* ห้องโถงรับแขก

Refresh History
  • Johan: [link]
    July 21, 2023, 11:25:58 AM
  • Johan: อันนี้ครับ
    July 21, 2023, 11:26:02 AM
  • Johan: จริงๆไม่เชิงลงแข่งเพราะเป็นพาร์ทเนอร์กับบุสดีอยู่แล้วเลยอดชิงรางวัลที่ 1 2 3 (3000 บาท...) ก็จะไม่ไปแย่งรางวัลส่วนนี้กับหน้าใหม่ แต่ลงเพื่อชิงรางวัลเซ็นสัญญา รางวัลอันนี้ไม่จำกัด ได้เงินเยอะมาอุดส่วนที่ต้องเอาไปจ่ายให้นักวาด
    July 21, 2023, 11:28:55 AM
  • Johan: ช่วงก่อนวันที่ 10 เลยต้องเร่งเตรียมไฟล์ + เขียนเรื่องไว้เปิดตัวให้ปังๆ เพราะงบวาดนี่แพงเข้าเนื้อ วาดเยอะไม่ไหว มาเน้นการนำเสนอด้วยเส้นเรื่องหลายทางเลือกดีกว่า
    July 21, 2023, 11:31:12 AM
  • lostlance: งี้นี่เองงง
    July 21, 2023, 07:09:04 PM
  • Qiao: อยากเล่นแนว fear and hunger 1-2 ก็ได้
    August 28, 2023, 10:56:33 PM
  • lostlance: ผมว่าเกมมันหลอนไป
    August 31, 2023, 10:47:07 AM
  • Johan: สลัดทั้งงานราษฎร กับงานหลวงไม่ออก น่าจะมาต่อสักใกล้ๆปลายปีนะครับ
    September 29, 2023, 06:48:36 PM
  • Bloody Rabbits: รออยุ่ว
    September 29, 2023, 10:01:26 PM
  • lostlance: ที่โพสใหม่นั้นสแปมหรืออะไรน่ะ
    October 05, 2023, 02:12:26 PM
  • Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ
    December 02, 2023, 01:55:59 AM
  • Johan: สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนยุ่งๆงานเยอะๆ
    January 01, 2024, 11:30:01 AM
  • Johan: อยากมาต่อ แต่เคลียรืเวลาไม่ลงตัวเลย
    January 01, 2024, 11:30:18 AM
  • Johan: Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ <<< ตอบแล้วๆ (เกมบ้าอะไรฟระ โพสละครึ่งปี)
    January 01, 2024, 11:35:44 AM
  • lostlance: สวัสดีปีใหม่ครับบ
    January 01, 2024, 08:58:21 PM

Author Topic: Gungnir Genesis II : God's Guillotine (ปิด | จบเกม)  (Read 452 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Thyself

Gungnir Genesis II : God's Guillotine
เทพนิยายผู้กล้าปราบกลียุค 2 : แท่นประหารเทพ




เรต : PG13+
แนวเกม : แฟนตาซี , ผจญภัย , โรลเพลย์ , ไม่มีลูกเต๋า
ความยาวของเกม : ประมาณ 1 เดือน



นานแสนนานมาแล้ว เทพธิดาก่อกำเนิดขึ้นจากแสงสว่างและความมืด นางอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าอย่างโดดเดี่ยว
นานแสนนานมาแล้ว เทพธิดาเหม่อมองความว่างเปล่า นางกางฝ่ามือออก ไม้เท้าในมือขวาเปล่งแสงขึ้น




"Birth..."

พื้นพิภพถือกำเนิดขึ้นเพียงแค่นางเอ่ยปาก

...

นั่นเป็นตำนานการก่อกำเนิดของ Gaia เมื่อนานมาแล้ว เป็นนิทานที่เล่ากันรุ่นสู่รุ่น ไม่มีใครหาเครื่องยืนยันได้ แต่ไม่มีใครหาข้อโต้แย้งได้เช่นกัน
เป็นเวลานานหลายพันปี ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีสุข บนดินแดนของแสงอาทิตย์อ่อนโยน ใบหญ้าพริ้วไหว สายน้ำชุ่มชื่น และสายลมแผ่วเบา

แต่แล้วก็ถึงจุดสิ้นสุด เมื่อดินแดน Gaia ประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว อากาศวิปริต
ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากและธรรมชาติเกือบทั้งหมดต้องตายลงไป พื้นพิภพกลับเข้าสู่ความแห้งแล้ง ก่อเกิดกลียุคขึ้น ผู้คนปล้นฆ่าแย่งชิงกันทุกหัวระแหง

ในตอนนั้นเอง เทพธิดาได้ลงมายังพื้นพิภพ นางกล่าวว่า "เสาของโลก" หรือ Gungnir หายสาบสูญไป
เสานี้มีไว้เพื่อค้ำจุนความสมดุลและความสงบสุขของพื้นพิภพ แต่มันกลับถูกใครบางคนขโมยไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

นักเดินทางจำนวนมากจึงร่วมมือกันออกตามหา "เสาของโลก" เพื่อยุติกลียุคครั้งนี้

และนั่น ก็เป็นเรื่องของเมื่อ 2 ปีก่อน...




สายลมพัดพาเรื่องราวเก่า ๆ ให้ผ่านหายไป และนำเอาเรื่องราวใหม่ ๆ มาเยือน
เป็นเวลา 2 ปีแล้ว ที่กลียุคยุติลงจนได้ หลังจาก "เสาของโลก" ถูกนำกลับไปไว้ยังที่ ๆ มันควรจะอยู่ตั้งแต่ต้น

เมืองดีวาลยังคงสงบสุข แต่แนวทางการปกครองก็เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับการเปลี่ยนอำนาจของผู้ครองเมือง
องค์ดีวอนที่สามสละราชบังลังก์ และไปใช้ชีวิตบั้นปลายอันสงบสุขที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมด

จากนั้นองค์ดีวอนที่สี่ก็ขึ้นครองราชย์ เขาปรับเปลี่ยนแนวทางของเมือง จากเมืองที่เน้นการค้าเป็นหลัก กลายเป็นเมืองที่เน้นการรบเป็นหลัก
ภายในระยะเวลาปีแรก เขาฝึกกองทหารที่มีมากมายอยู่แล้วให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และใช้เวลานั้นสะสมเสบียง และยุทโธปกรณ์ไปพร้อม ๆ กัน
จากนั้นอีกไม่ถึงปี เขาก็ยาตราทัพออกไปพิชิตเมืองใหญ่ทั้งสี่ ทั้งทางเหนือ ใต้ ตะวันออก และทางตะวันตก จนแตกพ่ายอย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

ผู้คน ขุนนาง และทหารในเมืองดีวาลเปลี่ยนไป บ้างก็ว่ากลายเป็นอสูร ปีศาจ เครื่องจักร คอยรอรับคำสั่งจากองค์ดีวอนที่สี่อย่างที่ไม่คิดจะโต้แย้ง

"เราจะเป็นเพียงตัวหมากของเทพธิดาอีกนานเท่าใด ? เรามีชีวิต เราไม่ต้องคอยก้มหน้าหวาดกลัวเทพธิดาอีกต่อไปแล้ว"
ประกาศิตราวสายฟ้าฟาดขององค์ดีวอนที่สี่ ถูกส่งตรงออกมาจากราชวัง เป็นสาส์นที่เด่นชัดว่าต้องการประกาศสงคราม

และประกาศสงครามกับสวรรค์


ปิดรับสมัคร

ใบสมัคร : ผู้เล่นจะรับบทเป็นผู้นำกองกำลังขนาดเล็ก ที่คอยต่อต้าน (หรือร่วมมืออย่างลับ ๆ) กับองค์ดีวอนที่สี่ตลอดช่วงเวลา 2 ปีมานี้
Spoiler for Hiden:
สามารถใช้ตัวละครเดิม จาก Gungnir Genesis ภาคแรกได้
ระบบพื้นฐานต่าง ๆ ที่ควรอ่าน

รูปภาพตัวละคร : รูปภาพขนาด 120 x 120 ขอให้เห็นหน้าชัดเจน ไม่เห็นตัวก็ไม่เป็นไร (หน้าตาตัวละครมีผลต่อการเล่น)
ชื่อ : ชื่อของตัวละคร เกมจะเป็นแนวแฟนตาซียุคกลาง ฝั่งยุโรป แต่จะมีชื่อแนวเอเชีย หรืออียิปต์มาก็ได้ ไม่จำกัด
ประวัติ : ตัวละครเป็นใคร มาจากไหน และกำลังจะทำอะไร ยิ่งใส่มาเก่งกาจมาก เกมก็ยิ่งยากมากขึ้น
อื่น ๆ : ข้อมูลอื่น ๆ ที่อยากใส่ อาจจะมีผลต่อเนื้อเรื่องหรือไม่มีก็ได้ เช่น เป็นจอมเวทย์ที่ยกน้ำหนักได้ถึง 10 ตัน เป็นนักดาบที่แพ้โลหะ

ค่าสถานะ : มีแต้มเริ่มต้นให้ 16 แต้ม เพื่อนำไปใส่ค่าต่าง ๆ และค่าสถานะจะติดลบไม่ได้
   - HP : ค่าความเสียหายที่ตัวละครจะรับได้ ถ้าเป็น 0 จะไม่ตาย เพียงแต่จะไม่สามารถต่อสู้ หรือทำอะไรอื่น ๆ ได้ (Max 6)

   - Str : กำลังกาย ส่งผลต่อการใช้แรง การใช้อาวุธระยะประชิด และการใช้มือเปล่าต่อสู้ (Max 7)
   - Agi : ความว่องไว ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ การเคลื่อนไหว การหลบหลีก (Max 7)
   - Int : ความฉลาด ส่งผลต่อการใช้เวทมนตร์ การไขปริศนาต่าง ๆ และการขบคิด (Max 7)
   - Dex : ความแม่นยำ ส่งผลต่อการใช้อาวุธระยะไกล เช่น ธนู หน้าไม้ ปาก้อนหิน (Max 7)

   - Lds : ความเป็นผู้นำ ส่งผลต่อการควบคุม การดูแล และการออกคำสั่งต่อตัวละครอื่น ๆ และการดูแลพื้นที่ของตนเอง (Max 7)

   - Skl : จำนวน Skill ที่ตัวละครสามารถสวมใส่ได้ หาได้จาก (Int + Dex) / 2 (Max 8) ไม่ต้องใส่แต้ม
   - Inv : จำนวน Item ที่ตัวละครสามารถถือเอาไว้ได้ หาได้จาก (Str + Agi) / 2 (Max 8) ไม่ต้องใส่แต้ม
   - Pss : จำนวน Skill และ Item ที่ตัวละครจะเก็บเอาไว้ได้ หาได้จาก (Str + Agi + Int + Dex) / 3 (Max 9) ไม่ต้องใส่แต้ม

   - Atk : พลังโจมตีของตัวละคร มีพื้นฐานที่ 1 (ไม่มี Max) ไม่ต้องใส่แต้ม
   - Def : พลังป้องกันของตัวละคร มีพื้นฐานที่ 1 (ไม่มี Max) ไม่ต้องใส่แต้ม



ระดับของค่าสถานะ : เทียบได้ ดังนี้
   - ค่าสถานะ 0 แต้ม : ระดับพิกลพิการ เช่น Str 0 ก็เป็นง่อย , Int 0 ก็ปัญญาอ่อน พูดไม่เป็น ไม่เข้าใจภาษา , Dex 0 ก็ตาบอด หูหนวก
   - ค่าสถานะ 1-2 แต้ม : ระดับต่ำ เช่น Str 1 ก็ร่างกายอ่อนแอมาก เหมือนผู้หญิงอายุ 10-12 ปี , Int 1 ก็พูดได้ แต่อ่านเขียนไม่ได้
   - ค่าสถานะ 3-4 แต้ม : ระดับปานกลาง เป็นระดับที่คนปรกติจะมีกัน ทำอะไรได้เหมือนคนปรกติทั่วไป
   - ค่าสถานะ 5-6 แต้ม : ระดับสูง เช่น Str 5 ก็ยกของได้มากกว่าคนทั่วไป , Int 5 ก็คิดค้น และคิดคำนวณสูตรต่าง ๆ ได้
   - ค่าสถานะ 7 แต้ม : ระดับอัจฉริยะในรอบ 10 ปี มีพรวรรค์ตั้งแต่กำเนิด เช่น Str 7 ก็ต่อยคนกระดูกหักได้ด้วยมือเปล่า , Int 7 ก็พูดได้ตั้งแต่อายุครึ่งขวบ

สอบถามได้ >> ที่นี่ <<

« Last Edit: December 06, 2015, 06:42:29 PM by Thyself »

 

Offline Thyself

Re: Gungnir Genesis II : God's Guillotine (ปิด | จบเกม)
« Reply #1 on: December 06, 2015, 06:42:39 PM »
Gungnir Genesis II : God's Guillotine
The End of Fantasy


เพลงประกอบ : Final Sorcery



โลกจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป

แผนการโค่นล้มสวรรค์ขององค์ดีวอนที่ 4 ดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีใครหน้าไหนต่อกรกับเขาได้เลย แม้จะได้รับการสนับสนุนจากองค์เทพธิดาก็ตาม
กองกำลังน้อยใหญ่ กองกำลังแล้วกองกำลังเล่าถูกปราบปรามอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด ผู้ต่อต้านถูกสั่งประหารในทันที อย่างไม่มีข้อแม้

สุดท้าย เมื่อไม่มีทางเลือก องค์เทพธิดาจึงต้องนำทัพสวรรค์ลงมาต่อกรด้วยตนเอง และการเจรจาก็ไม่ประบสบความสำเร็จใด ๆ เลย
พื้นดินแตกระแหง ก้อนเมฆหายไปจากท้องฟ้า ไม่มีตะวันและจันทราอยู่ยาวนานสิบวันสิบคืน ทุกอย่างราวกับกำลังจะถึงจุดจบ

สมรภูมิแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ซากเมืองโบราณสถานแห่งมายา ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ ๆ ผนึกเสาของโลก ทุกอย่างที่นี่เป็นเพียงความมายา
ยกเว้นเพียงแค่อย่างเดียว คือผนึกอันทรงพลัง ที่ชาวเมืองเมื่อครั้งอดีตสละชีพสร้างขึ้นมา เพื่อผนึกสิ่งทรงพลังอย่างเสาของโลก
และในครั้งนี้ องค์ดีวอนที่ 4 ก็นำผนึกนั้น มาใช้การกักขังองค์เทพธิดาเอาไว้ และถึงแม้จะไม่สำเร็จ ครึ่งหนึ่งของเทพธิดาก็สูญสลายไปตลอดกาล

อีกครึ่งหนึ่งนั้น ว่ากันว่าหนีไปได้ หนีไปยังที่ไกลแสนไกล และจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีก




ที่หนึ่งในสมรภูมิ ร่างของคน 3 คนกำลังเริงระบำอยู่ แม้สงครามจะจบไปแล้ว แต่ไฟในตัวของทั้งหมดก็ยังไม่มอดดับลง

คนหนึ่งอยู่ในเกราะดำแกมม่วง ร่างนั้นเป็นมนุษย์ แต่เมื่อมองอีกครั้งกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด และกลับมาเป็นอีกครั้ง สลับไปมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
ร่างนั้นกำลังประมือกับสองนักรบหญิงในเกราะแดงเพลิง ครั้งหนึ่งทั้งคู่เคยได้ชื่อ "ดาบและโล่แห่งสวรรค์" แต่ตอนนี้ฉายานั้นไม่มีค่าอะไรแล้ว

เทพธิดาไม่อยู่แล้ว ทั้งคู่รู้ตัวดีว่าตนเองทำหน้าที่ของตนผิดพลาด แต่ทั้งคู่ไม่มีวันสูญสลาย ดังนั้นทั้งคู่จึงจะสู้ต่อไปแม้จะไม่มีทางชนะ



"หยุดเสีย เจ้าตุ๊กตาที่น่าเศร้า" องค์ดีวอนที่ 4 ที่น้อยคนนักจะรู้จักในนามจอมมาร...Maou Gungnir รับดาบของวัลไครีคนหนึ่ง
แม้เขาจะเก่งกาจ แต่การต่อกรกับนักรบแห่งสวงสวรรค์ที่เก่งที่สุดถึง 2 คนพร้อม ๆ กัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และเขาก็เป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่าโจมตี
เขารู้ดี ว่าการเป็นฝ่ายตั้งรับนั้น ไม่ต่างจากการนับถอยหลังรอเวลาแพ้ และเขาจะแพ้ไมไ่ด้ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้การเกลี้ยกล่อมเข้ามาช่วย

"บอกที่อยู่ของดาบของข้ามา แล้วข้าจะปล่อยเจ้าทั้งคู่ไป"



"การต่อสู้จะจบลงด้วยการกระทำ มิใช่คำพูด !!" วัลไครี่ผู้พี่ตวาดใส่ทันที เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

เขาต้องการดาบปักษาทมิฬ ดาบที่มีเพียงเล่มเดียวในโลก ว่ากันว่าดาบนั้นมีพลังอำนาจสุดจะหยั่งถึง
ไม่มีใครรู้ที่มาของดาบเล่มนั้นอย่างแน่ชัด อยู่ ๆ ดาบเล่มนั้นก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับ Maou Gungnir
และก่อนที่จะมีใครรู้ตัว ดาบเล่มนั้นก็สร้างความเสียหายไปไม่น้อยแล้ว แต่เมื่อหลายปีก่อน มีกลุ่มผู้กล้าไปแย่งชิงดาบเล่มนั้นมาได้

ดาบเล่มนั้นถูกส่งให้ "โล่สวรรค์" อัศวินแฝดผู้น้องเป็นผู้นำไปเก็บรักษา



"ไม่มีคำพูดใดของปีศาจร้ายที่เชื่อถื..." วัลไครีผู้น้องพูดไม่ทันจบประโยค ลำแสงสีดำอมม่วงก็ทะลวงอกเธอจนทะลุอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชุดเกราะของเธอกลายเป็นรูขนาดใหญ่ และเริ่มถูกกัดกร่อนไปด้วยลำแสงนั้นทีละน้อย ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างตื่นตกใจ



"ถูกอย่างที่พี่ของเจ้าว่า การต่อสู้ไม่ได้จบลงด้วยคำพูด" เขามองอีกฝ่ายที่ถอยออกไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

"เจ้าทั้งคู่ไม่มีวันตายก็จริง แต่นั่นก็เป็นเรื่องดี ในเมื่อเจ้าไม่บอก เจ้าทั้งคู่ก็จงมาเป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่เสีย"



"นี่มัน...อะไรกัน" วัลไครีผู้พี่ลดดาบลงอย่างลังเล เธอมองบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไป ทุกอย่างเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นทีละน้อย
เมื่อเธอมองไปยังน้องสาวฝาแฝดของตนเองก็ยิ่งตกใจมากขึ้น ร่างของโล่แห่งสวรรค์แปรเปลี่ยนเป็นวัตถุสีแดงเพลิง

ไม่ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้ ทั้งคู่มีฐานะเป็นรองเพียงแค่เทพธิดาเท่านั้น แต่ทั้งคู่ก็ยังจัดเป็นเทพระดับสูง
การจะแปรสภาพให้เธอกลายเป็นสิ่งของนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ จะบอกว่าเจ้ามนุษย์ตรงหน้ามีพลังอำนาจเหนือกว่าสวรรค์อีกอย่างนั้นหรือ

"ข้าไม่หลงติดกับภาพลวงตานั้นหรอก" เธอพูด จากนั้นก็กระชับดาบในมือ พุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย แต่ความลังเล และความสับสนก่อเกิดขึ้นในใจของเธอแล้ว



"ในเมื่อเจ้ามีความสุขที่จะเป็นตุ๊กตานัก ก็จงเป็นไปตราบชั่วกาลปวสาน"

ภาพสุดท้ายที่วัลไครีผู้พี่มองเห็น คือความมืดที่ไม่อาจหยั่งถึงได้

...

จอมมารยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเมืองแห่งมายา เขากุมวัตถุทรงกระบอกอยู่ในมือ จากนั้นเขาก็ขยี้วัตถุทรงกระบอกนั้นจนแหลกเป็นผุยผง
เขาไม่ได้หัวเราะ แต่เขาก็ไมไ่ด้ร้องไห้ เขาไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา นอกจากสีหน้าเฉยชา ทุกอย่างล้วนอยู่ในใจของเขาเพียงผู้เดียว

เหมือนกับแผนการ และอุดมการณ์ทั้งหมดของเขา ที่จะไม่มีใครอื่นที่จะรับรู้อีก


ไกลออกไป ที่ธารน้ำแข็งขนาดยักษ์บนพื้นพิภพ เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังกวัดแกว่งมือไปในอากาศ



"แม่มดน้อยลู่ลู่ !!"

"แม่มดน้อยลู่ลู่ !!"

"แม่มดน้อยลู่ลู่ !!"

เธอพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ เหมือนแผ่นเพลงตกร่อง มือที่กวัดแกว่งอยู่ในอากาศนั้นควรจะมีอะไรบางอย่างออกมา แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
เธอเอียงคอมอง จากนั้นก็พูดประโยคเดิม และโบกมือไปมาอยู่อีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบสงบ

เดี๋ยวสิ หิมะหยุดตกไปตั้งแต่เมื่อไรกัน...


ไกลออกไป...ไกลโพ้นออกไป อาจจะไกลแสนไกลยิ่งกว่าที่ ๆ เทพธิดาหนีไป



"..." หญิงสาวในชุดแม่มดสะดุ้ง เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่รู้จักมาก่อน จากนั้นเธอก็รู้สึกอ่อนแรง และรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา
เธอไม่ได้ป่วย หรือถูกทีฟาโซล่าถูลู่ถูกังไปทั่วจนเหนื่อยจนเกินไป แต่เหมือนกับมีพลังบางอย่างหายไปจากร่างของเธอ



กาลเวลาไม่เคยหยุดเดิน ยุคสมัยขององค์ดีวอนที่ 4 ผ่านไปกว่า 200 ปีแล้ว และแม้จะมีพลังอำนาจมากมายเพียงใด เขาก็เสียชีวิตไปนานแล้ว
เหตุการณ์ทุกอย่างในยุคสมัยของเขา แปรเปลี่ยนจากเรื่องจริงเป็นประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องเล่า เรื่องเล่าเป็นตำนาน และตำนานเป็นนิทานก่อนนอน

แสงไฟจากตะเกียงดวงหนึ่ง สั่นไหวไปตามแรงลมจากหน้าต่างที่ถูกเปิดอยู่

"แล้วก็ไม่มีใครเคยเห็นเทพธิดาอีกเลย" ผู้เป็นพ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ในมือกางหนังสือเล่มโต
เขานั่งอยู่ข้างเตียง และกำลังอ่านหนังสือนิทานให้ลูกสองคนที่นอนอยู่บนเตียงฟัง

"แล้ว ๆ เทพธิดาหายไปไหนเหรอครับ" คนเป็นลูกถามขึ้นอย่างสงสัย

"เทพธิดาไม่ได้หายไปไหนหรอก เธออยู่ในตัวของเราทุกคน" ผู้เป็นพ่อยิ้มตอบ ลูบหัวลูกชายของตนเอง จากนั้นก็หันไปดับตะเกียง

"เอาล่ะ ดึกแล้ว นอนซะนะ"

แต่เด็กทั้งสองคนยังไม่หลับ ทั้งคู่รอให้ผู้เป็นพ่อออกไปจากห้อง จากนั้นก็หันไปนอนมองแสงดาวบนท้องฟ้าด้วยกัน

"พี่คิดว่าเวทมนตร์มีจริงหรือเปล่า ?" น้องชายถามขึ้น

"ไม่รู้สิ แต่แม่บอกว่าเรื่องแบบนั้นมีแต่ในนิทานนี่นา" พี่ชายทำท่าใช้ความคิด จากนั้นก็ตอบน้องชายของเขา

"ผมว่านะ วัลไครีต้องสวยมากแน่ ๆ เลย"

"พี่อยากเจอทีโอดอร์มากกว่านะ ขนาดเขาตาบอดยังเป็นอัศวินที่เก่งมากขนาดนั้นได้เลย"

"ผมเชื่อนะ ว่าเวทมนตร์มีอยู่จริง"

"ถ้ามีจริง ๆ ล่ะก็ ที่นี่ต้องเป็นโลกที่วิเศษมาก ๆ เลย"

"ต้องมีสิ พ่อยังเคยเล่าเรื่องแม่มดในทุ่งน้ำแข็งให้เราฟังเลยนี่นา"

"พี่ชอบเรื่องหอสมุดที่มีอัศวินในเกราะขาวมากกว่านะ"

"ใช่ ๆ เรื่องนั้นก็สนุก เกเบรียลเท่มากเลยนะ"

"เวทมนตร์ต้องมีอยู่จริงแน่ ๆ เลย"

"พี่ก็ว่าอย่างนั้นนะ พ่อน่ะชอบโกหกตลอด...ใช่ ๆ วันก่อนพ่อโกหกแม่เรื่องเงินค่ากับข้าวด้วยนะ แม่งี้หน้าเขียวเปนยักษ์เลย"

...

ไกลออกไป บนท้องฟ้าสีดำมืด ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดทั้งคืน
ผงละอองสีแดงเพลิงจาง ๆ กำลังเริงระบำอยู่บนนั้น ไม่มีใครเห็น และไม่มีใครรับรู้ถึงตัวตนแม้แต่คนเดียว

End