองเกสรของมันปล่อยพิษร้ายออกมา พิษนั้นหลอมละลายได้ทุกอย่าง

มันฝังตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดปรากฎการณ์กลายพันธุ์ แต่มันไม่ใช่ต้นตอของการกลายพันธุ์
อย่างไรก็ตาม มันมีชีวิต และมีสติปัญญา มันกำลังสังเกต พิสูจน์ และสังเกต สลับวนไปมา เพราะมันสงสัย มันจึงสังเกต และเพราะมันมีสติปัญญา มันจึงพิสูจน์

(http://i.imgur.com/hZuJ6Pg.jpg)

"เธอคงสงสัยสินะจ๊ะว่าพวกเราคือใคร เหตุใดพวกเราจึงรุกล้ำเข้ามาและฆ่าฟันพวกเธอ" บัลเล่ต์พูดขึ้น เธอมีสติปัญญาไหวพริบมากพอจะเข้าใจเรื่องได้ทุกอย่าง
"แต่เธอและพวกเธอก็ไม่อาจรู้คำตอบนั้น เพราะพวกเราไม่คิดจะพูดคุยกับพวกเธอ" บัลเล่ต์รู้ดีว่าเรานั้นต่างเผ่าพันธุ์ การดำรงอยู่ก็แตกต่างกัน
อีกฝ่ายอาจจะไม่มีวัฒนธรรมด้านการสื่อสาร แม้กระทั่งภาษากายก็คงไม่มี อีกฝ่ายไม่รู้จักคำถาม ไม่รู้จักคำตอบ ก็เพราะมันไม่จำเป็น
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้บัลเล่ต์ต้องทึ่งก็คือเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นในหัวของเธอ เสียงที่เกิดจากกระแสจิต การใช้ภาษาที่เกิดจากการเรียนรู้ในช่วงเวลาไม่นานนัก

Quote
ทำ ไม

มา ทำ ไม

ทำ ไม มา


บัลเล่ต์คิดว่าหนอนยักษ์ตนนี้ต้องการพูดคุย

"เรามาเพราะต้องการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัย" บัลเล่ต์ตอบ 
เธอตั้งสมาธิคิดถึงระบบนิเวศแบบพึ่งพาอาศัย ต่างฝ่ายต่างพึ่งพากัน ได้ประโยชน์ร่วมกัน  ปูเสฉวนกับดอกไม้ทะเล (ปูช่วยพาดอกไม้ทะเลเคลื่อนที่หาแหล่งอาหาร ดอกไม้ทะเลช่วยพรางตัวให้ปู)
ควายกับนกเอี้ยง (ควายได้นกเอี้ยงช่วยทำความสะอาและเตือนภัย นกเอี้ยงช่วยกินแมลงและปรสิตบนหลังควาย) 
ก่อนจะชวนมาอยู่ร่วมกัน เพื่อให้พวกเขาได้ศึกษา ได้รู้จัก และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

นานพักใหญ่คล้ายอีกฝ่ายกำลังประเมินและตัดสิน สิ่งที่บัลเล่ต์พูดมานั้นดูน่าเชื่อถือ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอไม่มีอาวุธสักชิ้น
เธอมั่นใจว่าเธอไม่น่าจะผิดพลาดตรงไหน แต่เธอก็ยังคงไม่อาจคลายกังวลและขับไล่ความอึดอัดออกไปได้ ถ้าอีกฝ่ายมุ่งร้ายต่อเธอ เธอคงจนปัญญาจะเอาตัวรอด

และแสงสว่างวูบหนึ่งนั้นก็ทำให้บัลเล่ต์คลี่ยิ้มออกมาได้

(http://www.mx7.com/i/75b/RMcFCy.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzyAifWL38yTdzvV)

"ดิฉัน คือ ราชินี แห่ง โอ เชีย น่า" เธอร่างจำแลงของหนอนยักษ์อวกาศ

"ลา ก่อน"


เธอควรจะใช้คำว่า ยินดีที่ได้รู้จัก นะ
แต่เอาเถอะ ภาษาไม่ใช่เรื่องยาก
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 04, 2015, 02:10:29 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/b3eab66de554f0ab28b73a1cdd5e6ed8/3770%20-%20Background.jpg)

เกมเซนเตอร์มีหลากหลายประเภท เป็นเครื่องเล่นบันเทิงสำหรับทุกชนชั้น เกมที่มีให้เล่นก็มีตั้งแต่ระดับค่าฮอทดอกไปจนถึงค่าเข้าพักโรงแรมหรู
Nu กำลังพยายามเล่นเกมยานแข่งกับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่แล้วก็แพ้

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"โอ้ โห ฉันแพ้อีกแล้วเหรอ ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ อ๊าา เอาใหม่!" แล้วเธอก็หยอดเหรียญอีก

Yuudachi ที่เข้ามาที่นี่เดินอ้อมไปยังอีกด้านและได้พบกับ

([url]http://www.mx7.com/i/cf8/biWbVi.jpg[/url]) ([url]http://www.mx7.com/view2/yxbWUvuxl0rRLrOJ[/url])

"ยูดาจิเก่งกว่าเดิมแล้วนะโป้ย คราวนี้แหละ ยูดาจิไม่แพ้แน่โป้ย" อย่ามามั่ว เธอขึ้นเขาไปฝึกวิชาเพิ่งลงมา เคยไปสู้กันตอนไหน

Yuudachi แม้จะช้าเป็นเต่าป่วยไม่เปลี่ยน แต่เธอก็มีเครื่องเจ็ทที่ Nautilus สร้างให้ชั่วคราวให้ส่งตัวให้พุ่งออกไป
ขีปนาวุธที่อุ้มมากระแทกเข้าไปเต็มหน้าของ Biore ก่อนที่เธอจะฉากหนีด้วยเครื่องมือวาร์ปพอร์ทัลก่อนที่มันจะระเบิด

([url]http://i.imgur.com/XYruCpd.jpg[/url])

สารพัดอาวุธที่แบกขนออกมาถูกยิงซ้ำเข้าไปในหมู่มวลเมฆเพลิงตรงหน้าจนกระทั่งเธอมั่นใจว่าเป้าหมายนิ่งสนิทจึงลดปืนลง
แต่แขนกับขาของเธอก็ขาดกระเด็นในช่วงวินาทีนั้นด้วยลำแสงอาคมที่ยิงทะลวงออกมาจากเป้าหมายที่น่าจะแน่นิ่งไปแล้ว

([url]http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg[/url])

"ฉันสบายดี แต่เธอคงไม่ค่อยสบายสักเท่าไร" Biore ในสภาพรุ่งริ่งดูไม่จืดพุ่งเข้าใส่ Yuudachi ที่แทบจะสิ้นสภาพในการสู้รบ
ทั้งสองก็ยังปะทะกันที่กลางอากาศ มันเป็นการต่อสู้ของสองเผ่าพันธ์ Artifact หรือ สิ่งประดิษฐ์ที่มีชีวิตและเจตจำนงค์ของตนเอง

หัวของ Yuudachi แทบจะถูกกระชากหลุดถ้าเธอหลบไม่ทัน แต่กำปั้นของเธอก็ซัดจน Biore หมุน 360 องศา



(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"สบายดีไหม ฉันคิดว่าคุณคงสบายดี" Biore หันมาทักทาย เธอนี่แหละที่ทำให้ Nu โวยวายได้
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ พรมลิขิต? โชคชะตา? ทั้งสองเคยแทบจะฆ่ากันมาตายมาก่อนแท้ ๆ นะ แต่วันนี้ทั้งสองมาเผชิญหน้ากันในร้านเกม

(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg)

"ไม่เจอกันตั้งนานนะโป้ย"
"มาแข่งเกมที่เล่นได้ 3 คนดีกว่าโป้ย"


Biore มองดูหน้าจอ YOU LOSE ในเวลาต่อมา เพราะเธอมัวแต่คุยกับ Yuudachi ยังผลให้ Nu ชนะเกมนี้

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"ไงล่ะ ฉันชนะจนได้" เธอก็ยังหน้าด้านภูมิใจได้อีก

Biore ไม่ได้ชอบเล่นเกม เธอมาเล่นเพราะโดน Nu ชวนแกมบังคับ เธอจึงปฏิเสธ เธอบอกว่า Nu มีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีกไม่ใช่เหรอ นั่นทำให้ Nu เงียบ ตีหน้าขรึม
Nu มีโปรแกรมจะต้องไปฝึกในระบบเวอร์ชวล เพราะเธออยากสำรวจดาวต่อไปที่มีอารยธรรมเหมาะแก่การเรียนรู้ เธอถามว่าอยากไปกับเธอไหม


ระหว่างทาง Nu ชวนคุยแต่เรื่องเกม ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ Yuudachi ก็เนียนไหลลื่นไปได้ตอนคุยเรื่องเกม
เช่นเดียวกับ Biore ที่มีศักยภาพในการไหลลื่นเช่นกัน นั่นทำให้ Nu ไม่เบื่อหน่ายที่ได้มากับทั้งสอง

กระทั่งมาถึงเรื่องซีเรียส Nu ถามขึ้นมาว่า Yuudachi คิดยังไงกับคำกล่าวที่ว่า 'สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ'

Yuudachi ใช้ประสบการณ์ในการตอบถูไถไป แม้จะไม่ถูกก็ใกล้เคียง Nu บอกว่ามันก็มีความหมายเดียวกับ 'การคัดเลือกของธรรมชาติ'
มนุษย์เราหรือสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งหมดทั้งปวงในจักรวาลนั้นก่อเกิด ดำรงอยู่ และดับสูญไป เวียนว่ายวนกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยมีสิ่งที่เร้าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"วิวัฒนาการ" Biore พูดขึ้น เธอรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะเธออยู่กับ Nu มาตลอด

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"อ๊ะ ใช่ วิวัฒนาการไงล่ะ อย่างหมู่ดาวโอเชียน่าที่ผ่านมา สิ่งมีชีวิตของหมู่ดาวเหล่านั้นอาศัยในอวกาศได้ มีร่างกายที่ใหญ่โต มีความดุร้าย และไม่ต้องการภาษาในการสื่อสาร"
"เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เพราะสภาพแวดล้อมที่ทำให้ประชากรของถิ่นที่อยู่นั้น ๆ เปลี่ยนรูปลักษณ์ไป เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเรา ไม่เหมือนกันเลย"
"ฉันกำลังจะบอกว่า ถ้ามีสิ่งเร้าที่บีบคั้น พวกเขาที่เหมือนกับปรสิตยักษ์นั่นก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก พวกเขาอาจจะทรงพลังยิ่งกว่าเราก็ได้"

วีรบุรุษอาจจะเกิดขึ้นกลางสนามรบเพราะเขาเก่งกาจอยู่แล้ว หรือบางที... เพราะมีสงครามจึงทำให้เขาเก่งกาจขึ้น


แล้ว Nu ก็ถอดหมวกออก ปล่อยมันลอยไปในอาณาบริเวณของห้องควบคุมแรงโน้มถ่วง

(http://i.imgur.com/RVPj1F7.jpg)

"เธอล่ะ อยากเก่งหรือเปล่า"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 07, 2015, 09:09:24 AM
Timeline

2 ปีหลังออกยานมาจากกาแล็คซี่ Rexus

- Episode 1 Travel: รู้จักยาน Rexus
- Episode 1 Adventure: สำรวจดาว Presia ดินแดนสีเขียวชอุ่ม ประชากรคือจิตวิญญาณ

1 ปีต่อมา

- Episode 2 Travel: รู้จักยาน Rexus
- Episode 2 Adventure: สำรวจดาว Ballet ดินแดนอนารยะ สงครามชนเผ่า และยาน Rexus ทิ้งทุกคนเอาไว้บนดาว

5 ปีต่อมา ยาน Rexus ย้อนกลับมายังดาว Ballet

- Episode 3 Travel: อพยพกลับขึ้นยาน Rexus พร้อมชนเผ่า, การแข่งเจลีก, การลอบสังหาร, การปฏิวัติ ฯลฯ
- Episode 3 Adventure: สำรวจระบบดาว Oceana หมู่ดาวสมุทร พบสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์

- Episode 4 Travel: ไวรัสจากดาว Oceana ระบาด เกิดวิกฤติการที่สถานีอวกาศ Baroness, ช่วงพักผ่อน หลังวิกฤติการผีดิบ 6 เดือนต่อมา
- Episode 4 Adventure: เป้าหมายต่อไปมาถึงแล้ว

(http://wudthipan.com/fucko/_images/f5ccce84f80f9ebaa34845fbee4ba52a/3817%20-%20Background.jpg)
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 07, 2015, 10:24:32 AM
ทฤษฎีวิวัฒนาการ คือแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะอธิบายว่าวิวัฒนาการมีจริงและเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยอาศัยหลักฐานทางด้านต่าง ๆ ประกอบและยืนยันแนวโน้มของวิวัฒนาการมีดังนี้

1. กฎแห่งการใช้ และไม่ใช้ (law of use and disuse) มีใจความสําคัญว่า
“ลักษณะของสิ่งมีชีวิตผันแปรได้ตามสภาพแวดล้อมอวัยวะใดที่ใช้อยู่บ่อย ๆ ย่อมขยายใหญ่ขึ้น ส่วนอวัยวะใดที่ไม่ได้ใช้จะค่อย ๆ ลดขนาด อ่อนแอลง และหายไปในที่สุด”

2. กฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่ (law of inheritance of acquired characteristics) มีใจความว่า
“ลักษณะที่ได้มาใหม่หรือเสียไปโดยอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม โดยการใช้และไม่ใช้จะคงอยู่และสามารถถ่ายทอดลักษณะที่เกิดใหม่นี้ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปได้”

ยีราฟในอดีตคอสั้นกว่าปัจจุบัน แต่ได้มีการฝึกฝนยืดคอเพื่อพยายามกินใบไม้ จากที่สูง ๆ ทําให้คอยาวขึ้น การที่ต้องเขย่งเท้า ยืดคอ ทําให้ยีราฟมีขายาวขึ้นด้วยลักษณะที่มีคอยาวขึ้น และขายาวขึ้นนี้ถ่ายทอดมาสู่ยีราฟรุ่นต่อมา
งูอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพงหญ้ารกทึบการเลื้อยทําให้ลําตัวยาว ส่วนขาไม่ได้ใช้จึงค่อย ๆ ลดขนาดเล็กลงและหายไป ลักษณะนี้ถ่ายทอดไปได้งูรุ่นต่อ ๆ มาจึงไม่มีขา

และการเกิดสปีชีส์ใหม่อันเนื่องมาจาก 'การคัดเลือกโดยธรรมชาติ'
ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (theory of natural selection) มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันย่อมแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เรียกว่า variation

2. สิ่งมีชีวิตมีลูกหลานจํานวนมากตามลําดับเรขาคณิต แต่สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดก็มีจํานวนเกือบคงที่เพราะมีจํานวนหนึ่งตายไป

3. สิ่งมีชีวิตจําเป็นต้องมีการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด (struggle of existence) โดยลักษณะที่แปรผันบางลักษณะที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมย่อมดํารงชีวิตอยู่ได้ และสืบพันธุ์ถ่ายทอดไปยังลูกหลาน

4. สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นที่อยู่รอด (survival the fittest) และดํารงเผ่าพันธุ์ของตนไว้และทําให้เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติ เกิดความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนเกิดสปีชีส์ใหม่

สิ่งมีชีวิตที่จะอยู่รอดไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด

ในกรณียีราฟคอยาวนั้น อธิบายตามทฤษฎีได้ว่า ยีราฟมีบรรพบุรุษที่คอสั้น แต่เกิดมี variation (พวกที่มีคอยาวกว่าปกติ) ขึ้นมา ซึ่งสามารถหาอาหารพวกใบไม้ได้ดีกว่าตัวพวกคอสั้น และถ่ายทอดลักษณะคอยาวไปให้ลูกหลานได้
ส่วนพวกคอสั้นหาอาหารได้ไม่ดีหรือแย่งอาหารสู้พวกคอยาวไม่ได้ ในที่สุดก็จะตายไป จึงทําให้ในปัจจุบันมีแต่ยีราฟคอยาวเท่านั้น

(http://i.imgur.com/XkK8ZvR.jpg)

"หรืออย่างพวกเราชนเผ่า Ears ที่ถือกำเนิดจากสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายจากธรรมชาติ พวกเราจึงมีร่างกายคล้ายสัตว์" Oceana เปรียบเทียบ
"เผ่า Oceana สูญพันธุ์ไปเกือบทั้งหมดเพราะเหตุนี้"
เธอกล่าวถึงเผ่า Ears กลุ่มย่อยของสายพันธุ์ที่เคยมีร่างกายคล้ายมนุษย์มาก คือมีเพียงแค่เขี้ยวสัตว์ป่า แต่เพราะร่างกายบอบบางของมนุษย์ส่งผลให้เกิดการสูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว

การวิวัฒนาการจนคล้ายมนุษย์เกิดขึ้นเมื่ออดีตกาลที่เผ่า Oceana เข้ามาอยู่ร่วมกับมนุษย์ แต่มนุษย์รังเกียจสัตว์ป่าอย่างพวกเขา การวิวัฒนาการจึงได้เกิดขึ้น จนกระทั่งคนครึ่งสัตว์กลายเป็นมนุษย์
กระนั้นแล้ววิวัฒนาการไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นง่ายนัก มันต้องการสิ่งเร้าที่มีอำนาจบีบคั้นมากพอ สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และเวลา...

เผ่า Oceana ใช้เวลากว่า 30000 ปีในการวิวัฒนาการจากคนครึ่งสัตว์กลายเป็นมนุษย์

(http://i.imgur.com/h7wcp84.jpg)

"กระทั่งเกิดสงครามกาแล็คซี่" Oceana แปลงร่างกลับมาเป็นร่างมนุษย์ นี่คือร่างดั้งเดิมของเธอ

สงครามกาแล็คซี่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว เกิดสถานการณ์ที่เรียกว่าโดมิโน่ ชนเผ่า Oceana ที่ทิ้งร่างสัตว์อันแข็งแกร่งส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถเอาตัวรอดได้เมื่อสงครามอุบัติขึ้น
พวกเขาล้มตายไปมากมายพอ ๆ กับมนุษย์ เหมือนกับเราจับเอาเด็กนักเรียนวัยรุ่นคนหนึ่งโยนไปยังต่างโลกให้หาทางออกจากป่าดงดิบให้ได้ด้วยตัวคนเดียว

อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตจะพยายามเอาชีวิตรอด ชาวเผ่า Oceana จำนวนหนึ่งได้คิดค้นศาสตร์การแปลงร่างขึ้นโดยใช้พลังจากธรรมชาติเพื่อเปลี่ยนรูปแบบทางกายภาพ
เมื่อเข้าสู่สังคมเมือง พวกเขาจะมีร่างมนุษย์ และเมื่อต้องต่อสู้ พวกเขาจะใช้ร่างสัตว์ป่า
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 07, 2015, 09:51:54 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/d1db27e6bde6e39b5185a2c3b5d006c9/3818%20-%20Background.jpg)

เสียงระฆังดังเหง่งหง่างกังวานไปทั่วทั้งหมู่บ้านราวกับเสียงจากสรวงสวรรค์ที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านมาช้านาน
มันจะดังในทุก ๆ วันอาทิตย์ หรือก็คือวันถือศีลประจำหมู่บ้านนั่นเอง
เป็นพิธีกรรมทางศาสนาเหรอ ไม่ใช่หรอกนะ หมู่บ้านนี้ไม่ได้นับถือศาสนา
นี่มันก็เป็นลัทธิหนึ่ง ซึ่งผู้คนในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่มีเสรีภาพจะเลือกนับถือมัน

แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ และหอระฆังไม่ส่งเสียงกังวานดังเช่นปกติ มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นบนยอดของหอระฆังที่ว่างเปล่านั่น
มันควรจะมีระฆังสิ ถ้ามันไม่มีระฆังมันก็ไม่ใช่หอระฆัง
ไม่ใช่ มันมี มันเคยมี ก่อนหน้านี้มันเคยมีระฆังใบเขื่องบนยอดหอนั้น

ก็จนถึงเดือนก่อนที่มันหายไป

(http://image.ohozaa.com/i/eb7/Cash3w.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xSmpwvRReryBWsJZ)

"ปริศนาระฆังที่หายไป"


"หอระฆังที่ว่างเปล่า"
"หอระฆังแห่งความลับ"
"ไม่เอา ต้องเป็นหอระฆังคู่มหากาฬ"
"เดี๋ยวก่อน แต่มันมีแค่หอเดียวนะ"
.
.
.

"คดีนี้มีเงื่อนงำ"
"มันเป็นการฆาตกรรมในห้องปิดตาย"
"ไม่ใช่ หมู่บ้านปิดตายต่างหาก"
"แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีคนตาย"
"เรารอให้มีคนตายไม่ได้หรอกนะ"
"เราต้องตามหาระฆัง"
"มีคนขโมยมันไป คนร้ายอยู่ในหมู่บ้านนี้"
"ต้องจับคนร้ายให้ได้ ขอเดิมพันด้วย.... โอ๊ย ระวังหน่อยสิ"
.
.
.

"มืดแล้ว เรากลับบ้านก่อนนะ"
"อื้อ ไว้มาเล่นกันอีกนะ"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 09, 2015, 12:25:56 AM
เฉลยการใช้จินตนาการคาดเดา
Momo
น่าจะเกี่ยวกับระฆังที่หายไปในฉากเปิด?
ไม่ก็หาทรัพยากรเข้ายานเพิ่ม?
หรืออาจจะเกี่ยวกับอาณานิคมก็ได้
หรือไม่ก็ศึกษาชีวิตโบราณ ถูก
หรือว่า...อาจจะมีเรื่องที่ต้องไปค้นหาอะไรบางอย่าง.. (กว้างไป ไม่ให้ถูก)



Kaiser
- มาสำรวจดาว ยานตก สลบเพิ่งฟื้น
- มาสำรวจดาวแล้วมาขอเป็นโฮมสเตย์ ถูก



Bel
Bel พยายามคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ความทรงจำของเธอขาดหายไปอีกครั้ง (อีกครั้ง !!)
เธอไม่คิดว่าผู้คนที่ไม่มีศิลปวิทยาการใด ๆ อย่างพวกเค้าจะสามารถโจมตียาน Rexus จนเสียหายและต้องลงจอดฉุกเฉินได้
และเพราะคนอื่น ๆ ที่อยู่บนยานเช่นเดียวกับเธอก็ได้มาอยู่ภายในหมู่บ้านนี้เช่นเดียวกัน เธอก็เลยสรุปได้ว่าพวกเรากำลังอยู่
ในช่วงสำรวจดวงดาวแห่งนี้ เหมือนเช่นเคยกับดาวดวงก่อน ๆ
แต่ที่ผิดแปลกก็คงเพราะทุก ๆ คนมาอยู่รวมกันที่หมู่บ้านแห่งนี้
เธอจึงเดาต่อไปอีกว่าหมู่บ้านแห่งนี้อาจจะเป็นหมู่บ้านแรกและหมู่บ้านเดียวที่มีอยู่บนดาวดวงนี้ก็เป็นได้ และพวกเค้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตเดียว
ที่มีอารยธรรมแปลก ๆ เช่นการเอาไม้มาหมุนเพื่อก่อไฟ หรือการสร้างที่พักอาศัยมุงด้วยหญ้าอย่างหยาบ ๆ ก็ดีจนทำให้ทุกคนสนใจที่แห่งนี้(ละมั้ง)
แต่สิ่งที่เธอคาดเดาและมีโอกาสที่จะเป็นอย่างที่เธอคาดเดามากที่สุดก็คงเป็น .. การที่มีราชินีติดเกมที่ว่าลงมาสำรวจอารยธรรมของดาวดวงนี้ด้วย
และราชินีติดเกมที่ว่าก็มาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ และเพื่อที่จะปกป้องราชินีติดเกมที่ว่า ก็เลยรวมผู้สำรวจทุก ๆ คนให้มาทำหน้าที่ปกป้องเธอไปด้วยในตัว

เธอว่าก่อนที่จะส่ายหัวไปมาพลางคิดว่า 'เดาไปก็เท่านั้น' อีกอย่างเธอก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเธอมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วยฐานะอะไร
หากเป็นฐานะเช่นเดียวกับค่ายทหารดำครั้งก่อนก็คงเป็นฮีโร่ผู้มาช่วยหมู่บ้านจนได้รับการยกย่องหรือไม่ก็คงไม่พ้นเชลยที่ถูกจับ
แต่ที่หน้าแปลกที่สุดก็คงเป็นการที่ชาวบ้านของที่นี้ยังคงทำตัวปกติ ไม่หือไม่อือกับพวกเธอเลยนี้ละ ทั้งการแต่งตัวไหนจะอะไรอีก
หากเป็นชาวบ้านทั่วไปคงจะแตกตื่นและให้ความสนใจกับพวกเราเป็นอันดับต้น ๆ แล้วแท้ ๆ เมื่อเธอคิดแบบนั้นเธอก็ลืมสงสัยขึ้นมาอีกทันที
หรือที่เธอคิดจะถูกต้อง แต่ที่ชาวบ้านไม่แตกตื่นคงเป็นเพราะพวกชาวบ้านมองไม่เห็นพวกเธอ หรือไม่ก็พวกเราได้แฝงตัวเข้ามาปนกับชาวบ้านสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่จะทำให้เธอคิดจนปวดหัวมากไปกว่านี้ เพราะงั้น !! เลิกคิดแล้วไปถามคนอื่นดีกว่า ว่าแล้วก็ตามหา Canone กับ Nautilus ก่อนเลยแล้วกัน ...



TL

สมมุติฐานที่ 1
TL และพวกมาที่นี่ในฐานะเทพจากฟากฟ้า ลงมาอยู่กับชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังไม่มีความเจริญใด ๆ

สมมุติฐานที่ 2
TL และพวกพาเหล่ามนุษย์โคลนที่สร้างขึ้นมาทดลองดำเนินชีวิตบนดาวดวงนี้เพื่อทดสอบและเก็บข้อมูล

สมมุติฐานที่ 3
TL และพวกพาคนบนดาวลงมาอยู่ที่นี่  แต่เพื่อทดลองการอยู่แบบใกล้ชิตธรรมชาติ พวกเขาจึงอยู่กันแบบห่างไกลเทคโนโลยี



Lunette
ทีมนักสำรวจลงมาเพื่อเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์ แต่เจอกับกลุ่มคนที่อยู่อาศัยบนดาวดวงนี้
จึงเข้ามาเพื่อเผยแพร่อารยธรรม ไปจนถึงหาที่พักอาศัย และศึกษาคนเหล่านี้ ถูก



Tian He
-เจอดาวใหม่ที่มีสภาพเหมือนกลับไปสู่ยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ ลงจากยานมา พบปะผู้คนเรียนรู้วิถึชีวิต ถูก
-เจอดาวใหม่ที่มีสภาพเหมือนกลับไปสู่ยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนเดินทางข้ามกาลเวลามา อาจเกี่ยวกับปริศนาระฆังหายไป เทียนเฮ่อกับผองเพื่อนจึงมาสำรวจแล้วจับพลัดพลูอยู่ที่นี่
- ตามหาเผ่า Oceana เจอร่องรอย จอดลงยาน พบว่าดาวเหมือนกลับไปสู่โลกโบราณ



Yuudachi
1. เอ่อ... ก็บอกอยู่ว่าตะลุยโลกล้านปี
2. เอาเป็นว่าถูกวาร์ปลงยานมาตามปกติก็แล้วกัน
3. ระฆังหาย แล้วเกิดไทม์วาร์ป ส่งพวกยูดาจิมายุคนี้กันหมดเลย
4. มีดินแดนหนึ่งในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่ที่ไร้ซึ่งการพัฒนาเช่นนี้อยู่(?)
5. ถูกส่งมาที่ดาวนี้โดยเฉพาะเพื่อที่ชาว Rexus จะได้ยึดครองและหากองกำลังได้โดยง่าย
6. ให้ว่านตอบ(?)

ไม่ใกล้เคียง จึงไม่ถูก



Solv ลืมตาตื่นพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหายไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงอยู่ที่นี่ นั่นเป็นเพราะยานขนส่งที่พามาเกิดอุบัติเหตุและทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน เขาถูกพวกคนพื้นเมืองช่วยเหลือไว้และพามาอยู่ด้วย หลายวันเข้าก็ชินชาคิดว่าตนเป็นคนของที่นี่แต่บางอย่างในใจกลับขัดแย้ง

ก็ดูสิ ลักษณะหน้าตาของพวกเขา เหมือนคนพื้นที่นี่ทีไหน ออกจะหน้าตาดี มีเขา แรงสัตว์ประหลาดแบบนี้
(http://i.imgur.com/xHmDq7r.jpg)(http://i.imgur.com/nQZWJS3.jpg) (http://i.imgur.com/ksYbjNz.jpg)ข้อมูลปกปิด

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 09, 2015, 09:15:46 PM
ไม่มีนโยบายสำรวจดาวที่ไม่มีอารยธรรมและไม่ปรากฎผู้สร้างอารยธรรมนั้น
หากได้พบกับดาวเหล่านั้นและประเมินได้ว่าเป็นภัยคุกคาม กองทหารแห่ง Rexus จะจู่โจมทำลายดาวดวงนั้น
แต่หากภัยคุกคามอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ปรากฎ Rexus จะลงจอดเพื่อซ่อมบำรุงตัวเองและฟื้นฟูพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือไม่ก็จู่โจมกวาดต้อนเอาทรัพยากรที่มีค่ากลับเข้ายาน

และนี่คือนโยบายของราชินี ซึ่งถูกแอบอ้างโดย Minister มาตลอด อำนาจที่แท้จริงอยู่กับฝ่ายบริหาร หาใช่ผู้นำ
หลังการปฏิวัติ Rexus ส่งผลให้ส่วนกลางอ่อนแอลงมาก Minister ที่เคยมีหลายสิบคนปัจจุบันเหลือเพียงสองคนที่เป็นเสาหลัก
ในขณะที่ขั้วอำนาจมากมายเกิดขึ้นมาและมีอิทธิพลไม่แพ้กัน

(http://i.imgur.com/SLmreQW.jpg)

"ฉันจะไม่ส่งกองทหารอันมีค่าของฉันลงไปบนดาวนั่น และฉันก็ไม่เชื่อว่าเราจะได้ประโยชน์จากการล่าเจ้าช้างขนหรือเสือเขี้ยวยาวอะไรพวกนั้น"
Colonel ยืนยันจุดยืน แต่เธอก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้หรอกว่าดาวดวงนี้มีค่ามากในเชิงการศึกษา

(http://i.imgur.com/ipmXGZc.jpg)

"ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ" Bright นั่งแคะขี้หู ไม่มีทีท่าแยแส แต่ก็ไม่มีใครรู้ความคิดของเขา

(http://i.imgur.com/urBEZxH.jpg)

"รัก... ไม่รัก... รัก... ไม่รัก..." BB เอาร่างไร้ชีวิตคล้ายผีดิบมาร่วมประชุม โดยมี Vios คอยเชิด เอ้ย คอยดูแลเขาไม่ห่าง
Vios ทำหน้าที่แทนเจ้าคนไม่ได้เรื่องนี่ เธอยืนยันว่าเธอจะไม่ส่งทหารลงไป และต่อต้านการรุกรานสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนั้นที่เราเรียกมันว่า 'โลก'

(http://i.imgur.com/TsMJtvo.jpg)

"เราควรใช้ดาวดวงนั้นเพื่อการศึกษาคับ เราจะศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ ๆ ของการวิวัฒนาการด้วยการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตบนดาวโลก"
"ผมคิดว่าเราจะคอยเฝ้าดูพวกเขาวิวัฒนาการได้อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นปี โดยใช้เทคโนโลยี Time Accelerator" พันแสงที่เสนอเรื่องนี้ออกมาสร้างความฮือฮาขึ้นทั่วทั้งที่ประชุม

Time Accelerator คือ ระบบแช่แข็งกาลอวกาศในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นวิทยาการที่ยาน Rexus สามารถทำได้
ทุกสิ่งทุกอย่างจะเดินไปอย่างเชื่องช้าในพื้นที่ศูนย์กลางของระบบ ซึ่งก็คือ Rexus ความเร็วของเวลา ณ ศูนย์กลางนั้นจะเกือบเป็น 0 แต่บริเวณโดยรอบห่างออกไป เวลาจะเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เป็นทวีคูณ
ระยะทำการของระบบนี้กินอาณาเขตกว้างขวางจากศูนย์กลางประมาณ 900 ล้านกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมระบบดาวแห่งนี้ที่มีดาวเคราะห์ทั้งสิ้น 6 ดวง โคจรรอบดาวฤกษ์ยักษ์

ด้วยวิทยาการนี้ เราจะเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของดาวโลกได้นานกว่า 5 แสนปี ในขณะที่เวลาบนยาน Rexus จะเดินไปด้วยความเร็วเพียง 1 ปี และระบบจะสิ้นพลังลง
แต่ความเห็นนี้ก็ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย เพราะการหยุดเวลาของ Rexus และเร่งเวลาให้กับระบบดาวนี้อาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาบนดาวพัฒนาการล้ำหน้าพวกเราชาว Rex
อย่างไรก็ตาม เสียงสนับสนุนกลับมีมากกว่า ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าจะกี่ร้อยล้านปีผู้ล่าก็ยังคงเป็นผู้ล่า และอีกส่วนหนึ่งที่เชื่อว่ามันจะเป็นการยกระดับให้กาแล็คซี่แห่งนี้ช่วยขับเคลื่อนยุคสมัยด้วย

Milky Way หรือทางช้างเผือก คือชื่อของกาแล็คซี่แห่งนี้

โครงการนี้ใช้ชื่อว่า 'Accel World' หรือ โลกที่หมุนอย่างรวดเร็ว

ชาว Rex ไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ Time Accelerator หรือรัศมีนอกตัวยาน Rexus 900 ล้านกิโลเมตร หากล่วงล้ำเข้าไปร่างกายจะถูกบิดดึงเอาจิตสำนึกออกไปและเสียชีวิตทันที
ด้วยเหตุนี้ การสำรวจดาวเคราะห์ทั้ง 6 ดวงจะคัดเลือกผู้เข้าสำรวจเพียงจำนวนหนึ่ง ด้วยการเชื่อมโยงจิตเข้ากับร่างกายเปล่า ๆ ที่สร้างขึ้นบนดาวดวงนั้น ส่วนร่างจริงจะยังคงอยู่บนยาน Rexus
(หลักการคล้ายกับในหนังเรื่อง Avatar)

และนี่คือจุดเริ่มต้นของการสำรวจดาวดวงนี้ ดาวที่ชื่อว่าโลก
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 09, 2015, 09:20:02 PM
(http://www.mx7.com/i/78a/tf1FCQ.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yAoD0N5lvrkUaRLC)

!#@$^%&#^%#$%%*&*!!!!??
สาวชาวเผ่านางหนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาในกระโจมซอมซ่อของคุณ นางแต่งกายดูออกว่าเป็นนักรบเผ่า ในมือมีหอกหิน
แต่ที่คุณไม่เข้าใจก็คือเสียงโหวกเหวกที่ฟังไม่รู้เรื่องนั่น แล้วนี่ก็เป็นวันที่ 2 แล้วที่คุณกับทีมติดตามมาพักอาศัยอยู่ปะปนกันชาวเผ่าของดาวโลกแห่งนี้
นางเข้ามาร้องบอกแล้วก็วิ่งโหวกเหวกออกไปที่กระโจมอื่น ๆ ต่อ


(http://upic.me/i/2q/zv002.png)

"ดีไหม?" คาโนะหันมาถามอย่างไร้สติเช่นทุกที

(http://upic.me/i/tj/l7003.png)

"ก็... ดี มั้ง" หอยที่กำลังหัดนับเลข 1-10 มองไปยังเบลอย่างงง ๆ
เธอกลุ้มใจพอสมควรที่ร่างนี้มันโง่แสนโง่ จนเธอเชื่อว่ามันก็อปปี้มาจากเด็กปัญญาอ่อนแน่ ๆ

(http://upic.me/i/kj/bl001.png)
"............" T--T
Bel รู้สึกระอาใจมากที่เธอต้องมาดูแลเด็กปัญญาอ่อน 2 คน


(http://www.mx7.com/i/6e7/d9rxYR.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yAtEv0YXtl3vacgf)

และนี่ก็คือสิ่งที่ชาวเผ่านี้อกสั่นขวัญแขวน เหล่านักรบเถื่อนรูปร่างหน้าตาคล้ายคนครึ่งลิงกำลังบุกเข้ามาเข่นฆ่าคนในหมู่บ้าน
นักรบของหมู่บ้านท่าทางผอมโซถูกชกกลิ้งโค่โล่ บ้างก็พยายามเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงแต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ได้เปรียบ
พวกเขาต่อสู้เหมือนกับพวกสัตว์ที่สู้ตายเพื่อรักษาอาณาเขต ต่อสู้อย่างไม่มีแบบแผน และไม่ได้คิดที่จะช่วยให้ชาวเผ่าที่อ่อนแอหาทางหนี

เจ้านักรบร่างยักษ์ที่บุกเข้ามาตนหนึ่งซัดนักรบชาวเผ่ากระเด็นลงไปแน่นิ่งแล้วทุบอกก่อนจะบุกเข้ามาในหมู่บ้านเป็นตัวแรก

(http://upic.me/i/2q/zv002.png)

"อ๊ะจ๊าาา" Canone แหกปากแบบชาวเผ่าแล้ววิ่งออกไปขวางเจ้ามนุษย์วานรเอาไว้ แต่ก็โดนชนปลิวกลิ้งไปในกระโจม
แต่อย่างไรก็ดี เธอทำให้มนุษย์วานรเบนสายตาไปอีกด้าน ยังผลให้ Bel และ Nautilus พ้นภัย


(http://i.imgur.com/HohMXzE.jpg)

"เข้ามาโป้ย" ยูดาจิวิ่งออกมา คว้าหอกหินแล้วขว้างออกไปก่อนจะวิ่งเข้าบวก แต่เธอพลาดไปตรงที่ร่างใหม่นี้มันควบคุมยาก และเปราะบางกว่าที่คิด

ตุ้บ พลั่ก!!

เจ้ามนุษย์วานรกระโดดดรอปคิกเธอกระเด็นตกบ่อน้ำ

พลั่ก ตุ้บ!!

คะน้าและบาคูโดนมนุษย์ลิงโคลสไลน์หงายท้องผึ่งพร้อมเพรียงกัน

(http://i.imgur.com/hSXbbA5.jpg)
"แก ถ้าไม่ทอยเต๋าล่ะก็อย่าหวังว่าข้าจะสู้แกไม่ได้" ^-^
"ถอยออกไปก่อนคะน้า! ข้ารับมือมันเอง" บาคุลุกขึ้นมายื้อยุดประกบมือเร่งกำลังภายในกับลิงยักษ์

(http://i.imgur.com/o27t33T.jpg)

"ทุกคนมาทางนี้ก่อน!" Tian He ที่หลบอยู่หลังต้นไม้ร้องเรียก

ภาพที่ Tian He เห็นคือหมู่บ้านถูกมนุษย์ลิงบุกถล่มยับ ผู้คนแตกตื่นหนีตาย ล้มกลิ้งเปื้อนดินเปื้อนโคลน บ้างก็ขาแข้งหักพิกลพิการ
มนุษย์ลิงที่โหดร้ายฆ่าไม่เลือก และฆ่าทุกคนที่พวกมันพบเห็น ไม่ว่าจะเป็นใคร มันจะทุบอกเพื่อแสดงพละกำลังและอำนาจ ร้องเป็นภาษาแปลก ๆ แล้วก็ฆ่า
มันต่างจากสงครามที่ดาว Ballet ถึงแม้ว่าที่นั่นจะเป็นชนเผ่าล้าหลัง แต่พวกเขาก็มีอารยธรรมมากพอจะเรียกว่าเป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่รู้จักวิทยาการ
ต่างจากที่นี่ มนุษย์ที่นี่ใช้เพียงสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเท่านั้น
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 09, 2015, 09:40:16 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/f5e1f8ceefe48083de392065e5bf20f0/3820%20-%20Event.jpg)

ในยุคนี้สิ่งมีชีวิตที่พัฒนานำหน้าสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็คือมนุษย์ หากแต่มนุษย์ไมไ่ด้มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียว
บนแผ่นดินนี้ยังคงมีมนุษย์วานรที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ พวกมันมีสัญชาตญาณดิบของวานรที่คอยเข่นฆ่ามนุษย์
นึกไม่ออกได้เลยว่ามนุษย์จะสู้กับพวกมันได้อย่างไร พวกเขาไม่ได้มีสติปัญญาหรือวิทยาการที่เหนือล้ำกว่า ซ้ำประชากรวานรก็มีมากกว่า

หลังการต่อสู้ มนุษย์วานรกลุ่มนี้ก็ล่าถอยหนีไป พวกมันอาจจะประหลาดใจที่มนุษย์บางคนแข็งแรงพอ ๆ กับพวกมัน หรืออาจจะเหนือกว่า

(http://i.imgur.com/rmHS05B.jpg)

"..........." ไคเซอร์เอาเท้าเขี่ยร่างไร้ชีวิตของมนุษย์วานรที่นอนคว่ำหน้า เขานึกแปลกใจว่ามันวิวัฒนาการมาอย่างไรกัน
ก็พอดีมีคนโหวกเหวกอยู่ด้านหนึ่ง

(http://i.imgur.com/y3eJPR7.jpg)

"แก เจ้ามนุษย์ออร์ค แกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!" เสียมารยาทนะหล่อน นั่นคนเฟ้ย

(http://i.imgur.com/twMqQzk.jpg)

"คิดถูกที่เราไม่ออกมา" ควอซาร์เยื้องย่างออกมาจากกระโจมแล้วมองดูความพินาศในหมู่บ้านกว่าครึ่ง

ที่พักอาศัยเสียหายเกือบทั้งหมด ผู้คนล้มตายมากกว่าบาดเจ็บ มีเสียงร้องโอดโอยอยู่ทั่วไป
ดูนั่นสิ การปฐมพยาบาลของพวกมนุษย์หิน ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังประถมพยายามกันมากกว่า ขืนลากคนเจ็บแบบนั้นเดี๋ยวได้พิการกันพอดี

ชาวเผ่าที่เหลือรอดมาได้มีทั้งสิ้น 35 คน คนเจ็บที่เหลืออีก 10 คนตายหมด เพราะไม่มีหมอ
นักรบชาย 5
หญิงท้อง 4
เด็กหนุ่ม 5
หญิงสาว 3
เด็กผู้ชาย 2
เด็กผู้หญิง 8
ตาเฒ่า 4
ยายเฒ่า 4

มาจากการคำนวณที่แม่นยำด้วยเต๋า
http://baron.wudthipan.com/forum/index.php?topic=1132.msg158393#msg158393 (http://baron.wudthipan.com/forum/index.php?topic=1132.msg158393#msg158393)
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 10, 2015, 09:29:42 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/103a2da4e40fb179a212cce2e4919486/3821%20-%20Event.jpg)

ย้อนกลับไปราว 5 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตซึ่งเรียกว่ามนุษย์ได้แยกสายพันธุ์ออกมาจากบรรพบุรุษของพวกเขาที่เป็นบรรพบุรุษของลิงเช่นกัน
แต่มนุษย์ในขณะนั้นซึ่งยังมีความเป็นสัตว์อยู่มากเนื่องจากกระดูกสันหลังยังคงเหมือนลิง มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแทบไม่ต่างกันนัก
พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำหรือเพิงผา ยังไม่มีความคิดสร้างที่อยู่อาศัยโดยใช้วัสดุธรรมชาติหรือตั้งรกรากถาวร ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ หาปลา และเก็บหาผลไม้ในป่า เมื่ออาหารตามธรรมชาติหมดก็อพยพไปหาแหล่งอาหารที่อื่นต่อไป
ด้วยความที่พวกเขามีสติปัญญาพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดพร้อมกับการเดินสองขาที่เกิดขึ้นจากการพยายามเดินทางข้ามทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เพื่ออพยพย้ายถิ่นฐานไปยังสถานที่อันอุดมสมบูรณ์ นั่นทำให้พวกเขาอยู่ในสถานะ 'ผู้ล่า'
เมื่อพวกเขาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม พวกเขามีพลัง อำนาจ ไม่ว่าจะเสือเขี้ยวดาบ หรือแมมมอธ ไม่ใช่ศัตรูของพวกเขา พวกมันคือเหยื่อด้วยซ้ำไป พวกเขาล่ามันเป็นอาหารจนมันแทบสูญพันธุ์

พวกเขารู้จักนำหนังสัตว์มาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม รู้จักใช้ไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ให้แสงสว่าง ให้ความปลอดภัย เริ่มมีการนำหินมากะเทาะเป็นเครื่องมือ
แต่ตลอดช่วงเวลา 5 ล้านปี มนุษย์กลับมีการวิวัฒนาการไปอย่างเชื่องช้า นอกจากสรีระที่เปลี่ยนไปจนคล้ายมนุษย์มากขึ้นแล้วพวกเขายังแทบใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากเดิมสักเท่าไร

Quote
([url]http://i.imgur.com/XxlnUyF.jpg[/url])

"อ๊ะ ใช่สิ ใช่แล้ว ผู้ล่าไม่จำเป็นต้องวิวัฒนาการ มันไม่จำเป็นนะ ไม่จำเป็นเลย"


เมื่อไม่มีสิ่งเร้า การวิวัฒนาการจะไม่เกิดขึ้น มนุษย์ยังคงใช้ชีวิตเช่นเมื่อ 5 ล้านปีก่อน ล่า และอพยพ สลับกันไป

(http://wudthipan.com/fucko/_images/6cf6baecfa96a2efcdc996a0fd043b01/3822%20-%20Event.jpg)

กระทั่งเมื่อ 100 ปีก่อน มนุษย์วานรได้ปรากฎตัวขึ้นและแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว นั่นคือจุดเริ่มต้นที่มนุษย์ได้วิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดด
เริ่มจากอาวุธเพื่อใช้ต่อสู้ป้องกันตัว เพราะมนุษย์วานรไม่เหมือนแมมมอธ ไม่เหมือนเสือเขี้ยวดาบ มันมีสติปัญญา และ 'มันเป็นผู้ล่า' พวกเขารู้จักประดิษฐ์เครื่องมือด้วยการฝนหินให้แหลมคมยิ่งขึ้นเพื่อใช้ต่อสู้
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง พวกเขาสร้างที่อยู่ถาวร รวมกลุ่มกันจนใหญ่กว่าเดิม นำไปสู่การหุงหาอาหาร และพัฒนาการสื่อสารด้วยภาษาพูด

(http://i.imgur.com/F4AHmpA.jpg)
"!#W$$%&Y%$%^&#$@!!!" (http://i.imgur.com/FbHzHTe.png)

(http://i.imgur.com/UIHx3RV.jpg)
"!#W$$%&Y%$%^&#$@!!!" ;D
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on September 15, 2015, 11:05:53 PM
Quote
พระองค์ทรงประทานพรวิเศษให้แก่ผู้หมั่นกระทำความดี และยึดมั่นในศีลธรรม
หากผู้ใดประพฤติเพื่ออุทิศถวายแก่พระองค์แลปรารถนาสิ่งวิเศษใด พระองค์จะประทานพรนั้น
เมื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว ภายภาคหน้าหากกระทำผิดไปจากความดีงาม ผู้นั้นจะเกิดวิบัติในชีวิต


(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"ขอโทษด้วยหากฉันทำให้รำคาญ แต่ฉันเป็นผู้ดูแลภารกิจนี้ และฉันจบด้านภาษาศาสตร์ชั้นสูงมา"
Green Heart บอกกับ Kaiser หลังจากที่เขาเอาดาบไปให้เจ้าหน้าที่เช็คดู ซึ่งมันใช้เวลาไม่นานเขาก็ได้พบกับ Green Heart และความจริงที่เปิดเผย

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"การที่มีภาษาสลักไว้บนดาบ และดาบเล่มนี้มาอยู่ในยุคหิน หรือว่า?" Kaiser เข้าใจได้ในทันที

Quote
มีความเชื่อกันว่าพระศิวะนั้น สามารถช่วยปัดเป่ารักษาเยียวยาอากาศเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ได้อย่างมหัศจรรย์นัก หากผู้ใดที่เจ็บป่วยหรือต้องการขอพรให้คนในครอบครัวหายเจ็บไข้ได้ป่วย
ถ้ากระทำการบวงสรวงบูชาและขอพรจากพระศิวะ ก็มักปรากฏว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นถูกปัดเป่าให้หายไปได้โดยสิ้นในเร็ววัน
พระองค์เป็นเทพที่จะคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นศิริมงคลเกิดขึ้น ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด
หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ด้วยเช่นกัน

พระศิวะนั้นเป็นเทพที่จะอำนวยพรประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงวัว เลี้ยงม้า หรือเลี้ยงแกะ
และอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรทั้งปวงก็จะมีความสำเร็จและมีความสมบูรณ์พูนสุข หากบวงสรวงบชาพระศิวะ

พระศิวะ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งการทำลายล้าง พระองค์เปี่ยมไปด้วยอำนาจ พระพักตร์ของพระองค์แสดงให้เห็นว่าเป็นทั้งชาย เป็นทั้งหญิง เป็นทั้งผู้ใจดี เป็นทั้งผู้ดุร้าย
จากชิ้นฝุ่นธุลี ไปจนถึงภูเขาหิมาลัย จากมดตัวเล็ก ๆ ไปจนถึงช้างตัวใหญ่ จากมนุษย์ไปจนถึงพระเป็นเจ้า อะไรก็ตามที่เราสามารถเห็นได้นั้น เป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งหมด


(http://i.imgur.com/RVPj1F7.jpg)

"บุคคลผู้มีสติปัญญาทุก ๆ คนควรพิจารณาถึงตัวเอง และสิ่งทั้งหลายของสากลโลกเป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งสิ้น"
"เมื่อคิดระลึกได้อย่างนี้แล้วผู้นั้นก็จะเข้าถึงความสุขความสงบ"
Nu เดินเข้ามาแล้วกล่าวต่อถึงเทวตำนานที่สลักอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งหน่วยสำรวจดาวได้นำมาปะติดปะต่อกันทีละ 0.001% กระทั่งเกือบสมบูรณ์
ดาวดวงนี้มีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน ก่อนที่ทุกอย่างจะล่มสลาย

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"อย่างน้อยก็ 2 ครั้ง"

(http://i.imgur.com/KRyXpm3.jpg)

"มากกว่านั้น ไม่น้อยกว่าห้าสิบครั้ง หรือมากกว่า ...เป็นร้อยครั้ง"

ดาวดวงนี้เจริญรุ่งเรืองจนถึงจุดหนึ่ง แล้วก็ล่มสลายลง จากนั้นก็เจริญก้าวหน้า แล้วก็ล่มสลายลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อตรวจสอบครึ่งชีวิตของดาวเคราะห์ดวงนี้ก็พบว่ามันมีอายุที่ยาวนานมากเหลือเกิน จึงคาดคะเนได้อย่างคร่าว ๆ ถึงจำนวนครั้งที่เกิดลูปอันเป็นผลมาจากการรีเซ็ท

(http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg)

"บ้าน่ะ รีเซ็ทเหรอ มีพระเจ้าของกาแล็คซี่แห่งนี้กำลังเล่นเกมสร้างดาว พอไม่ถูกใจก็กดรีเซ็ทเหรอ"
Sphere เดินเข้ามาชนไหล่ Kaiser แล้วเหลือบมองคล้ายกับเขาผิดที่ไม่หลบเธอ

(http://i.imgur.com/RVPj1F7.jpg)

"อ๊ะ ใช่เลย ใช่สิ ถ้าฉันสร้างมันไม่ได้ดั่งใจนะ ฉันก็จะเริ่มเกมใหม่ แล้วก็เล่นใหม่ เล่นใหม่อีก"

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"ถ้าเกมนึงมันกินเวลานานเป็นแสนหรือล้านปี ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่คิดหยอดเหรียญเล่นเป็นรอบที่สอง"
"เว้นเสียแต่.... เธอจะไม่มีความรู้สึกนึกคิดเช่นพวกเรา เป็นเหมือนกับพระศิวะในเทวตำนาน"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 19, 2015, 10:57:48 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/cc1344a8c477e4ceada3710f8fbf645c/3899%20-%20Background.jpg)

เมื่อระบบชั้นของพลเมืองถูกยกเลิกที่นี่จึงไม่ใช่สถานที่ซึ่งใครก็ปรารถนาจะมาอยู่อาศัยอีก
นครลอยฟ้า เมืองหลวงของอาณานิคม Capitol ซึ่งแทบจะไม่มีผู้อยู่อาศัย มันถูกใช้เป็นสถานที่ราชการและฐานบัญชาการมากกว่า

และลานกว้างซึ่งเป็นจตุรัสของที่นี่ Jeneral Jarnu ได้ยืนรอ Kaiser อยู่แล้ว
เขาได้รับการนำทางมาถึงทางเข้าแล้วทหารก็รออยู่ที่นั่น ปล่อยให้ Kaiser และเด็กทั้งสองเดินเข้าไป


(http://www.mx7.com/i/800/RCHdpH.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yFJChFubdOQcnB6q)

"หากดาราไม่มีวันอับแสง จักรวาลคงขาดสมดุล แลไม่อาจแผ่กิ่งก้าน"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 20, 2015, 08:48:06 PM
(http://wudthipan.com/fucko/_images/cc1344a8c477e4ceada3710f8fbf645c/3899%20-%20Background.jpg)

เมื่อระบบชั้นของพลเมืองถูกยกเลิกที่นี่จึงไม่ใช่สถานที่ซึ่งใครก็ปรารถนาจะมาอยู่อาศัยอีก
นครลอยฟ้า เมืองหลวงของอาณานิคม Capitol ซึ่งแทบจะไม่มีผู้อยู่อาศัย มันถูกใช้เป็นสถานที่ราชการและฐานบัญชาการมากกว่า

และลานกว้างซึ่งเป็นจตุรัสของที่นี่ Jeneral Jarnu ได้ยืนรอ Kaiser อยู่แล้ว
เขาได้รับการนำทางมาถึงทางเข้าแล้วทหารก็รออยู่ที่นั่น ปล่อยให้ Kaiser และเด็กทั้งสองเดินเข้าไป


(http://www.mx7.com/i/800/RCHdpH.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yFJChFubdOQcnB6q)

"หากดาราไม่มีวันอับแสง จักรวาลคงขาดสมดุล แลไม่อาจแผ่กิ่งก้าน"


การต่อสู้จะสร้างนักรบ สงครามเรียกหาวีรบุรุษ ฉันจะทำทุกวิถีทางให้ Jarnu เป็นวีรบุรุษที่ว่า
เพื่อรับมือกับอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ เพื่อเอาชนะศัตรูที่เก่งกาจยิ่งกว่าที่ผ่านมา

แต่หากพวกเธอโค่นพวกเราได้ฉันก็ยินดี ก็เหมือนทฤษฎีการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดโดยธรรมชาติ


(http://i.imgur.com/zWaGnSi.jpg)

"แล้วเธอล่ะ คิดอย่างนั้นหรือเปล่า"

เหม่ยซือแหงนมองฟ้าไปไกลลิบสุดสายตา เมื่อยานเกราะเคลื่อนที่เร็วของเธอที่โดยสารมากับ Jaunu ประสบอุบัติเหตุกับถนนขาดบนไฮเวย์
Jarnu กับเธอเดินทางข้ามพรมแดนออกมาจาก Capital มุ่งหน้าไปยังอาณานิคมข้างเคียงเพื่อหวังดำเนินกิจการทางการเมือง
หากแต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือการจู่โจมลอบสังหารที่ถูกวางแผนมาอย่างดีโดยฝ่ายที่ไม่ต้องการเดินตามเกมของพวกเธอ ฝ่ายที่ต้องการก้าวข้ามกติกาที่พวกเธอวางเอาไว้

Quote
"สงครามจะไม่เกิดขึ้น ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดมัน เหม่ยซือและแยร์นูจะไม่สมหวังแน่"

Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 20, 2015, 09:16:53 PM
(http://i.imgur.com/8Br8xZe.jpg) (http://i.imgur.com/TwJ1TPr.jpg) (http://i.imgur.com/zWaGnSi.jpg) (http://i.imgur.com/4sZpEzo.png) (http://i.imgur.com/QP8Re9Q.jpg)
(http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg)
(http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg) (http://i.imgur.com/WISSw25.jpg)

Jarnu ไม่ได้เดินทางมากับเหม่ยซือเพียงสองคน แต่ยังมี Kaiser และองครักษ์มากมาย


ซึ่งนั่นก็ไม่ได้อยู่เหนือการคาดคะเนของฝ่ายล่าสังหาร


(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg) (http://i.imgur.com/NaVjXjB.jpg) (http://i.imgur.com/urBEZxH.jpg) (http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg) (http://i.imgur.com/muaAYFq.png)
(http://i.imgur.com/BUbOUf9.jpg) (http://i.imgur.com/vMiNSVG.jpg) (http://i.imgur.com/E3hRyO1.jpg) (http://i.imgur.com/E3hRyO1.jpg) (http://i.imgur.com/E3hRyO1.jpg)
(http://i.imgur.com/m9hRXkM.jpg) (http://i.imgur.com/m9hRXkM.jpg) (http://i.imgur.com/m9hRXkM.jpg) (http://i.imgur.com/m9hRXkM.jpg) (http://i.imgur.com/m9hRXkM.jpg)
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 20, 2015, 09:41:30 PM
Yuudachi และ Bel (Hide)

สังหารองครักษ์เอก 1 คน (ขาว/น้ำเงิน)
จะมี 1 คนที่ Kaiser เลือกมา หากสังหารผิดคน องครักษ์ที่ Kaiser เลือกจะช่วย Jarnu
ทั้งสองคนนัดกันเอาเองว่าจะเลือกคนไหน เลือกได้ 1 คน คนที่ถูกเลือกจะตาย

แบ่งกำลังจู่โจมและไล่ล่าดักทางหนี
ระบุว่าจะให้ใครเป็นฝ่ายจู่โจมบ้าง และใครจะไปดักทางหนี (1 คน)
หาก Jarnu หลบหนีจะไปเจอเข้ากับคนที่ไปดัก แต่หากไม่หนี คนที่ไปดักก็รอเก้อ

จากนั้นแบ่งคนไปต่อสู้แบบ Battle กับ 3 ตัวละคร Jarnu เหม่ยซือ Kaiser จะต้องส่งไปอย่างน้อย 1 คน/1 เป้าหมาย
Summons จะไปกับผู้เรียกเท่านั้น

ตัวประกอบไม่มีบทอะไร เป็นแค่แบ็คกราวด์
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 22, 2015, 03:25:03 PM
(http://i.imgur.com/NaVjXjB.jpg)

"ไม่ล่ะ พวกเราจะไม่เดินตามถนนที่เธอสร้างเอาไว้แน่" ว่านหางจระเข้ ที่ปรึกษาชั่วคราวของ BB สั่งโจมตีจากบนฟ้าด้วยฝูงบินมังกรเพลิง

มังกรสามารถหลบเลี่ยงเรดาร์เข้ามาได้ และโจมตีอย่างรวดเร็วจากบนท้องฟ้า เพียงพริบตาหนึ่งที่ปะทะกันองครักษ์ของฝ่าย Capital ก็ล้มตายไปเป็นใบไม้ร่วง
Kaiser ขยับมาขวาง Jarnu แล้วยกดาบลำแสงรับกระสุน เหม่ยซือสะบัดหอกตัดทั้งหัวมังกรและคนขี่ขาดกระเด็น

องครักษ์เอกในชุดเกราะสีขาวพลิกตัวมาป้องกันนายของตนจากคมเขี้ยวมังกรของ BB จนตัวตายคาปากมังกร
Yuudachi ทิ้งตัวลงมาเผชิญหน้ากับเหม่ยซือที่แตกกลุ่มไปคนละทางกับ Bel ที่ไปเผชิญหน้ากับ Kaiser
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 22, 2015, 03:33:44 PM
(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"เราเจอกันอีกแล้ว" Kaiser แกว่งดาบไปมา ได้ยินเสียงลำแสงตัดอากาศดังวูบวาบ
เมื่อเขาเผชิญหน้ากับ Bel ที่ใช้ Mecha Factory (อุปกรณ์เปิดมิติ) เรียกเอา Excellent จักรกลคู่ใจออกมาพร้อมกัน

(http://upic.me/i/hz/belphegor.png) (http://i.imgur.com/4XHPC2g.jpg)

"...ฉันเดิมพันเอาไว้" Bel ว่า แล้วสั่งให้ Excellent พุ่งเข้าโจมตี

"น่าสนุกดี ฉันพนันได้เลยว่าเธอไม่มีทางชนะ" Kaiser โยกตัวหลบกริชลำแสงของ Excellent แล้วสะบัดดาบโต้ตอบไปพลางโต้ตอบกับ Bel

"ฉันต้องชนะ" Bel บอกในช่วงเวลาเดียวกับที่ Excellent แทงเข้าใส่ Kaiser


น่าแปลกที่ Bel เห็นรอยยิ้มอย่างผู้ชนะของ Kaiser แม้ว่าเขาจะพลาดท่าโดนแทงทะลุหลังจนล้มลงไปนอนจมกองเลือด

Kaiser หมดสภาพ
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 22, 2015, 03:47:39 PM
ในเวลาเดียวกัน ก่อนที่หลังของ Kaiser จะล้มลงแตะพื้น BB ที่อยู่บนหลังมังกรและทหารมือฉกาจอีกหลายนายได้ควบบังเหียนของสัตว์ร้ายบินวนรอบผู้ที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจที่สุดบนยาน Rexus
ว่านหางจระเข้ที่อยู่ไกลออกไปไม่มากคือผู้กำหนดแผนการรบ ส่วน Canone คือหน่วยสนับสนุน ทุกอย่างถูกวางและกำหนดมาอย่างดี

Jarnu ใช้เวลาที่มองกวาดสายตาประมาณ 0.4 วินาที แต่เทียบเท่ากับการประชุมและเวลาอีกสองคืนที่ว่านหางจระเข้ขบคิดกลวิธีต่างๆที่จะสยบเธอ


(http://i.imgur.com/479yLLh.jpg)

"หากดาราไม่มีวันอับแสง จักรวาลคงขาดสมดุล แลไม่อาจแผ่กิ่งก้าน"
"หากวันนี้ ณ ที่แห่งนี้ จะมีดาราที่อับแสงสักสิบสี่ดวง"

วูบหนึ่งที่อัศวินมังกรบนฟ้าสี่คนทิ้งร่างอันไร้ชีวิตลงสู่ดิน และนับเป็นยอดผู้เสียชีวิต 14 คน เมื่อมาถึงเวลานี้

"...มันคงน่ายินดี"

แล้ว BB ที่พุ่งเข้าหาก็ต้องเผชิญหน้ากับหอกสีดำสนิทที่ลึกล้ำเหมือนพื้นที่ว่างในอวกาศ

หอกที่ชื่อว่า Gungnir หอกวิเศษในตำนานที่ไม่มีวันพลาดเป้า มันก่อกำเนิดเป็นรูปร่างอยู่ในมือของ Jarnu เพียงอึดใจเดียว ราวกับมันเกิดขึ้มาจากจิตวิญญาณ

BB หมดสภาพ
Canone หมดสภาพ
ว่านหางจระเข้ หมดสภาพ
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 22, 2015, 04:20:27 PM
([url]http://wudthipan.com/fucko/_images/625e4e164aadb3068d493a6cba05ebf9/3764%20-%20Background.jpg[/url])

ห้องนอน Level 1 คือที่พักของ Kaiser ตลอดช่วงที่ออกเดินทางมา
แต่มันก็เหมือนห้องเปล่า เขาไม่มีเงินพอจะซื้อหาอะไรมาแต่งห้องเลยแม้แต่อย่างเดียว นอกจากแมกกาซีนฉบับหนึ่งที่แจกฟรีวางอยู่บนโต๊ะ

([url]http://www.mx7.com/i/65f/V1S527.jpg[/url]) ([url]http://www.mx7.com/view2/ytYvk8rMb5PueGYs[/url])

หน้ากลางของเล่มเป็น 4 สีสวยสด มีดาราคนดัง 3 คน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหน้าตาอย่าง Kaiser คิดยังไงไปหาหนังสือแบบนี้มาอ่าน
คนซ้ายสุดชื่อ Sphere คนกลางชื่อเหม่ยซือ อีกคนเขาจำชื่อไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้สนใจ

ถ้าสนใจจะลองนึกเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับพวกเธอก็ได้ พวกเธอก็อยู่ในยานนี้แหละ




อัศวินสาวยกมือข้างหนึ่งโบกเปลวเพลิงอาคมจากลมหายใจของมังกรแตกกระจายเป็นสาย เวทมนตร์ใดๆไม่สามารถใช้กับเธอได้
หนึ่งในอัศวินมังกรที่เป็นหัวหอกต้องลงมาจากมังกรเพื่อต่อสู้บนพื้น เผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้หนึ่งที่เคยเป็นไอดอลขวัญใจผู้คน

(http://i.imgur.com/zWaGnSi.jpg)

"เอายังไงกันดีล่ะพวกเรา" เหม่ยซือเหวี่ยงหอกไปมาอย่างคล่องแคล่ว

(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg)

"หลบไปนะโป้ย ยูดาจิไม่อยากต่อสู้หรอกนะโป้ย"
Yuudachi ร้อนรนเมื่อเห็นว่า Jarnu ที่อยู่ด้านหลังของเหม่ยซือลอยตัวขึ้นเหนือพื้นแล้วถอยออกจากสนามรบอย่างไม่แคร์อะไร

เธอกำลังจะหนีไปจากที่นี่ เธอไม่ได้สนใจจะต่อสู้ ไม่ได้สนใจจะช่วยเหลือใครทั้งนั้น เธอไม่ได้สนใจอะไรเลย
หรือบางทีการมีอยู่ของพวกเรานั้นสำหรับเธออาจเป็นแค่ฝุ่นผงในอวกาศ


(http://i.imgur.com/BUbOUf9.jpg) (http://upic.me/i/zv/k-body.png)

"ประตูแห่งเกียรติยศจะไม่เปิดออกเองหรอกนะ" Nautilus บอกกับ Yuudachi และใช้ Mecha Factory (อุปกรณ์เปิดมิติ) เรียกเอา Knight Magnificent ออกมา

แม้ว่าจะเป็น Yuudachi และ Knight Magnificent แม้ว่าพวกเธอจะรู้ข้อมูลของเหม่ยซือมาก่อนแล้ว แต่เหม่ยซือก็เป็นยอดฝีมือ

และเมื่อเธอไม่คิดจะดวลตัดสินยิ่งทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อ...

กระทั่ง Yuudachi ต้องทุ่มทุกอย่าง
เกราะประกอบร่างกระจายออกแล้วเข้ามาประกอบตามร่างกายของเธอ เธอพุ่งขึ้นฟ้า ต่อปืนใหญ่ และเล็งลงมา


(http://www.mx7.com/i/84b/h2XSvI.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yzx1PyAR3i6R07r5)

ผ่าง


(http://i.imgur.com/XYruCpd.jpg)




เธอเคยได้ยินหรือเปล่า

ชนะการต่อสู้ แต่แพ้สงคราม



เหม่ยซือหมดสภาพ
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 22, 2015, 06:17:15 PM
2 ปีแรก หลังยานออกจากกาแล็คซี่ Rexus เพื่อเดินทางท่องอวกาศ

หรือประมาณสิบกว่าปีก่อน


(http://wudthipan.com/fucko/_images/f93d50331ac4fbc80272f1897bd1c92c/3783%20-%20Background.jpg)

White Trooper Headquarters: ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ Rexus
มันเป็นสถานที่โอ่โถงซึ่งสงวนสิทธิ์สำหรับทหารชุดขาวหรือกองกำลังพิทักษ์ Rexus เท่านั้นที่จะเข้าออกได้

ขณะเดินเข้าไปก็มีคนเดินสวนมาจนถาดอาหารกระแทกเข้ากับ Kaiser จนชุดเปื้อน บนหัวของเขามีสปาเก็ตตี้โปะอยู่

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/24r1hy8_zpsoiooa3yp.png)

Kaiser พยายามระงับอารมณ์

(http://i.imgur.com/Sps0YqC.jpg)

"................" ใครคนนั้นที่ซุ่มซ่ามจนเขาต้องหาเวลาไปซักล้างเงยหน้ามองเขา

"ขอโทษ" แค่นี้แหละ แล้วก็เดินไป จานไม่เก็บ มีคนมาเก็บให้ อุตส่าห์สงบสติได้แต่สุดท้าย Kaiser ก็ตามไปเอาเรื่องเมื่อเห็นพฤติกรรมกวนบาทานี้

เธอหันมาสาวหมัดใส่ทันทีที่เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่เธอ เกิดการต่อสู้ ซึ่ง Kaiser ถนัดนักแหละการรังแกผู้หญิงที่ไม่เคารพเขา

Kaiser ล้มลงไปทับ มือหนึ่งคว้าหน้าอกข้างหนึ่ง อีกมือก็จับหน้าอกอีกข้าง พอดีสองมือ
ทุกอย่างเงียบงันไปราวกับเวลาถูกฟรีซ Kaiser มองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอที่เงียบงันไร้เรื่องราวทั้งอดีตและอนาคต

"เพราะมนุษย์อย่างพวกคุณมันบกพร่องจึงต้องมีพวกเรา" เธอพูด แต่เขายังเงียบ

"ลุกไป เจ้าคนหื่น" เธอว่า

(http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg)

"ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก ว่าแต่พวกเธอคือ?" ไคเซอร์ลุกขึ้น แล้วดึงแม่นี่ลุกด้วย

เธอจ้องเขาเขม็งแล้วเบือนหน้าหลังจากลุกไปแล้ว ได้ยินเสียงของทหาร Lanaciel แว่วมาเข้าหูว่า เฮ้ย ทหารโคลนก็แพ้เป็นว่ะ

Kaiser จึงนึกขึ้นมาได้เกี่ยวกับโครงการทหารโคลนที่เขาเคยผ่านตา หรือที่เรียกว่า Clone Trooper ซึ่งกองกำลัง Lanaciel เริ่มฝึกฝนนำมาใช้งานเมื่อปีก่อน
แม่คนนี้คงเป็นผลิตผลนั้น เธอเป็นโคลนที่ฝึกฝนการรบ แต่เพราะเป็นโคลนจึงไม่ได้รับการยอมรับด้านเผ่าพันธุ์ และถูกชาว Lanaciel จัดไว้เป็นชนชั้น Underground
หรือชนชั้นเดียวกับพลเมืองบนยานที่ใช้ห้องนอนรวมนั่นแหละ


(http://wudthipan.com/fucko/_images/6d631eca4fb590e2dc7307d1cf3decf0/3788%20-%20Background.jpg)

Kaiser เดินตามทหารโคลนนางนั้นไปตามทางเดินซึ่งเป็นทางเดินไปยังโซนที่พักอาศัยของ Clone Trooper
เขาสังเกตได้ว่ามันเป็นพื้นที่ ๆ ยังใช้ระบบและเทคโนโลยีรุ่นเก่า หรือยังไม่พัฒนามากนัก ไม่ต่างจากพลเมืองทั่วไป

ทหารโคลนมีอิสระในช่วงเวลาหนึ่ง และต้องกลับเข้าไปฝึกซ้อมรบตามโปรแกรม พวกเขาจึงมีเวลาคิดเรื่องส่วนตัวค่อนข้างน้อย พวกเขามีชีวิตเพื่อต่อสู้
ทั้งที่ศักยภาพของทหารโคลนนั้นสูงในระดับยอดฝีมือของทหารชุดขาว แต่การปฏิบัติและดูแลพวกเขานั้นไม่ต่างจากเป็นจักรกลสงคราม นั่นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปรู้

Kaiser ไม่รู้ว่าพวกเขามีต้นแบบจากไหน เพราะคำว่า Clone เป็นคำเก่า พวกเขาไม่ได้เกิดมาด้วยวิทยาการโคลนนิ่ง แต่เกิดจากกระบวนการด้านวิทยาศาสตร์เวทมนตร์
การจัดเรียงข้อมูลและสร้างกายเนื้อขึ้นด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ก่อนจะสร้างฐานข้อมูลความคิด และดึงจิตวิญญาณเข้ามาใส่ในร่างคือวิธีสร้างทหารโคลน พวกเขาเป็น Artifact
สาเหตุที่ต้องใช้กายเนื้อแทนที่จะใช้วัสดุที่แข็งแกร่งเหมือนอย่าง Ram และ Rom ก็เพราะการสร้างเซลล์สิ่งมีชีวิตนั้นใช้ต้นทุนต่ำกว่า และสร้างได้รวดเร็ว ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร
นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทหารโคลนไม่ใช่นักรบจักรกล

เธอหยุดแล้วหันมาถามว่า "คุณอยากชมการฝึกของเราหรือ" เธอบอกว่าเธอกำลังจะไปฝึกฝนตามโปรแกรม

"ชมอย่างเดียวมันน่าเบื่อนะ ขอเข้าไปฝึกด้วยได้ไหม?" Kaiser บอก

เธอไม่ว่าอะไร เขามีสิทธิ์ และ Kaiser ก็ได้เข้าไปยังพื้นที่ฝึกฝนของ Clone Trooper

(http://i.imgur.com/a36sVSU.jpg) (http://i.imgur.com/UgTdn4w.jpg) (http://i.imgur.com/Yf4IwPD.jpg[/img [img]http://i.imgur.com/VXYfGQa.jpg) (http://i.imgur.com/Qu1P9lW.jpg)

สิ่งที่เขาเห็นคือ เด็กสาวหน้าตาเหมือนกันเป็นพัน ๆ ในพื้นที่โล่งกว้างที่ใช้ฝึกในรูปแบบที่หลากหลาย
พวกเธอยังแต่งตัว ติดตั้งอุปกรณ์เหมือนกันเปี๊ยบ ที่เห็นเด่นชัดก็คือหมวกเกราะขนาดใหญ่และไม้เท้า
เผลอแป๊บเดียวคนที่เขาตามมาก็หายไปแล้ว

CT-800 คือรหัสของเธอคนนั้น โคลนที่เก่งกาจที่สุดที่ระบบ Rexus บันทึกเอาไว้
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 22, 2015, 09:50:43 PM
(http://i.imgur.com/Ha0f2MY.jpg)

"เฮ้ย เธอมาช้านะ" Sphere ยืนกอดอกอวดศักดาอยู่บนมังกรบนที่ราบกว้างใหญ่ซึ่งมีเพียงเธอและคู่สนทนาที่ไม่อาจบินได้ในสภาวะปกติ
"ฉันเคยคิดว่าเธอจะร้ายกาจเอามากๆ แต่ตอนนี้ฉันเห็นแล้วล่ะว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น" สายตาของ Sphere ที่ฮึกเหิมมาตลอดกลับสงบราบเรียบขึ้นมา

อีกฝ่ายที่ลอยเหนือพื้นประมาณครึ่งเมตรทิ้งร่างลงสัมผัสพื้นก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคที่อีกฝ่ายขี้เกียจจะรับฟัง

"ไร้สาระว้อย คนตายไม่ต้องรู้อะไรหรอก!!"


"ถ้าไม่ริดใบ มันก็ไม่แตกกิ่งก้านหรอกนะ"

"หา ก็ใส่ปุ๋ยเข้าไปสิ"

"เธอจะดันทุรังไปเพื่ออะไร มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว"

"เธอนี่มันเลือดเย็นชมัด"

"ก็แค่เราคิดต่างกัน"

Kaiser VS Bel
Turn 1
Kaiser Acc 4+2
Skill - All For One: M.Atk +1 Def +1 Ⓟ [Nature]
Item - Absolute Defense System: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Kavlar Battle Suit: ชุดเกราะ Def +3, ✪ HP 5 ⓞ [Nature]
Item - Beam Sabre: ดาบลำแสง M.Atk +3 Ⓦ [Innovation] [5/5]

Bel
Skill - Mecha Master: Mecha Summons Status +2, ✪ Mecha/Engineer Ⓟ [Nature]
Skill - Engineer: ทักษะวิศวกร Ⓟ [Nature] ۞
Skill - Mechanical Experience: ลดการใช้ SP 1 เมื่อเรียกใช้ Mecha Summons Ⓟ [Nature]
Item - Mecha Factory: อุปกรณ์เปิดมิติ เรียกใช้ Mecha Summons ได้, ✪ Engineer [Innovation]

Excellent Agi 3+2 (ชนะทาง)
Item - Diamond Dagger: M.Atk +3+2 Agi +1+2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Excellent โจมตีด้วย Atk 18
Kaiser ไม่รอดแน่นอน จบการต่อสู้

เหม่ยซือ VS Yuudachi + Nautilus
Turn 1
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞
Item - Galactic Lancer: ทวนยาวกำไลข้อมือ M.Atk +5 Str +2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Yuudachi Agi 4
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]

Nautilus
Skill - Mecha Master: Mecha Summons Status +2, ✪ Mecha/Engineer Ⓟ [Nature]
Skill - Mechanical Experience: ลดการใช้ SP 1 เมื่อเรียกใช้ Mecha Summons Ⓟ [Nature]
Item - Absolute Defense System: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]
Item - Mecha Factory: อุปกรณ์เปิดมิติ เรียกใช้ Mecha Summons ได้, ✪ Engineer [Innovation]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

เหม่ยซือ โจมตี Knight Magnificent 1 damage

Turn 2
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞
Item - Galactic Lancer: ทวนยาวกำไลข้อมือ M.Atk +5 Str +2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Yuudachi Acc 4+2
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

เหม่ยซือ โจมตี Knight Magnificent 1 damage
Yuudachi โจมตี เหม่ยซือ 1 damage

Turn 3
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞
Item - Galactic Lancer: ทวนยาวกำไลข้อมือ M.Atk +5 Str +2 Ⓦ [Innovation] [3/3]

Yuudachi Agi 4
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Physalis: เกราะประกอบร่าง R.Atk 6 Def +1 Acc +1 (3 Turn) Ⓦ [Innovation] [1/1]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

เหม่ยซือ โจมตี Knight Magnificent 1 damage

Turn 4
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞

Yuudachi Acc 4+2
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Physalis: เกราะประกอบร่าง R.Atk 6 Def +1 Acc +1 (3 Turn) Ⓦ [Innovation] [1/1]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

Yuudachi โจมตี เหม่ยซือ 3 damage

Turn 5
เหม่ยซือ Str 4
Skill - Magic Resistance: Magic Resist Ⓟ [Nature] ۞

Yuudachi Acc 4+2
Skill - Nightmare of Solomon: โจมตีด้วย Atk 11 (AoE) Vit +2 Agi +2 เมื่อหมดสภาพ [Magic]
Item - I-Field Barrier: ระบบสร้างสนามพลัง Guard 5 ⓞ [Innovation] [3/3]
Item - Physalis: เกราะประกอบร่าง R.Atk 6 Def +1 Acc +1 (3 Turn) Ⓦ [Innovation] [1/1]

Knight Magnificent Vit 4
Skill - Safeguard: รับอุปสรรคแทนเป้าหมายได้ [Nature]
Item - The Royal Queen: ดาบแปรสภาพเป็นโล่ Guard 5 ⓞ [Innovation] [4/4]

Yuudachi โจมตี เหม่ยซือ 3 damage

เหม่ยซือหมดสภาพ

Jarnu VS BB + Canone + ว่านหางจระเข้
Turn 1
Jarnu Acc 4 (Buff องครักษ์ Atk +2)
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

BB Int 3+2 (Buff จาก ว่านหางจระเข้)

Jarnu ชนะทาง โจมตี Atk 20 ทีเดียว Canone หมดสภาพ

Turn 2
Jarnu Acc 4 (Buff องครักษ์ Atk +2)
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

BB โดนทีเดียวหมดสภาพ

Turn 3
Jarnu Acc 4 (Buff องครักษ์ Atk +2)
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

ว่านหางจระเข้ โดนทีเดียวหมดสภาพ

จบที่ Turn นี้

Turn 4
Jarnu Acc 4
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

Turn 5
Jarnu Acc 4
Skill - Future Vision: Int +2 Acc +2 Ⓠ [Nature] [1 SP]
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

Turn 6
Jarnu Vit 4+1 (Buff องครักษ์ หนีสำเร็จ)
Skill - Magic Resistance: Magic Resist, ✪ Artifact Ⓟ [Nature]
Item - Gungnir: หอกวิเศษในตำนาน Atk 6 (Sharp) 100% Ⓦ [Spirit]
Item - REX Reactor: อุปกรณ์เสริมพลัง Atk +2, ✪ Artifact Ⓟ [Nature] ۞

Quote
Kaiser ใช้ Acc ทุกเทิร์น เทริ์นที่ 6 - 9 ใช้ Emperor Eyes

[ Turn 1 ]
อัญเชิญ Excellent ออกมาตั้งรับด้วย Agi

[ Turn 2 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9
Belphegor ใช้ ภาพน่าอายของ Kaiser ใส่ Kaiser

[ Turn 3 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 4 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 5 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 6 ]
Excellent ใช้ Diamond Dagger โจมตีด้วย Agi 8 M.Atk 9

[ Turn 7 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย M.Atk 4

[ Turn 8 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย M.Atk 4

[ Turn 9 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย R.Atk 2

[ Turn 10 ]
Excellent ใช้ Agi 5 โจมตีด้วย R.Atk 2


Quote
Jarnu
Turn 1-5 ใช้ Acc + Future Vision
Turn 6-10 ใช้ Vit + หนี
Rolled 5d10 : 3, 5, 3, 7, 5, total 23

BB + Canone + ว่านหางจระเข้

Turn 1 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้พร้อมสกิล Particle field + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 2 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 3 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 4 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 5 : Int 3 + 2

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้ + ว่านกด Advice ใส่ BB

Turn 6 : Agi 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 7 : Acc 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 8 : Agi 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 9 : Acc 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้

Turn 10 : Agi 4

BB ขี่มังกรไปตบ + Canone safeguard ให้


Quote
เหม่ยซือ ใช้ Str ทุกเทิร์น + Galactic Lancer ตั้งแต่เทิร์นแรก
Yuudachi + Nautilus

ยูดาจิกระโดดลงจากหลังมังกรเพราะรู้ว่ามังกรไม่อาจจะทำอันตรายอะไรเหม่ยซือได้

Turn 1 : Agi 4

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 2 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 3 : Agi 4

Yuudachi โจมตีด้วยเกราะประกอบร่าง + Knight กด Safeguard ให้

Turn 4 : Acc 6

Yuudachi โจมตีด้วยเกระาประกอบร่าง + Knight กด Safeguard ให้

Turn 5 : Agi 4

Yuudachi โจมตีด้วยเกระาประกอบร่าง + ใช้ Spirit of element เพิ่ม Atk + Knight กด Safeguard ให้

Turn 6 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + ใช้ Spirit of element เพิ่ม Atk   + Knight กด Safeguard ให้

Turn 7 : Agi 4

Yuudachi เอาหมัดต่อย + ใช้ Spirit of element เพิ่ม Atk  + Knight กด Safeguard ให้

Turn 8 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 9 : Agi 4

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

Turn 10 : Acc 6

Yuudachi เอาหมัดต่อย + Knight กด Safeguard ให้

ยังไง Knight ก็น่าจะพัง แต่เพราะเป็นตัว Summon + ไม่ได้สั่งให้ไปรบ (แค่กด Safeguard ดังนั้นพอตายแล้วจึงไม่โดน AOE แหละนะ


Sphere เสียชีวิต
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 22, 2015, 11:24:30 PM
พวกเขาประมาทเกินไป Jeneral Jarnu ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาจะคาดคิด เธอถูกสร้างมาจากอวกาศ ตัวตนของเธอคืออวกาศ เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง และอยู่เหนือวิทยาการใดๆ
กลุ่มล่าสังหารที่ตามไปพบเพียง Sphere ที่พิงซากมังกรในสภาพไร้ชีวิต หน้าอกฝั่งซ้ายของเธอถูกทะลวงแทงด้วยอาวุธมีคมบางอย่างเพียงจุดเดียว ราวกับการต่อสู้จบลงในพริบตาเดียว


"เราไม่อนุญาตให้พวกเจ้าโผบินออกนอกกฎเกณฑ์ที่เราวางเอาไว้"

และอึดใจต่อมาอาณานิคม Savior ที่กินอาณาบริเวณกว่าสี่แสนตารางกิโลเมตร (เกือบเท่าประเทศฝรั่งเศส) ก็หายไปจากยาน Rexus ด้วยลำแสงที่สาดลงมาจากทุกทิศทาง พร้อมประชากรในดินแดนนั้น
ซึ่งเหตุการณ์นี้คือสิ่งที่ Colonel คาดหวังเอาไว้

(http://i.imgur.com/SLmreQW.jpg)

"ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรสงครามก็ต้องเกิดขึ้น" Colonel ออกทุนให้กับ Savior ในการลอบสังหาร เธอคาดเดาได้ว่าหากงานนี้พลาด Savior จะล่มสลายอย่างแน่นอน
แต่ระบบ Rexus มีเงื่อนไขบางอย่าง มันจะไม่ทำงานต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง และนั่นเองที่ทำให้ Regalia ภายใต้การนำของ Colonel กรีทาทัพโจมตี Capital

(http://www.mx7.com/i/46a/Zms98j.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yG7Hqu1eo5vOZuob)

กองทัพโคลนกว่าแสนบุกโจมตีข้ามดินแดนทันทีเมื่อพวกเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่อาจใช้อำนาจของ Rexus ได้ จนเกิดเป็นสงครามใหญ่ที่หลายฝ่ายเข้าร่วมกับขั้วอำนาจที่ตนหนุนหลัง

BB ที่ผิดหวัง เศร้าเสียใจกับการตัดสินใจของตนถึงกับหมดอาลัยตายอยาก ทุกอย่างมันไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด และมันเลวร้ายลงเสียอีก
แล้วเขาก็หายตัวไป คาดว่าคงไปใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาจนกว่าลมหายใจที่ไร้ค่าของเขาจะดับลงอยู่ที่ไหนสักแห่ง

กระทั่ง 1 ปีต่อมาเมื่อสงครามมาถึงจุดแตกหัก Jeneral Jarnu ได้สังหาร Colonel ที่เป็นหนามยอกอกของตนเองลงได้สำเร็จและกำชัยชนะเหนือกองทัพ Regalia อย่างเด็ดขาด

ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 23, 2015, 12:58:02 PM
Quote
([url]http://i.imgur.com/ED6eQwQ.jpg[/url])

"เพราะฉันต้องการสนับสนุนเธอให้กุมอำนาจสูงสุด"
"เธอเป็นเครื่องมือของฉัน ฉันจะใช้เธอ และเชิดเธอ ให้เป็นหุ่นกระบอกโง่ ๆ ตัวหนึ่ง ฉันจะทำให้เธอทรงอำนาจเหนือใคร และฉันกำลังทำอย่างนั้น"
"แยร์นูรู้ดีว่าฉันคิดอะไร เธอก็แค่แกล้งโง่ แกล้งตาบอด ปล่อยให้ฉันวิ่งวนบนฝ่ามือของเธอ ฉันคิดว่าเธอเชื่ออย่างนั้น"

"พวกเราต่างรู้ไส้รู้พุงกัน และใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน"


([url]http://i1338.photobucket.com/albums/o697/PhoenixSD1/95f7c5dc-99f4-4fcc-be63-deed667146cf_zpszo2btht3.jpg[/url])

"เธอจะทำอย่างนั้นไปทำไม? เป้าหมายของเธอคืออะไรกันแน่ เธอต้องการอะไรเมื่อทำสำเร็จ"
"แล้วสเฟียร์ล่ะ ก่อนหน้านี้เธอไปอยู่กับพวกBlacktroop ทำไม หรือเธอคิดว่าพวกblacktroop จะยึดอำนาจได้ แล้วก็เชิดพวกนั้นเหมือนกัน"

เหม่ยซือเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบเขา

"นายคงไม่ได้คิดว่ามีแค่พวกเราที่ออกเดินทางมาจาก Rexus" เหม่ยซือพูดขึ้น และบอกในสิ่งที่ Kaiser คงไม่รู้

Quote
([url]http://wudthipan.com/fucko/_images/5be74c1fe9c585a9578783b3771940bd/3812%20-%20Background.jpg[/url])

8 ปีหลังมานี้เราไม่ได้เดินทางโดยสงบราบรื่น คนทั่วไปไม่รู้หรอกว่ามีสงครามเกิดขึ้นตลอดเวลา
เป็นภาพของ Jarnu ที่หยิบยืมพลังจาก Rexus บินอยู่ในอวกาศ พลิ้วหลบลำแสงที่สาดไล่หลังรวมไปถึงจรวดอาคม ก่อนที่เธอจะพลิกตัวกลับแล้วสวนไปด้วยลำแสงสีทอง ทำลายกองยานอีกฝ่าย
แต่ถ้าไม่ใช่ระบบบาเรียอวกาศช่วยป้องกันเอาไว้เธอคงเป็นผงไปแล้ว เมื่อปืนใหญ่พิสัยไกลจากยานแม่อีกลำยิงเข้าใส่จากอีกด้านหนึ่ง ลำแสงนั้นใหญ่มหึมาขนาดกลืนร่างเธอได้


([url]http://i.imgur.com/479yLLh.jpg[/url])

"VF746 ตอบกลับด้วย" เธอติดต่อไปยังกองยานที่สกัดกั้นกำลังรบหลักของศัตรูในขณะที่บินหลบลำแสง ยิงจรวดทิ้งเป็นพัลวัน แต่ก็ไม่ได้รับสัญญาณตอบกลับ
ในศึกนี้ Jarnu สามารถทำลายกองยานแนวหน้าได้ ยังผลให้ Biore ทะลวงถึงยานแม่ของศัตรูและบดขยี้มันได้สำเร็จ

นี่เป็นหนึ่งในสงครามที่เราพบเจอมากกว่า 32 ครั้ง ในรอบ 8 ปี คนที่ปกป้องยาน Rexus คือ White Trooper โดยมี Jarnu เป็นกำลังรบหลัก



"ศัตรูแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งเราคงจะเจอกับศัตรูที่เหนือกว่าเรา"


(http://wudthipan.com/fucko/_images/b3eab66de554f0ab28b73a1cdd5e6ed8/3770%20-%20Background.jpg)

เกมเซนเตอร์มีหลากหลายประเภท เป็นเครื่องเล่นบันเทิงสำหรับทุกชนชั้น เกมที่มีให้เล่นก็มีตั้งแต่ระดับค่าฮอทดอกไปจนถึงค่าเข้าพักโรงแรมหรู
Nu กำลังพยายามเล่นเกมยานแข่งกับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่แล้วก็แพ้

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"โอ้ โห ฉันแพ้อีกแล้วเหรอ ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ อ๊าา เอาใหม่!" แล้วเธอก็หยอดเหรียญอีก

Yuudachi เอียงคอมองแล้วเดินไปดูอีกฝั่งว่าใครนั่งเล่นอยู่กับ Nu ใครกันนะที่ทำให้ Nu แพ้ได้

(http://www.mx7.com/i/cf8/biWbVi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yxbWUvuxl0rRLrOJ)

"ยูดาจิเก่งกว่าเดิมแล้วนะโป้ย คราวนี้แหละ ยูดาจิไม่แพ้แน่โป้ย" อย่ามามั่ว เธอขึ้นเขาไปฝึกวิชาเพิ่งลงมา เคยไปสู้กันตอนไหน

Yuudachi แม้จะช้าเป็นเต่าป่วยไม่เปลี่ยน แต่เธอก็มีเครื่องเจ็ทที่ Nautilus สร้างให้ชั่วคราวให้ส่งตัวให้พุ่งออกไป
ขีปนาวุธที่อุ้มมากระแทกเข้าไปเต็มหน้าของ Biore ก่อนที่เธอจะฉากหนีด้วยเครื่องมือวาร์ปพอร์ทัลก่อนที่มันจะระเบิด

(http://i.imgur.com/XYruCpd.jpg)

สารพัดอาวุธที่แบกขนออกมาถูกยิงซ้ำเข้าไปในหมู่มวลเมฆเพลิงตรงหน้าจนกระทั่งเธอมั่นใจว่าเป้าหมายนิ่งสนิทจึงลดปืนลง
แต่แขนกับขาของเธอก็ขาดกระเด็นในช่วงวินาทีนั้นด้วยลำแสงอาคมที่ยิงทะลวงออกมาจากเป้าหมายที่น่าจะแน่นิ่งไปแล้ว

(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"ฉันสบายดี แต่เธอคงไม่ค่อยสบายสักเท่าไร" Biore ในสภาพรุ่งริ่งดูไม่จืดพุ่งเข้าใส่ Yuudachi ที่แทบจะสิ้นสภาพในการสู้รบ
ทั้งสองก็ยังปะทะกันที่กลางอากาศ มันเป็นการต่อสู้ของสองเผ่าพันธ์ Artifact หรือ สิ่งประดิษฐ์ที่มีชีวิตและเจตจำนงค์ของตนเอง

หัวของ Yuudachi แทบจะถูกกระชากหลุดถ้าเธอหลบไม่ทัน แต่กำปั้นของเธอก็ซัดจน Biore หมุน 360 องศา
Bel ละสายตาจากการดวลของทั้งสองมาสั่งการต้านรับทหารโคลนแทน Vios ที่นอนนิ่งและกำลังสั่งเสีย
(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"สบายดีไหม ฉันคิดว่าคุณคงสบายดี" Biore หันมาทักทาย เธอนี่แหละที่ทำให้ Nu โวยวายได้
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ พรมลิขิต? โชคชะตา? ทั้งสองเคยแทบจะฆ่ากันมาตายมาก่อนแท้ ๆ นะ แต่วันนี้ทั้งสองมาเผชิญหน้ากันในร้านเกม

(http://i.imgur.com/3HhfKsz.jpg)

"ไม่เจอกันตั้งนานนะโป้ย"


Yuudachi เนียนไหลลื่นไปได้ตอนคุยเรื่องเกม เช่นเดียวกับ Biore ที่มีศักยภาพในการไหลลื่นเช่นกัน นั่นทำให้ Nu ไม่เบื่อหน่ายที่ได้มากับทั้งสอง

กระทั่งมาถึงเรื่องซีเรียส 'สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ' ก็มีความหมายเดียวกับ 'การคัดเลือกของธรรมชาติ'
มนุษย์เราหรือสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งหมดทั้งปวงในจักรวาลนั้นก่อเกิด ดำรงอยู่ และดับสูญไป เวียนว่ายวนกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยมีสิ่งที่เร้าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

(http://i.imgur.com/Ie2Z4v8.jpg)

"วิวัฒนาการ" Biore พูดขึ้น เธอรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะเธออยู่กับ Nu มาตลอด

(http://i.imgur.com/gjXc352.jpg)

"อ๊ะ ใช่ วิวัฒนาการไงล่ะ อย่างหมู่ดาวโอเชียน่าที่ผ่านมา สิ่งมีชีวิตของหมู่ดาวเหล่านั้นอาศัยในอวกาศได้ มีร่างกายที่ใหญ่โต มีความดุร้าย และไม่ต้องการภาษาในการสื่อสาร"
"เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เพราะสภาพแวดล้อมที่ทำให้ประชากรของถิ่นที่อยู่นั้น ๆ เปลี่ยนรูปลักษณ์ไป เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเรา ไม่เหมือนกันเลย"
"ฉันกำลังจะบอกว่า ถ้ามีสิ่งเร้าที่บีบคั้น พวกเขาที่เหมือนกับปรสิตยักษ์นั่นก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก พวกเขาอาจจะทรงพลังยิ่งกว่าเราก็ได้"

วีรบุรุษอาจจะเกิดขึ้นกลางสนามรบเพราะเขาเก่งกาจอยู่แล้ว หรือบางที... เพราะมีสงครามจึงทำให้เขาเก่งกาจขึ้น


แล้ว Nu ก็ถอดหมวกออก ปล่อยมันลอยไปในอาณาบริเวณของห้องควบคุมแรงโน้มถ่วง

(http://i.imgur.com/RVPj1F7.jpg)

"เธอล่ะ อยากเก่งหรือเปล่า"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 23, 2015, 03:34:58 PM
(http://i.imgur.com/mtoDqcc.jpg)

เมื่อสมัยเด็ก ฉันมองไปที่ฟากฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นแสงระยิบระยับหลายต่อหลายกระจุก ฉันมองเห็นสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น พวกเขาบอกว่านั่นคือดวงดาว
ฉันได้รู้ว่าผืนดินที่ฉันยืนอยู่นี้คือดาวดวงเล็ก ๆ ดวงหนึ่งในวันที่ฉันได้ถือมัน วัตถุที่ยิงออกไปเป็นแสงที่คล้ายกับดวงดาว แม้ว่ามันจะไม่ได้ส่องประกายระยิบระยับ
เพื่อนของฉัน พี่น้องของฉันล้มตายจนหมดสิ้นด้วยแสงที่พวยพุ่งออกมาเป็นสายคล้ายกับฝนที่พุ่งในแนวระนาบกับผืนดิน

จากเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ที่พวกเขาเรียกมันว่าอะไรสักอย่าง


ฉันเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ บนก้อนหินก้อนหนึ่งในอวกาศ ก้อนหินที่เรียกว่าดาวเคราะห์


(http://wudthipan.com/fucko/_images/b8f05babfcef2cfc2aad1d8c787cd1d9/3761%20-%20Background.jpg)

ภายใต้การดำเนินโครงการ STARLIGHT และสนธิสัญญา STARLIGHT
สงครามกาแล็คซี่ที่ดำเนินมายาวนานได้จบลงเมื่อเหล่าขั้วอำนาจในระบบดาวต่าง ๆ ที่เป็นแกนหลักของสงครามตกลงกันได้
มันเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนและละเอียดอ่อนในระดับกาแล็คซี่ ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าใจได้ง่ายนัก และบางทีมันอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณจะต้องสนใจมันอีก

เพราะคุณอาจจะไม่มีวันได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว ไม่สิ คุณอาจจะไม่ต้องการกลับมาอีกแล้วก็เป็นได้


(http://wudthipan.com/fucko/index.php?q=/image/2046.jpg)

"ก็แค่เศษเสี้ยวของพลังอำนาจมันมาฝังอยู่ในตัวของพวกเรา" นายพล Osy แห่งจักรวรรดิ Noun หนึ่งในเผ่าพันธุ์ Rex ที่เคยเรืองอำนาจเอ่ยขึ้น
ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นปราการยักษ์ Innocent Tower และอพยพไปจากกาแล็คซี่ Rexus พร้อมกับประชากรชนเผ่า Noun อีกกว่าสิบล้าน
ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดินีแห่ง Noun ที่ต้องการหนีจากสงครามเพื่อไปสร้างอาณานิคมใหม่ในที่ ๆ ห่างไกลจากผู้ล่าด้วยกันเอง


ไร้สาระ พวกเขาไม่ได้ต้องการสำรวจอวกาศ พวกเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นมาตั้งแต่แรก

ก็แค่กาแลคซี่ Rexus มันคับแคบเกินไปที่ผู้ล่าจะอยู่ร่วมกัน


(http://wudthipan.com/fucko/_images/209bd734e46d2d7fe65009a40e7d1e19/3900%20-%20Event.jpg)

Episode 5

ไม่ได้มียานลำนี้เพียงลำเดียวที่เข้าโครงการ STARLIGHT แต่ยังมีนับล้านๆๆๆ
ประชากรหลากหลายเผ่าพันธุ์จากกาแลคซี่ Rexus ต่างเป็นผู้ล่า พวกเขาล่าได้ทุกอย่าง ...แม้แต่ผู้ล่าด้วยกัน

แสงสว่างวูบเพียงพริบตาจากลำแสงอาคมของยานยักษ์ที่ไล่หลังมายังผลให้ Rexus ที่ใหญ่โตมีขนาดเท่าดาวโลกแหว่งไปเกือบหนึ่งในสี่

Rexus คือชื่อของยานเดินทางขนาดยักษ์ลำนี้ ซึ่งในบรรดาดาวที่ส่งยานออกเดินทางก็มีชื่อนี้กันมากกว่า 90% จนต้องมีการใส่รหัสสุดแสนจะยาวยืดต่อท้าย
คงไม่มีใครอยากมานั่งจดจำรหัสที่เป็นเลขสากล 499 หลัก ทุกคนบนยานจึงรู้จักและจดจำเพียงแค่ Rexus เท่านั้น (ยานลำอื่นส่วนใหญ่ก็ชื่อ Rexus)



Management Turn 5 (ของ MW) ก่อนเข้าสู่ Episode 5 ช่วง Adventure
โพสกระทู้ MW ของตนเอง
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on October 23, 2015, 10:27:17 PM
(http://www.mx7.com/i/c86/p3nyYO.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yGfkM87nKD376f1M)

"สิ้นหงส์ มังกรมลาย เต่าดำตาย เสือขาวพินาศ"

สัตว์เทพประจำทั้งสี่ทิศ หงส์ มังกร เต่าดำ และเสือขาว
เมื่อทิศหนึ่งตาย อีกทิศตรงข้ามก็มลายไปด้วย

หงส์ - Jarnu เหม่ยซือ
มังกร - Nu Biore
เต่าดำ - Sphere BB Vios
เสือขาว - Colonel

หาก Jarnu ถูกลอบสังหารเสียชีวิต Nu และ Biore ก็จะตายหรือสิ้นบทบาทตามไปด้วย
หาก Jarnu รอดไปได้ Sphere และ BB จะตาย ยังผลให้ Colonel ตายตามไป

ตอนนี้เหลือเพียงหงส์และมังกร ทั้งสองจะค้ำยันและเกื้อหนุนกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป อีกฝ่ายจะตายตามกัน
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on November 10, 2015, 09:59:06 AM
([url]http://wudthipan.com/fucko/_images/222fcfdc27478bf49379c711576338fa/3801%20-%20Background.jpg[/url])

1000 ปีต่อมา อาณาจักร Taranta

ทาแร หรือธารา ทายาทที่เก่งกล้าที่สุดของทาแรนตูล่า ปฐมกษัตริย์แห่ง Taranta ผู้เก่งกล้าสามารถ
นางก้าวขึ้นมาเป็นราชินีได้ด้วยการต่อสู้กับกบฎและพี่น้องร่วมสายเลือดหลายฝ่าย อย่างที่รู้กันว่าปฐมกษัตริย์มีพระมเหสีมากมาย จึงมีรัชทายาทไม่น้อยเช่นกัน
ธาราแทบจะถอดแบบมาจากทาแรนตูล่า นางเก่งกาจ และกล้าหาญ (ประวัติศาสตร์บันทึกช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของทาแรนตูล่า)


([url]http://i.imgur.com/kxzSf7z.jpg[/url])

"ข้าไม่เข้าใจว่าประวัติศาสตร์ตลอดพันปีของเราคืออะไร เมืองที่ว่างเปล่า ผู้คนที่ว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ"
"เมืองของข้ามันดูว่างเปล่า ทุกอย่างว่างเปล่า พวกเราต่อสู้กับกองทัพวานร และใช้ชีวิตที่ว่างเปล่า"

"ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าข้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของความว่างเปล่านี้"

Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on November 12, 2015, 04:11:08 PM
(http://i.imgur.com/vYKK46G.jpg)

"และอย่างที่เธอเข้าใจ แต่ก็ไม่ถูกนัก เราจะมีตัวตน แต่เราจะไม่อยู่ใต้กฎเกณฑ์ของเอกภพ ใต้กฎของจักรวาล"
"เราจะเป็นตัวตนของทุกสิ่งทุกอย่าง เราจะเป็น... จักรวาล"

พระองค์ทรงประทานพรวิเศษให้แก่ผู้หมั่นกระทำความดี และยึดมั่นในศีลธรรม
หากผู้ใดประพฤติเพื่ออุทิศถวายแก่พระองค์แลปรารถนาสิ่งวิเศษใด พระองค์จะประทานพรนั้น
เมื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว ภายภาคหน้าหากกระทำผิดไปจากความดีงาม ผู้นั้นจะเกิดวิบัติในชีวิต

    มีความเชื่อกันว่าพระศิวะนั้น สามารถช่วยปัดเป่ารักษาเยียวยาอากาศเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ได้อย่างมหัศจรรย์นัก หากผู้ใดที่เจ็บป่วยหรือต้องการขอพรให้คนในครอบครัวหายเจ็บไข้ได้ป่วย
    ถ้ากระทำการบวงสรวงบูชาและขอพรจากพระศิวะ ก็มักปรากฏว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นถูกปัดเป่าให้หายไปได้โดยสิ้นในเร็ววัน
    พระองค์เป็นเทพที่จะคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นศิริมงคลเกิดขึ้น ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด
    หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ด้วยเช่นกัน

    พระศิวะนั้นเป็นเทพที่จะอำนวยพรประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงวัว เลี้ยงม้า หรือเลี้ยงแกะ
    และอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรทั้งปวงก็จะมีความสำเร็จและมีความสมบูรณ์พูนสุข หากบวงสรวงบชาพระศิวะ

    พระศิวะ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งการทำลายล้าง พระองค์เปี่ยมไปด้วยอำนาจ พระพักตร์ของพระองค์แสดงให้เห็นว่าเป็นทั้งชาย เป็นทั้งหญิง เป็นทั้งผู้ใจดี เป็นทั้งผู้ดุร้าย
    จากชิ้นฝุ่นธุลี ไปจนถึงภูเขาหิมาลัย จากมดตัวเล็ก ๆ ไปจนถึงช้างตัวใหญ่ จากมนุษย์ไปจนถึงพระเป็นเจ้า อะไรก็ตามที่เราสามารถเห็นได้นั้น เป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งหมด


บุคคลผู้มีสติปัญญาทุก ๆ คนควรพิจารณาถึงตัวเอง และสิ่งทั้งหลายของสากลโลกเป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งสิ้น
เมื่อคิดระลึกได้อย่างนี้แล้วผู้นั้นก็จะเข้าถึงความสุขความสงบ



ณ สถานที่อันห่างไกล...

(http://i876.photobucket.com/albums/ab325/falconzero/Avatar-Baron-mini_zps59b9aaa0.jpg)

"หากตอบตกลงก็คงไม่แคล้วกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง หรือก็คือทุกคนกลายเป็นพระศิวะ และพระศิวะก็คือทุกคน"
"โลกที่สงบสุข ไม่มีสงคราม ไม่มีความตาย ก็คือโลกที่ทุกคนเป็นสิ่งเดียวกัน เป็นคนคนเดียวกัน เป็นเหมือนๆ กันหมด ไม่มีสิ่งใดแตกต่าง"
"ในเมือไม่แตกต่าง ก็ไม่ต้องแตกแยก ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องการสิ่งใดเลยเพราะตัวเองคือทุกสิ่งอยู่แล้ว"

"ผู้ที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์แห่งจักรวาลจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจักรวาลแห่งนั้น หรือ... Ruler"

"Ruler คือตัวตนของจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่าง Ruler จะกำหนดขึ้น"
"พวกเขากำลังจะเป็นพระเจ้าของจักรวาลนั้น แต่พวกเขาไม่มีวันทำมันได้ ไม่มีใครที่จะมีอำนาจเหนือกฎแห่งจักรวาล"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on November 15, 2015, 04:57:58 PM
(http://upic.me/i/9l/1kbel.png)

  'ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีกฏตายตัวของมันอยู่ อยู่ที่ว่าพวกเราจะเข้าใจและรับรู้ ถึงกฏตายตัวที่ว่านั้นมากน้อยเพียงใด' นั้นเป็นสิ่งแรกที่แม่ของเธอ ได้สอนให้เธอรู้
ทานตะวันหันหน้าไปตามแสงของดวงอาทิตย์, ความฉลาดชนะกำลัง, กำลังชนะความอึด, ความอึดชนะความว่องไว, ความว่องไวชนะไหวพริบ, และไหวพริบชนะความฉลาด
พวกนั้นคือกฏของโลกที่ไม่มีใครจะสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ นอกจากพระเจ้าที่สร้างอวกาศแห่งนี้ขึ้นมา ... แล้วพระเจ้าที่สร้างอวกาศแห่งนี้ขึ้นมา เกิดมาจากอะไรกันล่ะ?
คำถามที่แสนชวนมึนหัวผุดขึ้นมาภายในห้องของเด็กน้อยขี้สงสัย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยหยิบยืมมือของคนอื่นให้ช่วยเลยสักครั้ง ใช่ .. ครั้งนี้ก็เช่นกันที่เธอเลือกที่จะหาความรู้ด้วยตัวเอง
เธอพยายามหาข้อมูลต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ทั่วทั้งกาแล็คซี่ที่กำลังเกิดสงครามอย่างบ้าคลั่งและยืดเยื้อมาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเกิดเสียอีก แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับตัวของเธอ
ข้อมูลที่เธอรวบรวมมาได้นั้นล้วนแล้วมีแต่เพียงแค่ความเชื่อที่ไม่มีหลักเกณฑ์ข้อเท็จจริงอะไรทั้งนั้น แต่ทำไมกันละ? ทั้งที่ไม่มีหลักเกณฑ์ข้อเท็จจริงอะไร แต่ทำไมคนก็ยังคงเชื่อกันอยู่
และนั้นก็เป็นอีกคำถามที่ผุดออกมาภายในหัวเด็กน้อย หลังจากที่เธอได้คำตอบแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมันก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดคำถามที่เธอหาพวกนั้นก็กลายเป็นพลังให้แก่เธอ
ยังมีคำถามอีกมากมายที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้จากมัน และแต่ละครั้งที่เธอหาคำตอบได้ก็ใช่ว่าคำถามที่ผุดขึ้นมาถามต่อนั้น มันจะมีเพียงแค่คำถามเดียว
และนั้นก็เป็นทั้งสาเหตุและคำตอบที่ว่า ทำไมภายในหัวของเธอถึงมีคำถามมากมายนับไม่ถ้วนนั้นเอง คงจะดีถ้าหากมีวันใดที่เธอจะละทิ้งคำถามเหล่านั้นแล้วกลับไปเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดา
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on November 15, 2015, 05:02:57 PM
(http://upic.me/i/2g/wbel1.png)

"ฉันพยายามค้นหาคำตอบนั้น ในความมืด ที่ไร้แสงและสี"

"ทำไม ทำไมล่ะ ทำไมเหรอ"

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม


(http://upic.me/i/o0/zbel2.png)

"กระทั่งฉันได้พบมัน"
Title: Re: [STARLIGHT] Story
Post by: Johan on November 15, 2015, 05:19:44 PM
(http://www.mx7.com/i/1fc/6h3Tro.png) (http://www.mx7.com/view2/yJaSwJvdyxHNh7aO)

มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ตอบได้

พระเจ้าของเอกภพแห่งนี้

ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง

ผู้บันดาลได้ทุกสิ่ง