* ห้องโถงรับแขก

Refresh History
  • Johan: [link]
    July 21, 2023, 11:25:58 AM
  • Johan: อันนี้ครับ
    July 21, 2023, 11:26:02 AM
  • Johan: จริงๆไม่เชิงลงแข่งเพราะเป็นพาร์ทเนอร์กับบุสดีอยู่แล้วเลยอดชิงรางวัลที่ 1 2 3 (3000 บาท...) ก็จะไม่ไปแย่งรางวัลส่วนนี้กับหน้าใหม่ แต่ลงเพื่อชิงรางวัลเซ็นสัญญา รางวัลอันนี้ไม่จำกัด ได้เงินเยอะมาอุดส่วนที่ต้องเอาไปจ่ายให้นักวาด
    July 21, 2023, 11:28:55 AM
  • Johan: ช่วงก่อนวันที่ 10 เลยต้องเร่งเตรียมไฟล์ + เขียนเรื่องไว้เปิดตัวให้ปังๆ เพราะงบวาดนี่แพงเข้าเนื้อ วาดเยอะไม่ไหว มาเน้นการนำเสนอด้วยเส้นเรื่องหลายทางเลือกดีกว่า
    July 21, 2023, 11:31:12 AM
  • lostlance: งี้นี่เองงง
    July 21, 2023, 07:09:04 PM
  • Qiao: อยากเล่นแนว fear and hunger 1-2 ก็ได้
    August 28, 2023, 10:56:33 PM
  • lostlance: ผมว่าเกมมันหลอนไป
    August 31, 2023, 10:47:07 AM
  • Johan: สลัดทั้งงานราษฎร กับงานหลวงไม่ออก น่าจะมาต่อสักใกล้ๆปลายปีนะครับ
    September 29, 2023, 06:48:36 PM
  • Bloody Rabbits: รออยุ่ว
    September 29, 2023, 10:01:26 PM
  • lostlance: ที่โพสใหม่นั้นสแปมหรืออะไรน่ะ
    October 05, 2023, 02:12:26 PM
  • Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ
    December 02, 2023, 01:55:59 AM
  • Johan: สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนยุ่งๆงานเยอะๆ
    January 01, 2024, 11:30:01 AM
  • Johan: อยากมาต่อ แต่เคลียรืเวลาไม่ลงตัวเลย
    January 01, 2024, 11:30:18 AM
  • Johan: Chao: ยังแอบมาต่อนะเออ <<< ตอบแล้วๆ (เกมบ้าอะไรฟระ โพสละครึ่งปี)
    January 01, 2024, 11:35:44 AM
  • lostlance: สวัสดีปีใหม่ครับบ
    January 01, 2024, 08:58:21 PM

Author Topic: [STARLIGHT] Story  (Read 8094 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Johan

[STARLIGHT] Story
« on: July 18, 2015, 10:56:46 AM »


เมื่อสมัยเด็ก ฉันมองไปที่ฟากฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นแสงระยิบระยับหลายต่อหลายกระจุก ฉันมองเห็นสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น พวกเขาบอกว่านั่นคือดวงดาว
ฉันได้รู้ว่าผืนดินที่ฉันยืนอยู่นี้คือดาวดวงเล็ก ๆ ดวงหนึ่งในวันที่ฉันได้ถือมัน วัตถุที่ยิงออกไปเป็นแสงที่คล้ายกับดวงดาว แม้ว่ามันจะไม่ได้ส่องประกายระยิบระยับ
เพื่อนของฉัน พี่น้องของฉันล้มตายจนหมดสิ้นด้วยแสงที่พวยพุ่งออกมาเป็นสายคล้ายกับฝนที่พุ่งในแนวระนาบกับผืนดิน

จากเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ที่พวกเขาเรียกมันว่าอะไรสักอย่าง


ฉันเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ บนก้อนหินก้อนหนึ่งในอวกาศ ก้อนหินที่เรียกว่าดาวเคราะห์

 

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #31 on: August 25, 2015, 10:06:21 PM »


Episode 4


มีรายงานถึงวิกฤติที่เกิดขึ้นจากการระบาดติดเชื้ออย่างรวดเร็ว ยานอวกาศ 87 ลำขาดการติดต่อ
7 ลำเป็นยานแม่ขนาดใหญ่ และ 1 ลำเป็นยานรบป้อมปราการที่ออกมาจาก Rexus เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการสำรวจดาว
ผู้มีอำนาจในยาน Rexus ไม่คิดส่งหน่วยกู้ภัยออกมาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย Capital หรือแม้แต่กองกำลังต่อต้านก็ก่อเกิดความสามัคคีสมานฉันท์เห็นพ้องต้องกัน
แม้ว่ายานรบป้อมปราการจะเป็นยานของฝ่าย Capital แต่พวกเขาก็ยอมที่จะทิ้งมันไปพร้อมกับ Minister คนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกกว่าร้อยชีวิตในยานลำนั้น

"กรีนฮาร์ทเข้าไปที่ยานนั่น"
"ถ้าเธอไม่กลับมาก็ดันแบล็คฮาร์ทมารับตำแหน่งแทน"



Management Turn 4 (ของ MW) ก่อนเข้าสู่ Episode 4 ช่วง Travel
โพสกระทู้ MW ของตนเอง

และสั่งการกระทำ 2 อย่าง ซ้ำได้ (ของ STARLIGHT)
โพสกระทู้ STARLIGHT ของตนเอง
- ฝึกฝน: Training ตัวละคร 3 ครั้ง *ผลจากที่พักทำงาน
- ฝึกฝน 2: Training ตัวละคร Main Character ที่พักอยู่ด้วย 2 คน 2 ครั้ง *ผลจากที่พักทำงาน
- ฝึกฝน 3: ตัวละคร Key Character ที่พักอยู่ด้วย 2 คน Status +1 *เลือกอัพเองหรือให้ระบบอัพให้ก็ได้
- ทำงานหนัก: (Class Lv. คูณ 6) หาร 2 = Point *คนที่เลือกข้อนี้ตรวจเช็คได้ว่าตนเองเลื่อน Class ได้หรือยัง
- สร้างความสัมพันธ์: ระบุ 1 ตัวละครที่อยู่ด้วยก่อนจบ Episode 3 ได้รับ Ally +2
- นี่เบอร์ใครน่ะ ลบทิ้งละกัน: เลือกตัวละครกี่ตัวละครก็ได้ เปลี่ยน Ally 1 เป็น 3 Point

*HP/SP จะเต็มแล้ว และเมื่อผ่านช่วงนี้ก็จะฟื้นเต็มอีก, การสิ้นสภาพในช่วงนี้ไม่ส่งผลให้เสีย Point

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #32 on: August 28, 2015, 10:21:35 PM »


ที่นี่คือ Baroness หรือสถานีอวกาศเคลื่อนที่ ซึ่งมันได้ออกมาจาก Rexus เพื่อมาสนับสนุนและเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงกองยานสำรวจนับร้อย ๆ
Baroness มีสถานะเป็นเหมือนยานป้อมปราการขนาดยักษ์ที่มีเมืองและศูนย์วิจัยในตัวยาน เปรียบได้กับ Rexus ที่ย่อขนาดลงมา
ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 100 กิโลเมตร ส่งผลให้มันมีสาธารณูปโภคทุกอย่างพร้อมสรรพพอจะเป็นเมืองใหญ่ที่ไฮเทคเมืองหนึ่งได้ จนกระทั่ง...


อ๊ากกกกก

ภาพที่คุณเห็นก็คือผีดิบที่ดูคล้ายกับในหนังกำลังกัดกินชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ก่อนที่อีกตัวหนึ่งจะโจนเข้าหาคนชราใกล้ ๆ แล้วก็กรุ้มรุมทึ้ง ฉีกแขนขาคนชราออกมากัดกิน
เพียงอึดใจพวกมันก็วิ่งกึ่งเดินกึ่งกระโดดมาจากที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้ พวกมันเล่นงานผู้คน หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง พวกมันน่าขยะแขยง และดุร้าย
เจ้าหน้าที่ในแถบนั้นพยายามที่จะยิงต่อสู้ แต่พวกมันที่มีมากมายและคล้ายจะเพิ่มจำนวนได้ก็ฉีกทึ้งเจ้าหน้าที่เป็นชิ้น





หนุ่มสาวสองคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรได้แค่เบิกตากว้าง





Meringue Almond เป็นดารานักร้องที่ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ เธอมีความพยายาม แต่เธอไม่มีพรสวรรค์เลย ลำพังพรแสวงนั้นคงยากที่จะโด่งดังได้
หรือบางทีเธออาจจะยังไม่พบมัน แต่อย่างไรก็เถอะ เธอเป็นแค่คนธรรมดาที่แสนจะธรรมดา เธอจะรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้ยังไงกันนะ
"แง เจลาโต้ ทีรามิสุ พวกเธออยู่ไหนแล้ว ฉันจะทำยังไงดี" T--T

Meringue ร้องไห้สติแตก มองไปทางไหนก็มีแต่ผีดิบกับฉากสยดสยอง เธอหนี หนีและหนีจนถึงทางตัน



"ขอโทษ แต่เธอไม่เป็นอะไรนะ" ชายหนุ่มเผ่า Ears จับต้นแขนของเธอแล้วดันออก เขาพบว่าอีกฝ่ายสั่นระริก
เขาพยายามกวาดสายตามองอย่างพินิจว่าเธอไม่ถูกกัดโดยซอมบี้ เขาคงทรมานใจมากถ้าเธอถูกกัดเข้าเสียแล้ว เพราะนั่นหมายความว่า...

ก็พอดีได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านหลัง



"มันใช่เวลามาจีบกันหรือไง" สาวสวยหุ่นดีเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง เธออยู่ในชุด Battle Suit (ไม่ใช่ผู้หญิงในตัวเลือก)
เธอมองดูแล้วกวาดสายตาสำรวจไปทั่วเหมือนชายหนุ่มไม่ผิดเพี้ยนก่อนจะเปิดกระเป๋าเอายาออกมาแล้วฉีดเข้าที่แขนของ Meringue โดยไม่ถามอะไรสักคำ

"วัคซีนนี้จะทำให้เธอไม่ติดเชื้อ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เธอรอดชีวิตจากการถูกพวกมันรุมทึ้ง" เธอบอกอย่างรวดเร็วแล้วก็หันกลับเดินไป

ชายหนุ่มแนะนำตัวกับ Meringue แล้วบอกว่าเธอควรไปกับเรา จากนั้นทั้งสองก็ตามสาวสวยคนนั้นไป



บัลเล่ต์มาที่นี่เพื่อติดต่อขายแร่ที่เก็บมาได้กับศูนย์วิจัย เธอจึงไม่ได้พกอาวุธและอุปกรณ์ใด ๆ มาด้วย
แต่ระหว่างที่เธอกำลังแวะซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปฝาก TL และภรรยาคนอื่น ๆ ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พลันก็เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เธอจะเคยพบเจอ
บัลเล่ต์ได้สลบไปขณะกำลังส่องกระจกในสุขา และนานเท่าไรกันนะที่เธอสลบไปจนกระทั่งฟื้นขึ้นมา

ภาพที่เห็นคือ ฝ้าเพดานของสุขาพังถล่มลงมา เว้นตรงบริเวณที่เธออยู่อย่างบังเอิญ (พลังตัวเอก) คนที่อยู่ในสุขามี 3-4 คน ทุกคนนอนแน่นิ่ง
ประตูสุขาที่เป็นประตูไฟฟ้าปิดสนิท และดูเหมือนมันจะไม่ทำงานแล้ว



"เกิดอะไรขึ้น" บัลเล่ต์ตั้งคำถามขึ้นในลำคอ เธอสำรวจร่างกายว่าไม่มีการบาดเจ็บอะไรและยังปกติดี ก่อนจะไปเช็คดูคนที่นอนอยู่
คนแรกคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนที่สองเป็นนักพนักงานขายของเล่น อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายใส่แว่นตัวล่ำ ๆ มีสิวเต็มหน้า สวมวิกผู้หญิง ที่น่าจะมาแอบถ้ำมองหรือทำอะไรวิตถาร
หลังจากค้นตัวดูแล้วก็ไม่พบอะไร บัลเล่ต์จำต้องผละไปยังหน้าต่างเมื่อเสียงไม่พึงประสงค์ดังขึ้นที่นอกสุขา




ทิวทัศนี้ที่เห็นนี้ยิ่งสร้างความหดหู่ให้กับบัลเล่ต์ สภาพของสถานีอวกาศในเวลานี้มองไปทางใดก็มีเพียงเสียงครวญที่น่าขนลุก มันเหมือนกับหนังซอมบี้ไม่ผิดเพี้ยน
แต่หากมองให้ดีจะเห็นใครบางคนเดินลัดเลาะมาตามหลืบมุมของอาคารที่มีผีดิบเบาบาง



"เอาล่ะ งานของเราคือ..." Kaiser สวม Kavlar Battle Suit พร้อมรบ



มันคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้นับพันนับหมื่นในพื้นที่ Lower Town ก่อนจะลงไปยัง Under Town
พวกมันมีสัมผัสทางกลิ่นที่ดีกว่าสุนัขมากมายนัก และมันรู้ตัวทันทีที่ Kaiser ลงมาถึง


ชนเผ่า Rex แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักรบ แม้มือเปล่าก็ต่อกรกับผีดิบได้

Kaiser ยกเก้าอี้เหล็กแบบม้านั่งยาวขึ้นเหวี่ยงฟาดทีเดียวผีดิบกระเด็นกระดอนตัวงอคอหักไป 6-7 ตัว แล้วซัดตัวที่เหลือรอบ ๆ ด้วยหมัดเท้าเข่าศอกเข้าจุดตาย ส่งให้มันนอนนิ่ง
แต่เขาไม่ได้หยุดแค่นี้ "อีกสักร้อยตัวน่าจะพอเปิดทางได้" ขาดคำเขาก็กระชากสายพานบันไดเลื่อนขาดแล้วเอามาเหวี่ยงฟาดผีดิบประดุจแส้


สภาพของสถานีอวกาศในเวลานี้มองไปทางใดก็มีเพียงเสียงครวญที่น่าขนลุก มันเหมือนกับหนังซอมบี้ไม่ผิดเพี้ยน
สิ่งที่ต่างกันก็คงจะเป็นการที่เราไม่ใช่ผู้ที่จะต้องเอาตัวรอด เพราะอาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทาง Savior ตระเตรียมมานั้นไฮเทคมากเกินกว่าจะพ่ายให้กับศัตรูที่ไร้อาวุธ
ยานช่วยเหลือขนาดย่อมที่เข้ามายังพื้นที่ชานเมืองเป็นจุดตั้งมั่นรอให้การช่วยเหลือ ส่วนกำลังรบและคอมมานโดทั้งหลายจะบุกเข้าไปในตัวเมือง



"จากจุดนี้ถ้าตรงไปยังเมืองด้วยถนนเส้น G-41 จะสะดวกที่สุดเพราะเป็นถนนใหญ่ที่โล่งพอจะไม่บดบังทัศนวิสัย" Vios มองดูแผนที่แล้วเรียก BB มาช่วยคอยบัญชาการ
"ฉันจะนำทีมไปเอง" เธอสั่ง BB แล้วก็หยิบระเบิดกับปืนลำแสงมาแล้วออกนำ โดยมี Yuudachi และ Tian He ตามไปด้วย


แต่อีกด้าน ทางหน่วยอาสากู้ภัยนั้นไม่ได้สะดวกง่ายดายเช่นนี้



Lunette ไม่อาจช่วยใครได้ กองกำลังอาสานั้นด้อยประสบการณ์เกินกว่าที่เธอคิด พวกเขามีอาวุธที่ไฮเทค แต่ไม่มีประสบการณ์รับมืออมนุษย์
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องวิ่งหนีออกมาเพียงคนเดียวจนกระทั่งมาเจอกับผีดิบอีกฝูงดักอยู่



"คราวนี้ฉันไม่ต้องแบกพิลิก้าแล้ว พวกแกโดนดีแน่" Lunette ว่า แล้วเธอก็หยิบกระถางต้นไม้ใกล้มือมาเหวี่ยงฟาดผีดิบตนหนึ่งที่เข้ามาจนสมองกระจาย
« Last Edit: August 28, 2015, 10:22:09 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #33 on: August 28, 2015, 10:30:02 PM »
Green Heart นั้นขี้เกียจ และแทบไม่ขยับตัวทำอะไร ถ้ามันเป็นงานเหมือนที่เธอนั่งทำมันตลอดล่ะก็เธอคงไม่ดั้นด้นมาที่นี่
การที่เธอถ่อมาถึงที่นี่ต้องมีอะไรที่ไม่ใช่งานของเธอ

Spoiler for Hiden:
Quote


"เราตรวจพบเชื้อโรคร้ายบนผิวดาว หรือเชื้อไวรัสอวกาศที่ร้ายกาจ" Green Heart อยู่ในชุดรบแตกต่างจากที่หลายคนเคยเห็น
"มันอาจจะสายเกินไป แต่ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง"



ด้วยความที่ขี้เกียจพูด Green Heart หัวหน้านักวิจัยด้านธรณีวิทยาจึงอัดเทปมาเปิด
ความจริงก็ไม่ใช่หน้าที่กงการอะไรของเธอ เธอไม่ใช่นักชีววิทยา ไม่ใช่หน่วยแพทย์ งานนี้เกี่ยวข้องกับเธอน้อยมาก ก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบอะไร แต่เธอก็จะทำมัน
แล้ว Green Heart ก็จัดทีมกู้ภัยด้วยตนเองเพื่อบุกเข้าไปในยานสำรวจที่เกิดปรากฎการ 'กลายพันธุ์'
เธอมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคนที่ยังเหลือรอดกลับไปให้มากที่สุด คล้ายกับเธออยากจะแก้ไขเรื่องราวในอดีตที่เธอเคยทำพลาดไป



"อาวุธของเราน่าจะพอเปิดทางบุกไปยังหอกลางได้ แต่ถ้ามันไม่อยู่ที่นั่นล่ะ"



"ก็มาพนันกัน พวกเรา หรือเจ้าหัวขโมย ใครจะไวกว่ากัน"

Meringue ฟังทั้งสองคุยกัน เธอไม่เข้าใจ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เธอกลัว และอยากจะรีบหนีไปจากที่นี่
ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านี้เสียงกระจกด้านหนึ่งก็แตกพร้อม ๆ กับที่ผีดิบหลายตัวปีนขึ้นมา


"แหงะ"



"เอานี่ไป มันจะช่วยปกป้องชีวิตของเธอได้" Green Heart ส่งบางอย่างให้แล้วก็สะบัดหอกลำแสงเหวี่ยงไปมา

Quote


Minigun: ปืนกล 6 ลำกล้อง


โชคดีนักที่เธอเคยเล่นเกมมา ถ้าเธอเอาระเบิดเพลิงมาขว้างในอาคารทุกคนคงเจอเผากันหมด
ไอดอลสาวยกปืนกลขึ้นกระหน่ำยิงผีดิบเกือบสิบตัวด่าวดิ้นชิ้นเนื้อกระจาย พร้อมกับที่ Solv วิ่งไปอีกด้านแล้วสะบัดดาบลำแสงฟาดฟันผีดิบขาดเป็นชิ้น ๆ ดุจอัศวินเจได
เสียงดาบหึ่ง ๆ ดังระงมคอยป้องกันด้านข้างของอาคารดุจเทพพิทักษ์ควายอารักษ์เมื่อ Solv ชักดาบออกมาอีกเล่มและสะบัดมันทั้งสองมือ
 แต่ที่ไม่อยากจะเชื่อก็คือ Green Heart ที่กระชับหอกเหวี่ยงตัวออกไปจากหน้าต่างอาคาร เธอจะบ้าเรอะ ข้างนอกมีผีดิบเป็นพันเป็นหมื่น :o

Solv โจนตามไปด้วยความเป็นห่วงหลังจากเขาบอกให้ไอดอลสาวหลบอยู่ที่นี่ก่อน อย่าออกไปจากที่นี่เด็ดขาด


"ห๊า!" :o
เมอแรงร้องเสียงหลง ตกใจเกินกว่าจะกระโดดตามไป เมื่อนึกได้ก็อยากจะร้องไห้
ปกติถ้าดูตามโทรทัศน์ คนที่ถูกทิ้งไว้ไม่เคยอยู่อย่างสงบ ไอดอลสาวมองหาอาวุธที่กองอยู่ในห้อง เธอหยิบชิ้นหนึ่งมากอดไว้แน่นเพื่อให้อุ่นใจ
Meringue เลือกเอาปืนมากอดไว้แน่นแนบอกพลางนั่งสั่นซุกมุมห้อง แต่เธอก็ไม่มีเวลามากขนาดจะมาคิดอะไร

เพราะเพียงอึดใจต่อมาเจ้าผีดิบตนหนึ่งมันก็ปีนขึ้นมาจากทิศทางเดิมที่มันขึ้นมาก่อนหน้านี้



โฮ่ววว โอ่ว

Meringue ได้แต่แหกปากลั่นก่อนจะลั่นไกยิง แต่ ขุ่นพระ! เธอไม่ร้ว่าปืนมันยังไม่ได้ปลดเซฟ เธอยิงไม่ได้!



กร๊วม!




"...?" บัลเล่ต์เหลียวมองไปยังอาคารหนึ่งที่หน้าต่างแตกละเอียดคล้ายจะได้ยินเสียงโหยหวนของใครในนั้น
แต่แล้วเจ้าผีดิบที่นอนกองก็ดึงขาเธอ ส่งผลให้มันสมองเละแหลกกระจายตรงนั้น หลับอย่างสบายไปพร้อมกับพวกมันอีกกว่าร้อยตัวที่โดนบัลเล่ต์ซัดเละเป็นชิ้นเนื้อเกลื่อนแถบนี้
« Last Edit: August 28, 2015, 10:37:22 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #34 on: August 30, 2015, 10:22:01 PM »


Kaiser ไปขึ้นรถแล้วสตาร์ท ขับพุ่งทะลวงชนและทับฝูงผีดิบดังกรอบแกรบอย่างสะใจ รถยังมีแรงพุ่งไปต่อได้เกือบ 50 เมตรจนกระทั่งมันขยับไปต่อไม่ไหว
และขณะที่ Kaiser เร่งรีบออกมาจากรถก่อนที่จะถูกฝูงผีดิบล้อมกรอบ บางสิ่งบางอย่างก็ทิ้งตัวลงมาทับหลังคารถแบนยู่



สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ตนหนึ่งมาอยู่ต่อหน้าของ Kaiser มันมีขนาดประมาณ 2 เมตร เดาว่าน่าจะเคยเป็นมนุษย์
ดวงตาของมันกลิ้งกรอกแต่ไม่เลื่อนลอย กล้ามเนื้อของมันกระตุกระริกเป็นระยะ กรงเล็บคลี่กรีดกรายช้า ๆ
แต่ที่น่าสยดสยองที่สุดคงจะเป็นลูกตาขนาดใหญ่ที่หัวไหล่ของมันที่เหลือกมองมายัง Kaiser ไม่วาง

Kaiser วิ่งแล้วสไลด์ไปหลบหลังเสาคอนกรีตทันทีเมื่อเขาเห็นว่าในเสี้ยววินาทีนั้นมือของมันขยับก่อนขาของมัน และมือยักษ์ของมันก็ยืดยาวไล่หลังเกือบจะขย้ำหัวของเขาได้ในอึดใจแล้วเชียว
มือของมันฟาดและไปเกาะที่เสาต้นที่ Kaiser ไปหลบอยู่ และมันก็ลอยเหินพุ่งตัวเข้าหาด้วยการหดแขนคล้ายสลิงจนมาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามเสาที่ Kaiser เข้าไปแอบอยู่

สายตาของเขาพลันเหลือบมองไปเห็นสายน้อยสติแตกนางหนึ่งเข้าอย่างบังเอิญ เขาพุ่งไปคว้าเธอให้หลบจากกรงเล็บ และในช่วงวินาทีเป็นตายนั้นพื้นก็ถล่มและยุบตัวลงไป




"............." เราไม่ควรจะมาที่นี่ นั่นน่าจะเป็นคำพูดที่ Dull อยากบอกสหายที่มาด้วยกันซึ่งยืนนิ่งงันอยู่ข้าง ๆ เขากลืนน้ำลายหลังจากตัดสินใจบางอย่าง



"ผมจะเป็นคนล่อมันเอาไว้ให้เอง ช่วยหาจังหวะใช้ดาบโจมตีไปที่ดวงตาตรงหัวไหลมันที" Ven พูดขึ้น
แต่ช้าไปแล้ว ภาพที่เขาเห็นคือ Dull ที่สติแตกพุ่งเข้าไปหาเจ้าตัวกลายพันธุ์ และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางสร้างบาดแผลให้มันได้แม้เพียงปลายเล็บ



เธอโดนกรงเล็บตบกระเด็น แต่ด้วยพลังนางเอกทำให้เธอไม่ถึงกับตายคาที่

Ven ที่มีสติปัญญาสูงเป็นพิเศษ และตาไวกว่าคนทั่วไป เขามองไปโดยรอบและคำนวณสิ่งต่าง ๆ ในชั่วอึดใจ
เขาคิดว่าลำพังพวกเขาสองคนไม่มีทางทำอะไรมันได้ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย มนุษย์ธรรมดาสู้มันไม่ได้หรอก มันก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
แต่ก็ใช่ว่าจะหาทางต่อกรมันไม่ได้ เพียงแต่ต้องหาอาวุธหนัก หรือเครื่องทุ่นแรงที่ดีพอ คิดได้ดังนั้น Ven จึงร้องบอกให้ Dull ถอยหนี



ถึงบัลเล่ต์จะไวมาก แต่เจ้านี่ก็ไวยิ่งกว่า มือยักษ์ของมันยืดยาวไล่หลังเกือบจะขย้ำบัลเล่ต์ได้ในอึดใจแล้วเชียวหากไม่ใช่ว่าเธอวิ่งหนีเข้าอาคารไป
ผนังขอบประตูแหลกสะบั้น พร้อมกับที่เจ้ายักษ์ลอยเหินพุ่งตัวเข้าหา และพริบตานั้นที่ปากประตูระเบิดถล่มด้วยกำลังของมัน

บัลเล่ต์หนีขึ้นบันได แต่มันก็ใช้มือที่ยืดยาวไล่จ้วงคว้าและดึงตัวตามไป มืออีกข้างแปรสภาพเป็นกรงเล็บฟาดบันไดหักพังถล่ม กระทั่งบัลเล่ต์หนีขึ้นไปถึงชั้น 3 และพบบางอย่างที่ทำให้เธอหยุดปาดเหงื่อและคลี่ยิ้ม




มันโดนเผาและย่างสดด้วยระเบิดเพลิงนาปาล์มก่อนจะทันขึ้นมาถึงชั้นสาม ถึงแม้ว่ามันจะแผดเสียงร้องโหยหวนแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา
บัลเล่ต์พิจารณาดูร่างของมันที่กำลังลุกไหม้ แต่เธอไม่มีเวลามากไปกว่านั้นเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนคล้ายบางอย่างกำลังย่ำบนพื้นด้วยน้ำหนักประมาณ 1 ตัน



".........." เธอไม่คิดจะรอดูหน้าตาของต้นเสียง และหนีออกจากอาคารทันที แม้ว่านอกอาคารจะมีผีดิบเป็นพันรายล้อมอยู่





Kaiser ตกลงมาในศูนย์วิจัยใต้ดิน บริเวณฟลอร์ด้านนอกตัวอาคาร และเจ็บเข่าเพราะลงผิดท่า
เขาบอกให้ยัยตัวถ่วงปล่อยก่อน ทั้งผลัก ทั้งเอามือยันหัว แต่เธอก็ได้แต่แหกปาก "ไม่เอา ไม่ปล่อย! ฉันกลัว!!"




ก็เลยลำบากต้องแบกไป

แต่พอวิ่งไปได้จนถึงหน้าสำนักงานก็เห็นใครบางคนอยู่ที่นี่



"วันนี้ศูนย์วิจัยปิด เชิญมาใหม่วันหลัง" เธอคือ Green Heart หัวหน้านักวิจัย ในมือของเธอมีหอกลำแสง



"ถ้ากลับไปง่ายๆ จะถ่อมาทำไม บ้าหรือเปล่า"
"หลีกทางซะ"

"..........." Green Heart ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบเขา
"ฉันขี้เกียจขยับตัว เธอคงต้องออกแรง"

"ฉันก็ขี้เกียจออกแรง"
"เธอมาที่นี่ทำไม? ทำไมเราสองคนถึงไม่ไปทางใครทางมันล่ะ หรือจะให้ฉันช่วยงานของเธอก็ได้ แล้วเธอก็ปล่อยฉันไปตามเป้าหมายของตัวเอง"



"ฉันจะใช้ STARLIGHT ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตให้มากที่สุด"

STARLIGHT หรือระบบ 'แสงดาว' เป็นระบบที่จำลองดวงตาของราชินีและอำนาจของราชา ถูกติดตั้งในยาน Rexus หลายจุด และติดตั้งที่นี่ด้วย
มันจะควบคุมทุกอย่างที่เป็นเทคโนโลยีในสถานีวิจัยนี้ และด้วยระบบนี้จะทำการกวาดล้างผีดิบได้กว่า 50% รวมไปถึงยังเสาะหาตำแหน่งผู้รอดชีวิตทั้งหมดได้จากกล้องนาโน

ซึ่งนั่นแหละคือปัญหาของทั้งคู่ เพราะถ้าถอดคอร์ออกจาก Baroness เมื่อใด ระบบทุกอย่างจะตายลงทันที ไม่มีสิ่งใดทดแทนคอร์ได้
การดำเนินการจะต้องทำทันที และเมื่อใช้ STARLIGHT เสร็จสิ้นจะมีโอกาสที่คอร์พังเสียหายถึง 90% ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีทางที่ทั้งสองฝ่ายจะสมหวังในความต้องการของตนเองแน่
แล้วใครล่ะที่จะต้องถอย

ครู่หนึ่งก็มีใครบางคนวิ่งออกมา



"ขอแสดงความเสียใจด้วย" Solv เก็บดาบแล้วบอกต่อว่า "มันหนีไปแล้ว"

ฟังไม่ผิดหรอก คอร์มันวิ่งหนีไปแล้ว Green Heart ได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลง

"เราไม่รู้ว่ามันจะไปไหน" Solv บอก คล้ายจะบอกว่าเรามาถึงทางตันแล้วล่ะ สถานีตั้งกว้างจะไปหาคอร์ตัวเล็ก ๆ ที่พยายามแอบซ่อนเจอได้ยังไง



"ก็คงอย่างนั้น" Green Heart ว่า แล้วก็บอกว่าเธอไม่มีธุระกับ Kaiser แล้ว ก่อนจะหาที่นั่ง แล้วเอาโทรศัพท์ออกมา

"ฉันยังมีเกมที่ยังเล่นไม่จบอีกเกมหนึ่ง" ปิ๊บ ๆ ๆ ๆ
« Last Edit: August 30, 2015, 10:24:15 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #35 on: August 30, 2015, 11:42:10 PM »

"กรี๊ดดดด" :o
นี่เป็นครั้งที่ 14 แล้ว หากพยายามที่จะนับเสียงกรีดร้องของ Meringue Almond ไอดอลสาวที่กำลังหนีตายพร้อมกับทหารหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง



"วิ่ง" นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาพูดคำนี้ และเขาแทบไม่พูดคำอื่นเลย

ทั้งสองพยายามมุ่งหน้าไปยังชานเมือง ทหารหนุ่มจูงมือไอดอลสาวและวิ่งนำเป็นระยะ เขาจะปล่อยมือเมื่อประทับปืนสอดส่องหาเป้าหมายเท่านั้น
แต่ขณะที่กำลังวิ่งลัดเลาะไปบนถนน Meringue ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างทางด้านหลัง เธอตกใจกรีดร้องอีกครั้งพร้อมฟุบลงกุมหัวปล่อยตัวประหลาดพุ่งผ่านไปอย่างหวุดหวิด



แต่มันก็บินย้อนกลับมา





ชานเมืองเป็นพื้นที่เกษตรและใช้ทดลองสิ่งวิจัยต่าง ๆ ของสถานีอวกาศ ที่นี่มีคนอาศัยเบาบางการแพร่ระบาดและกลายพันธุ์จึงเกิดขึ้นหลังสุด
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอันตราย เพียงแค่มันกว้างจนง่ายต่อการปฏิบัติการ

เสียงดังฝุบพร้อม ๆ กับที่จรวดบินผ่านหัวของ Yuudachi ไปจนเธอถึงกับหูอื้อเสียงดังวิ้ง



"...."
"ขอโทษที"

ผีดิบมีประสาทการดมกลิ่นและรับเสียงที่ดีมาก และมันจะล่าเหยื่อที่ไม่มีกลิ่นเดียวกับมัน นี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่รายงาน
จรวดของ Vios ยิงไปตกที่ไหนก็ไม่รู้ การมีอยู่ของเธอมันชักจะเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเสียงยิงจรวดทำให้พวกผีดิบหันเหความสนใจมาทางนี้
สมาชิกคนหนึ่งขอคำสั่งจาก Vios ว่าจะกวาดล้างระดับไหน ซึ่งระดับ 5 คือสูงสุด แต่ Vios ก็บอกให้ใช้แค่ระดับ 2 เพราะเกรงการโจมตีที่รุนแรงจะไปโดนผู้รอดชีวิต

กระทั่งเคลียร์พื้นที่ได้ และขณะที่กำลังขนย้ายอุปกรณ์มายังชานเมืองเพื่อใช้เป็นจุดตั้งแคมป์ก็มีรายงานแจ้งมาว่าเราถูกจู่โจมโดยสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ร้ายกาจมาก
ได้ยินเสียงตามสายมาเป็นเสียงวิ้ง ๆ แกร่ก ๆ คล้ายการกระแทกโฉบเฉี่ยวไปมา



"เราต้องรีบไปช่วยพวกเขา" Tian He บอกก่อนจะขอนำทหารกลุ่มหนึ่ง ก็พอดี Momo ตามมาสมทบในสภาพที่ไม่น่าจะสู้ได้
ทุกคนจัดกลุ่มแล้วเร่งรุดไปยังที่เกิดเหตุ Vios หยิบปืนที่ไม่มีแมกกาซีนกับแมกกาซีนของดาบลำแสงติดตัวไปโดยที่ไม่ได้พกดาบไปด้วย




ไม่ผิด มันมี 3 ตัว และกำลังเล่นงานทหารช่างกลุ่มเล็ก ๆ ที่สังกัดกองทหาร Savior

Yuudachi ที่นำทหารราบดาบมาไม่อาจทำอะไรมันได้ ทหารก็ไม่อยากเข้าไปสู้ประชิดสักเท่าไร เพราะเหมือนเข้าไปตาย
ในเวลาต่อมา Tian He และ Momo ที่นำทหารปืนกลมาถึงก็สั่งตั้งแถวโจมตีพวกมันจนเกิดการปะทะขึ้น ทหารคนหนึ่งโดนตบกระเด็นและกำลังจะโดนมือที่ยืดยาวขย้ำ

แต่มือนั่นก็พลาดเป้าไปเมื่อใครบางคนเข้ามาดึงเขาให้หลบ



"ผมจะช่วยพวกคุณ" Ven เด็กหนุ่มผู้เชื่อว่าตนเองคือพระเอกที่มาจากต่างโลก
เขามีหุ่นยนต์ขายของจอมพลังที่พบเจอมาระหว่างทางเป็นคู่หูแทน Dull ที่จากไป





"ออกป๊ายยย" อีกแล้วเหรอ ม่าย แงงง

Dull วิ่งหนีหลงทิศไปเจอฝูงผีดิบเข้าอย่างบังเอิญ ณ มุมหนึ่ง ย่านใจกลางเมือง

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #36 on: September 01, 2015, 04:36:32 PM »


ธนูของ Tian He ไม่มีวันพลาดเป้า มันพุ่งเลี้ยววนแล้วเสียบเข้าที่เบ้าตายักษ์ของมนุษย์กลายพันธุ์จนอีกฝ่ายร้องอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่มันจะถูกทหารรุมยิงสิ้นสภาพ
ในเวลาไม่ห่างกันมากนัก Yuudachi ก็สั่งทหารจัดการได้อีกตัวหนึ่งโดยที่เธอไม่ต้องออกแรงอะไรนัก ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคงจะเป็นตัวที่สามที่ถูกจัดการโดยพลเรือนที่หนีตายผ่านมา

แต่ก็ไม่มีเวลาให้ดีใจ ทันทีที่ Tyrant ทั้งสามสิ้นสภาพลงไปก็ราวกับเป็นสัญญาณเรียกให้บางสิ่งบางอย่างปรากฎตัวขึ้น
พื้นถนนที่ทุกคนยืนอยู่ถึงกับสั่นไหวโล้เอียงไปมาเมื่อบางสิ่งบางอย่างปรากฎตัวขึ้น




มันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน ขนาดตัวของมันใหญ่เท่ากับบ้านสองชั้น ดูดกลืนลำแสง และกระสุนปืนกลยิงไม่เข้า



"ตัวมันใหญ่และร้ายกาจขนาดนี้เอายังไงดีล่ะโป้ย ยูดิจิจะจัดการให้นะโป้ย แต่ขอคำสั่งด้วยโป้ย"
Yuudachi เขย่า Vios ที่ยืนตาค้างไปชั่วขณะ แต่เธอเองก็คงตื่นตกใจไม่แพ้กัน

เทียนเฮ่อประกาศกับกองกำลังว่าตนจะจัดการกับผีดิบตัวนี้ ขอการสนับสนุนทั้งหลายทั้งมวลด้วย เพราะเขาไม่มีเวลาจะแจกแจงแผนอะไรแล้ว
ด้วยสติปัญญาเฉียบแหลมและสายตาเฉียบคมดุจเหยียว เขาปีนป่ายหามุมเหมาะในการเล็งในระหว่างที่ Yuudachi นำทีมออกไปสกัดเจ้าผีดิบยักษ์



"ขอยืมปืนของคุณหน่อยแล้วกัน" Ven ชายหนุ่มลึกลับคนหนึ่งว่าก่อนที่จะยืมปืนทหารแล้วประทับเล็ง


ทหารราบที่ออกไปล่อโดนคลื่นเสียงสลบกลางอากาศ บางคนแก้วหูฉีก แต่ไม่ใช่กับ Yuudachi และหุ่นกลตัวหนึ่งที่ฉีกออกไปคนละด้าน


"ต้องการชุดที่ถูกใจ ชุดที่พิเศษไม่เหมือนใคร นึกถึง Alice" ;)
"ชุดของ Alice ไม่เหมือนใครคะ คุณลูกค้าจะได้รับความประทับใจเหนือระดับเลยคะ"
หุ่นยนต์ขายของตกรุ่นถือระเบิดเพลิงวิ่งออกมาแล้วขว้างดึงความสนใจ แต่หุ่นขายของก็มีขีดจำกัด

ก่อนที่เธอจะถูกเหยียบจมดินในอึดใจนั้นลำแสงเส้นหนึ่งก็ยิงเข้าใส่ถังน้ำมันของรถที่อยู่ใกล้ ๆ จนระเบิดเพลิงนั้นคลอกขาขวาของเจ้าผีดิบยักษ์และลุกไหม้
Ven ขยับปืนไปยังตำแหน่งของถังน้ำมันลึกลับที่ไม่รู้มาตั้งอยู่ในฉากได้อย่างไร แล้วยิงซ้ำอีกหลายถังเกิดเป็นทะเลเพลิงล้อมเป้าหมายยักษ์


O0
และ Tian He ที่พร้อมอยู่แล้วเมื่อเจ้าผีดิบยักษ์เดินถอยมายังตำแหน่งที่เขารอคอย ธนูติดระเบิดของเขาก็ยิงเข้าใส่ฐานของอนุสาวรีย์ราชินีที่ยืนองอาจชูดาบยาวเหยียด
ฐานของอนุสาวรีย์ที่แตกกระจายส่งผลให้รูปปั้นโลหะขนาดหลายตันโล้เอียงตกลงมาจากยอดของฐานคอนกรีต
ดาบยาวในมือของราชินีที่ชูขึ้นเสียบลงกลางกระหม่อมของมนุษย์กลายพันธุ์และทะลุจมลงไปถึงพื้นตรึงมันเอาไว้

Yuudachi ได้โอกาสก็ใช้เกราะประกอบร่างทันที เธอพุ่งขึ้นฟ้า ต่อปืนใหญ่ และเล็งลงมา




ผ่าง



Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #37 on: September 01, 2015, 07:56:00 PM »
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Baroness แทบไม่ได้รับความสนใจจากผู้คน พวกเขาแทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ก็แค่โรคระบาดจนทำให้ต้องทิ้ง Baroness ไป ไม่มีอะไรมากกว่านี้ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาและอุดมคติดั้งเดิมของพวกเขาเปลี่ยนไป
พวกเขาชนเผ่า Rex แทบทั้งหมดยังคงเชื่อว่าจักรวาลนี้ถูกกำหนดโดย Ruler ที่ต้องการให้ชนเผ่า Rex แข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
พวกเขามีภาษาเป็นสื่อกลาง มีกฎเกณฑ์พื้นฐานและวัฒนธรรม พวกเขาสร้างอารยธรรม พวกเขามีสติปัญญา พวกเขามีพลังอำนาจ...
พวกเขาเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ขาดสิ่งเหล่านี้ไป ย่อมเป็นได้เพียงอนารยะหรือเหยื่อของพวกเขา


4 เดือนต่อมาหลังวิกฤติกลายพันธุ์ที่ Baroness ในร้านขายเทปเพลงแห่งหนึ่งใน Capital
ชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมแจ๊คเก็ตคอกลม สองมือล้วงกระเป๋า สะพายย่ามเชย ๆ เดินตรงไปยังแผงวางขายเทปเพลง
สายตาของเขากวาดไปตามชั้นวางอย่างละเมียด เห็นเทปเพลงที่เบียดเสียดกัน ชั้นล่างจะเป็นเทปมือสอง ชั้นถัดขึ้นมาเป็นเทปเพลงทั่วไป และชั้นบนสุด...

Spoiler for Hiden:


Sphere ไอดอลสาวออกอัลบั้มที่สิบห้าและขายดีถล่มทลายหลังจากเธอเปลี่ยนธีมมาเป็นชุดว่ายน้ำ



ถัดมาเป็นอัลบั้มขายดีถล่มทลายอันดับสองเบียดกันมา 'เงือกแห่งจันทราในเดือนที่หมองหม่น' กับชื่ออัลบั้มที่ไม่รู้ใครคิดให้
ว่ากันว่ากว่าจะถ่ายปกนี้ออกมาได้ก็เป็นอาทิตย์เลยล่ะ เธอแอคติ้งไม่เก่ง และจะยิ้มหน้าบานตลอดเวลา ปกนี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอหรอก

กระทั่งสายตาของชายหนุ่มมองไปยังอัลบั้มขายดีอันดับสาม ที่แม้จะถูกที่ 1 กับ 2 ทิ้งห่าง แต่นี่ถือเป็นอัลบั้มแรกของเธอเลยนะ



ชายหนุ่มเลือกที่จะพิจารณาเทปม้วนนี้ไม่นานนักก่อนจะเอามือขวาออกมาจากกระเป๋า เผยให้เห็นรอยแผลเป็นน่ากลัวที่ข้อมือ
เขาหยิบมันมาแล้วเดินไปที่เคาเตอร์คิดเงินโดยไม่ได้ทดลองฟังแม้สักเพลง และตอบพนักงานที่เคาเตอร์ว่าทำไมถึงได้แผลนี้มา

ราวกับเวลาหยุดลงให้ไอดอลสาวสบถด่าอย่างหมดราคา

ทำ ไม

มา ทำ ไม

ทำ ไม มา


และเสียงหนึ่งก็ดังอยู่ในหัวของเธอ ราวกับมันเป็นช่วงเวลาแค่เสี้ยวหนึ่งในวินาทีให้เธอคิดและตอบมัน



"ฉัน ฉ ฉัน ไม่รู้ ฉันไม่รู้... ช ช่วยด้วย" Meringue ตกใจและหวาดกลัวมากเกินกว่าจะคิดหาคำตอบได้
และวูบหนึ่งนั้นเองที่ปากของเจ้าผีดิบตรงหน้านั้นอ้าออกกว้างที่สุดเท่าที่ปากของมันจะกว้างได้

กร๊วบ!

เลือดไหลทะลักออกมาจากเกราะที่แขนของทหารหนุ่ม เขาเข้ามาขวางและยกแขนขึ้นป้องเอาไว้
และก่อนที่เขาจะหมดแรงยื้อยุด นอกจากเสียงกรีดร้องของไอดอลสาวแล้วก็เห็นจะเป็นเสียงลำแสงที่มีใครบางคนยิงโจมตีเจ้าผีดิบตนนี้จนมันสิ้นสภาพไป
หลังจากนั้นไม่นานนักหัวของเขาก็อื้ออึง อาจจะเพราะเขากำลังจะกลายเป็นผีดิบเหมือนเพื่อน ๆ ของเขาหรือเปล่านะ...

เขาได้ยินเสียงร้องไห้สั่นเครือของไอดอลที่เขาปกป้องก่อนจะหมดสติไป และนั่นเป็นความทรงจำสุดท้ายของเขาก่อนที่เขาจะฟื้นขึ้นมาในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า


"แค่แผลเล็ก ๆ มันเทียบไม่ได้กับความฝันของเธอ" เขาตอบให้พนักงานขายงงเล่นก่อนจะรับของแล้วเดินออกไป

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #38 on: September 01, 2015, 08:55:21 PM »
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 เดือนก่อนที่ Baroness




ศูนย์วิจัยพฤษศาสตร์ ไม่มีอะไรที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการควบคุมสถานีอวกาศเลย แต่ที่มุมด้านหนึ่งของห้องวิจัยย่อยที่ 7 กลับพบประตูลับ
ไม่รู้ว่าทำไม Green Heart ถึงรู้ช่องทางเหล่านี้ แต่เขามั่นใจว่าคอร์ที่เคยอยู่ในห้องลับนั้นถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีเพื่อให้คนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าถึงมันได้
ระบบ STARLIGHT คือระบบปิด น้อยคนจะรู้ถึงความลับของมัน และคนที่รู้ความลับก็จะรู้ที่ตั้งคอร์ในเวลาเดียวกัน

จุดที่ตั้งคอร์เป็นห้องเล็ก ๆ ที่กลางห้องมีแคปซูลขนาดเท่าที่คนจะเข้าไปได้ มันแตก และมีของเหลวเจิ่งนอง



"ฉันดีใจที่ได้เห็นหน้าเธอ" Green Heart บอก และถามว่ารู้ไหมว่าเธอเรียก Lunette มาที่นี่ทำไม



"เธอเรียกฉันมาใช้งาน" Lunette บอกต่อว่า
"เพราะเธอขี้เกียจ เธอถึงเรียกฉันมาทำงานแทน"

"ฉันกำลังเศร้าเสียใจและหดหู่ต่างหาก" Green Heart พูดหน้าตาย

"อยากร้องไห้หรือเปล่า" Lunette พูดหน้าตาย

"ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ฉันขี้เกียจ" Green Heart พูดหน้าตาย

Green Heart เล่าให้ฟังว่าเธอมาที่นี่เพื่อจะแก้ไขอดีตที่เธอเคยทำพลาดไป แต่เธอก็เกือบจะพลาดอีกหากไม่ใช่เพราะเกิดความผิดพลาดขึ้น
คอร์ที่หนีหายไปได้บอกกับเธออย่างนั้น คอร์นั่นได้บอกว่า ทุกคนย่อมหวงแหนชีวิตและมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต ทุกชีวิตเท่าเทียมกัน
การที่ Green Heart คิดจะให้คอร์นั่นสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้คนในสถานีนี้นับว่าไม่ถูกต้อง และขัดแย้งกับอุดมการณ์ของเธอเอง นี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่คิดจะไล่ตามหาคอร์นั่น

"ฉันกำลังเสียใจ ปลอบใจฉันสิ" Green Heart พูดหน้าตาย

"ฉันเป็นพี่เลี้ยงเธอตั้งแต่เมื่อไร ?" Lunette พูดหน้าตาย



"ขอบใจ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว" Green Heart บอก แล้วเธอก็ชวน Lunette ไปตีผี 10000 ตัว

โลกมันก็เพี้ยน ๆ อย่างนี้แหละ ใครจะไปรู้ว่านักวิจัยระดับท็อป 2 คนกำลังไล่ทุบผีดิบเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตให้ได้มากที่สุดในอีกมุมหนึ่งที่ไม่มีใครรู้


"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะใจบุญสุนทาน"
"ฉันรู้ เธอมาที่นี่เพื่อแก้ไขอดีตที่ทำผิดพลาด"
"อดีตไม่มีวันถูกแก้ไข แต่ฉันมาที่นี่เพื่อแก้ไขมัน"
"เธอควรจะแก้ไขมัน"
"ฉันคิดว่ามันถูกแก้ไขแล้ว"
"เธอไม่ได้แก้ไขมัน"
"ถูกของเธอ แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ"

แล้ว Green Heart ก็ส่งมือไปให้เด็กคนหนึ่งที่ไปแอบหลบอยู่ในท่อน้ำทิ้ง
มันไม่สำคัญแล้วล่ะว่าเธอจะมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร การกระทำต่างหากที่จะตอบทุกอย่าง
« Last Edit: September 01, 2015, 08:56:43 PM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #39 on: September 01, 2015, 10:24:07 PM »
ที่ด้านหนึ่งของชานเมือง บัลเล่ต์ได้พบกับสิ่งที่คล้ายดงของดอกไม้ยักษ์



เธอแหงนมองมัน มันมีขนาดประมาณ 1 ใน 10 ของสถานีอวกาศได้เลยล่ะมั้ง และมันก็เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วเสียด้วยสิ
จากข้อมูลที่เธอได้รู้มา มันคือหนอนอวกาศ ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนดอกไม้ แต่ก็เป็นหนอน และไม่ใช่หนอนแมลง แต่เป็นลักษณะของหนอนปรสิต
มันขยับอย่างช้า ๆ ไม่มีทีท่าคุกคาม แต่ก็ไม่น่าจะปลอดภัย เพราะละอองเกสรของมันปล่อยพิษร้ายออกมา พิษนั้นหลอมละลายได้ทุกอย่าง

มันฝังตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดปรากฎการณ์กลายพันธุ์ แต่มันไม่ใช่ต้นตอของการกลายพันธุ์
อย่างไรก็ตาม มันมีชีวิต และมีสติปัญญา มันกำลังสังเกต พิสูจน์ และสังเกต สลับวนไปมา เพราะมันสงสัย มันจึงสังเกต และเพราะมันมีสติปัญญา มันจึงพิสูจน์



"เธอคงสงสัยสินะจ๊ะว่าพวกเราคือใคร เหตุใดพวกเราจึงรุกล้ำเข้ามาและฆ่าฟันพวกเธอ" บัลเล่ต์พูดขึ้น เธอมีสติปัญญาไหวพริบมากพอจะเข้าใจเรื่องได้ทุกอย่าง
"แต่เธอและพวกเธอก็ไม่อาจรู้คำตอบนั้น เพราะพวกเราไม่คิดจะพูดคุยกับพวกเธอ" บัลเล่ต์รู้ดีว่าเรานั้นต่างเผ่าพันธุ์ การดำรงอยู่ก็แตกต่างกัน
อีกฝ่ายอาจจะไม่มีวัฒนธรรมด้านการสื่อสาร แม้กระทั่งภาษากายก็คงไม่มี อีกฝ่ายไม่รู้จักคำถาม ไม่รู้จักคำตอบ ก็เพราะมันไม่จำเป็น
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้บัลเล่ต์ต้องทึ่งก็คือเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นในหัวของเธอ เสียงที่เกิดจากกระแสจิต การใช้ภาษาที่เกิดจากการเรียนรู้ในช่วงเวลาไม่นานนัก

Quote
ทำ ไม

มา ทำ ไม

ทำ ไม มา


บัลเล่ต์คิดว่าหนอนยักษ์ตนนี้ต้องการพูดคุย

"เรามาเพราะต้องการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัย" บัลเล่ต์ตอบ 
เธอตั้งสมาธิคิดถึงระบบนิเวศแบบพึ่งพาอาศัย ต่างฝ่ายต่างพึ่งพากัน ได้ประโยชน์ร่วมกัน  ปูเสฉวนกับดอกไม้ทะเล (ปูช่วยพาดอกไม้ทะเลเคลื่อนที่หาแหล่งอาหาร ดอกไม้ทะเลช่วยพรางตัวให้ปู)
ควายกับนกเอี้ยง (ควายได้นกเอี้ยงช่วยทำความสะอาและเตือนภัย นกเอี้ยงช่วยกินแมลงและปรสิตบนหลังควาย) 
ก่อนจะชวนมาอยู่ร่วมกัน เพื่อให้พวกเขาได้ศึกษา ได้รู้จัก และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

นานพักใหญ่คล้ายอีกฝ่ายกำลังประเมินและตัดสิน สิ่งที่บัลเล่ต์พูดมานั้นดูน่าเชื่อถือ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอไม่มีอาวุธสักชิ้น
เธอมั่นใจว่าเธอไม่น่าจะผิดพลาดตรงไหน แต่เธอก็ยังคงไม่อาจคลายกังวลและขับไล่ความอึดอัดออกไปได้ ถ้าอีกฝ่ายมุ่งร้ายต่อเธอ เธอคงจนปัญญาจะเอาตัวรอด

และแสงสว่างวูบหนึ่งนั้นก็ทำให้บัลเล่ต์คลี่ยิ้มออกมาได้

Spoiler for Hiden:


"ดิฉัน คือ ราชินี แห่ง โอ เชีย น่า" เธอร่างจำแลงของหนอนยักษ์อวกาศ

"ลา ก่อน"


เธอควรจะใช้คำว่า ยินดีที่ได้รู้จัก นะ
แต่เอาเถอะ ภาษาไม่ใช่เรื่องยาก

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #40 on: September 04, 2015, 02:10:29 PM »


เกมเซนเตอร์มีหลากหลายประเภท เป็นเครื่องเล่นบันเทิงสำหรับทุกชนชั้น เกมที่มีให้เล่นก็มีตั้งแต่ระดับค่าฮอทดอกไปจนถึงค่าเข้าพักโรงแรมหรู
Nu กำลังพยายามเล่นเกมยานแข่งกับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่แล้วก็แพ้



"โอ้ โห ฉันแพ้อีกแล้วเหรอ ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ อ๊าา เอาใหม่!" แล้วเธอก็หยอดเหรียญอีก

Yuudachi ที่เข้ามาที่นี่เดินอ้อมไปยังอีกด้านและได้พบกับ



"ยูดาจิเก่งกว่าเดิมแล้วนะโป้ย คราวนี้แหละ ยูดาจิไม่แพ้แน่โป้ย" อย่ามามั่ว เธอขึ้นเขาไปฝึกวิชาเพิ่งลงมา เคยไปสู้กันตอนไหน

Yuudachi แม้จะช้าเป็นเต่าป่วยไม่เปลี่ยน แต่เธอก็มีเครื่องเจ็ทที่ Nautilus สร้างให้ชั่วคราวให้ส่งตัวให้พุ่งออกไป
ขีปนาวุธที่อุ้มมากระแทกเข้าไปเต็มหน้าของ Biore ก่อนที่เธอจะฉากหนีด้วยเครื่องมือวาร์ปพอร์ทัลก่อนที่มันจะระเบิด



สารพัดอาวุธที่แบกขนออกมาถูกยิงซ้ำเข้าไปในหมู่มวลเมฆเพลิงตรงหน้าจนกระทั่งเธอมั่นใจว่าเป้าหมายนิ่งสนิทจึงลดปืนลง
แต่แขนกับขาของเธอก็ขาดกระเด็นในช่วงวินาทีนั้นด้วยลำแสงอาคมที่ยิงทะลวงออกมาจากเป้าหมายที่น่าจะแน่นิ่งไปแล้ว



"ฉันสบายดี แต่เธอคงไม่ค่อยสบายสักเท่าไร" Biore ในสภาพรุ่งริ่งดูไม่จืดพุ่งเข้าใส่ Yuudachi ที่แทบจะสิ้นสภาพในการสู้รบ
ทั้งสองก็ยังปะทะกันที่กลางอากาศ มันเป็นการต่อสู้ของสองเผ่าพันธ์ Artifact หรือ สิ่งประดิษฐ์ที่มีชีวิตและเจตจำนงค์ของตนเอง

หัวของ Yuudachi แทบจะถูกกระชากหลุดถ้าเธอหลบไม่ทัน แต่กำปั้นของเธอก็ซัดจน Biore หมุน 360 องศา





"สบายดีไหม ฉันคิดว่าคุณคงสบายดี" Biore หันมาทักทาย เธอนี่แหละที่ทำให้ Nu โวยวายได้
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ พรมลิขิต? โชคชะตา? ทั้งสองเคยแทบจะฆ่ากันมาตายมาก่อนแท้ ๆ นะ แต่วันนี้ทั้งสองมาเผชิญหน้ากันในร้านเกม



"ไม่เจอกันตั้งนานนะโป้ย"
"มาแข่งเกมที่เล่นได้ 3 คนดีกว่าโป้ย"


Biore มองดูหน้าจอ YOU LOSE ในเวลาต่อมา เพราะเธอมัวแต่คุยกับ Yuudachi ยังผลให้ Nu ชนะเกมนี้



"ไงล่ะ ฉันชนะจนได้" เธอก็ยังหน้าด้านภูมิใจได้อีก

Biore ไม่ได้ชอบเล่นเกม เธอมาเล่นเพราะโดน Nu ชวนแกมบังคับ เธอจึงปฏิเสธ เธอบอกว่า Nu มีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีกไม่ใช่เหรอ นั่นทำให้ Nu เงียบ ตีหน้าขรึม
Nu มีโปรแกรมจะต้องไปฝึกในระบบเวอร์ชวล เพราะเธออยากสำรวจดาวต่อไปที่มีอารยธรรมเหมาะแก่การเรียนรู้ เธอถามว่าอยากไปกับเธอไหม


ระหว่างทาง Nu ชวนคุยแต่เรื่องเกม ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ Yuudachi ก็เนียนไหลลื่นไปได้ตอนคุยเรื่องเกม
เช่นเดียวกับ Biore ที่มีศักยภาพในการไหลลื่นเช่นกัน นั่นทำให้ Nu ไม่เบื่อหน่ายที่ได้มากับทั้งสอง

กระทั่งมาถึงเรื่องซีเรียส Nu ถามขึ้นมาว่า Yuudachi คิดยังไงกับคำกล่าวที่ว่า 'สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ'

Yuudachi ใช้ประสบการณ์ในการตอบถูไถไป แม้จะไม่ถูกก็ใกล้เคียง Nu บอกว่ามันก็มีความหมายเดียวกับ 'การคัดเลือกของธรรมชาติ'
มนุษย์เราหรือสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งหมดทั้งปวงในจักรวาลนั้นก่อเกิด ดำรงอยู่ และดับสูญไป เวียนว่ายวนกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยมีสิ่งที่เร้าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง



"วิวัฒนาการ" Biore พูดขึ้น เธอรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะเธออยู่กับ Nu มาตลอด



"อ๊ะ ใช่ วิวัฒนาการไงล่ะ อย่างหมู่ดาวโอเชียน่าที่ผ่านมา สิ่งมีชีวิตของหมู่ดาวเหล่านั้นอาศัยในอวกาศได้ มีร่างกายที่ใหญ่โต มีความดุร้าย และไม่ต้องการภาษาในการสื่อสาร"
"เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เพราะสภาพแวดล้อมที่ทำให้ประชากรของถิ่นที่อยู่นั้น ๆ เปลี่ยนรูปลักษณ์ไป เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเรา ไม่เหมือนกันเลย"
"ฉันกำลังจะบอกว่า ถ้ามีสิ่งเร้าที่บีบคั้น พวกเขาที่เหมือนกับปรสิตยักษ์นั่นก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก พวกเขาอาจจะทรงพลังยิ่งกว่าเราก็ได้"

วีรบุรุษอาจจะเกิดขึ้นกลางสนามรบเพราะเขาเก่งกาจอยู่แล้ว หรือบางที... เพราะมีสงครามจึงทำให้เขาเก่งกาจขึ้น


แล้ว Nu ก็ถอดหมวกออก ปล่อยมันลอยไปในอาณาบริเวณของห้องควบคุมแรงโน้มถ่วง



"เธอล่ะ อยากเก่งหรือเปล่า"

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #41 on: September 07, 2015, 09:09:24 AM »
Timeline

2 ปีหลังออกยานมาจากกาแล็คซี่ Rexus

- Episode 1 Travel: รู้จักยาน Rexus
- Episode 1 Adventure: สำรวจดาว Presia ดินแดนสีเขียวชอุ่ม ประชากรคือจิตวิญญาณ

1 ปีต่อมา

- Episode 2 Travel: รู้จักยาน Rexus
- Episode 2 Adventure: สำรวจดาว Ballet ดินแดนอนารยะ สงครามชนเผ่า และยาน Rexus ทิ้งทุกคนเอาไว้บนดาว

5 ปีต่อมา ยาน Rexus ย้อนกลับมายังดาว Ballet

- Episode 3 Travel: อพยพกลับขึ้นยาน Rexus พร้อมชนเผ่า, การแข่งเจลีก, การลอบสังหาร, การปฏิวัติ ฯลฯ
- Episode 3 Adventure: สำรวจระบบดาว Oceana หมู่ดาวสมุทร พบสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์

- Episode 4 Travel: ไวรัสจากดาว Oceana ระบาด เกิดวิกฤติการที่สถานีอวกาศ Baroness, ช่วงพักผ่อน หลังวิกฤติการผีดิบ 6 เดือนต่อมา
- Episode 4 Adventure: เป้าหมายต่อไปมาถึงแล้ว

« Last Edit: September 07, 2015, 09:10:38 AM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #42 on: September 07, 2015, 10:24:32 AM »
ทฤษฎีวิวัฒนาการ คือแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะอธิบายว่าวิวัฒนาการมีจริงและเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยอาศัยหลักฐานทางด้านต่าง ๆ ประกอบและยืนยันแนวโน้มของวิวัฒนาการมีดังนี้

1. กฎแห่งการใช้ และไม่ใช้ (law of use and disuse) มีใจความสําคัญว่า
“ลักษณะของสิ่งมีชีวิตผันแปรได้ตามสภาพแวดล้อมอวัยวะใดที่ใช้อยู่บ่อย ๆ ย่อมขยายใหญ่ขึ้น ส่วนอวัยวะใดที่ไม่ได้ใช้จะค่อย ๆ ลดขนาด อ่อนแอลง และหายไปในที่สุด”

2. กฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่ (law of inheritance of acquired characteristics) มีใจความว่า
“ลักษณะที่ได้มาใหม่หรือเสียไปโดยอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม โดยการใช้และไม่ใช้จะคงอยู่และสามารถถ่ายทอดลักษณะที่เกิดใหม่นี้ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปได้”

ยีราฟในอดีตคอสั้นกว่าปัจจุบัน แต่ได้มีการฝึกฝนยืดคอเพื่อพยายามกินใบไม้ จากที่สูง ๆ ทําให้คอยาวขึ้น การที่ต้องเขย่งเท้า ยืดคอ ทําให้ยีราฟมีขายาวขึ้นด้วยลักษณะที่มีคอยาวขึ้น และขายาวขึ้นนี้ถ่ายทอดมาสู่ยีราฟรุ่นต่อมา
งูอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพงหญ้ารกทึบการเลื้อยทําให้ลําตัวยาว ส่วนขาไม่ได้ใช้จึงค่อย ๆ ลดขนาดเล็กลงและหายไป ลักษณะนี้ถ่ายทอดไปได้งูรุ่นต่อ ๆ มาจึงไม่มีขา

และการเกิดสปีชีส์ใหม่อันเนื่องมาจาก 'การคัดเลือกโดยธรรมชาติ'
ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (theory of natural selection) มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันย่อมแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เรียกว่า variation

2. สิ่งมีชีวิตมีลูกหลานจํานวนมากตามลําดับเรขาคณิต แต่สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดก็มีจํานวนเกือบคงที่เพราะมีจํานวนหนึ่งตายไป

3. สิ่งมีชีวิตจําเป็นต้องมีการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด (struggle of existence) โดยลักษณะที่แปรผันบางลักษณะที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมย่อมดํารงชีวิตอยู่ได้ และสืบพันธุ์ถ่ายทอดไปยังลูกหลาน

4. สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นที่อยู่รอด (survival the fittest) และดํารงเผ่าพันธุ์ของตนไว้และทําให้เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติ เกิดความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนเกิดสปีชีส์ใหม่

สิ่งมีชีวิตที่จะอยู่รอดไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด

ในกรณียีราฟคอยาวนั้น อธิบายตามทฤษฎีได้ว่า ยีราฟมีบรรพบุรุษที่คอสั้น แต่เกิดมี variation (พวกที่มีคอยาวกว่าปกติ) ขึ้นมา ซึ่งสามารถหาอาหารพวกใบไม้ได้ดีกว่าตัวพวกคอสั้น และถ่ายทอดลักษณะคอยาวไปให้ลูกหลานได้
ส่วนพวกคอสั้นหาอาหารได้ไม่ดีหรือแย่งอาหารสู้พวกคอยาวไม่ได้ ในที่สุดก็จะตายไป จึงทําให้ในปัจจุบันมีแต่ยีราฟคอยาวเท่านั้น



"หรืออย่างพวกเราชนเผ่า Ears ที่ถือกำเนิดจากสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายจากธรรมชาติ พวกเราจึงมีร่างกายคล้ายสัตว์" Oceana เปรียบเทียบ
"เผ่า Oceana สูญพันธุ์ไปเกือบทั้งหมดเพราะเหตุนี้"
เธอกล่าวถึงเผ่า Ears กลุ่มย่อยของสายพันธุ์ที่เคยมีร่างกายคล้ายมนุษย์มาก คือมีเพียงแค่เขี้ยวสัตว์ป่า แต่เพราะร่างกายบอบบางของมนุษย์ส่งผลให้เกิดการสูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว

การวิวัฒนาการจนคล้ายมนุษย์เกิดขึ้นเมื่ออดีตกาลที่เผ่า Oceana เข้ามาอยู่ร่วมกับมนุษย์ แต่มนุษย์รังเกียจสัตว์ป่าอย่างพวกเขา การวิวัฒนาการจึงได้เกิดขึ้น จนกระทั่งคนครึ่งสัตว์กลายเป็นมนุษย์
กระนั้นแล้ววิวัฒนาการไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นง่ายนัก มันต้องการสิ่งเร้าที่มีอำนาจบีบคั้นมากพอ สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และเวลา...

เผ่า Oceana ใช้เวลากว่า 30000 ปีในการวิวัฒนาการจากคนครึ่งสัตว์กลายเป็นมนุษย์



"กระทั่งเกิดสงครามกาแล็คซี่" Oceana แปลงร่างกลับมาเป็นร่างมนุษย์ นี่คือร่างดั้งเดิมของเธอ

สงครามกาแล็คซี่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว เกิดสถานการณ์ที่เรียกว่าโดมิโน่ ชนเผ่า Oceana ที่ทิ้งร่างสัตว์อันแข็งแกร่งส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถเอาตัวรอดได้เมื่อสงครามอุบัติขึ้น
พวกเขาล้มตายไปมากมายพอ ๆ กับมนุษย์ เหมือนกับเราจับเอาเด็กนักเรียนวัยรุ่นคนหนึ่งโยนไปยังต่างโลกให้หาทางออกจากป่าดงดิบให้ได้ด้วยตัวคนเดียว

อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตจะพยายามเอาชีวิตรอด ชาวเผ่า Oceana จำนวนหนึ่งได้คิดค้นศาสตร์การแปลงร่างขึ้นโดยใช้พลังจากธรรมชาติเพื่อเปลี่ยนรูปแบบทางกายภาพ
เมื่อเข้าสู่สังคมเมือง พวกเขาจะมีร่างมนุษย์ และเมื่อต้องต่อสู้ พวกเขาจะใช้ร่างสัตว์ป่า
« Last Edit: September 07, 2015, 10:30:16 AM by Johan »

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #43 on: September 07, 2015, 09:51:54 PM »


เสียงระฆังดังเหง่งหง่างกังวานไปทั่วทั้งหมู่บ้านราวกับเสียงจากสรวงสวรรค์ที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านมาช้านาน
มันจะดังในทุก ๆ วันอาทิตย์ หรือก็คือวันถือศีลประจำหมู่บ้านนั่นเอง
เป็นพิธีกรรมทางศาสนาเหรอ ไม่ใช่หรอกนะ หมู่บ้านนี้ไม่ได้นับถือศาสนา
นี่มันก็เป็นลัทธิหนึ่ง ซึ่งผู้คนในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่มีเสรีภาพจะเลือกนับถือมัน

แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ และหอระฆังไม่ส่งเสียงกังวานดังเช่นปกติ มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นบนยอดของหอระฆังที่ว่างเปล่านั่น
มันควรจะมีระฆังสิ ถ้ามันไม่มีระฆังมันก็ไม่ใช่หอระฆัง
ไม่ใช่ มันมี มันเคยมี ก่อนหน้านี้มันเคยมีระฆังใบเขื่องบนยอดหอนั้น

ก็จนถึงเดือนก่อนที่มันหายไป

Spoiler for Hiden:


"ปริศนาระฆังที่หายไป"


"หอระฆังที่ว่างเปล่า"
"หอระฆังแห่งความลับ"
"ไม่เอา ต้องเป็นหอระฆังคู่มหากาฬ"
"เดี๋ยวก่อน แต่มันมีแค่หอเดียวนะ"
.
.
.

"คดีนี้มีเงื่อนงำ"
"มันเป็นการฆาตกรรมในห้องปิดตาย"
"ไม่ใช่ หมู่บ้านปิดตายต่างหาก"
"แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีคนตาย"
"เรารอให้มีคนตายไม่ได้หรอกนะ"
"เราต้องตามหาระฆัง"
"มีคนขโมยมันไป คนร้ายอยู่ในหมู่บ้านนี้"
"ต้องจับคนร้ายให้ได้ ขอเดิมพันด้วย.... โอ๊ย ระวังหน่อยสิ"
.
.
.

"มืดแล้ว เรากลับบ้านก่อนนะ"
"อื้อ ไว้มาเล่นกันอีกนะ"

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #44 on: September 09, 2015, 12:25:56 AM »
เฉลยการใช้จินตนาการคาดเดา
Spoiler for Hiden:
Momo
น่าจะเกี่ยวกับระฆังที่หายไปในฉากเปิด?
ไม่ก็หาทรัพยากรเข้ายานเพิ่ม?
หรืออาจจะเกี่ยวกับอาณานิคมก็ได้
หรือไม่ก็ศึกษาชีวิตโบราณ ถูก
หรือว่า...อาจจะมีเรื่องที่ต้องไปค้นหาอะไรบางอย่าง.. (กว้างไป ไม่ให้ถูก)



Kaiser
- มาสำรวจดาว ยานตก สลบเพิ่งฟื้น
- มาสำรวจดาวแล้วมาขอเป็นโฮมสเตย์ ถูก



Bel
Bel พยายามคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ความทรงจำของเธอขาดหายไปอีกครั้ง (อีกครั้ง !!)
เธอไม่คิดว่าผู้คนที่ไม่มีศิลปวิทยาการใด ๆ อย่างพวกเค้าจะสามารถโจมตียาน Rexus จนเสียหายและต้องลงจอดฉุกเฉินได้
และเพราะคนอื่น ๆ ที่อยู่บนยานเช่นเดียวกับเธอก็ได้มาอยู่ภายในหมู่บ้านนี้เช่นเดียวกัน เธอก็เลยสรุปได้ว่าพวกเรากำลังอยู่
ในช่วงสำรวจดวงดาวแห่งนี้ เหมือนเช่นเคยกับดาวดวงก่อน ๆ
แต่ที่ผิดแปลกก็คงเพราะทุก ๆ คนมาอยู่รวมกันที่หมู่บ้านแห่งนี้
เธอจึงเดาต่อไปอีกว่าหมู่บ้านแห่งนี้อาจจะเป็นหมู่บ้านแรกและหมู่บ้านเดียวที่มีอยู่บนดาวดวงนี้ก็เป็นได้ และพวกเค้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตเดียว
ที่มีอารยธรรมแปลก ๆ เช่นการเอาไม้มาหมุนเพื่อก่อไฟ หรือการสร้างที่พักอาศัยมุงด้วยหญ้าอย่างหยาบ ๆ ก็ดีจนทำให้ทุกคนสนใจที่แห่งนี้(ละมั้ง)
แต่สิ่งที่เธอคาดเดาและมีโอกาสที่จะเป็นอย่างที่เธอคาดเดามากที่สุดก็คงเป็น .. การที่มีราชินีติดเกมที่ว่าลงมาสำรวจอารยธรรมของดาวดวงนี้ด้วย
และราชินีติดเกมที่ว่าก็มาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ และเพื่อที่จะปกป้องราชินีติดเกมที่ว่า ก็เลยรวมผู้สำรวจทุก ๆ คนให้มาทำหน้าที่ปกป้องเธอไปด้วยในตัว

เธอว่าก่อนที่จะส่ายหัวไปมาพลางคิดว่า 'เดาไปก็เท่านั้น' อีกอย่างเธอก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเธอมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วยฐานะอะไร
หากเป็นฐานะเช่นเดียวกับค่ายทหารดำครั้งก่อนก็คงเป็นฮีโร่ผู้มาช่วยหมู่บ้านจนได้รับการยกย่องหรือไม่ก็คงไม่พ้นเชลยที่ถูกจับ
แต่ที่หน้าแปลกที่สุดก็คงเป็นการที่ชาวบ้านของที่นี้ยังคงทำตัวปกติ ไม่หือไม่อือกับพวกเธอเลยนี้ละ ทั้งการแต่งตัวไหนจะอะไรอีก
หากเป็นชาวบ้านทั่วไปคงจะแตกตื่นและให้ความสนใจกับพวกเราเป็นอันดับต้น ๆ แล้วแท้ ๆ เมื่อเธอคิดแบบนั้นเธอก็ลืมสงสัยขึ้นมาอีกทันที
หรือที่เธอคิดจะถูกต้อง แต่ที่ชาวบ้านไม่แตกตื่นคงเป็นเพราะพวกชาวบ้านมองไม่เห็นพวกเธอ หรือไม่ก็พวกเราได้แฝงตัวเข้ามาปนกับชาวบ้านสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่จะทำให้เธอคิดจนปวดหัวมากไปกว่านี้ เพราะงั้น !! เลิกคิดแล้วไปถามคนอื่นดีกว่า ว่าแล้วก็ตามหา Canone กับ Nautilus ก่อนเลยแล้วกัน ...



TL

สมมุติฐานที่ 1
TL และพวกมาที่นี่ในฐานะเทพจากฟากฟ้า ลงมาอยู่กับชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังไม่มีความเจริญใด ๆ

สมมุติฐานที่ 2
TL และพวกพาเหล่ามนุษย์โคลนที่สร้างขึ้นมาทดลองดำเนินชีวิตบนดาวดวงนี้เพื่อทดสอบและเก็บข้อมูล

สมมุติฐานที่ 3
TL และพวกพาคนบนดาวลงมาอยู่ที่นี่  แต่เพื่อทดลองการอยู่แบบใกล้ชิตธรรมชาติ พวกเขาจึงอยู่กันแบบห่างไกลเทคโนโลยี



Lunette
ทีมนักสำรวจลงมาเพื่อเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์ แต่เจอกับกลุ่มคนที่อยู่อาศัยบนดาวดวงนี้
จึงเข้ามาเพื่อเผยแพร่อารยธรรม ไปจนถึงหาที่พักอาศัย และศึกษาคนเหล่านี้ ถูก



Tian He
-เจอดาวใหม่ที่มีสภาพเหมือนกลับไปสู่ยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ ลงจากยานมา พบปะผู้คนเรียนรู้วิถึชีวิต ถูก
-เจอดาวใหม่ที่มีสภาพเหมือนกลับไปสู่ยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนเดินทางข้ามกาลเวลามา อาจเกี่ยวกับปริศนาระฆังหายไป เทียนเฮ่อกับผองเพื่อนจึงมาสำรวจแล้วจับพลัดพลูอยู่ที่นี่
- ตามหาเผ่า Oceana เจอร่องรอย จอดลงยาน พบว่าดาวเหมือนกลับไปสู่โลกโบราณ



Yuudachi
1. เอ่อ... ก็บอกอยู่ว่าตะลุยโลกล้านปี
2. เอาเป็นว่าถูกวาร์ปลงยานมาตามปกติก็แล้วกัน
3. ระฆังหาย แล้วเกิดไทม์วาร์ป ส่งพวกยูดาจิมายุคนี้กันหมดเลย
4. มีดินแดนหนึ่งในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่ที่ไร้ซึ่งการพัฒนาเช่นนี้อยู่(?)
5. ถูกส่งมาที่ดาวนี้โดยเฉพาะเพื่อที่ชาว Rexus จะได้ยึดครองและหากองกำลังได้โดยง่าย
6. ให้ว่านตอบ(?)

ไม่ใกล้เคียง จึงไม่ถูก



Solv ลืมตาตื่นพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหายไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงอยู่ที่นี่ นั่นเป็นเพราะยานขนส่งที่พามาเกิดอุบัติเหตุและทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน เขาถูกพวกคนพื้นเมืองช่วยเหลือไว้และพามาอยู่ด้วย หลายวันเข้าก็ชินชาคิดว่าตนเป็นคนของที่นี่แต่บางอย่างในใจกลับขัดแย้ง

ก็ดูสิ ลักษณะหน้าตาของพวกเขา เหมือนคนพื้นที่นี่ทีไหน ออกจะหน้าตาดี มีเขา แรงสัตว์ประหลาดแบบนี้
ข้อมูลปกปิด

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้

Offline Johan

Re: [STARLIGHT] Story
« Reply #45 on: September 09, 2015, 09:15:46 PM »
ไม่มีนโยบายสำรวจดาวที่ไม่มีอารยธรรมและไม่ปรากฎผู้สร้างอารยธรรมนั้น
หากได้พบกับดาวเหล่านั้นและประเมินได้ว่าเป็นภัยคุกคาม กองทหารแห่ง Rexus จะจู่โจมทำลายดาวดวงนั้น
แต่หากภัยคุกคามอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ปรากฎ Rexus จะลงจอดเพื่อซ่อมบำรุงตัวเองและฟื้นฟูพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือไม่ก็จู่โจมกวาดต้อนเอาทรัพยากรที่มีค่ากลับเข้ายาน

และนี่คือนโยบายของราชินี ซึ่งถูกแอบอ้างโดย Minister มาตลอด อำนาจที่แท้จริงอยู่กับฝ่ายบริหาร หาใช่ผู้นำ
หลังการปฏิวัติ Rexus ส่งผลให้ส่วนกลางอ่อนแอลงมาก Minister ที่เคยมีหลายสิบคนปัจจุบันเหลือเพียงสองคนที่เป็นเสาหลัก
ในขณะที่ขั้วอำนาจมากมายเกิดขึ้นมาและมีอิทธิพลไม่แพ้กัน



"ฉันจะไม่ส่งกองทหารอันมีค่าของฉันลงไปบนดาวนั่น และฉันก็ไม่เชื่อว่าเราจะได้ประโยชน์จากการล่าเจ้าช้างขนหรือเสือเขี้ยวยาวอะไรพวกนั้น"
Colonel ยืนยันจุดยืน แต่เธอก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้หรอกว่าดาวดวงนี้มีค่ามากในเชิงการศึกษา



"ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ" Bright นั่งแคะขี้หู ไม่มีทีท่าแยแส แต่ก็ไม่มีใครรู้ความคิดของเขา



"รัก... ไม่รัก... รัก... ไม่รัก..." BB เอาร่างไร้ชีวิตคล้ายผีดิบมาร่วมประชุม โดยมี Vios คอยเชิด เอ้ย คอยดูแลเขาไม่ห่าง
Vios ทำหน้าที่แทนเจ้าคนไม่ได้เรื่องนี่ เธอยืนยันว่าเธอจะไม่ส่งทหารลงไป และต่อต้านการรุกรานสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนั้นที่เราเรียกมันว่า 'โลก'



"เราควรใช้ดาวดวงนั้นเพื่อการศึกษาคับ เราจะศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ ๆ ของการวิวัฒนาการด้วยการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตบนดาวโลก"
"ผมคิดว่าเราจะคอยเฝ้าดูพวกเขาวิวัฒนาการได้อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นปี โดยใช้เทคโนโลยี Time Accelerator" พันแสงที่เสนอเรื่องนี้ออกมาสร้างความฮือฮาขึ้นทั่วทั้งที่ประชุม

Time Accelerator คือ ระบบแช่แข็งกาลอวกาศในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นวิทยาการที่ยาน Rexus สามารถทำได้
ทุกสิ่งทุกอย่างจะเดินไปอย่างเชื่องช้าในพื้นที่ศูนย์กลางของระบบ ซึ่งก็คือ Rexus ความเร็วของเวลา ณ ศูนย์กลางนั้นจะเกือบเป็น 0 แต่บริเวณโดยรอบห่างออกไป เวลาจะเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เป็นทวีคูณ
ระยะทำการของระบบนี้กินอาณาเขตกว้างขวางจากศูนย์กลางประมาณ 900 ล้านกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมระบบดาวแห่งนี้ที่มีดาวเคราะห์ทั้งสิ้น 6 ดวง โคจรรอบดาวฤกษ์ยักษ์


ด้วยวิทยาการนี้ เราจะเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของดาวโลกได้นานกว่า 5 แสนปี ในขณะที่เวลาบนยาน Rexus จะเดินไปด้วยความเร็วเพียง 1 ปี และระบบจะสิ้นพลังลง
แต่ความเห็นนี้ก็ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย เพราะการหยุดเวลาของ Rexus และเร่งเวลาให้กับระบบดาวนี้อาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาบนดาวพัฒนาการล้ำหน้าพวกเราชาว Rex
อย่างไรก็ตาม เสียงสนับสนุนกลับมีมากกว่า ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าจะกี่ร้อยล้านปีผู้ล่าก็ยังคงเป็นผู้ล่า และอีกส่วนหนึ่งที่เชื่อว่ามันจะเป็นการยกระดับให้กาแล็คซี่แห่งนี้ช่วยขับเคลื่อนยุคสมัยด้วย

Milky Way หรือทางช้างเผือก คือชื่อของกาแล็คซี่แห่งนี้

โครงการนี้ใช้ชื่อว่า 'Accel World' หรือ โลกที่หมุนอย่างรวดเร็ว

ชาว Rex ไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ Time Accelerator หรือรัศมีนอกตัวยาน Rexus 900 ล้านกิโลเมตร หากล่วงล้ำเข้าไปร่างกายจะถูกบิดดึงเอาจิตสำนึกออกไปและเสียชีวิตทันที
ด้วยเหตุนี้ การสำรวจดาวเคราะห์ทั้ง 6 ดวงจะคัดเลือกผู้เข้าสำรวจเพียงจำนวนหนึ่ง ด้วยการเชื่อมโยงจิตเข้ากับร่างกายเปล่า ๆ ที่สร้างขึ้นบนดาวดวงนั้น ส่วนร่างจริงจะยังคงอยู่บนยาน Rexus
(หลักการคล้ายกับในหนังเรื่อง Avatar)

และนี่คือจุดเริ่มต้นของการสำรวจดาวดวงนี้ ดาวที่ชื่อว่าโลก